“ถ้าการขอร้องมีประโยชน์ เช่นนั้นยังมีกฎหมายไว้ทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวด้วยใบหน้าเย็นยะเยียบ “ถ้าเจ้าดวงแข็งพอ สามารถรอดแส้ของข้ามาได้ ข้าค่อยจัดการเรื่องนี้!”“ฮะ...”ฟุ๊บ...“อ๊า ๆ ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการวิงวอนใด ๆ ของจางหยิงชุนสักนิด หลู่เซียงหลิงไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงของฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งเป็นเกล็ดย้อนของเขา เขาเคยพูดว่าผู้ใดก็มิอาจจ้องผู้หญิงของเขาฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งไม่ยอมให้ใครรังแก ใครจ้อง มันต้องตาย!การกระทำของจางหยิงชุนคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย นับจากนาทีที่เขาลงมือกับหลู่เซียงหลิง ฉินอวิ๋นฟานก็ตัดสินประหารชีวิตจางหยิงชุนแล้วฉินอวิ๋นฟานสะบัดแส้ในมือด้วยแววตาเย็นชา เฆี่ยนลงบนตัวจางหยิงชุนหนัก ๆ ไม่ว่าเขาจะส่งเสียงร้องน่าเวทนาอย่างไร ฉินอวิ๋นฟานก็เฉยชา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือสักนิดซี้ด...ลงไปเพียงไม่กี่แส้ จางหยิงชุนก็ถูกเฆี่ยนจนเนื้อแตกลาย เลือดเนื้อเละเทะ กลายเป็นฉากทารุณคาวเลือด เมื่อทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้เห็นภาพดังกล่าวต่างพากันทำหน้าหยีสูดปากมากน้อยชาวบ้านต่างรู้ความผิดของจางหยิงชุนอยู่บ้าง แต่พวกเขาชินชานานแล้ว ขุนนางปกป้องกันเอง รังแกผู้อ่อนแอ ไม่มอบค
เขากล่าวขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “รัชทายาท ท่านยังไม่ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ก็วางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตามอำเภอใจไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนเช่นนี้แล้ว วันหน้าจะให้ประชาชนต้าเฉียนยอมรับได้อย่างไร?”“อ้อ?”ถ้อยคำของเซียวเทียนติ่งทำเอาฉินอวิ๋นฟานงุนงงไปเลย ตัวเองเป็นอย่างไรยังไม่รู้ตัวอีก? แค่นี้? ริอ่านสั่งสอนเขาที่เป็นรัชทายาท? เจ้าก็คู่ควร?เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานแสยะยิ้ม “เหอะ เซียวเทียนติ่ง แค่เจ้าก็กล้าวางหลุมพรางต่อหน้าข้าซึ่งเป็นรัชทายาท? กล้าใช้ลูกไม้คุณธรรมมาผูกมัด? เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลเจ้าหรือไม่?”ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของสำนักศึกษาหลวง ขุนนางระดับหนึ่งของต้าเฉียน ซ้ำยังเป็นญาติสายตรงผู้จงรักภักดีของเฮ่อชินอ๋อง เซียวเทียนติ่งย่อมมีความมั่นใจระดับหนึ่งกับฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวไม่เป็นสองรองใคร เขาไม่หวั่นกลัวสักนิด แต่พูดโต้ไปว่า “รัชทายาท ฟ้าคลั่งย่อมมีฝน คนคลั่งย่อมมีเคราะห์ แม้ท่านจะสูงศักดิ์เป็นถึงรัชทายาทก็ไม่สามารถหนึ่งมือปิดฟ้าทำตามอำเภอได้!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ถ้อยคำของเซียวเทียนติ่งจี้ต่อมหัวเราะของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขาทำหน้าเคร่งขรึม หรี่ดวงตาทั้งคู่ ตามด้วยตว
ฮึ่ม ๆ ๆ ๆ...“เสี่ยวฟาน คนมากันครบแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเตรียมจะโต้ตอบเซียวเทียนติ่ง อู่จ้านก็พาเหล่าทหารมาถึง เมื่อฉินอวิ๋นฟานเห็นบรรดาทหารที่เป็นระเบียบเรียบร้อยผ่านการฝึกอย่างมีแบบแผนก็คลี่ยิ้มถึงพอใจเขาเอ่ยเสียงเรียบ “ดีมาก อาจ้าน ตอนนี้ท่านรีบนำคนไปยังเมืองหลิงปี้ด้วยตัวเอง จับตัวคนที่เกี่ยวข้องในจวนเจ้าเมืองมาให้หมด ผู้ใดขัดขืน ฆ่าได้ทันที!”“รับทราบ!”อู่จ้านสีหน้าจริงจัง พาทหารสามร้อยคนและมือหน้าไม้ร้อยคนขี่ม้าศึกไปทางเมืองหลิงปี้อย่างว่องไวทันที!”ซี้ด...ครั้นเห็นภาพนี้ ชาวบ้านรอบด้านต่างใจเย็นไม่ได้แล้ว แม้เมืองหลิงปี้จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ เจ้าเมืองก็เป็นแค่ขุนนางราชสำนักระดับเจ็ด หากเป็นขุนนางราชสำนักที่กำกับดูแลโดยตรงฉินอวิ๋นฟานถึงขั้นลงมือกับจวนเจ้าเมืองหลิงปี้ด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ เห็นชัดว่าต้องมีคนดวงจู๋ วิธีการของรัชทายาทช่างเป็นฝันร้ายของผู้กระทำมิชอบทุจริตจำนวนมากโดยแท้จังหวะที่เซียวเทียนติ่งเห็นทหารสามพันคนเต็ม ๆ มาถึงก็เข่าอ่อนทันที ความสิ้นหวังอัดแน่นอยู่ในใจ เขาเสียใจนัก ทำไมตัวเองต้องเอาตัวลงบ่อน้ำขุ่นนี้ด้วย? ทั้งเสียใจที่พูดกับถ้อยคำเหล่านั้นกับฉิ
“ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง ข้าแค่ถูกตบหน้าทีเดียวเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมากหรอก”หลู่เซียงหลิงได้รับความห่วงใย อย่าให้บอกเลยว่ารู้สึกหวานชื่นแค่ไหน แม้นางจะถูกตบหน้าทีหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับที่ฉินอวิ๋นฟานเกรี้ยวโกรธหวานหลุดอีกหน ประหารผู้ใช้กำลังทันทีแล้ว บาดเจ็บเล็กน้อยนี้ไม่พอให้เอ่ยถึง“ก็บอกแล้วว่าต่อไปให้เรียกว่าพี่อวิ๋นฟานเหมือนจิ่นเอ๋อร์ เรียกรัชทายาทดูห่างเหินจังเลย ข้าไม่ชอบ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้าตาจริงจัง“อืม เซียงหลิงทราบแล้ว” หลู่เซียงหลิงเม้มริมฝีปาก พูดอย่างกระดากเล็กน้อย“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็ลองเล่ามาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ ข้าจะชำระคดีความตรงนี้นี่แหละ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน“อื้ม!”หลู่เซียงหลิงมาถึงข้างตัวหวังอันสือแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “อาจารย์หวัง พวกท่านเป็นยังไงบ้าง ยังไหวหรือไม่?”ตอนนี้หวังอันสือเจ็บปวดไปทั้งตัว ยังดีที่ไม่บาดเจ็บรุนแรง เขากะเผลกขาลุกขึ้นยืนแล้วจึงตอบหน้าเจื่อน “บาดเจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก”“เช่นนี้ก็ดี รัชทายาทให้ท้ายพวกเราด้วยตนเอง ในที่สุดความไม่เป็นธรรมของหวังเสี่ยวเหลยจะได้กระจ่างแล้ว”หลู่เซียงหลิงรีบพูด “พวก
เซียวเทียนติ่งห่อเหี่ยวใจโดยสิ้นเชิงแล้ว นิสัยกัดไม่ปล่อยของฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาอัดอั้นตันใจถึงขีดสุดก่อนหน้านี้หลู่เซียงหลิงเกือบต้องแปดเปื้อนเพราะอ๋องน้อย ฉินอวิ๋นฟานวาวโรจน์กวานหลุดเขาเข้าใจได้ บัดนี้ชาวบ้านต่ำต้อยตายแค่คนเดียว ต้องถึงกับกัดไม่ปล่อยเชียวหรือ? เพื่อเด็กชาวบ้านคนหนึ่ง จางหยิงชุนสามีน้องสาวญาติทางแม่ของเขาถูกฉินอวิ๋นฟานฆ่าตายอย่างคับข้องใจแล้ว หรือว่านี่ยังไม่พอ? ในฐานะที่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แยกแยะไม่ถูกว่าใครคือคนกันเองหรือ?“เซียวเทียนติ่ง ข้าจำได้ว่าเจ้าเพิ่งบอกว่าข้าข่มเหงรังแกขุนนางต้าเฉียน บอกว่าข้าวางอำนาจบาตรใหญ่ บอกว่าข้าย่ำยีศักดิ์ศรีของผู้อื่น ไม่ผิดกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเซียวเทียนติ่งแล้วถามต่อ และนี่ยังเป็นคำพูดที่เซียวเทียนติ่งเพิ่งกล่าวออกมาเองด้วย“ข้าน้อย...”นาทีนี้เซียวเทียนติ่งหัวใจหล่นตุบ อยากพูดแต่ก็หยุดอีก เขายังกล้าต่อปากต่อคำกับฉินอวิ๋นฟานที่ไหน? การแข็งข้อกับฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ ผลลัพธ์เกรงว่ามีแต่ต้องตายสถานเดียว“เซียวเทียนติ่ง เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก เป็นเสาหลักของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียน เป็นเข็มศักดิ์สิทธิ์ของท้องสมุทร ก
ในที่สุดฉินอวิ๋นฟานก็ตระหนักถึงต้นตอของปัญหา เขาเอ่ยเสียงเย็น “นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเจ้าขุนนางปกป้องกัน ทำผิดกฎหมายทั้งที่รู้ ไม่สนใจชีวิตของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”เซียวเทียนติ่งหรือจะไม่เข้าใจความคิดของฉินอวิ๋นฟาน? เขาส่ายหน้าพูด “พวกเราทุกคนต่างรู้ว่าการทำเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง และเข้าใจความคิดของท่าน แต่โลกในปัจจุบัน แคว้นใดบ้างที่ไม่เป็นเช่นนี้? ในสังคมที่ทะยานอยากในทรัพย์ ผู้ใดสามารถขัดเกลาคุณธรรมของตัวเอง?”“เมื่อปรากฏแสงดาวในโลกที่ถูกความมืดมิดปกคลุม นั่นก็คือความผิด หากไม่เลือกเดินทางตามกระแสหลักก็จะถูกเห็นว่าแปลกแยก ไม่มีวันงอกเงย ถูกกีดกันต่าง ๆ นานา กระทั่งยังอาจมีอันตรายถึงชีวิต”ตอนนี้ในใจของเซียวเทียนติ่งเปี่ยมไปด้วยความไม่ยินยอม เขาที่เพิ่งย่างเท้าขึ้นสู่เส้นทางอันรุ่งโรจน์ มีหรือจะไม่เคยมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่ความจริงกลับตีแสกกลางหน้าเขา ประสบการณ์ที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีทำให้อุดมการณ์ของเขาเลือนหายไปนานแล้ว กลายเป็นกรงเล็บข้างตัวเฮ่อชินอ๋องถ้อยคำนี้ของเซียวเทียนติ่งทำให้ฉินอวิ๋นฟานมิอาจสงบได้อยู่นาน พวกเขาอยู่ในมุมที่ต่างกัน แสดงความเห็นจากใจจริงต่อกันขณะเดียวกันฉินอวิ๋น
“นี่ นี่หมายความว่ายังไง?!”ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวออกมา เซียวเทียนติ่งพลันตกตะลึงตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานเรียกได้ว่าเป็นดวงตะวันกลางฟ้า สร้างปาฏิหาริย์ด้านเศรษฐกิจครั้งแล้วครั้งเล่า หลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที ทำให้คุณภาพชีวิตของตระกูลใหญ่ต่าง ๆ เพิ่มระดับถึงขีดสุดด้านดินแดน ฉินอวิ๋นฟานใช้กำลังเพียงคนเดียวชิงเมืองอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเส้นทางการค้าของต้าเฉียนกลับมาจากเงื้อมมือของราชวงศ์ต้าเยียนซึ่งเป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก มิหนำซ้ำยังทำลายแผนการร้ายของต้าเยียนอีกด้านชีวิตประชาชน ฉินอวิ๋นฟานควักกระเป๋าตัวเองเพิ่มสวัสดิการให้กับขุนนางใหญ่ต่าง ๆ พัฒนาเมืองจัวรอบด้าน บุกเบิกที่ดินเนินเขา เพียงฤดูกาลทำนาเดียวก็สามารถทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีด้านกฎหมาย ฉินอวิ๋นฟานปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ความสามารถในการปฏิบัติชวนให้คนตะลึงอย่างยิ่งยวด จัดการกับลูกหลานคหบดีเสเพลที่ประพฤติชั่วเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด ปราศจากการประนีประนอม เพิกเฉยต่ออำนาจเผด็จการแม้บรรดาตระกูลใหญ่จะไม่พอใจ มีความเห็นอย่างหนักกับฉินอวิ๋นฟาน หากภาพลักษณ์ในใจ
ฉินอ้าวมองเซียวเทียนแล้วยิ้มราบเรียบ ในเมื่อติ่งเซียวเทียนติ่งตัดสินใจจะไปแน่แล้ว เขาจะไม่รั้งตัวไว้อีก เขาเอ่ยเสียงเนิบ “ในเมื่อเจ้าไม่มีใจจะชิงอำนาจแล้ว เช่นนั้นก่อนจากไปก็แนะนำให้ข้าสักคนเถอะ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฮ่อชินอ๋อง หัวใจที่หนักอึ้งของเซียวเทียนติ่งก็วางลงได้สักที เขารู้ นี่คือเรื่องสุดท้ายที่เขาจะทำเพื่อท่านอ๋องแล้ว ความรู้สึกหลุดพ้นช่างดีแท้เขาเอ่ยอย่างจริงจัง “รองหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงจางหยิงชุนเหมาะสมที่สุด แต่เขาถูกฉินอวิ๋นฟานฆ่าไปแล้ว รองหัวหน้าอีกคนก็เป็นไม้ใกล้ฝั่ง ไม่สามารถรับงานใหญ่ได้”“ตอนนี้ได้แต่เลือกจากหมู่อาจารย์ระดับหนึ่ง หากจะกล่าวตามความจริง หวังอันสือมีความสามารถที่สุดในหมู่อาจารย์ วิชาความรู้กว้างขวาง ความสามารถเหนือคน เหมาะจะดำรงตำแหน่งแทนข้าน้อยมากที่สุด แต่น่าเสียดาย เขามือสะอาด มีนิสัยยึดติด หยิ่งทระนง เกรงจะทำงานให้ท่านอ๋องไม่ได้โดยง่าย”“แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่ไม่เลวเลยทีเดียว เขาชื่อเจี่ยงฝานฝาน บิดาของเขาเจี่ยงหย่งกังเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นระดับห้าในสำนักราชเลขา รับผิดชอบบันทึกเรื่องสำคัญของต้าเฉียน เป็นคนสมถะ เคยทำงานให้กับอดีตฮ่องเต้ น่าจะดึงเข
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว