เพื่อให้ได้เกลือละเอียด แคว้นทั้งหลายพากันเสียงอ่อนขอร้องฉินอวิ๋นฟานเปิดประตูความร่วมมือ แม้ต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าบ้างก็ต้องสร้างความร่วมมือกับฉินอวิ๋นฟานให้จงได้เหล่าตระกูลสูงศักดิ์และบรรดาราชนิกุลในราชวงศ์ต่าง ๆ ทั้งโลก พวกเขาได้รับทุกสิทธิพิเศษ เพลิดเพลินกับการได้สิ่งที่ดีที่สุดอย่าว่าแต่เกลือละเอียด แม้จะเป็นเกลือก้อนสีขาวก็ยังเป็นผลผลิตที่มีจำนวนน้อยและหายากที่สุดของโลก มีเพียงราชนิกุล ตระกูลสูงศักดิ์และคหบดีจึงสามารถบริโภค เกลือบริโภคบริสุทธิ์เช่นนี้มิใช่มีเงินก็ได้มา แต่ต้องมีเส้นสายด้วยการแจ้งเกิดของเกลือละเอียดทำให้พวกเขาร้อนรนดั่งไฟ พวกเขามีอุปสงค์ต่อปากท้องสูงสุด และอุปทานด้านจิตวิญญาณก็เช่นกัน“ในเมื่อทุกท่านก็แสดงจุดยืนชัดเจน เช่นนั้นข้าฉินอวิ๋นฟานจะขอพูดตามตรงเลยนะ!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “จะร่วมมือ ได้! แต่ข้าฉินอวิ๋นฟานมีเงื่อนไข แน่นอน ข้าไม่ได้ต้องการเพียงผลประโยชน์ของต้าเฉียนแต่ไม่ให้ในสิ่งที่เท่าเทียม มิเช่นนั้นก็คือการหลอกลวง”“วันนี้ ข้าไม่เพียงแต่ตั้งเงื่อนไขต่อพวกท่าน แต่จะให้ผลประโยชน์พวกท่านมากขึ้นด้วย!”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวจบ ทุกคนต่างมีสีหน
เยียนอวี่เฉินเห็นทุกคนช่วยนางพูด สีหน้าจึงผ่อนคลายลงหน่อยหนึ่ง แต่นางยังจ้องฉินอวิ๋นฟานเขม็งเหมือนเดิม ดูสิว่าฉินอวิ๋นฟานจะเผชิญหน้าอย่างไร“ต้าเหลียงข้าสนับสนุนทุกการตัดสินใจของรัชทายาทต้าเฉียน ยินดีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้ากับเครือเหิงไท่ และตัดขาดการค้าทั้งหมดกับต้าเยียน!”ตอนนี้เอง เหลียงจื่อฝูลุกขึ้นยืนคนแรก สนับสนุนการตัดสินใจของฉินอวิ๋นฟานทุกอย่าง ก็ฉินอวิ๋นฟานคือหลานชายของนางนี่นะ คือบุรุษเผด็จการที่มีสติปัญญามากแผนการทั้งกล้าหาญอยู่ในตัว หากนางไม่ลุกขึ้นยืนสนับสนุน แล้วใครจะสนับสนุน?เหลียงจื่อฝูกล่าวจบก็ได้รับสายตาแปลกออกไปนับไม่ถ้วน การตัดสินใจเช่นนี้มิใช่เรื่องล้อเล่น ทันทีที่ตัดสินใจก็หมายถึงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราชวงศ์ต้าเยียน“แคว้นเหมียวซีเจียงเราก็สนับสนุนทุกการตัดสินใจของรัชทายาทต้าเฉียนเช่นกัน! นับจากวันนี้จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเครือเหิงไท่ต้าเฉียน!”ขณะทุกคนกำลังประหลาดใจ เสียงเด็ดขาดหนึ่งดังขึ้น เมื่อทุกคนหันไปมอง เห็นเพียงเติ้งซูหมิงในชุดทะมัดทะแมงเด็ดขาด องอาจสง่างาม นางกล่าวด้วยสายตาแน่วแน่ “นับจากวันนี้ แคว้นเหมียวซีเจียงจะยุติการส่งผ้าไหมแ
