“ฉินอวิ๋นฟาน ไอ้คนสารเลว! ข้าจะลงมือเชือดมันเอง!”ครั้นกลับถึงโรงแรม หลัวเทียนเป้ากระฟัดกระเฟียดคำรามก่นด่าอย่างหนัก ทีแรกนึกว่าเป็นเกมข่มแน่อย่างแช่แป้ง สุดท้ายพวกเขากลับถูกฉินอวิ๋นฟานหยามเสียจนไม่มีชิ้นดี!โตมาจนป่านนี้ เขาไม่เคยขายหน้าเช่นนี้มาก่อน ไม่คิดว่าฉินอวิ๋นฟานจะเจ้าเล่ห์แบบนี้ วิธีการต่ำทราม ทำให้เขาอัดอั้นตันใจสุดขีดทั้งคืนเยียนอวี่เฉินพูดด้วยสายตาเย็นเฉียบ “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาโมโห เก็บกดความไม่พอใจและความเคียดแค้นเอาไว้ กลับห้องเก็บสัมภาระให้ไวแล้วไปจากที่นี่ทันที!”“อะไรนะ?! เวลานี้ดึกดื่นเที่ยงคืน เดินทางกลางคืนจะไม่ดีกระมัง?”พอถงจินเฉิงได้ยินว่าจะออกเดินทางกลางดึกจึงพูดขึ้นมาแบบไม่สมัครใจ“อย่าพูดมาก! รีบเก็บของแล้วรวมตัวกันในอีกครึ่งชั่วยาม!”เยียนอวี่เฉินไม่ฟังคำอธิบายใดของพวกเขา นางไม่อยากอยู่ต้าเฉียนอีกสักนาที ที่นี่คือความอัปยศในชีวิตของนาง ยิ่งเป็นสถานที่ที่นางเกลียดที่สุด!“เอ่อ ก็ได้!”เยียนอวี่เฉินท่าทางแน่วแน่ หลัวเทียนเป้าและคนอื่น ๆ แม้จะโกรธอยู่ กลับไม่กล้าพูดอะไรมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บรรดาคนต้าเยียนก็เก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ออกจากต้าเฉียนด้วยคว
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อยู่ที่ว่าถัดจากนี้ฟานเอ๋อร์จะทำยังไงแล้ว เจ้าเด็กนี่ลูกไม้เยอะ แถมยังไม่ใช่พวกยอมเสียเปรียบอีก ต่อให้เอากลับมาไม่ได้ก็คงไม่ให้ต้าเยียนได้อยู่สบาย ๆ”ไท่ซั่งหวงหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวต่อ “ข้ากลับอยากรู้เหมือนกัน ในช่วงเวลาหนึ่งปี ฟานเอ๋อร์จะเติบโตขนาดไหน ในราชสำนักจะกลายเป็นขั้วอำนาจกระถางสามขาหรือไม่ จะแบกรับด้ามธงของต้าเฉียนได้หรือไม่!”เฉาเจิ้งฉุนหัวเราะเล็กน้อย “องค์หญิงสามต้าเยียนลาดเหนือคน หนำซ้ำนางยังพายอดอัจฉริยะด้านบุ๋นมาด้วยอีกสอง แต่ก็ยังถูกรัชทายาทเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นแผนการอันชาญฉลาดหรือท่าทาง ล้วนถูกรัชทายาทข่มทั้งสิ้น บางทีอาจเกิดปาฏิหาริย์นะพ่ะย่ะค่ะ”เฉาเจิ้งฉุนก็รู้สึกทึ่งกับมาดทรงพลัง วิธีการเหนือชั้น รวมถึงความเป็นผู้ใหญ่และการคิดอุบายเหนือคนของฉินอวิ๋นฟานอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน นี่คือความเผด็จการที่จักรพรรดิพึงมีเพียงแต่เขายังจองหองเล็กน้อย และท่าทางไม่เอาจริงเอาจังประมาณหนึ่ง!“อื่ม ตั้งตารอดูเถอะ!”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าแล้วพูด “แต่เกรงว่าราชสำนักในพรุ่งนี้จะดุเดือดมาก เจ้าลองคิดเถอะว่าจะรับมือยังไง!”แม้เวลานี้
“คังเอ๋อร์ ในฐานะที่เจ้าเป็นองค์ชายที่อายุมากที่สุด ทั้งเป็นผู้ชิงบัลลังก์ที่แข็งแกร่งที่สุด จะพูดแบบนี้ออกมาได้หรือ?”ตอนนี้ ฮั่วเจิ้นหลงใบหน้าผิดหวัง ท่าทางแค้นที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า แต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายใหญ่เชี่ยวชาญการศึก ช่างเป็นพวกโตแต่ตัวไม่มีสมองโดยแท้ สู้กับองค์ชายรองมานานเช่นนี้ ทำไมสมองไม่เพิ่มขึ้นมาเลยนะ?“เอ่อ ท่านพ่อตา ข้าพูดอะไรผิดหรือ?”ตอนนี้ฉินอวิ๋นคังงงหนักกว่าเดิม เขาก็ทำตามที่ท่านพ่อตาบอกแล้วนี่ ทำไมยังถูกอีกฝ่ายตำหนิติเตียนอีกเล่า นี่มันยังไงกัน?“คังเอ๋อร์ เจ้ารู้ความหมายในการดำรงอยู่ของต้าเฉียนว่าคืออะไรหรือไม่?”เพื่อให้ฉินอวิ๋นคังผู้เป็นบุตรเขยก้าวหน้า เพื่อช่วยให้เขาขึ้นสู่ราชบัลลังก์อันเป็นตำแหน่งสูงสุด ฮั่วเจิ้นหลงจึงได้แต่ปูความรู้ให้เข้าใหม่หมด หวังว่าจะทำให้บุตรเขยเบาปัญญาผู้นี้จะพัฒนาบ้าง“ความหมายในการดำรงอยู่ของต้าเฉียน? ท่านพ่อตา ท่านถามจนข้างงแล้วนะ ต้าเฉียนเราคือหนึ่งในเก้าราชวงศ์ใหญ่ ก็ต้องมีความหมายสำคัญสุด ๆ อยู่แล้ว ทำไมจู่ ๆ ท่านจึงถามเช่นนี้เล่า?”ฉินอวิ๋นคังถามด้วยความฉงนสนเท่ห์“คังเอ๋อร์ หวังว่าครั้งนี้ข้าอธิบายแล้วเจ้าจะก้าวหน้าบ
ฉินอวิ๋นคังพูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด“ความจริงจากเนื้อแท้แล้ว ที่ฉินอวิ๋นฟานทำจึงจะถูกต้อง!”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ย “ตั้งแต่เริ่มแรกเขาก็ยืนอยู่ฝั่งประชาชน ทุ่มเทดำเนินงานเพื่อประชาชนจริง ๆ นี่จึงจะเป็นพฤติกรรมและลักษณะที่จักรพรรดิองค์หนึ่งพึงมี”“ส่วนเจ้ากับฉินอวิ๋นฮุยเติบโตอยู่ในวังแต่เล็ก ไม่เห็นความลำบากแร้นแค้นของชาวบ้าน ดังนั้นทัศนคติของพวกเจ้ามักจำกัดอยู่ที่การต่อสู้ชิงอำนาจและอิทธิพล ละเลยหัวใจชาวประชาซึ่งเป็นรากฐาน”“และเพราะอย่างนี้จึงเปิดช่องว่างให้ฉินอวิ๋นฟาน ถึงเขาจะไม่มีแรงสนับสนุนจากขั้วอำนาจใด แต่ในการชิงบัลลังก์ยังคงเป็นดังมัจฉาได้วารี กระทั่งได้รับความสนใจจากไท่ซั่งหวง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉินอวิ๋นฟานเลือกหัวใจประชาราษฎร์” “จากการตัดสินใจบางเรื่องของไท่ซั่งหวงในระยะนี้ เขาเอนเอียงไปทางฉินอวิ๋นฟานมากกว่าเดิม ไม่ใช่พวกเจ้าสองพี่น้อง!”“หา นี่ นี่ยังทำยังไงดี? ถ้าเสด็จปู่ผิดหวังกับพวกเราสองคนพี่น้อง นั่นไม่เท่ากับพวกเราขาดคุณสมบัติการชิงบัลลังก์หรือ?!”ครั้นได้ยินการวิเคราะห์จากพ่อตา ฉินอวิ๋นคังพลันสะดุ้งเหงื่อกาฬผุด ทันทีที่เสด็จปู่ไม่สนับสนุนเขา หากคิดจะขึ้นครองราชย์น่ากล
“คังเอ๋อร์ เจ้าต้องรู้จักมองการณ์ไกล มิใช่จดจ่ออยู่แต่ประโยชน์และคุณโทษตรงหน้า”ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “ข้าขอถามเจ้า หลายวันก่อนฉินอวิ๋นฟานมาหาเราเพื่อร่วมมือกันต่อต้านฉินอวิ๋นฮุยใช่หรือไม่?”เห็นพ่อตาทำหน้าจริงจังเช่นนั้น ฉินอวิ๋นคังจึงขมวดคิ้วแน่นพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “มีเรื่องเช่นนี้จริง ความขัดแย้งระหว่างเขากับพี่รองทุกคนรู้กันหมด ในตอนท้ายพวกเราตกปากรับเงื่อนไขในการร่วมมือของน้องเจ็ด และได้สิทธิ์มีปากมีเสียงในกรมอาญาเพราะเรื่องนี้”“เช่นนั้นข้าจะถามเจ้า ในการประลองเลือกราชบุตรเขยเพื่อฝากฝังภาระยิ่งใหญ่บ้านเมืองของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียว ความสัมพันธ์ของเรากับฉินอวิ๋นฟานเป็นอย่างไร?”ฮั่วเจิ้นหลงถามต่อ“เอ่อ แย่มาก ข้าแทบอยากจะเชือดไอ้สารเลวฉินอวิ๋นฟานนั่นซะ เขานอกจากจะลบหลู่ข้าจนไม่มีหน้าพบคน ยังบีบให้ท่านต้องคุกเข่า พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าโมโหจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นคังหน้าบึ้งตอบ“สุดท้ายเล่า? เพื่อผลประโยชน์ ฉินอวิ๋นฟานก็ยังมาร่วมมือกับเรามิใช่หรือ? เขาเข้าใจหลักเหตุผลที่ว่าผลประโยชน์มาเป็นอันดับหนึ่ง แล้วไยเจ้าจึงไม่เข้าใจ? ข้าจำได้ว่าเคยบอกเรื่องนี้กับเจ้าแล้วนี่!”ฮั่วเจิ
ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “นับจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวเริ่มรับสมัครราชบุตรเขย ฉินอวิ๋นฟานก็ตระหนักสถานการณ์และกำลังของตัวเอง หากจะเทียบอำนาจ เขามิใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชายรองโดยสิ้นเชิง หากเขาต้องการพลิกสถานการณ์เอาชนะ ทางออกเดียวของเขาก็คือการตั้งค่าตัวละคร!”“หือ ตั้งค่าตัวละคร? หมายความว่ายังไง?”พอฉินอวิ๋นคังได้ยินก็ฉงนสนเท่ห์ ต่อหน้ากำลังและอำนาจเด็ดขาด ทุกอย่างก็คือเสือกระดาษ ต่อให้ฉินอวิ๋นฟานตั้งค่าตัวละครแล้วจะอย่างไร? มันมิอาจสร้างลมฝนอะไรได้สักหน่อย“เจ้าไม่เข้าใจก็ถูกแล้ว มิเช่นนั้นปัญญาเหนือคนของเขาจะเด่นชัดขึ้นมาได้อย่างไร?”ฮั่วเจิ้นหลงส่ายหน้าพูด “ตัวละครที่ฉินอวิ๋นฟานตั้งขึ้นมาก็คือตัวละครแห่งรักที่ยืนอยู่ในมุมของจักรพรรดิ ใช้ประชาชนเป็นกำลัง สานสายใยกับชาวประชา และนี่ก็คือรากฐานในการปกครองต้าเฉียน”“และเพราะท่าทีและการกระทำที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของเขาจึงดึงดูดความสนใจของไท่ซั่งหวง กอปรกับท่าทีและการแสดงออกอย่างยอดเยี่ยมในเรื่องบรรเทาภัยพิบัติ เขาจึงได้รับการชื่นชมจากไท่ซั่งหวงอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะสังหารองค์ชายห้า ไท่ซั่งหวงก็ยังออกหน้าเพื่อเขาอย่างไม่ลังเล”
ครั้นได้ยินการอธิบายจากอู่จ้าน มู่หรงจิ่นร่างอรชรสะท้านทีหนึ่ง ดวงหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง สายตาที่มองฉินอวิ๋นฟานคือความเหลือเชื่อ หากพี่อวิ๋นฟานมีปฏิภาณและวิธีการน่ากลัวเช่นนี้จริง เช่นนั้นจะเก่งกาจเกินไปแล้วหากฉินอวิ๋นฟานมิได้ตอบคำถามของอู่จ้านตรง ๆ เขาเพียงถามด้วยใบหน้าสงบ “ต้าเยียนคือแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกหล้าในปัจจุบัน มีกองทัพสุดแกร่งในปฐพี ข้าพูดถูกหรือไม่?”“มิผิด!”อู่จ้านตอบคำถามอย่างจริงจังและไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้“ถ้าข้าบอกว่าความทะเยอทะยานของต้าเยียนพองโตมากเล่า มีความทะเยอทะยานที่จะครองโลก รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง ท่านจะเชื่อหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มพูดราบเรียบ“อะไรนะ? ต้าเยียนคิดจะครองโลก? นี่จะเป็นไปได้ยังไง? ต้าเยียนจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับแปดราชวงศ์ใหญ่ที่เหลือกระมัง? ต้าเยียนทำอย่างนี้แทบจะเป็นการรนหาที่ตาย!”อู่จ้านตะลึงหน้าถอดสีเดี๋ยวนั้น แม้คำพูดนี้จะออกมาจากฉินอวิ๋นฟาน เขาก็ยังไม่เชื่อ เพราะสถานการณ์ใต้หล้ามั่นคงแล้ว แม้เก้าราชวงศ์จะมีกำลังที่แตกต่างกันออกไป กลับเป็นจ้าวเหนือระดับของใต้หล้านี้ทั้งหมดต่อให้ต้าเฉียนจะอ่อนแอ
แต่เรื่องพวกนี้คือการสันนิษฐานของฉินอวิ๋นฟาน พร้อมกันนั้นมันคือการตัดสินจากทิศทางความเคลื่อนไหวของต้าเยียนที่ตัวเองประสบมาด้วย“เอ่อ หากจริงดังเจ้าว่า สถานการณ์จะซับซ้อนกว่าที่พวกเราคิด ถ้าจู่ ๆ ต้าเยียนลงมือกับต้าเฉียน เกรงว่าต้าเฉียนจะตั้งรับไม่ได้ ถึงตอนนั้น...”อู่จ้านพูดด้วยสีหน้าปั้นยาก“ฉะนั้น อยู่ต่อหน้าราชทูตต้าเยียน ข้าจะต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าว บอกพวกเขาว่าต้าเยียนเราไม่ใช่พลับนิ่ม ไม่ใช่แคว้นที่พวกเขาคิดจะควบคุมก็ควบคุมได้”ท่าทีของฉินอวิ๋นฟานพาลให้คนตะลึง แผ่กลิ่นอายเผด็จการอย่างหาที่เปรียบมิได้ออกมาจากสรรพางค์กาย แต่ไหนมาเขามักชอบแข็งชนแข็ง มีแต่ต้าเยียนที่เป็นผู้นำเหนือระดับที่ทำให้เขารู้สึกฮึกเหิม ทำให้เขามีปณิธานในการต่อสู้เต็มเปี่ยม เขาเอ่ยต่อ “อู่โจวสำคัญอย่างยิ่งยวด ข้าต้องสกัดความทะเยอทะยานที่พองโตของต้าเยียนเอาไว้ หากเอาอู่โจวกลับมาไม่ได้ มันจะไม่เป็นผลดีต่อต้าเฉียน”“และเมืองหานกู่คือเมืองชายแดนที่สำคัญที่สุดของต้าเยียน รักษาง่ายโจมตียาก ถ้าเราคิดจะใช้กำลังกับต้าเยียนจะต้องผ่านเมืองหานกู่ซึ่งเป็นด่านหินนี้ ผู้นำทัพที่ผ่านมาตรฐานยังต้องระลึกถึงเมืองนี้ แล้วเร