“ไม่เป็นไรแล้วนะ เซียงหลิง ข้ามาแล้ว มอบทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ข้าก็พอ วางใจเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานปวดใจนัก ตบหลังของหลู่เซียงหลิงเบา ๆ พลางปลอบขวัญไม่หยุด ครั้นคนอื่นเห็นภาพนี้ต่างมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ในใจเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?“รัช รัชทายาท?”วินาทีที่เห็นฉินอวิ๋นฟานปรากฏตัว จางหยิงชุนหัวใจหล่นลงสู่ก้นเหวฉับพลัน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีตับหมู ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้อยู่ที่เมืองอู่โจวหรือ? ทำไมจู่ ๆ ก็กลับเมืองหลวงมาได้เล่า?!แววตาคมกริบของฉินอวิ๋นฟานจ้องตรงมาทางจางหยิงชุน จางหยิงชุนตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแผ่นหลังเหงื่อกาฬไหลพราก คนที่รู้จักฉินอวิ๋นฟานต่างรู้ว่าสายตาเช่นนี้หมายถึงอะไร!“เซียงหลิง เจ้า เจ้าเป็นอะไรไป?!”ตอนนี้เอง หลู่หนีที่ได้ข่าวเร่งรุดมาทันทีเหมือนกัน ครั้นเห็นบุตรสาวร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของฉินอวิ๋นฟาน หลู่หนีก็รีบเข้ามาถามด้วยความอนาทรห่วงใย“ท่านพ่อ...”เมื่อหลู่เซียงหลิงเห็นบิดามาถึงจึงเช็ดน้ำตาแล้วจึงถอนตัวออกจากอ้อมแขนของฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฟานยิ้มสวย “ช่างใหญ่หลู่ ท่านดูแลเซียงหลิงให้ดีก่อน เรื่องที่เหลือให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”“อื่ม!”นับจากบุต
“ถ้าการขอร้องมีประโยชน์ เช่นนั้นยังมีกฎหมายไว้ทำไม?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวด้วยใบหน้าเย็นยะเยียบ “ถ้าเจ้าดวงแข็งพอ สามารถรอดแส้ของข้ามาได้ ข้าค่อยจัดการเรื่องนี้!”“ฮะ...”ฟุ๊บ...“อ๊า ๆ ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการวิงวอนใด ๆ ของจางหยิงชุนสักนิด หลู่เซียงหลิงไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงของฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งเป็นเกล็ดย้อนของเขา เขาเคยพูดว่าผู้ใดก็มิอาจจ้องผู้หญิงของเขาฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งไม่ยอมให้ใครรังแก ใครจ้อง มันต้องตาย!การกระทำของจางหยิงชุนคือการรนหาที่ตายอย่างมิต้องสงสัย นับจากนาทีที่เขาลงมือกับหลู่เซียงหลิง ฉินอวิ๋นฟานก็ตัดสินประหารชีวิตจางหยิงชุนแล้วฉินอวิ๋นฟานสะบัดแส้ในมือด้วยแววตาเย็นชา เฆี่ยนลงบนตัวจางหยิงชุนหนัก ๆ ไม่ว่าเขาจะส่งเสียงร้องน่าเวทนาอย่างไร ฉินอวิ๋นฟานก็เฉยชา ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมือสักนิดซี้ด...ลงไปเพียงไม่กี่แส้ จางหยิงชุนก็ถูกเฆี่ยนจนเนื้อแตกลาย เลือดเนื้อเละเทะ กลายเป็นฉากทารุณคาวเลือด เมื่อทุกคนที่อยู่ในที่นั้นได้เห็นภาพดังกล่าวต่างพากันทำหน้าหยีสูดปากมากน้อยชาวบ้านต่างรู้ความผิดของจางหยิงชุนอยู่บ้าง แต่พวกเขาชินชานานแล้ว ขุนนางปกป้องกันเอง รังแกผู้อ่อนแอ ไม่มอบค
เขากล่าวขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “รัชทายาท ท่านยังไม่ได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ก็วางอำนาจบาตรใหญ่ ทำตามอำเภอใจไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของคนเช่นนี้แล้ว วันหน้าจะให้ประชาชนต้าเฉียนยอมรับได้อย่างไร?”“อ้อ?”ถ้อยคำของเซียวเทียนติ่งทำเอาฉินอวิ๋นฟานงุนงงไปเลย ตัวเองเป็นอย่างไรยังไม่รู้ตัวอีก? แค่นี้? ริอ่านสั่งสอนเขาที่เป็นรัชทายาท? เจ้าก็คู่ควร?เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานแสยะยิ้ม “เหอะ เซียวเทียนติ่ง แค่เจ้าก็กล้าวางหลุมพรางต่อหน้าข้าซึ่งเป็นรัชทายาท? กล้าใช้ลูกไม้คุณธรรมมาผูกมัด? เจ้าคิดว่าข้าจะหลงกลเจ้าหรือไม่?”ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของสำนักศึกษาหลวง ขุนนางระดับหนึ่งของต้าเฉียน ซ้ำยังเป็นญาติสายตรงผู้จงรักภักดีของเฮ่อชินอ๋อง เซียวเทียนติ่งย่อมมีความมั่นใจระดับหนึ่งกับฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวไม่เป็นสองรองใคร เขาไม่หวั่นกลัวสักนิด แต่พูดโต้ไปว่า “รัชทายาท ฟ้าคลั่งย่อมมีฝน คนคลั่งย่อมมีเคราะห์ แม้ท่านจะสูงศักดิ์เป็นถึงรัชทายาทก็ไม่สามารถหนึ่งมือปิดฟ้าทำตามอำเภอได้!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ถ้อยคำของเซียวเทียนติ่งจี้ต่อมหัวเราะของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขาทำหน้าเคร่งขรึม หรี่ดวงตาทั้งคู่ ตามด้วยตว
ฮึ่ม ๆ ๆ ๆ...“เสี่ยวฟาน คนมากันครบแล้ว!”ฉินอวิ๋นฟานเพิ่งเตรียมจะโต้ตอบเซียวเทียนติ่ง อู่จ้านก็พาเหล่าทหารมาถึง เมื่อฉินอวิ๋นฟานเห็นบรรดาทหารที่เป็นระเบียบเรียบร้อยผ่านการฝึกอย่างมีแบบแผนก็คลี่ยิ้มถึงพอใจเขาเอ่ยเสียงเรียบ “ดีมาก อาจ้าน ตอนนี้ท่านรีบนำคนไปยังเมืองหลิงปี้ด้วยตัวเอง จับตัวคนที่เกี่ยวข้องในจวนเจ้าเมืองมาให้หมด ผู้ใดขัดขืน ฆ่าได้ทันที!”“รับทราบ!”อู่จ้านสีหน้าจริงจัง พาทหารสามร้อยคนและมือหน้าไม้ร้อยคนขี่ม้าศึกไปทางเมืองหลิงปี้อย่างว่องไวทันที!”ซี้ด...ครั้นเห็นภาพนี้ ชาวบ้านรอบด้านต่างใจเย็นไม่ได้แล้ว แม้เมืองหลิงปี้จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ เจ้าเมืองก็เป็นแค่ขุนนางราชสำนักระดับเจ็ด หากเป็นขุนนางราชสำนักที่กำกับดูแลโดยตรงฉินอวิ๋นฟานถึงขั้นลงมือกับจวนเจ้าเมืองหลิงปี้ด้วยความเร็วสายฟ้าแลบ เห็นชัดว่าต้องมีคนดวงจู๋ วิธีการของรัชทายาทช่างเป็นฝันร้ายของผู้กระทำมิชอบทุจริตจำนวนมากโดยแท้จังหวะที่เซียวเทียนติ่งเห็นทหารสามพันคนเต็ม ๆ มาถึงก็เข่าอ่อนทันที ความสิ้นหวังอัดแน่นอยู่ในใจ เขาเสียใจนัก ทำไมตัวเองต้องเอาตัวลงบ่อน้ำขุ่นนี้ด้วย? ทั้งเสียใจที่พูดกับถ้อยคำเหล่านั้นกับฉิ
