เยียนอวี่เฉินเห็นทุกคนช่วยนางพูด สีหน้าจึงผ่อนคลายลงหน่อยหนึ่ง แต่นางยังจ้องฉินอวิ๋นฟานเขม็งเหมือนเดิม ดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะเผชิญหน้าอย่างไร“ต้าเหลียงข้าสนับสนุนทุกการตัดสินใจของรัชทายาทต้าเฉียน ยินดีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้ากับเครือเหิงไท่ และตัดขาดการค้าทั้งหมดกับต้าเยียน!”ตอนนี้เอง เหลียงจื่อฝูลุกขึ้นยืนคนแรก สนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวิ๋นฟานทุกอย่าง ก็ฉินอวิ๋นฟานคือหลานชายของนางนี่นะ คือบุรุษเผด็จการที่มีสติปัญญามากแผนการทั้งกล้าหาญอยู่ในตัว หากนางไม่ลุกขึ้นยืนสนับสนุน แล้วใครจะสนับสนุน?เหลียงจื่อฝูกล่าวจบก็ได้รับสายตาแปลกออกไปนับไม่ถ้วน การตัดสินใจเช่นนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น ทันทีที่ตัดสินใจก็หมายถึงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราชวงศ์ต้าเยียน“แคว้นเหมียวซีเจียงเราก็สนับสนุนทุกการตัดสินใจของรัชทายาทต้าเฉียนเช่นกัน! นับจากวันนี้จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเครือเหิงไท่ต้าเฉียน!”ขณะทุกคนกำลังประหลาดใจ เสียงเด็ดขาดหนึ่งดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงเติ้งซูหมิงในชุดทะมัดทะแมงเด็ดขาด องอาจสง่างาม นางกล่าวด้วยสายตาแน่วแน่ “นับจากวันนี้ แคว้นเหมียวซีเจียงจะยุติการส่งผ้าไหมแ
ฉินอวิ๋นฟานคิดอยู่แล้วว่าเยียนอวี่เฉินต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ กับคำถามของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานคิดแผนรับมือล่วงหน้าแล้ว เขายังกลัวว่าเยียนอวี่เฉินจะถามอีกหรือ?เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานถามด้วยท่าทางน่าทึ่ง “ขอถามองค์หญิงสามต้าเยียน ท่านทราบหรือไม่ว่าจางหมาจื่อหัวหน้ากองโจรคือสุนัขรับใช้ตระกูลหลัวซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพของต้าเยียน?”“เอ่อ...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดถึงจางหมาจื่อ เยียนอวี่เฉินพลันสะดุ้ง เรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก ทำไมฉินอวิ๋นฟานถึงรู้ได้? แถมฉินอวิ๋นฟานยังพูดออกมาต่อหน้าผู้คน เห็นชัดว่าเขารู้ความจริงบางอย่าง แล้วนี่จะให้นางตอบอย่างไร?“เหอะ ดูจากสีหน้าลำบากใจของท่านก็คือรู้อยู่เต็มอก แต่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามยังไงดีกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าฉินอวิ๋นฟานจะตอบแทนท่านก็แล้วกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียดสี “หนึ่งปีกว่าก่อน เสด็จพ่อของข้าประชวรหนัก จู่ ๆ เมืองอู่โจวก็มีเรื่องโจรถ่อยปล้นสินค้า สองแคว้นเจรจาจนแตกหัก สุดท้ายต้าเยียนจึงใช้ทหารกับต้าเฉียน ยึดเมืองอู่โจวของเราไป”“ส่วนคนที่ก่อเรื่องนี้ก็คือจางหมาจื่อ และจางหมาจื่อก็คือสุนัขตัวหนึ่งของตระกูลหลัวต้าเยียน ท่านว่า... สองเรื่องนี้ค
นางพูดทั้งขอบตาแดง “ฉินอวิ๋นฟาน เรื่องนี้ข้าพิจารณาไม่รอบคอบเอง ท่านเป็นลูกผู้ชาย กลับกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย สนุกนักหรือ?”“อ้อ?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วตอบ “ได้ เช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องสนุกอีกเรื่องแล้วกัน ตอนที่ท่านมาเมืองอู่โจวน่าจะเห็นหัวของหลัวเทียนเป้ากับจางหมาจื่อแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดเรื่องนี้ยังดี พอพูดเยียนอวี่เฉินไฟโกรธสุมทรวง อย่างไรหลัวเทียนเป้าก็เป็นแม่ทัพยศสูงของต้าเยียน ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่สังหารเขา ยังแขวนศีรษะของเขาบนกำแพงเมืองอีก นั่นคือการฉีกหน้าต้าเยียนชัดเจน ทำเกินไปที่สุด!“พวกเขาสมคบคิดกระทำชั่วด้วยกัน คิดจะใช้เรื่องการปราบโจรซุ่มฆ่าข้าระหว่างทาง ยังดีที่ข้าฉินอวิ๋นฟานดวงแข็ง แม้จะตกหน้าผา แต่ก็ไม่ตาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดทั้งหน้าตาขึงขัง “ขอถามองค์หญิงเยียนอวี่เฉิน ท่านคงไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องนี้กระมัง?”“ข้า...”ยามนี้ต่อให้เยียนอวี่เฉินมีร้อยปากก็แก้ต่างไม่ได้ นางคือผู้รับผิดชอบการส่งมอบเมืองอู่โจวในครั้งนี้ เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่านางจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะถ้านางเป็นอีกฝ่าย นางก็ไม่เชื่อคำอธิบายใด ๆ ของตัวเองเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินอว
“นี่ นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจเช่นนี้ ลึกลับเช่นนี้ เยียนอวี่เฉินใบหน้าสับสน ลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาในหัวใจเดี๋ยวนั้น สัญชาตญาณบอกนางว่าฉินอวิ๋นฟานต้องเตรียมตัวมาแน่“หมายความว่ายังไง? อีกเดี๋ยวท่านก็จะได้รู้แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานมองเยียนอวี่เฉินอย่างเฉยชา ก่อนจะหันไปมองบรรดาองค์ชายและกล่าวขึ้นว่า “ทุกท่าน คาดว่าทุกท่านเดินทางมาไกลเช่นนี้ ต้องมาพร้อมกับความจริงใจแน่ ไม่เพียงแต่ต้องการร่วมมือด้านเกลือบริโภคชั้นดีและอู่เหลียงเย่ ยิ่งอยากได้กำลังงาม ข้าพูดถูกหรือไม่?”“ถูกต้อง!”“มิผิด!”เหล่าองค์ชายไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่พวกเขาไม่ปฏิเสธคำกล่าวนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ที่ราชวงศ์ต่าง ๆ ทำเช่นนี้ก็เพื่อผูกขาดการค้ากำไรงามในแคว้นให้ได้มากที่สุด“ดี ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้ามั่นใจ “เช่นนั้นข้าขอถามทุกท่านอีกคำถาม จากมุมมองของแคว้นมั่งคั่ง หากเปรียบเทียบระหว่างการเพิ่มปริมาณการผลิตกับเกลือละเอียดและอู่เหลียงเย่ อะไรสำคัญกว่า?”เมื่อคำนี้ออกมาจากปาก เหล่าราชนิกุลทั้งหลายต่างงุนงงไปกันหมด สองสิ่งนี้ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้กระมัง? โลกในปัจจุบันเพียรพย
ฮือฮา!!!!ครั้นฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมาก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นแตกตื่นกันทันที จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เปิดประตูการค้าออกกว้าง ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไม่หยุด ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมอบเกลือละเอียดและอู่เหลียงเย่ในปริมาณมาก สำหรับบ้านเมืองของพวกเขา มันเรียกได้ว่าหนึ่งวันเงินเข้าเป็นกระบุง!“สหายอวิ๋นฟาน เรื่องนี้จริงหรือ?!”หนานฮ่าวหยางพูดด้วยหน้าตาตื่นเต้น “พวกเรารอคำพูดนี้ของท่านมานานเหลือเกิน หากท่านยินดีเปิดกว้างจริง พวกเราราชวงศ์หนานเจียงยินดีสร้างเส้นทางการค้าและยินดีจ่ายเงินก้อนนี้ด้วย!” “แต่ตอนนี้ข้ามีข้อสงสัยสองเรื่อง หนึ่ง เรื่องตัดขาดการค้ากับต้าเยียนอย่างเด็ดขาดคือเรื่องใหญ่ พวกเรายากจะให้คำตอบเรื่องนี้ทันที”“สอง การสร้างถนนคืองานที่ต้องทุ่มทั้งเงินและเวลา และถึงจะสร้างเสร็จก็คงเดินทางตามปกติในวันที่ฝนตกไม่ได้อยู่ดี ถ้าสิ่งที่จ่ายไปไม่เท่ากับสิ่งที่รับ เช่นนี้ถนนใหญ่เรียบนี้มิต้องสร้างเปล่าหรือ?”เมื่อหนานฮ่าวหยางกล่าวจบก็มีสมาชิกราชวงศ์อื่นสนับสนุน พวกเขาต่างรู้เรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างถนนดี แต่พวกเขากลัวว่ารายได้จะไม่มากพอ สุดท้ายกลับกลายเป็นงานเอาหน้า นี่จะเปลืองทั้งเงินและกำลัง
“ถูกต้อง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางที่ทำให้คนตื่นตะลึง “ข้ารู้ว่าที่ข้าพูดมาไม่พอให้พวกท่านสนับสนุนการตัดสินใจของข้าเต็มกำลัง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกท่านต้องหวั่นไหวแน่!”“อ้อ? เรื่องอะไรหรือ? รัชทายาทต้าเฉียนเชิญกล่าวมาได้!”เวลานี้ ในสายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เพราะแคว้นต่าง ๆ ทั่วโลกร่ำลือฝีมือของฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว รัชทายาทผู้โง่งมคนหนึ่งโต้กลับอย่างแข็งกร้าว กระทั่งยังอาจเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างแห่งยุค!เขาอาศัยเพียงกำลังของตัวเอง ต่อสู้ทั้งเรื่องสติปัญญาและความหาญกล้ากับสองขั้วอิทธิพลใหญ่ต้าเฉียน ทั้งยังไม่ตกเป็นรองสักนิด งัดลูกไม้ต่าง ๆ ออกมาไม่หมดไม่สิ้น ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงทอดถอนใจฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “เมื่อครู่ข้าได้บอกแล้ว จะให้บ้านเมืองของทุกท่านแข็งแกร่งเหมือนต้าเยียน กระทั่งล้ำหน้าต้าเยียน พวกท่านเห็นว่าอย่างไร?”“เอ่อ... นี่... นี่คงเป็นจริงไม่ได้กระมัง?”“เฮ้อ! ข้ายังนึกว่าเรื่องอะไร ล้ำหน้าต้าเยียนก็ช่างเถอะ ใช่ว่าข้ายกยอคนอื่นแล้วเหยียบย่ำตัวเอง แต่มันไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าต้าเยียนได้ เอาแค่เรื่องปริมาณการผลิตธัญญาหารก็พอ แคว้นพวกเราเท
“เพื่อเล่นงานต้าเยียน ท่านเรียกได้ว่าวางแผนสารพัด พูดดีให้คนเข้าร่วม แต่ความจริงเห็นกันอยู่ชัด ๆ ไยท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย?”กับการเอะอะของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานแค่ปรายตาไปมองนางแวบหนึ่งเท่านั้น ดวงหน้ารูปไข่ที่ชวนให้คนอยากกระทำผิดช่างน่าหลงใหล แถมท่าทางตะบึงตะบอนของนางก็มีเสน่ห์มาก พอนึกถึงวิธีการทำร้ายหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยมแล้วก็ชักจะทำไม่ลง“เฮ้อ!”เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานถอนหายใจเบา ๆ “ทุกท่าน ตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวท้ายฤดูใบไม้ร่วงของต้าเฉียนพอดี เทียบกับการเปลืองน้ำลายอยู่ที่นี่ เหตุใดพวกท่านจึงไม่รีบส่งคนไปดูสักหน่อย? ไม่เสียเวลาพวกท่านเท่าไรหรอก เห็นก็รู้แล้ว ไยต้องอธิบาย?”“ช่วงเก็บเกี่ยวท้ายฤดูใบไม้ร่วงก็จริง แต่...”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพูดถึงขั้นนี้ แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คนลังเล เพราะผลผลิตหมู่ละหนึ่งพันสองร้อยกว่าชั่งแทบจะเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่มีความจำเป็นต้องดูเลยด้วยซ้ำถ้าใครเชื่อคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน ก็คือถูกฉินอวิ๋นฟานล้างสมองแล้ว“เสียวฟาน เจ้าไม่ได้ล้อพวกเราเล่นกระมัง? เพิ่มผลผลิตเจ็ดเท่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”เหลียงจื่อฝูลุกขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว นางพูดอย่างกังวลนิด ๆ “ถ้าแคว้
การสนับสนุนเต็มกำลังจากเหลียงจื่อฝูและเติ้งซูหมิงทำให้หัวใจของฉินอวิ๋นฟานพลันรู้สึกอบอุ่นถึงเขาจะมีหลาย ๆ วิธีพิสูจน์ว่าต้นข้าวที่เขาคิดค้นขึ้นมามีปริมาณการผลิตมากกว่า เม็ดข้าวอวบอิ่มมากกว่า มีข้อดีมากกว่า แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยการวางแผนหลอกกันไปหลอกกันมา การที่จู่ ๆ ก็มีคนเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยช่างหาได้ยากและล้ำค่านัก“ก็ได้! ไปดูหน่อยก็ไม่เป็นไร!”เห็นดังนั้นแล้วราชนิกุลแคว้นต่างๆ จึงเริ่มดำเนินการ นอกจากต้าเยียนและต้าเฉียน เจ็ดราชวงศ์ที่เหลือต่างส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ ยังมีแคว้นเล็กพอ ๆ กับแคว้นเหมียวแคว้นหนึ่งก็เริ่มดำเนินการอย่างเร่งรีบเหมือนกัน......“รัชทายาท พวกเขาแต่ละคนเจ้าเล่ห์อย่างกับจิ้งจอก ท่านแน่ใจหรือว่าพวกเขาจะร่วมมือกับเราแต่โดยดี”ช่วงพักผ่อน ฉินอวิ๋นฟานเรียกตัวหลิวเป้ย เซียวหยาง เฉินผิง เสิ่นวั่นซานและหยางมี่มา เริ่มหารืองานถัดจากนี้พร้อมมอบหมายภารกิจ แต่หลิวเป้ยได้เห็นท่าทีที่แท้จริงของเหล่าราชนิกุลต่าง ๆ จึงกล่าวความกังวลของตัวเองออกมาทันที“ไม่ร่วมมือ? ไม่หรอก แค่แรงดึงดูดพอ ให้พวกเขาได้ลิ้มลองความหอมหวานแล้ว พวกเขาต้องเลือกร่วมมือกับเราโดยปราศจากความ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