เด็กหญิงไม่พูดอะไรอีกป้อมตระกูลยอร์กตั้งอยู่บนยอดเขา ทางด้านตะวันออกของประเทศพีชบลอสซั่มทันทีที่เจย์และคนอื่น ๆ มาถึงตีนเขา คนคุมก็ยื่นหัวออกมาจากห้องบัญชาการและโบกมือบอก “หันหลังกลับไปซะ รถเคเบิ้ลเสียวันนี้แล้วก็ยังไม่ได้ซ่อม ขึ้นไปไม่ได้”ดวงตาเหยี่ยวของเจย์มีแววหยัน เขาเดินไปหาคนคุมอย่างสง่า “รถเคเบิ้ลเสียเหรอครับ? งั้นก็ซ่อมเลยสิ”คนคุมมองเจย์อย่างไม่ไว้ใจ “คุณรีบเหรอไง?”เจย์พยักหน้า “คุณคิดว่าจะขึ้นไปทำอะไรกัน? มีแต่หน้าผาทั้งนั้น ถ้าเกิดอุบัติเหตุตกลงมาก็กลายเป็นเศษเนื้อเท่านั้นแหละ”เจย์จ้องคนคุมรถ “คุณดูเหมือนจะไม่อยากจะให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมสถานที่ธรรมชาตินี่เลยนะ”คนคุมยิ้มด้วยท่าทางรู้สึกผิด “พวกคุณตั้งหลายคนซื้อตั๋วขึ้นไปเที่ยวแบบนี้ มันก็ต้องดีกับคนในป้อมตระกูลยอร์กอยู่แล้ว ทำไมผมถึงจะไม่ยินดีล่ะ?”เจย์บอก “ข้อแรก คุณบอกว่ารถเคเบิ้ลเสีย ตอนนี้คุณก็พยายามใช้หลักจิตวิทยามาหว่านล้อมให้เรากลับไป ผมบอกเลยนะว่าอย่ามาทำเราเสียเวลา เรามีเหตุผลที่ต้องขึ้นไปแล้วเราก็ต้องขึ้นไปวันนี้ด้วย”คนคุมมองเจย์และบอกได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เขาดูเหมือนเป็นคนที่รับมือได้ยาก
เซย์นนั้นกลัวมากจนเขากอดโจเซฟินไว้แน่นพร้อมร้องโหยหวน “พระเจ้า เราต้องเละตุ้มเป๊ะแน่ถ้าเราร่วงลงไปจากตรงนี้และก็กลายเป็นผีเร่ร่อน”เจย์มองเซย์นอย่างรังเกียจ “พวกเขาไม่ปล่อยให้เราตายก่อนที่เราจะส่งข่าวให้นายท่านยอร์กหรอก”แองเจลีนคิดว่าเธอจะได้เจอร็อบบี้น้อยเร็ว ๆ นี้แล้วและก็ยินดีมาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง“ที่รัก อย่าลืมถามเรื่องร็อบบี้น้อยด้วยนะ” แองเจลีนเตือนเขาอย่างนุ่มนวล“ฉันรู้” เจย์ก็ใจกระวนกระวายเมื่อได้เห็นสายตามีความหวังของแองเจลีนแองเจลีนวางความหวังเรื่องของร็อบบี้น้อยทั้งหมดไว้ที่องค์กรโลกาวินาศเขากังวลว่าผลที่ได้อาจจะทำให้แองเจลีนต้องผิดหวังตอนที่พวกเขาอยู่ประเทศเอส ข้อมูลที่ได้มาจากเรย์ คอมราดก็ไม่อาจตรวจสอบได้อย่างละเอียดตอนนี้ในหัวของเขามีอยู่สองคำถามข้อแรก ปีศาจเป็นคนพาตัวร็อบบี้น้อยไปจริงไหม?ข้อสอง แล้วปีศาจเป็นคนขององค์กรโลกาวินาศหรือไม่?พวกเขาไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้เลย แต่ความต้องการที่จะหาร็อบบี้น้อยก็เร่งด่วนมาก แม้ว่าจะดูเกินเอื้อม แต่พวกเขาก็วาดหวังไว้สูงว่าจะคว้าไว้ได้นี่เป็นสิ่งที่พ่อแม่คนไหนในโลกก็ต้องทำแบบนี้เป็นอย่างที่เจย์ค
