กับสายตาที่เต็มไปด้วยการบุกรุกขององค์ชายใหญ่ หยางมี่รักษากิริยานอบน้อมเสมอต้นเสมอปลาย นี่ก็คือลักษณะที่เหนือคนทั่วไปของนาง ภายใต้การนำของหยางมี่ ไม่นานทั้งสามก็มาถึงห้องส่วนตัวกว้างขวางและเต็มไปด้วยการตกแต่งแบบโบราณบนโต๊ะในห้องส่วนตัวโอ่อ่ามีเพียงฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฮุยและฉินอวิ๋นคังสามพี่น้อง นี่คือการชุมนุมด้วยรูปแบบนี้เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ หนำซ้ำพวกเขายังเป็นคู่ต่อสู้ชิงบัลลังก์รายใหญ่ที่สุดด้วย ส่วนองครักษ์คนสนิทอื่นรออยู่หน้าห้องครั้นรู้ว่าพวกฉินอวิ๋นฟานจะมาถึงในหนึ่งก้านธูป หยางมี่ก็เตรียมอาหารเต็มโต๊ะล่วงหน้าแล้ว ครั้งพวกฉินอวิ๋นฟานนั่งลงก็เริ่มยกอาหารขึ้นโต๊ะ“ดี ดีมาก หยางมี่ เจ้าเก่งจริง ๆ ข้าชอบเจ้านัก หรือไม่ต่อไปเจ้าก็ติดตามข้าเถอะ ข้าจะให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายกินดีอยู่ดี”ฉินอวิ๋นคังมองไปทางหยางมี่อีกครั้ง พูดอย่างทะยานอยากที่สุด“ไอ้หยา องค์ชายใหญ่ ท่านล้อเล่นอีกแล้ว หยางมี่เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ชาติกำเนิดต่ำต้อย สามารถถูกองค์ชายใหญ่ชมได้คือเกียรติของข้าน้อยในชาตินี้แล้ว ไหนเลยยังกล้าหวังอะไรอีก?”ถูกองค์ชายใหญ่ดึงเข้าพวกต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน หยางมี่ก็ต
ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง “เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกเราพี่น้อง ข้าคิดแล้วรู้สึกว่าจะใจแคบไม่ได้ ข้าจะไปเอาอู่เหลียงเย่ระดับพิเศษที่เก็บเอาไว้มาร่วมดื่มด่ำกับพี่ชายทั้งสองแล้วกัน”“อู่เหลียงเย่ระดับพิเศษ?”พอองค์ชายใหญ่ได้ยินก็หูผึ่ง ในฐานะที่เป็นขุนศึกเลือดเหล็กคนหนึ่ง สุราคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ยิ่งหลงใหลสุราดีที่สุด ถ้ามีอู่เหลียงเย่ชั้นยอดจริง เขาย่อมคาดหวัง“ข้าจะไปเอาเดี๋ยวนี้แหละ”ว่าแล้วฉินอวิ๋นฟานก็เดินออกห้องส่วนตัวไปและกลับมาพร้อมกับไหสุราลายครามงามวิจิตรใบเล็กในมือในช่วงเวลาหนึ่งครู่ ดูแล้วมีระดับมาก“โอ๊ะ น้องเจ็ด เจ้านี่ไม่ไหวเลยนะ เหล้าดีอย่างนี้กลับมุบมิบ?”องค์ชายใหญ่เห็นดังนั้นก็แยกเขี้ยวยิงฟันพูดทันทีหากองค์ชายรองที่อยู่ด้านข้างกลับระแวง ไม่มีทีท่าว่าอยากดื่มสักนิด เพราะตัวอยู่นอกบ้าน ความปลอดภัยคืออันดับหนึ่ง เขากับฉินอวิ๋นฟานมีความสัมพันธ์เป็นคู่แข่งกัน เขาไม่เชื่อถือสุราใด ๆ ที่ฉินอวิ๋นฟานเอามาทั้งนั้น“น้องเจ็ด เหล้านี่... ไม่มีปัญหานะ?”ฉินอวิ๋นฮุยถามเสียงชืด“หือ?”ครั้นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฮุย รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินอวิ๋
องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังยังคงจมอยู่กับความปีติกับสุรารสเลิศ ไม่เข้าใจความหมายแฝงของฉินอวิ๋นฟาน เขาแทบอยากยกสุราในจอกให้หมดแบบอดรนทนไม่ไหว“เหล้าดี เหล้าดีจริง ๆ!”องค์ชายใหญ่มิได้สนใจคำขอขมาเมื่อครู่ของฉินอวิ๋นฟาน จังหวะที่อู่เหลียงเย่ลงถึงท้อง เขารู้สึกสดชื่นทั้งคน ในใจได้รับการเติมเต็มแบบสุด ๆแม้อู่เหลียงเย่ในครั้งนี้จะไม่ต่างอะไรกับครั้งก่อน แต่ฉินอวิ๋นฟานเติมสิ่งหนึ่งลงไปในนั้นนิด ๆ ดังนั้นรสชาติจึงพิเศษออกไปเล็กน้อย แต่องค์ชายใหญ่หรือจะรู้สึกถึงรายละเอียดนั้น?“เชอะ จริงหรือเปล่า?”องค์ชายรองที่อยู่ด้านข้างกลับสีหน้าอึมครึม ในใจเจ็บจี๊ด ๆ จะให้เขาก้มหัวขอสุราดื่ม? ไม่มีทางเสียหรอก! แต่ความยั่วยวนของสุรามันทำให้เขาร้อนรุ่มจริง ๆ มีความรู้สึกคันไม้คันมือน้ำลายสอแต่พวกเขากลับไม่รู้เลย เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานจะทำต่อไปนี้จะทำให้พวกเขาทั้งสองผิดใจเป็นศัตรูกันอีกครั้งฉินอวิ๋นฟานเห็นบรรยากาศได้ที่แล้ว จึงสวมบทดาราเจ้าบทบาททันที พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “พี่ใหญ่ ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ความจริงข้าควรขอโทษและบอกความจริงกับท่านต่อหน้านานแล้ว แต่มันยุ่งจนทำให้ล่าช้า วันนี้จึงขอใช้โอกาสนี้แล้วกั
องค์ชายใหญ่หน้าขมึงทึงจ้องฉินอวิ๋นฟาน แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่นชิ้น และที่ฉินอวิ๋นฟานต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้นี่แหละ พี่ใหญ่ยิ่งโกรธ อีกประเดี๋ยวก็จะยิ่งบันเทิง! “พี่ใหญ่ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว”ฉินอวิ๋นฟานรีบอธิบาย “ข้ารู้ว่าเรื่องนี้สะเทือนใจท่านมาก และมันก็ผ่านมานานอย่างนี้แล้ว เดิมข้าไม่ควรพูดถึงอีก แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนหลอกใช้ ไม่พูดความจริงมันอึดอัดใจนัก”พอฉินอวิ๋นฟานพูดออกมา ราวกับมีระเบิดบอมบ์ลูกใหม่ระเบิดใส่หัวของทั้งสองภายหลังฉินอวิ๋นคังเคยคิดตรวจสอบเรื่องนี้ เขาอาจเข้าใจน้องรองผิด แต่ในใจของเขาเทไปฝั่งที่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับน้องรองมากกว่า จังหวะที่ฉินอวิ๋นฟานอยากพูดความจริงออกมา ทำให้เขาอดรนทนไม่ไหวอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครั้นฉินอวิ๋นฮุยได้ยินว่าฉินอวิ๋นฟานต้องการพูด ‘ความจริง’ สีหน้าดำเป็นตับหมูฉับพลัน ความจริง? นี่มีความจริงอะไร นี่มิใช่ผลจากการที่เจ้าฉินอวิ๋นฟานแสดงละครเองหรอกหรือ?ทันใดนั้นเขาเริ่มลนแล้ว มักรู้สึกว่าฉินอวิ๋นฟานกำลังเบนหัวหอกมาทางเขาและที่เขาคิดก็ถูกต้องจริง ๆ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้“น้องเจ็ด เจ้าว่ามาเถ
เพราะเรื่องนี้ เดิมทีฉินอวิ๋นคังก็ไม่พอใจฉินอวิ๋นฮุยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และปักใจเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับน้องรองแน่นอน พอเห็นฉินอวิ๋นฟานมั่นใจอย่างนี้ กระดาษแถบหลักฐานหนักแน่นดังขุนเขา ความจริงปรากฏสู่ผิวน้ำ เพลิงโทสะในใจของเขาจึงถูกจุดขึ้นอีกครั้งฉินอวิ๋นฟานเห็นภาพนี้ เขายกยิ้มเย็นชาตรงมุมปาก พูดในใจว่า ‘ดูสิว่าครั้งนี้พวกเจ้าสองคนยังจะได้ใจยังไงอีก เล่นงานข้ารึ? นี่ก็คือสิ่งที่ต้องจ่าย!’“พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป เรื่องนี้เห็นชัดว่ามีเงื่อนงำ นี่ นี่ต้องเป็นแผนร้ายของน้องเจ็ดแน่ มันแผนร้าย!”หัวหอกของพี่ใหญ่กับฉินอวิ๋นฟานต่างชี้มาที่ตน ยามนี้ฉินอวิ๋นฮุยถึงขนาดว่าอยากตายแล้ว นี่ทำให้เขาร้อยปากก็แก้ต่างไม่ได้ จึงร้อนรนอย่างหนัก“น้องรอง น้องเจ็ดแค่ให้เจ้าพูดเรื่องนี้ออกมาให้ชัดเจนเท่านั้น ไยเจ้าต้องตื่นตระหนกเช่นนี้ด้วย? ทำไมต้องกัดน้องเจ็ด?”ฉินอวิ๋นคังจ้องฉินอวิ๋นฮุยตามเขม็ง ฉินอวิ๋นฮุยยิ่งร้อนรน เขาก็ยิ่งเชื่อว่าฉินอวิ๋นฮุยนั่นแหละที่หักหลังเขา ช่วงเวลาสามเดือนนี้ แม้เขาจะตรวจสอบ กลับไม่ได้ข้อเท็จจริงใด ๆ“ตื่นตระหนก? ข้าหรือ? พี่ใหญ่ ท่านจะใช้หัวสมองหน่อยได้หรื
ฉินอวิ๋นฮุยโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียด กล้ามเนื้อใบหน้ากระตุก เขาเอ่ยเสียงเย็น “คนผู้นั้นคือคนดูแลสวนจวนน้าเล็กข้าก็จริง แต่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องกระดาษแถบอะไรกับข้ามาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเนื้อหาในนั้น ข้าไม่รู้สักหน่อยว่าคืออะไร!”“สถานการณ์อย่างนี้ ท่านจะให้ข้าอธิบายกับพวกท่านยังไง? แม่เอ๊ยข้าจะเริ่มอธิบายกับพวกท่านจากตรงไหน?”ฉินอวิ๋นฮุยผู้อัดอั้นตันใจโมโหจนหน้ามืดตาลาย สองคนนี้เจ้าคำข้าคำ ทำให้เขาแบกรับบาปนี้ แถมยังไม่ให้เขาโต้แย้งอีก ความรู้สึกอึดอัดเช่นนั้นมันทรมานนัก“เสแสร้ง! เจ้าเสแสร้งต่อไปสิ!”องค์ชายใหญ่สีหน้าเย็นชา ไม่เชื่อน้ำมนต์ของฉินอวิ๋นฮุยอีก แม้เขาจะมีปัญญาน้อยนิดอย่างไร ก็ไม่ถึงขั้นที่คิดเชื่อมโยงอะไรไม่ได้เลยในสายตาของเขา ฉินอวิ๋นฮุยก็คือปากแข็ง!กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้คือแผนการชั่วร้ายของฉินอวิ๋นฟาน ความจริงฉินอวิ๋นฮุยไม่รู้จะเริ่มพูดจากจริงไหนจริง ๆ และอธิบายได้ไม่ชัดเจนด้วย เพราะเขาไม่รู้ว่าขณะนั้นมันเกิดอะไรขึ้น“พี่รอง มีอะไรท่านก็ว่ามาตรง ๆ เถอะ พี่ใหญ่หายโกรธนานแล้ว เขาแค่ต้องการความจริงเท่านั้น ไยท่านต้องกัดไม่ปล่อยด้วย?”ฉินอวิ๋นฟานเสริมมีดอีกหนึ่ง“ฉ
“เอ่อ...นี่...”หมู่องครักษ์งงหนักกว่าเดิม มองไปทางนายของตน ใบหน้าสับสนฉินอวิ๋นฟานตบบ่าอู่จ้านแล้วพูด “อาจ้าน ไม่เป็นไร พวกท่านออกไปเถอะ!”ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานชักจะเวทนาพี่รองแล้ว ตอนนี้คงมีแต่เขาที่เข้าใจความอัดอั้นตันใจของฉินอวิ๋นฮุย เพราะคนที่สร้างความทรมานนี้ให้จึงจะเข้าใจความทรมานนี้ของอีกฝ่าย“ก็ได้!”อู่จ้านพยักหน้า พาเซี่ยงเทียนเวิ่นและคนอื่น ๆ ออกจากห้องส่วนตัว องครักษ์สองสามคนขององค์ชายรองก็ออกไปแบบรู้จักมองสถานการณ์มากเหมือนกัน องค์ชายใหญ่ก็ส่งสายตาให้องครักษ์ด้วยในห้องกลับเป็นปกติ สีหน้าทั้งสามคนแตกต่างกันไป“พี่ใหญ่ ข้าว่าเรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ท่านก็อย่าทำให้พี่รองลำบากใจอีกเลย”ฉินอวิ๋นฟานรีบทำให้เรื่องนี้จบ “ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพี่รองจะพูดหรือไม่ มันก็ไม่มีความหมาย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะส่งผลกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราพี่น้องด้วย”“อีกอย่าง ศัตรูที่แท้จริงของเราคือต้าเยียน เป้าหมายของเราคือรับเมืองอู่โจวกลับมาอย่างราบรื่น ถ้าจะเลือดขึ้นหน้าเพราะเรื่องที่ผ่านไปนานนม มันไม่คุ้มกัน ช่างเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ถ้าปะทะกันต่อไปจะไร้ซึ่งความหมาย ปร
“อาจ้าน ข้าจะเล่าให้ท่านฟังนะว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้น่ะ ข้าใช้ลูกไม้นิดหน่อย กุเรื่องที่พี่ใหญ่ถูกหลอกให้อึราดเมื่อสามเดือนก่อน...”ฉินอวิ๋นฟานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่อย่างละเอียดและตั้งใจรอบหนึ่ง อู่จ้านและเซี่ยงเทียนเวิ่นฟังแล้วต้องร้องว่าเจ๋ง! สีหน้าพิลึก นี่ใครจะไปรับได้? องค์ชายรองมิต้องจุกอกตายหรือ?นึกถึงหน้าตาชั่วร้ายทะยานอยากขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเมื่อตอนกลางวัน แกล้งพวกเขาสองคนให้หนักก็ถือว่าระบายแค้นแล้ว เช่นนี้จะสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาร่วมมือกันอีกเพียงแต่วิธีการเสี่ยงไปหน่อย หากใช้กับพวกเขาสองคน กลับไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมตอนนี้เอง เย่ซื่อกวานเดินเข้ามาในห้องด้วยการนำของเสิ่นวั่นซาน เย่ซื่อกวานในเวลานี้แทบจะต่างจากเมื่อสามเดือนก่อนราวฟ้ากับดิน จิตวิญญาณทั้งคนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง“คำนับรัชทายาท!”เย่ซื่อกวานจดจำบุญคุณที่ได้พบพานของฉินอวิ๋นฟานเสมอ มาถึงห้องคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันทีฉินอวิ๋นฟานรีบเข้าไปประคองเขาและพูดว่า “เย่ซื่อกวาน อยู่ข้างนอกไม่ต้องมากพิธี ข้าไม่สนใจพิธีการที่ว่าพวกนั้นหรอก เจ้าแค่ทำเรื่องที่ควรทำให้เรียบ