“ขอบคุณรัชทายาทที่เป็นห่วง ข้าแค่ถูกตบหน้าทีเดียวเท่านั้น ไม่เป็นอะไรมากหรอก”หลู่เซียงหลิงได้รับความห่วงใย อย่าให้บอกเลยว่ารู้สึกหวานชื่นแค่ไหน แม้นางจะถูกตบหน้าทีหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับที่ฉินอวิ๋นฟานเกรี้ยวโกรธหวานหลุดอีกหน ประหารผู้ใช้กำลังทันทีแล้ว บาดเจ็บเล็กน้อยนี้ไม่พอให้เอ่ยถึง“ก็บอกแล้วว่าต่อไปให้เรียกว่าพี่อวิ๋นฟานเหมือนจิ่นเอ๋อร์ เรียกรัชทายาทดูห่างเหินจังเลย ข้าไม่ชอบ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้าตาจริงจัง“อืม เซียงหลิงทราบแล้ว” หลู่เซียงหลิงเม้มริมฝีปาก พูดอย่างกระดากเล็กน้อย“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็ลองเล่ามาเถิดว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้ ข้าจะชำระคดีความตรงนี้นี่แหละ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นงาน“อื้ม!”หลู่เซียงหลิงมาถึงข้างตัวหวังอันสือแล้วเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “อาจารย์หวัง พวกท่านเป็นยังไงบ้าง ยังไหวหรือไม่?”ตอนนี้หวังอันสือเจ็บปวดไปทั้งตัว ยังดีที่ไม่บาดเจ็บรุนแรง เขากะเผลกขาลุกขึ้นยืนแล้วจึงตอบหน้าเจื่อน “บาดเจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอก”“เช่นนี้ก็ดี รัชทายาทให้ท้ายพวกเราด้วยตนเอง ในที่สุดความไม่เป็นธรรมของหวังเสี่ยวเหลยจะได้กระจ่างแล้ว”หลู่เซียงหลิงรีบพูด “พวก
เซียวเทียนติ่งห่อเหี่ยวใจโดยสิ้นเชิงแล้ว นิสัยกัดไม่ปล่อยของฉินอวิ๋นฟานทำให้เขาอัดอั้นตันใจถึงขีดสุดก่อนหน้านี้หลู่เซียงหลิงเกือบต้องแปดเปื้อนเพราะอ๋องน้อย ฉินอวิ๋นฟานวาวโรจน์กวานหลุดเขาเข้าใจได้ บัดนี้ชาวบ้านต่ำต้อยตายแค่คนเดียว ต้องถึงกับกัดไม่ปล่อยเชียวหรือ? เพื่อเด็กชาวบ้านคนหนึ่ง จางหยิงชุนสามีน้องสาวญาติทางแม่ของเขาถูกฉินอวิ๋นฟานฆ่าตายอย่างคับข้องใจแล้ว หรือว่านี่ยังไม่พอ? ในฐานะที่เป็นรัชทายาทของต้าเฉียน แยกแยะไม่ถูกว่าใครคือคนกันเองหรือ?“เซียวเทียนติ่ง ข้าจำได้ว่าเจ้าเพิ่งบอกว่าข้าข่มเหงรังแกขุนนางต้าเฉียน บอกว่าข้าวางอำนาจบาตรใหญ่ บอกว่าข้าย่ำยีศักดิ์ศรีของผู้อื่น ไม่ผิดกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานมองไปทางเซียวเทียนติ่งแล้วถามต่อ และนี่ยังเป็นคำพูดที่เซียวเทียนติ่งเพิ่งกล่าวออกมาเองด้วย“ข้าน้อย...”นาทีนี้เซียวเทียนติ่งหัวใจหล่นตุบ อยากพูดแต่ก็หยุดอีก เขายังกล้าต่อปากต่อคำกับฉินอวิ๋นฟานที่ไหน? การแข็งข้อกับฉินอวิ๋นฟานในเวลานี้ ผลลัพธ์เกรงว่ามีแต่ต้องตายสถานเดียว“เซียวเทียนติ่ง เจ้าเป็นขุนนางของราชสำนัก เป็นเสาหลักของสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียน เป็นเข็มศักดิ์สิทธิ์ของท้องสมุทร ก
ในที่สุดฉินอวิ๋นฟานก็ตระหนักถึงต้นตอของปัญหา เขาเอ่ยเสียงเย็น “นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเจ้าขุนนางปกป้องกัน ทำผิดกฎหมายทั้งที่รู้ ไม่สนใจชีวิตของผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”เซียวเทียนติ่งหรือจะไม่เข้าใจความคิดของฉินอวิ๋นฟาน? เขาส่ายหน้าพูด “พวกเราทุกคนต่างรู้ว่าการทำเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง และเข้าใจความคิดของท่าน แต่โลกในปัจจุบัน แคว้นใดบ้างที่ไม่เป็นเช่นนี้? ในสังคมที่ทะยานอยากในทรัพย์ ผู้ใดสามารถขัดเกลาคุณธรรมของตัวเอง?”“เมื่อปรากฏแสงดาวในโลกที่ถูกความมืดมิดปกคลุม นั่นก็คือความผิด หากไม่เลือกเดินทางตามกระแสหลักก็จะถูกเห็นว่าแปลกแยก ไม่มีวันงอกเงย ถูกกีดกันต่าง ๆ นานา กระทั่งยังอาจมีอันตรายถึงชีวิต”ตอนนี้ในใจของเซียวเทียนติ่งเปี่ยมไปด้วยความไม่ยินยอม เขาที่เพิ่งย่างเท้าขึ้นสู่เส้นทางอันรุ่งโรจน์ มีหรือจะไม่เคยมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่ความจริงกลับตีแสกกลางหน้าเขา ประสบการณ์ที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีทำให้อุดมการณ์ของเขาเลือนหายไปนานแล้ว กลายเป็นกรงเล็บข้างตัวเฮ่อชินอ๋องถ้อยคำนี้ของเซียวเทียนติ่งทำให้ฉินอวิ๋นฟานมิอาจสงบได้อยู่นาน พวกเขาอยู่ในมุมที่ต่างกัน แสดงความเห็นจากใจจริงต่อกันขณะเดียวกันฉินอวิ๋น
“นี่ นี่หมายความว่ายังไง?!”ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวออกมา เซียวเทียนติ่งพลันตกตะลึงตอนนี้ฉินอวิ๋นฟานเรียกได้ว่าเป็นดวงตะวันกลางฟ้า สร้างปาฏิหาริย์ด้านเศรษฐกิจครั้งแล้วครั้งเล่า หลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที ทำให้คุณภาพชีวิตของตระกูลใหญ่ต่าง ๆ เพิ่มระดับถึงขีดสุดด้านดินแดน ฉินอวิ๋นฟานใช้กำลังเพียงคนเดียวชิงเมืองอู่โจวซึ่งเป็นเมืองเส้นทางการค้าของต้าเฉียนกลับมาจากเงื้อมมือของราชวงศ์ต้าเยียนซึ่งเป็นแคว้นใหญ่อันดับหนึ่งของโลก มิหนำซ้ำยังทำลายแผนการร้ายของต้าเยียนอีกด้านชีวิตประชาชน ฉินอวิ๋นฟานควักกระเป๋าตัวเองเพิ่มสวัสดิการให้กับขุนนางใหญ่ต่าง ๆ พัฒนาเมืองจัวรอบด้าน บุกเบิกที่ดินเนินเขา เพียงฤดูกาลทำนาเดียวก็สามารถทำให้ประชาชนได้อยู่ดีกินดีด้านกฎหมาย ฉินอวิ๋นฟานปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ความสามารถในการปฏิบัติชวนให้คนตะลึงอย่างยิ่งยวด จัดการกับลูกหลานคหบดีเสเพลที่ประพฤติชั่วเหล่านั้นอย่างเด็ดขาด ปราศจากการประนีประนอม เพิกเฉยต่ออำนาจเผด็จการแม้บรรดาตระกูลใหญ่จะไม่พอใจ มีความเห็นอย่างหนักกับฉินอวิ๋นฟาน หากภาพลักษณ์ในใจ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