”คุณดูไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องอะไรแบบนี้” เจย์พูดในความคิดของเขา ผู้หญิงที่จะพับดาวนำโชคมากมายขนาดนี้ต้องเป็นคนประเภทที่ทุ่มเทและผูกใจให้กับความรักมากคนเดียวแบบนั้นที่เขาคิดออกก็คือ แม่ของเซ็ตตี้น้อย เธอเป็นผู้หญิงที่ทุ่มเทให้ความรักและเป็นสาเหตุที่เธอจะอุทิศชีวิตที่เหลือน้อยนิดทำเรื่องพวกนี้แองเจลีนมองเขาอย่างหม่นหมอง “นายอคติกับฉัน จนมันบดบังทำให้นายมองไม่เห็นว่าฉันทำอะไรได้บ้าง”เจย์ตะลึงไปเล็กน้อย นี่หรือคือสาเหตุ?“ว่าแต่ คุณพับดาวพวกนี้ให้ใครกัน?” เจย์ถามอย่างสงสัยชายที่ทำให้นางมารร้ายคนนี้ตกหลุมรักได้ รับรองว่าต้องเป็นชายแสนพิเศษไม่ธรรมดา“ผู้ก่อตั้งแกรนด์ เอเซีย”“แล้วทำไมถึงเป็นดอกเรด สไปเดอร์ ลิลี่?” เจย์จ้องแองเจลีนเขม็ง ด้วยเหตุผลบางอย่างเจย์รู้สึกเหมือนหลอนไปว่าแองเจลีนคือแม่ของเซ็ตตี้น้อย“มันสวยดี” เธอพูดด้วยเสียงเครือขึ้นจมูก เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกเศร้ามาก หลังจากพูดจบแองเจลีนก็หันหลังเดินจากไปดวงตาเจย์เต็มไปด้วยความฉงนสงสัยขณะช่วงพักเที่ยง เจย์ก็เข้ามาที่ห้องสมุดของแกรนด์ เอเซียเขาพูดกับบรรณารักษ์ “ผมอยากทราบเกี่ยวกับประวัติการก่อตั้งของบริษัทแกรนด์
กลายเป็นว่าชายคนรักที่ไม่เอาไหนของเธอเพียงแค่มีปัญหากับการทำงานที่สกปรกและการใช้แรงงานเท่านั้น แต่เขากลับเป็นชายแสนสมบูรณ์แบบที่เล่นเปียโนได้ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น และที่สำคัญ เขายังหาเงินได้มากมายอีกด้วยมาริลินรู้สึกเหมือนตนเองถูกรางวัลใหญ่ ทุกอย่างดูดีเกินจริง เหมือนดั่งว่า เธอคือซินเดอเรลลาที่ได้กลายเป็นเจ้าหญิงทั้งหมดนี้ก็เพราะมาริลินตัดสินใจไปอย่างเด็ดขาด ว่าเธอจะต้องเกาะชายที่ทำเงินได้คนนี้เอาไว้ให้แน่นไม่ว่าจะอย่างไร เพราะมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะทำให้เธอมีความสุขไปชั่วชีวิตส่วนชายขี้คุกอีกคนนั้น… เขามีอะไรมาเทียบเบ็นได้บ้างล่ะ? เธอคงเป็นคนโง่ถ้ากลับไปหาผู้ชายคนนั้นมาริลินรู้สึกโล่งใจเมื่อคิดว่า เคนจะไม่มีทางหาเธอพบอีกในเมื่อตอนนี้เธอย้ายออกมาจากบ้านเก่าแล้วมาริลินแสดงออกอย่างกระตือรือร้นต่อหน้าใบหน้าเย็นชาเป็นน้ำแข็งของเจย์ “มีห้องนอนตั้งสี่ห้องเลยนะคะ ที่รัก เราก็นอนในห้องนอนใหญ่กันแล้วให้ไทเกอร์นอนห้องเด็กที่ติดกัน เราก็จะมีห้องเหลืออีกสองห้อง คุณอยากจะใช้ทำอะไรคะ?”เจย์หยุดคิดครู่หนึ่ง “ห้องหนึ่งผมจะทำเป็นห้องหนังสือ”มาริลินพยักหน้า “ค่ะ”ดวงตาเธอส่องประกายชื่มชมเขา
เจย์รู้สึกราวกับความหนักอึ้งที่กดทับอยู่หายไป “ผมจะไปเปิดประตู”มาริลินยืนค้างอยู่ตรงนั้นเจย์เดินมาที่ห้องนั่งเล่นและเปิดประตูออกไป เมื่อเขาเห็นเซ็ตตี้น้อยและแม่ของเธอยืนอยู่หน้าประตูเขาก็ถึงกับตะลึง“คุณเบ็นคะ” เซ็ตตี้น้อยโผเขาหาเบ็นทันทีที่เธอเห็นเขาแองเจลีนสังเกตุเห็นว่าเจย์ใส่ชุดสำหรับอยู่บ้าน แม้ว่ามันจะเป็นเสื้อและกางเกงขายาว แต่ก็ยังไม่สามารถห้ามความเยือกเย็น สง่างาม และความมีเสน่ห์ของเขาได้ ไม่ต่างจากเวลาเขาสวมสูทผูกเนกไทเลย ผมหยักสีดำสนิทของเขายังคงเปียกซึ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นเธอยืนค้างอยู่ตรงนั้น ตัวแข็งทื่อถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็แกล้งทำเป็นคนตาบอด เธอจึงกลัวว่าจะเผลอจ้องจนเขาผิดสังเกตุ“ใครมาคะที่รัก?” มาริลินเดินออกมาเมื่อแองเจลีนเห็นเธอสวมชุดนอนเบาบางเช่นนั้น ดวงตาเธอก็ขุ่มมัวผู้หญิงคนนี้พยายามจะยั่วยวนเจย์สินะ?เจย์ลูบผมเซ็ตตี้น้อยเบา ๆ พร้อมตอบมาริลิน “นี่คือเด็กที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังว่าผมสอนเปียโนให้”มาริลินมองเซ็ตตี้หัวจดเท้า และทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นใบหน้างดงามของเด็กน้อย“หนูสวยน่ารักมากเลยนะจ๊ะ” มาริลินเอ่ยชมจากนั้นเธอก็หันมามองแองเจลีน เมื่อเ
ความอ่อนโยนของเขามีเสน่ห์ที่ราวกับพิษร้ายมาริลินแอบกัดฟันกรอด เขาเป็นผู้ชายของเธอ ความอบอุ่นอ่อนโยนแบบนี้ควรมีให้เธอเท่านั้นไม่ใช่เหรอ?“ที่รักคะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานอีก คุณน่าจะต้องไปนอนแล้วนะคะ” มาริลินเดินมาหาเจย์พร้อมเตือนเขาด้วยรอยยิ้มเจย์ตอบเสียงเรียบ “โอเค”ทันใดนั้นบรรยากาศก็พลันตึงเครียด แองเจลีนไม่อยากทำให้เจย์เสียหน้าเธอจึงลุกขึ้นและเรียกเซ็ตตี้น้อยที่ไปสำรวจบ้าน “ได้เวลากลับบ้านแล้วจ้ะ เซ็ตตี้”เซ็ตตี้เดินออกมาจากห้องของเจย์และบอกแม่อย่างตื่นเต้นถึงสิ่งที่ได้เจอว่า “คุณแม่คะ หนูเห็นมีเด็กผู้ชายตัวน้อยในบ้านคุณเบ็นด้วย เขานอนหลับอยู่”“หนูมีของเล่นเยอะเลย หนูเอามาแบ่งให้เขาได้ไหมคะ?”แองเจลีนยิ้มและตอบ “ได้สิจ๊ะ”หลังจากเซ็ตตี้น้อยกล่าวอำลาเจย์และมาริลิน เธอก็จูงมือแองเจลีนเดินออกประตูไปหลังจากมาริลินเดินไปล็อกประตูแล้ว เธอก็มายืนข้างเจย์ ดวงตาเรียวดุจอัลมอนด์ของเธอฉายคลื่นโทสะเจย์หยิบแก้วของแองเจลีนขึ้นมาก่อนกินน้ำที่เหลือเข้าไป จากนั้นก็หันมาจ้องมาริลินเล็กน้อยก่อนเดินเข้าห้องไปเขาไม่สนใจมาริลินเลยสักนิดทันใดนั้นมาริลินก็ร้องไห้โฮ “คุณเป
เพราะว่าเจย์ไม่ได้รับข้อความตอบกลับจากแองเจลีน เขาจึงไม่สบายใจจนนอนไม่หลับทั้งคืนถึงแบบนั้นโทรศัพท์เขาก็ยังไม่มีเสียงเรียกเข้า ไม่มีข้อความตอบกลับที่เขารอคอยเมื่อมาริลินตื่นขึ้นมาตอนเช้า เจย์ก็ออกจากบ้านไปแล้วมาริลินรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ เธอจำได้ว่าเมื่อคืนนี้แองเจลีนแวะมาหา ชายคนไหนจะไม่หลงเสน่ห์ความงามจนน่าตะลึงของเธอได้เมื่อได้พบเธอ?เมื่อเธอมองตัวเองและเสื้อผ้าราคาถูกที่สวมอยู่ มาริลินก็ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง ยังไงตอนนี้เบ็นก็หาเงินได้แล้วสิ่งเดียวที่เธอคิดออกในตอนนี้คือทำให้ชายผู้นี้พอใจ ถ้าพวกเขามีลูกด้วยกันได้ จากนั้นความสัมพันธ์ต้องยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นแน่ที่แกรนด์ เอเซียเมื่อเจย์มาถึงทางเข้าบริษัท เขาก็เห็นแองเจลีนออกมาจากรถส่วนตัวไม่รู้ว่าเพราะอะไร สายตาที่แองเจลีนมองเขาวันนี้ดูต่างออกไปมา สายตาของเธอเหมือนมีพิษร้ายอยู่เขาไปทำอะไรให้เธอโกรธละเนี่ย?พวกเขาเดินตามกันมาเข้าไปในลิฟต์พนักงานที่มีคนแน่นแล้ว เมื่อทั้งสองเข้ามาพร้อมกันลิฟต์ก็ร้องเตือนขึ้นลิฟต์น้ำหนักเกินแล้ว!แองเจลีนมองเจย์ ส่งสายตาชัดเจนว่าสั่งให้เขาออกไปเจย์แกล้งเธอ กล่าวว่า “ลิฟต์
เจย์มองแองเจลีนที่มีท่าทางพึงพอใจ แววตาพอใจของเธอนั้นปิดไม่มิดเจย์รู้สึกว่าโมโหจนเดือดเมื่อศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองของเขาถูกแองเจลีนท้าทาย “ถ้าคุณแพ้ก็อย่าร้องไห้แล้วกัน” เขากัดฟันกรอดแองเจลีนแค่นเสียง “หึ ยังไม่รู้สักหน่อยว่าใครจะแพ้กันแน่”แองเจลีนพาเจย์ไปที่แกรนด์ เอเซีย อีสปอร์ต อารีน่า เมื่อเจย์มองเห็นเครื่องเล่นเกมล้ำหน้าหลากหลาย เขาถึงกับพูดไม่ออก“ทำไมเราไม่สู้กันจริง ๆ ล่ะ?” เขาตวัดสายตาเย็นชาไปมองเธอแองเจลีนสะดุ้งเมื่อโดนเขามองด้วยสายตาเสียดแทง เขาดูเหมือนอยากจะเข้ามาฉีกเธอเป็นชิ้น ๆถ้าพวกเขาสู้กันจริง ๆ เธอก็คงโดนยำจนเละไม่เหลือดีน่ะสิ“ฉันกลัวว่าจะทำนายเจ็บไง” เธอกลัวจริง ๆ แต่เธอก็ยังเชิดหน้าและพูดด้วยเสียงอ่อนหวานเจย์มองจอเล็ก ๆ ของเธอก่อนนั่งลงหน้าเครื่องเกมต่อสู้แองเจลีนนั่งลงข้างเขาพวกเขาเริ่มเลือกตัวผู้เล่น พวกเขาเปลื่ยนเป็นชื่อของตัวเองเพื่อให้ได้รับรู้ถึงประสบการณ์อย่างสมจริงที่สุดในตอนเริ่มต้นการแข่ง เจย์ก็พุ่งเข้าหาแองเจลีนอย่างดุเดือดก่อนเตะเธอเข้าที่หัว แองเจลีนหลุดร้องเสียงแหลมเมื่อตัวผู้เล่นของเธอปลิวไปกระแทกพื้น“นายนี้ไม่รู้จักรักหย
”ฉันไม่แก้ได้ไหม?”เจย์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เขาใช้เวลาคิดโจทย์นี้อยู่หนึ่งชั่วโมง แต่แค่ครึ่งชั่วโมงเธอก็ยอมแพ้แล้ว“ไม่ได้” เขาสะบัดเสียง“ฉันจะเรียกนายว่า ท่านเบ็น”เจย์ “...”“งั้นถ้าเป็นลุงเบ็นล่ะ?”เจย์ “...”“พี่เบ็น! ฉันจะเรียกนายว่าพี่เบ็น” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มันฟังดูเป็นธรรมชาติมากตอนที่เธอเรียกเขาว่า พี่เบ็นแต่ถึงอย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์ก็ยังคงไร้อารมณ์“เราตกลงกันว่าเป็น ‘บรรพบุรุษ’ ไม่ใช่เหรอ?”แองเจลีนอยากจะร้องไห้ “เรียกบรรพบุรุษมันฟังประหลาดออก”เจย์ตอบ “แต่ผมชอบ”อย่างน้อยมันก็ไม่ฟังดูชวนให้เข้าใจคลุมเครือเหมือนคำอื่น ๆ แองเจลีนพยักหน้า “งั้นก็ได้ค่ะ พี่เบ็น”เจย์จ้องเธอ…จากนั้นแองเจลีนก็แพ้หมดท่าในทุกเกมที่พวกเขาเล่นในตอนท้าย แองเจลีนลากเขาไปที่เกมชื่อว่า การต่อสู้ของความรักและพูดว่า “ผู้หญิงเราไม่ค่อยเก่งกับพวกเกมก่อนหน้านี้ แต่รับรองว่าเกมนี้ฉันชนะนายแน่ ถ้าฉันแพ้… ฉันจะ… ฉันจะลบเครื่องสำอางต่อหน้านายเลย”“ไม่มีใครอยากเห็นหน้าสดคุณหรอก” เจย์บอกองเจลีนหน้าแดงขณะพูด “หน้าสดฉันอาจจะทำให้นายเซอร์ไพรส์อย่างคาดไม่ถึงก็ได้นะ”"แทนที่
ตอนนี้เขาไม่สามารถบอกได้ว่าระหว่างผู้หญิงสองคนใครกันแน่ที่เป็นกิ๊กเขามองแองเจลีน “คุณเลือกเป็นตัวละครตัวไหน?”แองเจลีนตอบอย่างไม่ลังเล “ภรรยาคนแรก”ดังนั้นเจย์จึงฆ่าแองเจลีนทันทีเสียงของเกมดังขึ้น ‘สามีกำจัดภรรยาที่ยากจนไป เกมจบแล้ว’เขาเป็นคนที่มีเหตุผลและนิ่งสงบซึ่งสามารถแยกระหว่างชีวิตจริงกับเกมได้อย่างเด็ดขาด ส่วนแองเจลีนเป็นคนที่อ่อนไหวซึ่งสงสารตัวละครในเกม การจบเกมแบบนี้ทำให้เธอรับไม่ได้เธอเสียใจมากมายจนคุมไม่ไหว ดวงตาดำขลับของเธอแดงก่ำและบวมเพราะเธอรู้สึกเหมือนโดนกำจัดและไม่มีค่า เธอจ้องเจย์อย่างโมโหตัวเธอสั่นไปทั้งร่างด้วยโทสะ“แค่เล่นเกมแพ้ก็ต้องร้องไห้ด้วยเหรอ?” เจย์มองเธอพร้อมหยันพวกผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนกันหมดเหรอไงนะ?แองเจลีนคำราม “ทำไมนายถึงฆ่าฉัน?”ทำไมไม่เป็นหล่อน?เจย์แค่นเสียง มองเธอเหมือนเห็นคนปัญญาอ่อน“ก็เราแข่งเกมกัน ผมจะไปกำจัดใครถ้าไม่ใช่คุณ?”แองเจลีน “...”“นายแค่จะเอาชนะฉันเหรอ?”“ก็ใช่น่ะสิ”แองเจลีนล้มลงไปนั่งบนพื้นพร้อมหลั่งเหงื่อเย็นออกมา เธอพยายามปลอบตัวเองว่านี่มันเป็นแค่เกมเจย์มองเธออย่างสงสัย เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