ผู้หญิงคนนั้นบีบเธอแน่นแองเจลีนโมโหเดือดจนเธอกระชากคือเสื้อหล่อนจนเปิดออก และเผยให้เห็นเนื้อหนังของหล่อน ผู้หญิงคนนั้นร้องออกมาทันใด “กรี๊ด”เจย์มองแองเจลีนรังแกคนอื่นด้วยสายตารักใคร่ผู้หญิงคนนั้นจ้องแองเจลีนอย่างมีโทสะ เมื่อเธอค้นตัวเชอร์ลีย์และโจเซฟิน เธอจึงไม่กล้าที่จะเล่นลูกไม้อีกแล้วนอกจากมือถือของพวกเขาที่โดนยึดไปแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรโดนเอาไปเมื่อการค้นตัวเสร็จเรียบร้อย ผู้หญิงคนนั้นก็พูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ตามฉันมา”จากนั้นเธอก็นำพวกเขาเดินไปตามถนนบนภูเขาที่ขรุขระและคดเคี้ยวขณะที่ไปได้ครึ่งทาง หล่อนก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งหมายเลขคนโทรเข้านั้นไม่ขึ้นชื่อ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะตื่นเต้นที่ได้เห็นคนที่โทรเข้ามา เสียงเธอเปลี่ยนเป็นโทนสูงทันที“คาร์ซีย์ ทำไมถึงได้นานนักกว่าคุณจะโทรมา?”“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว นายท่านอยากพูดกับเธอ”มีอีกเสียงหนึ่งดังเข้ามาปลายสาย และผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มตัวสั่นสะท้าน“นายท่านเหรอคะ?”“คนที่มาเป็นใครกัน?” เสียงเข้มของผู้ชายดังมาจากปลายสาย“พวกเขาเป็นชายสามคนและหญิงอีกสามคนค่ะ”“มีผู้หญิงตัวสูง ๆ ผอม ๆ ด้วยไหม? คนที่สวย ๆ แล้วก
เกรย์สันนั้นสุภาพอย่างยิ่งยวดเมื่อเขาพูดกับเชอร์ลีย์ “พี่ครับ ให้ผมอุ้มนะครับ”เชอร์ลีย์ยังคงอ่อนแออยู่ ดังนั้นเธอก็ไม่พยายามแสร้งทำว่าตัวเองแข็งแกร่ง เพราะฉะนั้นเธอจึงตกลงเซย์นร้องครางหงิง ๆ เมื่อได้เห็นเช่นนั้น แค่เดินเองเขาก็หอบแฮ่กแล้วแต่เขายังต้องมาคำนึงถึงศักดิ์ศรีตัวเองด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดกับโจเซฟินว่า “ที่รัก ให้ฉันอุ้มนะ”โจเซฟินเห็นหน้าเซย์นซีดเผือดไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่หนาวเย็นหรือว่าเพราะความอ่อนแอของเขา เธอจึงตอบว่า “ฉันเดินเองได้ แค่ไม่ต้องให้ฉันอุ้มนายก็พอ”เซย์นนั้นซาบซึ้งใจมาก “ชีวิตนี้ฉันได้แต่งงานกับผู้หญิงดี ๆ แบบนี้คงเพราะชาติที่แล้วฉันทำบุญมาเยอะแน่”เจย์นั้นชิงชังความทึ่มทื่อของเซย์นมากและสวนกลับไปทันที “ถ้าเป็นแบบนั้นการที่โจเซฟินต้องมาลงเอยกับนายก็คงเป็นเพราะชาติก่อนเธอทำบาปมามากแน่ ๆ”โจเซฟิน “...”เซย์น “...”เมื่อผู้นำทางหญิงได้พาพวกเขาลงมาที่ถนนบนเขาที่ค่อนข้างเรียบแล้ว พวกเขาก็มาถึงทางแยกที่ลงเขา ผู้นำทางได้หยุดก่อนที่จะหันมาถามว่า “ถนนทางซ้ายนี้ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าได้คร่าชีวิตคนไปถึง 382 คนแล้ว ส่วนทางขวาก็มีนักท่องเที่ยวตายไปประมาณ 283
สเปนเซอร์พูดอย่างมีโทสะ “คาร์สัน แกส่งมันกลับคืนมาทำไม?”คาร์สันเงียบถึงอย่างไรเขานั้นก็เป็นคนของโคล แล้วเขาจะหักหลังนายน้อยของเขาง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?สเปนเซอร์ถอนใจ “เฮ้อ หิมะก็ตกมานานแล้ว ไม่รู้ทองคำแท่งในห้องเก็บสมบัติของฉันจะขึ้นราหรือยัง? ครอบครัวฉันก็ไม่มีทายาท แล้วอนาคตใครจะมาดูแลทองพวกนี้ให้ฉันกันนะ?”ความทุ่มเทที่คาร์สันมีให้กับนายน้อยของเขานั้นไม่สามารถเอาชนะเงินทองที่ยั่วใจได้ เขารีบเปลี่ยนข้างและเอานิ้วมาจิ้มโคลก่อนบอกว่า “นายท่านครับ นายน้อยบอกว่าท่านน่ะมีคนรักมากมายในชีวิตนี้ และก็ทำให้บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายที่เคยคบหากับท่านต่างก็อกหัก ต้นกระบองเพชรนี้น่าจะเหมาะกับท่านมากกว่าเพราะว่ามันมีหนามเพียบ”โคลหน้าเคร่งมองคาร์สันด้วยดวงตาเปี่ยมโทสะจากด้านหลัง เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “แก ไอ้คนเฮงซวย เงินสำคัญกับแกมากหรือไง? ทำไมแกถึงได้ทำงานไม่มีความเป็นมืออาชีพขนาดนี้?”คาร์สันรีบไปแอบอยู่หลังประมุขของตระกูล เมื่อมีสเปนเซอร์คอยหนุนหลังคาร์สันก็ยิ่งได้ใจ“ผมเห็นด้วยกับคุณทุกอย่างครับนายน้อย แต่ว่าผมก็แค่เข้าข้างนายท่านเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับการหาภรรยาของคุณ มุมมองทางด้านคว
สเปนเซอร์กระเด้งตัวจากเก้าอี้เอนหลังอย่างกระฉับกระเฉงราวกับได้เจอทอง“ลูกสะใภ้ฉันขึ้นเขามาเหรอ เร็วเข้าไปปิดค่ายกลให้หมด”คนให้ห้องโถงทั้งหมดต่างก็พากันอึ้งไปหนึ่งในผู้หญิงของเขาเอ่ยเตือนขึ้นมาว่า “นายท่านคะ ท่านจะปิดค่ายกลทั้งหมดได้ยังไงคะ? หากว่ามีคนร้ายฉวยโอกาสเข้ามาล่ะ?”ความหวาดกลัวความตายของสเปนเซอร์หายไปล้ว “พวกยอร์กเรามีตั้ง 108 ป้อม แต่เราจะกลัวแค่นักท่องเที่ยวไม่กี่คนเหรอ? หากว่าเรื่องนี้หลุดออกไปคนจะมองเรายังไง?”อนุของเขาพลันเงียบไปช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายท่านได้พยายามบังคับให้นายน้อยแต่งงานแล้วก็มีทายาม แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว หากว่ามีผู้หญิงที่ทำให้นายน้อยปลงใจได้ นายท่านก็ต้องปฏิบัติต่อเธอเหมือนผู้มีพระคุณแน่นอนสเปนเซอร์ปิดตัวกั้นถนนที่เข้ามาในภูเขาและโคลก็เร่งออกไปข้างนอกสเปนเซอร์จะพลาดวันสำคัญของลูกชายไปได้อย่างไรกัน? เขารีบรวบรวมคนและสั่งการพวกเขา “ไปเตรียมแตรและเครื่องเป่ามาเล่นต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้ของป้อมตระกูลยอร์กด้วย”“ครับ”เวลาเดียวกัน เจย์ก็เลือกที่จะเดินไปถนนด้านซ้าย แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าถนนเส้นนี้ท้าทายและอันตรายมากกว่าเซย์นและโจเซฟินที่เดิน
เจย์มองเซย์น แม้ว่าเสียงของหมอนี่จะโดนแปลงไป แต่เขาก็ยังสติแตกเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่เหมือนเดิม หากว่ามองดูเซย์นอย่างตั้งใจแล้วก็จะรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาเขายังคงกดดันเซย์นต่อ “ถ้านายไม่อยากตาย ก็หุบปากซะ”ประโยคนี้เหมือนคำศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เซย์นหุบปากฉับไม่นานปาฏิหาริย์ก็บังเกิดเหมือนกับว่ามีนางฟ้ามาเสกมนตร์ให้กับถนนบนเขานี้ จู่ ๆ พื้นถนนก็ราบเรียบ หิมะหนาก็ราวกับว่าโดนกวาดออกไปจนหมดเผยให้เห็นต้นไม้สีเขียวสดเซย์นพูดด้วยความกลัวที่ยังมีอยู่ในใจ “คนที่รอดจากวิกฤติรอบนี้ไปได้ จากนี้ต้องโชคดีแน่”ทั้งโจเซฟีนและพี่เชอร์ลีย์ต่างก็แสดงท่าทางยินดีที่รอดพ้นหายนะมาได้ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์จู่ ๆ ก็เย็นชายิ่งกว่าหิมะที่อยู่รายรอบ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้ค่ายกลนั้นโดนปิดก็เป็นเพราะว่าแองเจลีนใช้ชื่อของตัวเองเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเขานึกด่าโคลในใจ ‘ไอ้หนอนสวะ’แองเจลีนคิดบางอย่างได้และรีบบอกเจย์ “ที่รักคะ พอเราเข้าไปที่ป้อมแล้ว คุณต้องไม่เปิดเผยตัวตนนะ ถ้าเราจำเป็นต้องทำก็ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ฉันคิดว่าโคล ยอร์กคงไม่สร้างปัญหาให้ฉันหรอก”ขณะที่เจย์กำลังจะเอ่ยขัด แองเจลีนก็บอกว่า “ถ้าไม่อด
ดวงตาที่ก่อนนี้แฝงความรักใคร่แฝงไว้ด้วยความระแวดระวังและความเป็นศัตรู “แกต้องแน่ใจนะโคล อย่าพาพวกศัตรูเข้าบ้านเรา”ตอนนี้เจย์และคนที่เหลือต่างก็อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วโคลจ้องหน้าแต่ละคนอย่างพินิจพิเคราะห์และไม่เห็นคนที่เขามองหา เขารู้สึกว่าความหวังที่มีพลันหายไปและแสงระยิบระยับในดวงตาเขาก็จางหายไป“แองเจลีนอยู่ไหน?” ตอนนี้เขาห่อเหี่ยวมาก เสียงที่เคยกระตือรือร้นก็หดหู่ทันใดแองเจลีนพูดเบา ๆ “ฉันแองเจิล ลินน์ค่ะ” เธอเปลี่ยนแปลงเสียงของเธอโคลยังคงจ้องแองเจลีนไม่วางตา…แม้ว่าจะปลอมตัวแต่แองเจลีนก็ยังคงมีรูปหน้าที่งดงามไว้อยู่ แต่ว่าหน้าของเธอก็ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิดโคลจำแองเจลีนไม่ได้และรู้สึกว่าโดนหลอก เขาโมโหปรี๊ดทันที “เธอบอกว่าตัวเองชื่อแองเจลีนเหรอ?”แองเจลีนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว “ค่ะ ใช่ค่ะ”“เธอกล้าโกหกฉันเหรอ?” โคลโมโหเดือดแองเจลีนพูดทั้งน้ำตา “คุณคะ ฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ ฉันชื่อแองเจิล ลินน์ แ-อ-ง-เ-จ-ิ-ล-ลิ-น-น์”พอได้ฟังคำอธิบายจากแองเจลีน ใบหน้าหล่อเหลาของโคลก็เปลี่ยนเป็นเขียวและพลันซีดเผือดทันทีสเปนเซอร์กลั้นหัวเราะต่อไปไม่ไหวเมื่อเขาได้เห็นสีหน้าของลูกชาย “ฮ่าฮ่าฮ