ทันทีที่เจย์ได้รับแจ้ง เขาก็เปิดหน้าหลักของโรงพยาบาลแกรนด์เอเชียเมื่อเขาเห็นความท้าทายอันน่าเร้าใจ ใบหน้าของเขาดูเหมือนจะฆ่าคนได้เลย“มาสเตอร์ร็อบบี้?” เจย์หรี่ตาและเม้มริมฝีปากของเขาให้บางลงอย่างอันตราย "ฮิฮิ ฉันใจดีเกินไปหรือเปล่า? จึงทำให้คนบางคนไม่กลัวที่จะขุดหลุมฝังศพตัวเองใช่ไหม?"อุณหภูมิในห้องดูเหมือนจะต่ำลงกว่าศูนย์องศาและทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ ทุกคนกลัวว่าพวกเขาจะตกเป็นเหยื่อคนต่อไปของความโกรธแค้นของประธาน‘ใจดีเกินไปใช่ไหม? ใคร คุณอาเรสน่ะเหรอ?’ เกรย์สันคิดอยู่ในหัวของเขาคนเดียว ‘ทุกคนยอมรับว่าเขาคือราชาแห่งนรกที่กลับชาติมาเกิด คงไม่มีใครกล้าแตะเส้นผมของเขาแม้แต่เส้นเดียว!’แน่นอนว่ายกเว้นโรสที่อยากรู้อยากเห็นพลังของเจย์ การจ้องมองอันเยือกเย็นที่รู้สึกได้ระหว่างเกรย์สันและจอภาพ "นายหาหรือยังว่ามาสเตอร์ร็อบบี้คนนี้คือใคร?"เกรย์สันก้มศีรษะลง เขากล่าวอย่างขายหน้าว่า "แผนกเครือข่ายของเราได้ส่งแฮกเกอร์ที่ดีที่สุดของเราไป แต่เราไม่สามารถผ่านไฟร์วอลล์ของแฮ็กเกอร์ได้ ขณะนี้เรายังไม่พบข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับมาสเตอร์ร็อบบี้คนนี้ครับ"ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์มืดลง เขาพูดอย่างเย็นชา
ชุมชนเจิดจรัสเมื่อโรสได้รับสายโทรศัพท์จากโรงพยาบาลแกรนด์เอเชียอย่างกะทันหัน เธอหวาดกลัวทันทีว่าโรงพยาบาลจะปฏิเสธที่จะรักษาแม่ที่ป่วยหนักของเธอ"คุณโรส เรามียินดีที่จะแจ้งให้คุณทราบว่าใบสมัครที่คุณได้ส่งไปยังโรงพยาบาลของเราเมื่อวานนี้ได้รับการยอมรับแล้ว เนื่องจากกรณีของแม่ของคุณมีลักษณะพิเศษทางโรงพยาบาลจึงได้ยกเว้นให้เธอได้รับรักษาตัวในโรงพยาบาลแกรนด์เอเชีย เราได้ย้ายผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลไว้ล่วงหน้าแล้ว กรุณาจ่ายค่ารักษาในโรงพยาบาลสามแสนหยวนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ค่ะ"โรสนิ่งอึ้งไปเมื่อเธอไปที่แกรนด์เอเชียเพื่อยื่นใบสมัครให้แม่ของเธอเข้ารับการรักษามื่อวานนี้ เธอถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าใจหลายประการ อย่างไรก็ตามจากนั้นแกรนด์เอเชียได้ย้ายแม่ของเธอไปโรงพยาบาลอย่างน่าอัศจรรย์ในวันนั้นเองโดยไม่ได้แจ้งให้เธอทราบมีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น—เจย์มีส่วนร่วม โรสต่อว่าไปที่ปลายสายทันทีด้วยความโกรธ "ใครให้คุณอนุญาตให้ย้ายแม่ของฉันไปโรงพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต คุณควรพาแม่ของฉันกลับไปยังที่ที่เธอย้ายมาดีกว่าไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องร้อง"ทันใดนั้นเสียงเย็นชาก็ดังมาจากปลายสายของอี
ในขณะที่เขาพูดประตูก็ถูกผลักเปิดออกและเลขาสาวสวยผู้น่าดึงดูดก็โผล่หน้าเข้ามาเลขากล่าวด้วยความเคารพว่า "ท่านอาเรส มีผู้หญิงหน้าตาสวยมาหาคุณที่นี่ค่ะ" เธอดูเหมือนตื่นเต้นและซุบซิบเกรย์สันบอกเธอว่า "คุณไม่รู้หรือไงว่าที่ทำงานของทานอาเรสห้ามผู้หญิงเข้าโดยพลการ ส่งเธอออกไป"เจย์สงสัยอยู่ชั่วขณะว่านั่นเป็นผู้หญิงที่ถูกสาป โรส หรือเปล่า อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินเลขาอธิบายว่าผู้หญิงคนนี้สวยเขาก็เลิกคิดธรรมดาไร้รูปร่าง โรสกับสไตล์อันล้าสมัยของเธอไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำนั้นเลขาปิดประตูและกลับไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ เธอพูดอย่างเคร่งขรึม "ต้องขอโทษด้วยค่ะ ท่านอาเรสไม่รับแขกตอนนี้"โรสม้วนผมหยิกสีน้ำตาลของเธอและหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธ จากนั้นเธอก็พูดแบบขำ ๆ ว่า "ท่านประธานของคุณเชิญฉันมาเอง หมายความว่ายังไงจะให้ฉันกลับไป? ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันไปแล้วและยอมจำนนทำไมเขาถึงปฏิบัติกับฉันเหมือนฉันไม่ใช่มนุษย์?"เลขาตกตะลึง ตลอดหลายปีที่ทำงานในแกรนด์เอเชียมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคนดูถูกท่านอาเรสอย่างกล้าหาญเจย์และเกรย์สันเดินออกจากห้องทำงานและมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ ระหว่างทางพวกเข
ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม โรสคงไม่กล้าระบุตัวตนกับเจนสัน การได้เห็นเขานั้นเป็นพรที่เธอรู้สึกขอบคุณ"ฉันยอมรับ!" โรสกล่าวอย่างแน่วแน่เสียงดังและชัดเจนขณะที่เธอจ้องเข้าไปในดวงตาที่เป็นปฏิปักษ์ของเจย์สายตาของเธอจ้องมองไปที่ปากกาในมือของเจย์ แต่เจย์ก็จับมันแน่นราวกับว่าเขาไม่อยากจะให้เธอยืมมันเลยโรสเปิดกระเป๋าถือหนังที่ละเอียดละออของเธอเพื่อหาปากกาเซ็นสัญญาเจย์เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดขณะที่โรสหยิบของในกระเป๋าออกมาทีละชิ้นแล้ววางไว้บนโต๊ะทำงาน ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ตกลงไปที่ขวดเครื่องสำอางใสและเขาก็ขมวดคิ้วมองของเหลวที่มีฟองผิดปกติอยู่ข้างในนั้น‘สเปรย์พริกไทย?'ในที่สุดโรสก็รู้สึกได้ถึงปากกาที่ก้นกระเป๋าและใส่ของทั้งหมดกลับเข้าไปทีละชิ้น เมื่อเธอหยิบสเปรย์พริกไทยขึ้นมาเธอก็เห็นเจย์เย้ยหยัน“ฉันคิดว่ามีแต่ผู้หญิงที่สวยไร้สมองที่บอบบางเท่านั้นแหล่ะที่พกของแบบนั้น ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงทุกคนเป็นเจ้าของมัน!” เจย์หัวเราะเยาะโรสไม่โกรธ แต่ยิ้มแทน "ฉันไม่ค่อยได้เอามันออกไป มันขึ้นอยู่กับว่าฉันไปที่ไหนและเจอใคร"รอยแตกปรากฏบนใบหน้าเย็นชาของเจย์ ‘เธอกล้าปากดีกับฉันเหรอ?’"เซ็นสัญญาซะ แล้วออกไปจากที่
โรสวางของขวัญเลโก้ลงบนโต๊ะตรงหน้าเจนสันและแกะกล่องออกอย่างคล่องแคล่ว เธอพยายามที่จะทำลายภูเขาน้ำแข็งกับเจนสัน ในขณะที่เธอหยิบชิ้นส่วนข้างในออกมาและเริ่มประกอบชิ้นส่วนเลโก้“เจนสัน มาแข่งกันไหม? ว่าใครจะสร้างได้เร็วกว่ากัน”เจย์เดินขึ้นไปชั้นบนและได้ยินการท้าทายที่มากเกินไปของโรสที่มีต่อเจนสัน เสียงเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของเขาเจย์ได้สอนเจนสันถึงวิธีการเขียนโปรแกรมเป็นการส่วนตัว การประกอบโมเดลเลโก้ที่ซับซ้อนที่สุดก็เป็นเเค่เรื่องกล้วย ๆ สำหรับเขา‘ผู้หญิงที่ไร้การศึกษาอย่างโรสอาจไม่เคยได้ยินเรื่องการเขียนโปรแกรมด้วยซ้ำ เธอไร้เดียงสาจริง ๆ หรือที่คิดว่าเธอจะสามารถรวบรวมโมเดลแบทแมนได้?เจนสันไม่ได้ให้คำตอบในทันทีเขาคว้าเลโก้จากมือของโรสอย่างเงียบ ๆ มองไปที่นาฬิกาบนผนังและเริ่มประกอบเข้าด้วยกันโรสดูแปลกใจ ‘เจนสันตกลงแข่งกับฉันหรือเปล่านะ?’สิ่งที่ตามมาคือการสร้างเลโก้อันยาวนาน!เจย์เปลี่ยนชุดทำงานแล้วลงไปชั้นล่าง เขาเห็นทั้งสองคนดูสงบและสามัคคีกันมากเจนสันกำลังประกอบเลโก้ของเขาในขณะที่โรสนั่งข้าง ๆ เขาดูเขาอย่างเงียบ ๆมุมปากของเจย์โค้งลงอย่างเยาะเย้ย เขาแทบจะคาดเดาได้ว่าจะเกิ
“เด็ก ๆ ไม่ควรสบถ” โรสตำหนิเจนสันอย่างติเตือนเจนสันจ้องมองเธอและเดินขึ้นไปชั้นบนล็อคประตูห้องของเขาข้างหลังเขาโรสจ้องไปที่ประตูที่ปิดอยู่และถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ‘ฉันจะทำอย่างไรกับเจนสันดี?’เขาเป็นลูกที่เธอเป็นติดค้างมากที่สุดเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรเพื่อชดเชยความรักของมารดาที่เขาถูกปฏิเสธมาหลายปีเธอเหลือบมองนาฬิกาและตระหนักว่ามันกำลังจะสายแล้วโรสเดินไปที่ห้องครัวและตัดสินใจที่จะปรุงอาหารกลางวันแสนอร่อยให้กับเจนสันตู้เย็นเต็มไปด้วยส่วนผสมต่าง ๆ แต่โรสไม่รู้ว่าเจนสันต้องการอะไร ในขณะนั้นเธอไม่เคยรู้สึกเสียใจกับเจนสันมากขึ้น—เธอล้มเหลวในฐานะแม่ของเขาในตอนสุดท้ายเธอทำอาหารสองสามอย่างที่ร็อบบี้น้อยน่าจะชอบ ‘เนื่องจากร็อบบี้น้อยและเจนสันมียีนที่เหมือนกันพวกเขาอาจมีสัมผัสรสชขาติที่เหมือนกันก็ได้!’ เธอคิดอย่างมีความหวังโรสเตรียมอาหารคาวประกอบด้วยซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เนื้อตุ๋นน้ำแดง“มดไต่ต้นไม้” บะหมี่มันเทศหมูสามชั้นและซุปไข่ใส่สาหร่ายโดยทั่วไปอาหารเหล่านี้ทำในบ้านที่ต่ำต้อยโดยปกติแล้วครัวเรือนที่มีฐานะร่ำรวยเช่นตระกูลอาเรสจะไม่ค่อยมีอาหารประเภทนี้ให้กับพวกเขา
ปีนั้นเธออายุสิบขวบเธอเดินทางไปกับคุณปู่จากเมืองนางแอ่นไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิเพื่อไปเยี่ยมดีแลน อาเรส เพื่อนที่ดีของเขาในตอนนั้นเจย์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลในเมืองหลวงจักรพรรดิอยู่แล้ว เขาเป็นแฮ็กเกอร์ที่น่าทึ่ง งดงามและมีชื่อเสียงระดับโลกเมื่อพบกันครั้งแรกเขาทำเหมือนว่าเธอเป็นแค่ญาติห่าง ๆ คนนอก กลัวว่าเด็กผู้หญิงจะรบกวนเขาตอนที่เขาเรียน เขาขุดเลโก้เก่า ๆ หลายกล่องวางลงตรงหน้าเธอแล้วประกาศว่า "ของเล่นพวกนี้น่าจะอยู่กับเธอได้ในวันนี้ ฉันหวังว่าเธอจะไม่รบกวนฉันนะ"อย่างไรก็ตามเธอทำเสร็จในเวลาไม่นานและเมื่อเธอรีบวิ่งกลับไปหาเขาพร้อมกับเลโก้ ทีประกอบเข้าด้วยกัน เจย์ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ‘สาวน้อยคนนี้สร้างเลโก้ได้เร็วเท่าฉันเหรอเนี่ย?’เขาไม่สามารถขัดขวางไสายตาของเขาไม่ให้จับจ้องไปที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีพรสวรรค์คนนั้นได้ ด้วยรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และบอบบาง เธอดูเหมือนจิตวิญญาณในโลกอื่นด้วยดวงตาแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่เต็มไปด้วยแสงคู่นั้นของเธอที่ใสราวกับน้ำทะเล เธอมองไปที่เจย์และวิงวอนอย่างน่าสงสาร "พี่ใหญ่ พี่เล่นกับฉันได้ไหม?"เจย์รู้สึกถึงความรักของเขาที่มีต่อเธอเป็
ในเวลาตอนเย็น เจย์กลับมาโรสนั่งบนโซฟาใบหน้าบวมและจมูกเขียวในขณะที่เธอถือหนังสือบทกวีไว้ในมือ มีผ้ากอซหนาพันรอบมือขวาของเธอ เธอจ้องมองเจย์อย่างขมขื่น“ดูเหมือนว่าคุณจะคิดมากเมื่อคุณขอให้ฉันทำความสะอาดชามในตู้ด้านล่าง” โรสกล่าวอย่างไม่พอใจเจย์เดินมาหาเธอแบบลวก ๆ ถอดเสื้อสูทที่ตัดเย็บพิเศษด้วยมือ ปลดเนกไทสีดำของเขาและจ้องมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ บนโซฟา“ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร? คุณพยายามแบล็กเมล์ฉันเพื่อเงินหรือเปล่า” ริมฝีปากที่เซ็กซี่และมีเสน่ห์พ่นคำที่ฟังเเล้วขัดหูออกมาอีกครั้งผิวของโรสซีดมาก ดูเหมือนว่าการทุบเพียงเล็กน้อยจะทำให้เธอช้ำได้อย่างง่ายดายด้วยความที่เจนสันดึงตัวเธอออกไปด้วยความรุนแรงขนาดนี้นอกจากเขาจะเขวี้ยงบล็อกของเล่นใส่หน้าเธอแล้ว ใคร ๆ ก็นึกได้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอับอายแค่ไหนโรสลุกขึ้นยืนทันที เงยหน้าขึ้นมอองไปที่เจย์ เธอดีดนิ้วกลางของเธอและคำรามว่า "ท่านอาเรสถ้าคุณต้องการแก้แค้นฉันอย่าได้ลังเล แต่อย่างน้อยโปรดใช้สมองของคุณด้วย เมื่อคุณทำมันก็อย่าเกี่ยวข้องกับเด็กที่ไร้เดียงสา"รูม่านตาของเจย์ขยายออก—ทันใดนั้นเขาก็คว้ามือเล็ก ๆ ของเธอไว้ โรสอ้าปากค้างด้วยความเจ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