ฉินอวิ๋นฟานคิดอยู่แล้วว่าเยียนอวี่เฉินต้องมีปฏิกิริยาเช่นนี้ กับคำถามของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานคิดแผนรับมือล่วงหน้าแล้ว เขายังกลัวว่าเยียนอวี่เฉินจะถามอีกหรือ?เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานถามด้วยท่าทางน่าทึ่ง “ขอถามองค์หญิงสามต้าเยียน ท่านทราบหรือไม่ว่าจางหมาจื่อหัวหน้ากองโจรคือสุนัขรับใช้ตระกูลหลัวซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพของต้าเยียน?”“เอ่อ...”เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดถึงจางหมาจื่อ เยียนอวี่เฉินพลันสะดุ้ง เรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก ทำไมฉินอวิ๋นฟานถึงรู้ได้? แถมฉินอวิ๋นฟานยังพูดออกมาต่อหน้าผู้คน เห็นชัดว่าเขารู้ความจริงบางอย่าง แล้วนี่จะให้นางตอบอย่างไร?“เหอะ ดูจากสีหน้าลำบากใจของท่านก็คือรู้อยู่เต็มอก แต่ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามยังไงดีกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าฉินอวิ๋นฟานจะตอบแทนท่านก็แล้วกัน”ฉินอวิ๋นฟานพูดเสียดสี “หนึ่งปีกว่าก่อน เสด็จพ่อของข้าประชวรหนัก จู่ ๆ เมืองอู่โจวก็มีเรื่องโจรถ่อยปล้นสินค้า สองแคว้นเจรจาจนแตกหัก สุดท้ายต้าเยียนจึงใช้ทหารกับต้าเฉียน ยึดเมืองอู่โจวของเราไป”“ส่วนคนที่ก่อเรื่องนี้ก็คือจางหมาจื่อ และจางหมาจื่อก็คือสุนัขตัวหนึ่งของตระกูลหลัวต้าเยียน ท่านว่า... สองเรื่องนี้ค
นางพูดทั้งขอบตาแดง “ฉินอวิ๋นฟาน เรื่องนี้ข้าพิจารณาไม่รอบคอบเอง ท่านเป็นลูกผู้ชาย กลับกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย สนุกนักหรือ?”“อ้อ?”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วตอบ “ได้ เช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องสนุกอีกเรื่องแล้วกัน ตอนที่ท่านมาเมืองอู่โจวน่าจะเห็นหัวของหลัวเทียนเป้ากับจางหมาจื่อแล้วกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานไม่พูดเรื่องนี้ยังดี พอพูดเยียนอวี่เฉินไฟโกรธสุมทรวง อย่างไรหลัวเทียนเป้าก็เป็นแม่ทัพยศสูงของต้าเยียน ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่สังหารเขา ยังแขวนศีรษะของเขาบนกำแพงเมืองอีก นั่นคือการฉีกหน้าต้าเยียนชัดเจน ทำเกินไปที่สุด!“พวกเขาสมคบคิดกระทำชั่วด้วยกัน คิดจะใช้เรื่องการปราบโจรซุ่มฆ่าข้าระหว่างทาง ยังดีที่ข้าฉินอวิ๋นฟานดวงแข็ง แม้จะตกหน้าผา แต่ก็ไม่ตาย!”ฉินอวิ๋นฟานพูดทั้งหน้าตาขึงขัง “ขอถามองค์หญิงเยียนอวี่เฉิน ท่านคงไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องนี้กระมัง?”“ข้า...”ยามนี้ต่อให้เยียนอวี่เฉินมีร้อยปากก็แก้ต่างไม่ได้ นางคือผู้รับผิดชอบการส่งมอบเมืองอู่โจวในครั้งนี้ เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่านางจะอธิบายอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะถ้านางเป็นอีกฝ่าย นางก็ไม่เชื่อคำอธิบายใด ๆ ของตัวเองเหมือนกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินอว
“นี่ นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจเช่นนี้ ลึกลับเช่นนี้ เยียนอวี่เฉินใบหน้าสับสน ลางสังหรณ์ร้ายผุดขึ้นมาในหัวใจเดี๋ยวนั้น สัญชาตญาณบอกนางว่าฉินอวิ๋นฟานต้องเตรียมตัวมาแน่“หมายความว่ายังไง? อีกเดี๋ยวท่านก็จะได้รู้แล้ว”ฉินอวิ๋นฟานมองเยียนอวี่เฉินอย่างเฉยชา ก่อนจะหันไปมองบรรดาองค์ชายและกล่าวขึ้นว่า “ทุกท่าน คาดว่าทุกท่านเดินทางมาไกลเช่นนี้ ต้องมาพร้อมกับความจริงใจแน่ ไม่เพียงแต่ต้องการร่วมมือด้านเกลือบริโภคชั้นดีและอู่เหลียงเย่ ยิ่งอยากได้กำลังงาม ข้าพูดถูกหรือไม่?”“ถูกต้อง!”“มิผิด!”เหล่าองค์ชายไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่พวกเขาไม่ปฏิเสธคำกล่าวนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ที่ราชวงศ์ต่าง ๆ ทำเช่นนี้ก็เพื่อผูกขาดการค้ากำไรงามในแคว้นให้ได้มากที่สุด“ดี ดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้ามั่นใจ “เช่นนั้นข้าขอถามทุกท่านอีกคำถาม จากมุมมองของแคว้นมั่งคั่ง หากเปรียบเทียบระหว่างการเพิ่มปริมาณการผลิตกับเกลือละเอียดและอู่เหลียงเย่ อะไรสำคัญกว่า?”เมื่อคำนี้ออกมาจากปาก เหล่าราชนิกุลทั้งหลายต่างงุนงงไปกันหมด สองสิ่งนี้ไม่อาจนำมาเปรียบเทียบได้กระมัง? โลกในปัจจุบันเพียรพย
ฮือฮา!!!!ครั้นฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมาก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นแตกตื่นกันทันที จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็เปิดประตูการค้าออกกว้าง ทำให้ทุกคนตื่นเต้นไม่หยุด ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานส่งมอบเกลือละเอียดและอู่เหลียงเย่ในปริมาณมาก สำหรับบ้านเมืองของพวกเขา มันเรียกได้ว่าหนึ่งวันเงินเข้าเป็นกระบุง!“สหายอวิ๋นฟาน เรื่องนี้จริงหรือ?!”หนานฮ่าวหยางพูดด้วยหน้าตาตื่นเต้น “พวกเรารอคำพูดนี้ของท่านมานานเหลือเกิน หากท่านยินดีเปิดกว้างจริง พวกเราราชวงศ์หนานเจียงยินดีสร้างเส้นทางการค้าและยินดีจ่ายเงินก้อนนี้ด้วย!” “แต่ตอนนี้ข้ามีข้อสงสัยสองเรื่อง หนึ่ง เรื่องตัดขาดการค้ากับต้าเยียนอย่างเด็ดขาดคือเรื่องใหญ่ พวกเรายากจะให้คำตอบเรื่องนี้ทันที”“สอง การสร้างถนนคืองานที่ต้องทุ่มทั้งเงินและเวลา และถึงจะสร้างเสร็จก็คงเดินทางตามปกติในวันที่ฝนตกไม่ได้อยู่ดี ถ้าสิ่งที่จ่ายไปไม่เท่ากับสิ่งที่รับ เช่นนี้ถนนใหญ่เรียบนี้มิต้องสร้างเปล่าหรือ?”เมื่อหนานฮ่าวหยางกล่าวจบก็มีสมาชิกราชวงศ์อื่นสนับสนุน พวกเขาต่างรู้เรื่องค่าใช้จ่ายในการสร้างถนนดี แต่พวกเขากลัวว่ารายได้จะไม่มากพอ สุดท้ายกลับกลายเป็นงานเอาหน้า นี่จะเปลืองทั้งเงินและกำลัง
