หลังจากที่คุณท่านเซเวียร์หายจากความตกใจ เขาก็รู้สึกขุ่นเคืองเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ทะเยอทะยานของคุณนายเซเวียร์ “ฉันรู้ว่าพวกแกรักแองเจลีน และก็ไม่อยากให้เธอป่วย แต่แกต้องเข้าใจว่าวิถีชีวิตที่แกอยากเลือกให้แองเจลีนนั้นอาจจะไม่ใช่ทางที่เธอชอบ คนเราจะมีชีวิตเพื่ออยู่ไปวัน ๆ แค่นั้นเหรอ?“แองเจลีนไม่ใช่คนที่ยอมพ่ายแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ เชื่อฉันเถอะ เธอจะต้องกลับมายืนได้อีกครั้ง ฉันเองก็กลับมายืนได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ?” คุณท่านเซเวียร์กล่าวคุณนายเซเวียร์กล่าวแย้งคุณท่านเซเวียร์เป็นครั้งแรก “คุณพ่อคะ คุณพ่อไม่ใช่แองเจลีน เพราะอย่างนั้นคุณพ่อคงไม่รู้ถึงความเจ็บปวดของเธอหรอกค่ะ แองเจลีนเป็นเด็กสาวแสนวิเศษ เธอมีคุณค่าและความงาม การที่ต้องมาป่วยตอนที่อายุเพียงเท่านี้ต้องเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับเธอ คุณพ่อกลับมายืนได้เพราะว่าแองเจลีนสร้างเซเวียร์ กรุ๊ปขึ้นมา ทำให้คุณพ่อเห็นว่ายังมีความหวัง แต่ตอนนี้แองเจลีนยังมีความหวังอะไรอีกคะ?”คุณท่านเซเวียร์เงียบงันเซย์นพูดด้วยเสียงสะอื้น “ตอนนี้แกรนด์ เอเซียเจอปัญหาสาหัส นายท่านอาเรสก็ไม่เข้าใจน้องสาว ภาระความกดดันทั้งหลายที่น้องต้องแบกไว้บนบ่าขน
ที่สนามฝึกร่างสมบูรณ์แบบของเจนสันยืนตรงตระหง่านขณะที่เขารออยู่อย่างเงียบ ๆ ให้บรรดาครูและนักเรียนมาถึงแดน คัลเลนแหวกฝ่ากลุ่มนักเรียนเข้ามาในสนามฝึกซ้อม เมื่อเขาเห็นเจนสันยืนอยู่บนเวทีประลองเขาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น“ลูกพี่อยากจะยื่นขอจบสำหรับเดือนนี้ ไหน ๆ เราก็ยกให้เขาเป็นลูกพี่แล้ว พวกเราก็ควรจะช่วยเขา”“แล้วเราจะทำยังไง?” นักเรียนคนอื่นถาม“ไม่เห็นต้องถาม เราก็จะยอมไม่สอบรอบนี้ลูกพี่จะได้ไม่ต้องเจอปัญหามาก แบบนั้นเขาจะได้เหลือแรงไว้สู้กับพวกครู” แดนตอบไม่นานครูคอร์นีเลียสก็เข้ามาในสนามฝึกด้วยย่างก้าวที่หนักแน่นพร้อมไขว้มือไว้ด้านหลังจังหวะนั้นเอง สนามฝึกก็พลันเงียบสงบครูคอร์นีเลียสมองบรรดาเด็กนักเรียนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้ชมและถามอย่างสงสัย “ทำไมไม่ไปสู้กันล่ะ?”พวกนักเรียนนั้นกระตือรือร้นเพราะฉะนั้นพวกเขาน่าจะอยากฉวยโอกาสนี้ไปประลองกับนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อที่จะพัฒนาทักษะการต่อสู้ของตนบรรดานักเรียนต่างหัวเราะแหะ ๆ พร้อมส่ายหน้า พวกเขาโกหกและบอกว่า "ครูครับ เจนสันน่ะปีศาจชัด ๆ เทคนิคของเขาแข็งแกร่งเกินไป พวกเราจะไปชนะเขาได้ยังไง? เราเลยไม่ขึ้นไปให้ขายหน
”นายแพ้แน่เลย”“เราควรจะไปจากที่นี่ไหม? ถ้านายแพ้คงน่าอายมากเลยลูกพี่ ยอมให้ครูชนะรอบนี้ไปแล้วเราก็ถอยเถอะ ดีไหม?”แต่ตอนนั้นเองครูคอร์นีเลียสก็เตะเจนสันกระเด็นจากเวที ถ้าไม่เพราะว่ามีเชือกคอยรับอยู่เจนสันก็คงจะตกลงกระแทกพื้นไปแล้วซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะแพ้เพื่อนร่วมห้องต่างก็มองเจนสันที่ตกลงมาต่อหน้าอย่างกระอักกระอ่วนและปลอบเขา “เจนส์ ถ้านายแพ้ก็ไม่เป็นไรหรอก ยังไงนายก็ยังเป็นลูกพี่ของเรา”“ใช่ นายจะเป็นหัวหน้าของเราไปตลอดชีวิต”ใบหน้าหล่อเหลาของเจนสันฉายแววมุ่งมั่น จากนั้นเขาก็บอกว่า “ใครบอกว่าฉันจะแพ้?”ตอนนั้นเอง เขาก็ดึงเชือกอย่างแรงแล้วปาฏิหาริย์ก็เผยให้เห็นเชือกทุกเส้นบนเวทีประลองสั่นไหว ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ ชั่วพริบตาครูคอร์นีเลียสก็ถูกเชือกมัดแน่นเหมือนไก่ย่างแถมลอยค้างอยู่กลางอากาศเจนสันเด้งตัวกลับเข้าสังเวียนอย่างรวดเร็วด้วยเชือกที่เคลื่อนที่พวกนั้นบรรดาผู้ชมต่างก็ตะลึงอ้าปากค้างไม่กี่วินาทีต่อมาเสียงปรบมือก็ดังกึกก้อง“ลูกพี่ชนะแล้ว”“ลูกพี่วางแผนขุดกับดักจับครูคอร์นีเลียส ขนาดคนที่เคยผ่านสังเวียนมาก่อนยังคิดไม่ถึงว่าลูกพี่จะใช้เชือกของเวทีมาใช้ให้
”ผมจะเอาตำรากลับไปคืนให้เธอสภาพเดิม…”ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ครูคอร์นีเลียสก็ปฏิเสธและบอกว่า “ตำราลับที่รั่วไหลไปแล้วก็ไม่ถือว่าเป็นตำราลับของตระกูลคอร์นีเลียสอีกต่อไป เอาไปเถอะ แบบนั้นอย่างน้อยการโดนโบยร้อยครั้งที่วิทนีย์ต้องรับก็ไม่ต้องเสียเปล่า”เจนสันรู้สึกผิดเขาพูดพึมพำ “ผมเองที่เป็นคนผิด”ครูคอร์นีเลียสพูดต่อ “เธอขอให้ฉันบอกด้วยว่าถ้าอนาคตวิทนีย์ไปอยู่ข้างกายเธอไม่ได้ เธอก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย”เจนสันพยักหน้าตอบเงียบ ๆ “ตกลงครับ”เจนสันได้รับใบประกาศนียบัตรจบการศึกษาจากสถาบันเยาวชนแห่งตำนานและเร่งไปที่สนามบินบรรดานักเรียนพากันมายืนตั้งแถวอยู่ริมถนนหน้าทางเข้าสนามบิน เจนสันขึ้นเครื่องซึ่งเป็นการเดินทางชนิดเดียวระหว่างสถาบันเยาวชนแห่งตำนานและโลกภายนอกด้วยการที่มีเพื่อนร่วมชั้นมาคอยส่ง“ลาก่อนลูกพี่” แดนและเพื่อนร่วมชั้นต่างก็โบกมือลาเขาเจนสันยืนที่หน้าต่างของเครื่องบินและมองกลับไปที่สถาบันเขามองเห็นที่นี่เป็นเพียงที่หลบภัยชั่วคราวมาตลอด แต่ตอนนี้มันกลับมีความรู้สึกโหยหาอย่างที่อธิบายไม่ได้บางทีนี่อาจจะเป็นอย่างที่คนพูดกันว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ความรู้ส
นายท่านเซเวียร์แค่นเสียงเยาะอย่างเย็นชาก่อนที่จะหันหลังเดินหนีไปแอนลากกระเป๋าเดินทางและจากไปอย่างแน่วแน่ที่เบล เอนเตอร์ไพรส์ ในเมืองอิมพีเรียลเมื่อแอนมาที่คฤหาสน์ของตระกูลเบลและได้เห็นบรรยากาศของที่นี่ เธอก็คิดถึงเรื่องที่ว่าเซร่านั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเบล และทำให้เธอภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อยในฐานะที่เป็นแม่บุญธรรมของเซร่าคนรับใช้ตระกูลเบลพาเธอตรงเข้าไปหาเซร่าที่มองแอนอย่างขุ่นเคือง“ทำไมแม่ถึงมาตามหาหนูคะ?” เซร่าถามแม้ว่าเธอจะรู้เหตุผลเป็นอย่างดีใบหน้าที่แม้จะมีอายุแต่ก็ยังทรงเสน่ห์ของแอนฝืนแค่นรอยยิ้มกระอักกระอ่วน แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะ ต่อมาแอนพยายามที่จะประจบเซร่าด้วยการบอกว่า “เซร่า แม่มาหาวันนี้เพราะว่ามีข่าวดีมาบอกลูกไงล่ะ”เซร่ามองเธออย่างไม่วางใจ “บอกมาสิคะ”“แองเจลีนอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว” แอนพูดต่อ “เธอดูแลตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี่เธอได้แต่ขดตัวอยู่บนเตียงทั้งวัน ไม่คุยกับใครแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย ในความเห็นแม่ ตอนนี้แองเจลีนน่าจะเป็นอัมพาตอย่างสมบูรณ์และเสียการรับรู้อื่น ๆ ไปแล้วด้วย”เซร่ายินดีอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “จริงเหรอคะ?”แอนพูดสวน “แล
หลังจากที่มาริลินจากเจย์มา เธอก็ย้ายมาอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูขนาดกะทัดรัดที่แองเจลีนมอบให้ ชื่อว่าเซาเทิร์น เมมมัวร์จู่ ๆ เจย์ก็โผล่มาเยี่ยมโดยไม่บอกกล่าว ทำให้มาริลินอึ้งไปเมื่อเธอได้เห็นเขา“เบน…” เมื่อเธอเอ่ยชื่อนั้นออกมาก็จำได้ทันทีว่าเขาได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเป็นเรียกเขาอย่างนอบน้อม “นายท่านอาเรส ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้คะ?”เจย์ยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์แต่เมื่อเขาพูดกับเธอน้ำเสียงก็ดูกล้ำกลืน “มาริลิน พาผมไปตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุหน่อย”มาริลินงงงันแต่เธอก็พยักหน้า “ได้ค่ะ”เธออุ้มไทเกอร์และเดินลงมาด้านล่างกับเจย์หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เจย์และมาริลินก็มาถึงที่อสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีนอสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีนที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่ตอนนี้กลับเหลือเพียงเถ้าธุลี ตัวอาคารที่สร้างใหม่นั้นคืบหน้าช้ายิ่งกว่าเต่าคลาน แม้จะผ่านไปสามปีแล้วแต่รากฐานอาคารของทัวร์มาลีนก็ยังเผยให้เห็นเจย์มองมาริลินอย่างไม่ไว้ใจ “คุณเจอผมบาดเจ็บอยู่ที่นี่เหรอ?”มาริลินส่ายหน้า “วันนั้นฉันผ่านไปที่อสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีนของตระกูลอาเรสแล้วจำได้ว่ากำลังขับรถกระบะไปทางด้านใต้ผ่าน
ตอนนั้นเองจู่ ๆ ไทเกอร์ก็ร้องไห้ขึ้นมา “แม่จ๋า ผมอยากลงรถแล้ว ปล่อยผมลงนะ”มาริลินมักจะไม่ค่อยมีความอดทนที่จะรับมือกับลูกของตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยแล้ว เธอฟาดหัวเขาแล้วก็ด่า “แกจะร้องไห้ทำไมเนี่ย? แกห้ามร้องไห้นะ”ไทเกอร์กลิ้งตัวออกจากอ้อมแขนเธอแล้วเข้าไปหาเจย์ “พ่อจ๋า”มาริลินหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เจย์นั้นไม่ใช่เบนผู้ที่อ่อนโยนใจดีที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้ด้วยว่าไทเกอร์ไม่ใช่ลูกของตน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องใจดีกับเด็กชายซึ่งก็เป็นอย่างที่คาด เจย์ตอบเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “กลับไปหาแม่ซะไป”ไทเกอร์หวาดกลัวเมื่อได้เย็นเสียงเย็นชาของเขา แล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเสียงร้องไห้จ้าของไทเกอร์ดังก้องไปทั่วรถ แล้วก็ทำให้ทุกคนที่โดยสารมาหงุดหงิดจู่ ๆ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ดึงไทเกอร์ไปหา “มานี่เถอะ พี่ชายจะเล่นกับนายเอง”จากนั้นเขาก็ดึงนาฬิกาพกออกมาจากหน้าอกแล้วก็แกว่งไปมาหน้าไทเกอร์ ไม่นานไทเกอร์ก็เคลิ้มหลับไปเพราะการสะกดจิตของเด็กหนุ่มกลวิธีของเด็กหนุ่มคนนั้นทำให้เซร่าถึงกับตกใจจนพูดไม่ออกเซร่าถามออกมาทันที “นายเป็นใครกันแน่?”
เจย์อึ้งมองเด็กหนุ่มด้วยสายตางงงันเด็กหนุ่มตอบว่า “เรื่องมันสะเทือนใจน่ะครับ”เจย์หลุบตาลง ‘เขาก็แค่หวั่นไหวกับเรื่องนี่เอง’เหตุการณ์อุบัติเหตุของเขาก็เกิดขึ้นผ่านไปกว่าสามปีแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงแทบไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่แต่เจย์ก็ยังมุ่งมั่นที่จะค้นหาบริเวณที่มาริลินชี้บอก เพราะหวังว่าอาจจะยังได้เจออะไรที่ไม่คาดฝันบริเวณนั้นเป็นเขาแห้งแล้วและมีโขดหินอยู่ทั่วยกเว้นถนนที่ตัดผ่าน ตรงจุดนั้นก็มีทั้งพุ่มไม้ กอหนาม ต้นไม้แล้วกอไม้น้อยใหญ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ การที่หาเศษซากที่ยังหลงเหลือจากเรื่องเมื่อสามปีก่อนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆและท้ายที่สุดความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่นเด็กหนุ่มเป็นคนเดินไปเหยียบเจอสร้อยคอในพงหญ้า… สร้อยคอรูปกะโหลกเขาชูสร้อยคอขึ้นขณะที่เซร่าแค่นเสียงเยาะ “เจ้านั่นดูเหมือนของที่ขายอยู่ตามถนนเลย คนอย่างนายท่านอาเรสไม่มีทางใส่ของที่ดูเด็ก ๆ แล้วก็ราคาถูกแบบนั้นหรอก”เด็กหนุ่มกำสร้อยไว้ในมือแน่น “ผมชอบมันนะ”เจย์อึ้งไป แต่เขาก็ไม่เห็นว่าสร้อยคอรูปกะโหลกนี้จะเกี่ยวข้องอะไรกับเขา ดังนั้นคำตอบที่เขามีทันใดก็คือการยกให้เด็กหนุ่ม “ถ้าเธอชอบก็เอาไปเ