ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “นับจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวเริ่มรับสมัครราชบุตรเขย ฉินอวิ๋นฟานก็ตระหนักสถานการณ์และกำลังของตัวเอง หากจะเทียบอำนาจ เขามิใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชายรองโดยสิ้นเชิง หากเขาต้องการพลิกสถานการณ์เอาชนะ ทางออกเดียวของเขาก็คือการตั้งค่าตัวละคร!”“หือ ตั้งค่าตัวละคร? หมายความว่ายังไง?”พอฉินอวิ๋นคังได้ยินก็ฉงนสนเท่ห์ ต่อหน้ากำลังและอำนาจเด็ดขาด ทุกอย่างก็คือเสือกระดาษ ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานตั้งค่าตัวละครแล้วจะอย่างไร? มันมิอาจสร้างลมฝนอะไรได้สักหน่อย“เจ้าไม่เข้าใจก็ถูกแล้ว มิเช่นนั้นปัญญาเหนือคนของเขาจะเด่นชัดขึ้นมาได้อย่างไร?”ฮั่วเจิ้นหลงส่ายหน้าพูด “ตัวละครที่ฉินอวิ๋นฟานตั้งขึ้นมาก็คือตัวละครแห่งรักที่ยืนอยู่ในมุมของจักรพรรดิ ใช้ประชาชนเป็นกำลัง สานสายใยกับชาวประชา และนี่ก็คือรากฐานในการปกครองต้าเฉียน”“และเพราะท่าทีและการกระทำที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของเขาจึงดึงดูดความสนใจของไท่ซั่งหวง กอปรกับท่าทีและการแสดงออกอย่างยอดเยี่ยมในเรื่องบรรเทาภัยพิบัติ เขาจึงได้รับการชื่นชมจากไท่ซั่งหวงอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะสังหารองค์ชายห้า ไท่ซั่งหวงก็ยังออกหน้าเพื่อเขาอย่างไม่ลังเล”
ครั้นได้ยินการอธิบายจากอู่จ้าน มู่หรงจิ่นร่างอรชรสะท้านทีหนึ่ง ดวงหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานคือความเหลือเชื่อ หากพี่อวิ๋นฟานมีปฏิภาณและวิธีการน่ากลัวเช่นนี้จริง เช่นนั้นจะเก่งกาจเกินไปแล้วหากฉินอวิ๋นฟานมิได้ตอบคำถามของอู่จ้านตรง ๆ เขาเพียงถามด้วยใบหน้าสงบ “ต้าเยียนคือแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกหล้าในปัจจุบัน มีกองทัพสุดแกร่งในปฐพี ข้าพูดถูกหรือไม่?”“มิผิด!”อู่จ้านตอบคำถามอย่างจริงจังและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้“ถ้าข้าบอกว่าความทะเยอทะยานของต้าเยียนพองโตมากเล่า มีความทะเยอทะยานที่จะครองโลก รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง ท่านจะเชื่อหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดราบเรียบ“อะไรนะ? ต้าเยียนคิดจะครองโลก? นี่จะเป็นไปได้ยังไง? ต้าเยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับแปดราชวงศ์ใหญ่ที่เหลือกระมัง? ต้าเยียนทำอย่างนี้แทบจะเป็นการรนหาที่ตาย!”อู่จ้านตะลึงหน้าถอดสีเดี๋ยวนั้น แม้คำพูดนี้จะออกมาจากฉินอวิ๋นฟาน เขาก็ยังไม่เชื่อ เพราะสถานการณ์ใต้หล้ามั่นคงแล้ว แม้เก้าราชวงศ์จะมีกำลังที่แตกต่างกันออกไป กลับเป็นจ้าวเหนือระดับของใต้หล้านี้ทั้งหมดต่อให้ต้าเฉียนจะอ่อนแอ
แต่เรื่องพวกนี้คือการสันนิษฐานของฉินอวิ๋นฟาน พร้อมกันนั้นมันคือการตัดสินจากทิศทางความเคลื่อนไหวของต้าเยียนที่ตัวเองประสบมาด้วย“เอ่อ หากจริงดังเจ้าว่า สถานการณ์จะซับซ้อนกว่าที่พวกเราคิด ถ้าจู่ ๆ ต้าเยียนลงมือกับต้าเฉียน เกรงว่าต้าเฉียนจะตั้งรับไม่ได้ ถึงตอนนั้น...”อู่จ้านพูดด้วยสีหน้าปั้นยาก“ฉะนั้น อยู่ต่อหน้าราชทูตต้าเยียน ข้าจะต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าว บอกพวกเขาว่าต้าเยียนเราไม่ใช่พลับนิ่ม ไม่ใช่แคว้นที่พวกเขาคิดจะควบคุมก็ควบคุมได้”ท่าทีของฉินอวิ๋นฟานพาลให้คนตะลึง แผ่กลิ่นอายเผด็จการอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมาจากสรรพางค์กาย แต่ไหนมาเขามักชอบแข็งชนแข็ง มีแต่ต้าเยียนที่เป็นผู้นำเหนือระดับที่ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิม ทำให้เขามีปณิธานในการต่อสู้เต็มเปี่ยม เขาเอ่ยต่อ “อู่โจวสำคัญอย่างยิ่งยวด ข้าต้องสกัดความทะเยอทะยานที่พองโตของต้าเยียนเอาไว้ หากเอาอู่โจวกลับมาไม่ได้ มันจะไม่เป็นผลดีต่อต้าเฉียน”“และเมืองหานกู่คือเมืองชายแดนที่สำคัญที่สุดของต้าเยียน รักษาง่ายโจมตียาก ถ้าเราคิดจะใช้กำลังกับต้าเยียนจะต้องผ่านเมืองหานกู่ซึ่งเป็นด่านหินนี้ ผู้นำทัพที่ผ่านมาตรฐานยังต้องระลึกถึงเมืองนี้ แล้วเร
ที่แล้วมาฉินอวิ๋นฟานมักเตรียมการล่วงหน้าเสมอ วางแผนจัดการทุกอย่างก่อนกำหนด นี่คืออุปนิสัยที่ติดตัวมาตอนเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ มีแต่การทำอย่างนี้จึงจะควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในกำมือ ชนะพันลี้ เขาอนุมานและวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันต่อ ต่อด้วยกำชับอู่จ้านและคนอื่น ๆ อีกประมาณหนึ่ง กระทั่งค่อนคืนจึงให้พวกเขากลับไปฉินอวิ๋นฟานที่อ่อนล้าเหลือแสนล้มตัวลงบนเตียงโดยตรง เขาพูดแบบมีลมแต่ไร้กำลัง “เหนื่อยจังเลย จิ่นเอ๋อร์ เสี่ยวจวี๋ มาบีบ ๆ นวด ๆ ไหล่ให้ข้าหน่อย ปรนนิบัติผัวจ๋าของเจ้าให้ดี” “ฮึ! ฝันไปเถอะ ท่านคือคนบ้าตัณหา นอนไปคนเดียวเถอะ!”มู่หรงจิ่นแค่นฮึเสียงเย็น เบะปาก ก่อนจะลากเสี่ยวจวี๋เดินไปทางตำหนักฝั่งตะวันออกเห็นสองนางจะไปจริง ๆ คราวนี้ทำเอาฉินอวิ๋นฟานงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว นี่มันอะไรกัน? ก็ดีมาตลอดมิใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ ก็โกรธล่ะ? ฉินอวิ๋นฟานร้อนรนแล้ว รีบตะเกียกตะกายขึ้นมาถาม “จิ่นเอ๋อร์ นี่เป็นเพราะอะไรหรือ?”“เพราะอะไร? วันนี้ท่านทำอะไรบ้าง ตัวเองยังไม่รู้อีกหรือ?”มู่หรงจิ่นหน้าตึง ยังคงเบะปากเหมือนเดิม จ้องฉินอวิ๋นฟานเขม็ง ในดวงตามีความเคียดแค้นแน่นเอี๊ยดพอได้ยินคำพูดนี้ ฉินอว
......“เสี่ยวฟาน รีบตื่นเร็ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!เช้าตรู่ ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังนอนหลับปุ๋ย จู่ ๆ ก็ถูกเสียงร้อนรนของอู่จ้านปลุกให้ตื่น ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานกำลังถามด้วยความหงุดหงิด “อาจ้าน มันเรื่องอะไรกันแน่ถึงทำให้ท่านรีบขนาดนี้? ข้ากำลังหลับสบายอยู่เลย!”“เจ้ารีบลุกเร็วเข้าเถอะ พวกขุนนางกำลังรวมตัวกันยื่นฎีการ้องเจ้าที่ตำหนักว่านฉงอยู่แน่ะ!”เมื่ออู่จ้านได้รับการรายงานจากขันทีน้อยพลันตะลึงหน้าถอดสี รีบวิ่งโร่ไปยังตำหนักหลักที่ฉินอวิ๋นฟานพัก เรื่องนี้ไม่ธรรมดา ต้องรายงานทันทีจึงจะถูก!“ยื่นฎีการ้องข้า นี่มันอะไรกัน?”ฉินอวิ๋นฟานสะดุ้งพรวดขึ้นมากับฝันร้ายเหนือความคาดหมาย เมื่อวานเบ่งบารมีใหญ่โต ไม่เพียงแต่ระบายความแค้นให้ต้าเฉียน ยังได้เมืองกลับมาแบบไม่เปลืองแรงอีกตามหลัก เขาสมควรได้รับรางวัลคำชมเชยมิใช่หรือ? ทำไมถึงมีคนกล้ายื่นฎีการ้องเขา? สมองป่วยกระมัง?ไม่ทันได้คิดมาก ฉินอวิ๋นฟานแต่งตัวด้วยความเร่งรีบ หลังจากล้างหน้าล้างตาลวก ๆ แล้วก็รีบไปยังตำหนักว่านฉง ทันทีที่เขามาถึง ขุนนางใหญ่ยืนอยู่ในนั้นเนืองแน่นแล้ว“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานมาถึงตรงหน้าสุดของตำหนักด้วยความฉ
ถูกเหล่าขุนนางกล่าวหาและวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ฉินอวิ๋นฟานปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาทันที ทั้งที่ตัวเองทำคุณงามความดีใหญ่หลวงให้ต้าเฉียน ทำไมถึงกลายเป็นสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูขายชาติได้? คนพวกนี้จะไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง?นี่ถ้าถูกพวกเขาคนขี้ขลาดตาขาวฝูงนี้โค่นสำเร็จ มิต้องตายอย่างไร้ความยุติธรรมอย่างใหญ่หลวงหรือ?แววตาของฉินอวิ๋นฟานคมกริบขึ้นมา สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ตัวของขุนนางใหญ่ที่กำลังกล่าวหาเขาฉินอวิ๋นฟานถามเสียงเย็น “เจ้าคือใคร? ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดเจนก็กล้าใส่ความรัชทายาทลับหลัง? คนที่ใส่ความข้าเมื่อก่อนหน้านี้ไปรายงานตัวกับพญายมหมดแล้ว เจ้าแน่ใจนะว่ารับกับผลลัพธ์ได้?”ฉินอวิ๋นฟานเกลียดคนต่ำช้าประเภทนี้ที่สุด วัน ๆ ไม่ทำการทำงาน กลับเอาแต่ใช้อำนาจ มากเล่ห์เพทุบาย กับการฆ่าคนประเภทนี้ เขาไม่เคยใจอ่อน!“ทะ ท่านคิดจะทำอะไร?”อีกฝ่ายตื่นตระหนกขึ้นมาทันที รีบถอยหลังหลายก้าว กลัวว่าฉินอวิ๋นฟานจะสังหารเขาภายใต้ความโกรธ เพราะก่อนหน้านี้ ภายใต้ความโกรธ ฉินอวิ๋นฟานสังหารคนไม่กะพริบตา แม้แต่องค์ชายก็ยังกล้าปลิดชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขา?เขาเป็นแค่นกต่อท
ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสองและพูด “พี่ใหญ่ลองว่ามาได้ ข้าทำเรื่องอันใดที่เป็นภัยคุกคามต่อต้าเฉียนหรือ? ถึงกับทำให้พวกท่านต้องดิ้นพล่านขนาดนี้?”ในเมื่อถูกฉินอวิ๋นฟานมองออกแล้ว ตอนนี้ฉินอวิ๋นคังจึงไม่เสแสร้งอีกเขาไต่ถามเสียงเข้ม “น้องเจ็ด เยียนอวี่เฉินคือองค์หญิงสามผู้สูงศักดิ์ยิ่งของต้าเยียน ตามหลักแล้วนางสมควรพักที่เรือนรับรองของต้าเฉียนเรา แต่ทำไมพวกนางต้องไปพักที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนของเจ้าด้วย? นี่เกรงว่าจะไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบและตรรกะกระมัง?”“เรื่องแค่นี้?”ฉินอวิ๋นฟานทำหน้าประหลาดใจ แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเยียนอวี่เฉินถึงไปพักที่โรงแรมห้าดาวต้าเฉียนได้ เขาเองก็เพิ่งจะรู้เมื่อคืนเหมือนกัน!ทว่าเรื่องนี้ยังถูกองค์ชายใหญ่เอามาหาเรื่อง ฉินอวิ๋นฟานไม่สบอารมณ์อย่างหนัก“ไม่ ๆ ๆ ไม่ใช่แค่นี้”ฉินอวิ๋นคังส่ายหน้าพูด “น้องเจ็ดเจ้าน่าจะรู้ดี ยามนี้ต้าเฉียนอยู่ในช่วงอ่อนไหว มิอาจรับความกระทบกระเทือนอะไรได้ เสด็จพ่อสวรรคตเพียงเดือนเศษ องค์หญิงสามต้าเยียนก็ปรากฏตัว แถมยังเข้าพักที่โรงแรมของเจ้าอีก”“ไม่เพียงเท่านี้ พวกเจ้ายังจับพลัดจับผลูหมั้นหมายกัน ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความบังเอิ
“อ้อ? เชื่อแล้วจะยังไง? ไม่เชื่อแล้วจะยังไง?”ยามนี้ ดวงตาทั้งสองของฉินอวิ๋นฟานเปลี่ยนเป็นคมกริบขั้นสุดแล้ว กับการใส่ร้ายป้ายสีของทุกคน แต่ไรมาเขาฉินอวิ๋นฟานเถรตรง มีหรือจะยอมให้พวกเขาเชือดตามอำเภอใจ?ถ้าแม้แต่การเสียเปรียบพรรค์นี้เขายังกระเดือกลง เช่นนั้นต่อไปเขาจะยืนอยู่ในต้าเฉียนได้อย่างไร? จะคว้าชัยชนะในศึกชิงความเป็นหนึ่งอย่างไร จะขึ้นนั่งแท่นมังกรซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดได้อย่างไร? จะนำเทคโนโลยีสุดไฮเทคประกาศสู่ชาวโลกได้อย่างไร?! เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ท่าทีของข้าฉินอวิ๋นฟานชัดเจนที่สุด ถ้าไม่เอาหลักฐานที่ทำให้ข้ายอมรับจากใจมาได้ ก็อย่าทำตัวโง่เขลาเบาปัญญา อย่าทำมาเดาสุ่มสี่สุ่มห้ามุ่งร้ายกับข้า!”“อยากเล่นสกปรกกับข้า? คิดว่าพวกท่านน่าจะรู้จุดจบนะว่าคืออะไร!”“สำหรับอู่โจวกับเมืองหานกู่ ตามหลักคุณธรรมแล้วมันก็คือของต้าเฉียน เรื่องนี้ทั่วหล้ายอมรับ ส่วนพวกเขาจะให้หรือไม่ให้ นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา จะเอากลับคืนมาได้หรือไม่ คือเรื่องของข้า! อีกครึ่งปีให้หลังก็จะประจักษ์เอง พวกท่านไม่มีเรื่องหาเรื่องอยู่ที่นี่จะเอายังไง?!”ฉินอวิ๋นฟานท่าทีแข็งกร้าวถึงที่สุด กับคว