“ถูกต้อง!”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยท่าทางที่ทำให้คนตื่นตะลึง “ข้ารู้ว่าที่ข้าพูดมาไม่พอให้พวกท่านสนับสนุนการตัดสินใจของข้าเต็มกำลัง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกท่านต้องหวั่นไหวแน่!”“อ้อ? เรื่องอะไรหรือ? รัชทายาทต้าเฉียนเชิญกล่าวมาได้!”เวลานี้ ในสายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เพราะแคว้นต่าง ๆ ทั่วโลกร่ำลือฝีมือของฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว รัชทายาทผู้โง่งมคนหนึ่งโต้กลับอย่างแข็งกร้าว กระทั่งยังอาจเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างแห่งยุค!เขาอาศัยเพียงกำลังของตัวเอง ต่อสู้ทั้งเรื่องสติปัญญาและความหาญกล้ากับสองขั้วอิทธิพลใหญ่ต้าเฉียน ทั้งยังไม่ตกเป็นรองสักนิด งัดลูกไม้ต่าง ๆ ออกมาไม่หมดไม่สิ้น ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงทอดถอนใจฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “เมื่อครู่ข้าได้บอกแล้ว จะให้บ้านเมืองของทุกท่านแข็งแกร่งเหมือนต้าเยียน กระทั่งล้ำหน้าต้าเยียน พวกท่านเห็นว่าอย่างไร?”“เอ่อ... นี่... นี่คงเป็นจริงไม่ได้กระมัง?”“เฮ้อ! ข้ายังนึกว่าเรื่องอะไร ล้ำหน้าต้าเยียนก็ช่างเถอะ ใช่ว่าข้ายกยอคนอื่นแล้วเหยียบย่ำตัวเอง แต่มันไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าต้าเยียนได้ เอาแค่เรื่องปริมาณการผลิตธัญญาหารก็พอ แคว้นพวกเราเท
“เพื่อเล่นงานต้าเยียน ท่านเรียกได้ว่าวางแผนสารพัด พูดดีให้คนเข้าร่วม แต่ความจริงเห็นกันอยู่ชัด ๆ ไยท่านต้องทำเช่นนี้ด้วย?”กับการเอะอะของเยียนอวี่เฉิน ฉินอวิ๋นฟานแค่ปรายตาไปมองนางแวบหนึ่งเท่านั้น ดวงหน้ารูปไข่ที่ชวนให้คนอยากกระทำผิดช่างน่าหลงใหล แถมท่าทางตะบึงตะบอนของนางก็มีเสน่ห์มาก พอนึกถึงวิธีการทำร้ายหญิงสาวอย่างโหดเหี้ยมแล้วก็ชักจะทำไม่ลง“เฮ้อ!”เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานถอนหายใจเบา ๆ “ทุกท่าน ตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวท้ายฤดูใบไม้ร่วงของต้าเฉียนพอดี เทียบกับการเปลืองน้ำลายอยู่ที่นี่ เหตุใดพวกท่านจึงไม่รีบส่งคนไปดูสักหน่อย? ไม่เสียเวลาพวกท่านเท่าไรหรอก เห็นก็รู้แล้ว ไยต้องอธิบาย?”“ช่วงเก็บเกี่ยวท้ายฤดูใบไม้ร่วงก็จริง แต่...”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะพูดถึงขั้นนี้ แต่ก็ยังมีหลาย ๆ คนลังเล เพราะผลผลิตหมู่ละหนึ่งพันสองร้อยกว่าชั่งแทบจะเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่มีความจำเป็นต้องดูเลยด้วยซ้ำถ้าใครเชื่อคำพูดของฉินอวิ๋นฟาน ก็คือถูกฉินอวิ๋นฟานล้างสมองแล้ว“เสียวฟาน เจ้าไม่ได้ล้อพวกเราเล่นกระมัง? เพิ่มผลผลิตเจ็ดเท่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ”เหลียงจื่อฝูลุกขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว นางพูดอย่างกังวลนิด ๆ “ถ้าแคว้
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว