กับความบ้าบิ่นและการท้าทายของฉินอวิ๋นฟาน คณะทูตต้าเยียนเต้นโมโหจนถลึงตาเป่าหนวด แต่นอกจากเจ็บแค้น พวกเขามิอาจทำอะไรได้ อย่าให้บอกเลยว่าอัดอั้นตันใจแค่ไหน“หึ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้ายังจะต่อกลอนคู่บทต่อไปได้!”ถงจินเฉิงหน้าตาเคร่งเครียด เริ่มร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยเสียงหนัก “นิ้วดินคือวัด วาจาข้างวัดคือกลอน มีกลอนกล่าวว่า จันทร์กระจ่างส่งพระกลับวัดโบราณ!”ครั้นได้ยินกลอนคู่วรรคแรกนี้ ชาวต้าเฉียนหน้าแข็งทื่ออีกครั้งสุดยอดกลอนแยกคำนี้ แยกคำว่า ‘วัด’ ออกก็คือ ‘นิ้ว’ กับ ‘ดิน’ แล้วยังรวมกันได้อีกหนึ่งประโยค แยกกลอนออกก็คือ ‘วัด’ กับ ‘วาจา’ ‘วัด’ สัมผัสกับท้ายประโยคแรก มิหนำซ้ำยังแต่งกลอนที่สอดคล้องกับประโยคหน้าอีกระดับความยากของกลอนคู่นี้ยากกว่าบทเมื่อครู่ไม่รู้ว่าเท่าไรต่อเท่าไร ทุกคนทึ่งกับความสามารถด้านวรรณกรรมอันน่าสะพรึงของถงจินเฉิงอีกครั้งทุกคนพากันใช้สายตาซึ่งอัดแน่นไปด้วยความเห็นใจละจนปัญญามองไปทางฉินอวิ๋นฟาน แม้พวกเขาจะหวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะสามารถต่อวรรคหลังได้ แต่ระดับความยากก็เห็น ๆ กันอยู่ มันง่ายอย่างนั้นเสียที่ไหน จะแต่งสุดยอดกลอนได้ทุกครั้งหรือ?“ฉินอวิ๋นฟาน ต่อ
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?!”เยียนอวี่เฉินแสดงอารมณ์ตื่นตระหนกบนใบหน้า ไม่กล้าเชื่อเลยว่าทั้งหมดจะเป็นความจริง เดิมนึกว่าให้เวลาฉินอวิ๋นฟานหนึ่งก้านธูป หยามเขาให้หนำใจสักหน่อย อย่างไรเสียกลอนบทนี้ต้องเป็นกลอนพลิกเกมขึ้นนำของพวกเขาต้าเยียนแน่แต่ให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ฉินอวิ๋นฟานกลับต่อกลอนคู่วรรคหลังระดับนรกเช่นนี้ได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะ นี่ยังจะประลองอย่างไรได้อีก? มันคือการต่อสู้แบบลดมิติชัด ๆ!ถงจินเฉิงจอหงวนบุ๋นต้าเยียนที่พวกเขาภาคภูมิใจกระทั่งเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งด้านวรรณกรรม กลับถูกฉินอวิ๋นฟานขยี้แหลกในเสี้ยววินาทีเหมือนปอกกล้วย ความสิ้นหวังสุดคณนาสายหนึ่งผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ“รัชทายาท ท่านเก่งจังเลย!”หลู่เซียงหลิงดีใจจนน้ำตาจะไหล นางไม่เคยเจอกับการประลองด้านวรรณกรรมยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน ประสบครั้งแรกก็ถูกอัจฉริยะของต้าเยียนทำจนน้ำตาร่วงแล้ว เหยียบย่ำพวกนางเสียไม่มีชิ้นดี ไม่มีกำลังตอบโต้สักนิดก็ตอนที่นางใกล้จะสิ้นหวังเต็มทน ฉินอวิ๋นฟานเสริมกำลังกอบกู้ โต้กลับไปอย่างแข็งกร้าว ทลายความยากระดับนรกของต้าเยียนจนสิ้น คว้าชัยชนะมาด้วยท่วงทำนองที่แทบจะบดขยี้
“ไม่รีบ เจ้ามีเวลาหนึ่งก้านธูป!”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน การประลองประเภทนี้ เวลาคือความกดดันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา ถ้าต่อไม่ได้ ให้เวลามากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์พวกเขาต้าเยียนให้เวลาหนึ่งก้านธูป แท้จริงแล้วก็เพื่อลบหลู่คนต้าเฉียน กดดันพวกสำนักศึกษาหลวง ความจริงพวกเขาไม่มีความสามารถรับมือสักนิดฉินอวิ๋นฟานกลับใช้วิธีการเดียวกันนี้โต้กลับอีกฝ่าย“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทเก่งกาจแท้ มาถึงก็เป็นความยากระดับนรกเลย คราวนี้มอบความกดดันให้กับต้าเยียนแล้ว!”“การประลองในวันนี้ระทึกใจนัก ไม่ว่าจะเป็นกลอนบทไหนก็เรียกได้ว่าบันลือโลก คือผลงานชิ้นเอกแพร่หลายทั่วแดนดิน พวกเราต้าเฉียนมีโอกาสมากที่จะคว้าชัยในท้ายที่สุดมาได้!”“ย่อมเป็นเช่นนั้น กลอนแยกคำเหมือนกัน รัชทายาทของเรามิต้องเปลืองกำลังเป่าฝุ่น[1]ก็ต่อวรรคหลังได้สบาย ๆ ทั้งยังสมบูรณ์แบบ พวกเจ้าดูถงจินเฉิงที่เรียกว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งสิ เหงื่อท่วมตัวแล้ว!”......ฉินอวิ๋นฟานเอาชนะขาดลอยสามครั้ง สร้างขวัญกำลังใจให้ชาวต้าเฉียนมาก เกิดประโยชน์สำคัญ ความศรัทธาที่ทุกคนมีต่อฉินอวิ๋นฟานประหนึ่งน้ำหลากครั้นหันกลับมามองจอหงวนบุ๋นต้าเยียนถงจินเฉิง เห็นชัดว่าเข็น
ผ่าง!!!ครั้นร่ายกลอนคู่นี้ออกมา ทั้งงานตกตะลึง ทุกคนพากันอึ้งจนปากอ้าตาค้าง นี่คือกลอนตัวเลข และเลขแต่ละตัวยังร้อยเรียงเรื่องราวเข้าด้วยกันอีก ยังให้ต่อยังไง?!“นี่ นี่ยังจะต่อยังไงได้อีก?!”เยียนอวี่เฉินสิ้นหวังโดยพลัน ใช่ว่าจะไม่ชื่อฝีมือของถงจินเฉิง แต่ระดับและเงื่อนไขของกลอนบทนี้สูงมากจริง ๆ ถ้าไม่ได้อ่านและสั่งสมมากพอก็ไม่มีทางต่อกลอนนี้ได้!“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? ทำไมฉินอวิ๋นฟานถึงรู้มากขนาดนี้? รอบรู้เช่นนี้?”นาทีนี้เซี่ยมู่ไป๋มีสีหน้าสิ้นหวังเหมือนกัน กลอนบทแรกของฉินอวิ๋นฟานมีบางเรื่องที่แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถงจินเฉิง? ถ้ามิอาจเข้าถึงความหมายของบทแรก แล้วต่อบทต่อไปได้อย่างไร? คนฝั่งต้าเยียนจ้องฉินอวิ๋นฟาน ความหวังเป็นศูนย์แล้ว ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน พวกเขามิใช่ระดับเดียวกัน“หมดสิ้นแล้ว!”ถงจินเฉิงสองขาอ่อนแรง ทรุดตัวลงกองอยู่กับพื้นอีกครั้ง ฉินอวิ๋นฟานไม่ต้องให้เวลาเขาเลย เขาสละสิทธิ์แล้ว ต่อให้เขาเก่งกล้าสามารถเพียงไรก็ต่อบทต่อไปของฉินอวิ๋นฟานไม่ได้!ไชโย...ครั้นชาวต้าเฉียนทุกคนเห็นภาพนี้ก็ดีใจลิงโลด ฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงต่อวรรคเก่ง หนำซ้ำยังเปิดกล
“ประลองกลอนหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้ว กาพย์ฉันท์โคลงกลอนคลาสสิกทั้งโบราณ ปัจจุบัน ในประเทศหรือนอกประเทศเขาเชี่ยวชาญหมด ถ้าเทียบกับกลอนคู่ โคลงกลอนต่างหากที่เป็นงานถนัดของเขา!และถงจินเฉิงซึ่งเป็นยอดฝีมือกลอนคู่ที่เก่งกาจที่สุด ยอดเยี่ยมที่สุดของต้าเยียนประลองกับเขาแล้วยังล้มไม่เป็นท่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าใครหน้าไหนจะมาประลองแต่งกลอนกับเขาถ้าตาแก่นี่คิดจะประลองแต่งกลอนกับเขาฉินอวิ๋นฟาน นี่อีกฝ่ายจะปลงไม่ตกขนาดไหน? มิใช่การเอามีดเฉือนเปิดหูเปิดตาหรือ? เซี่ยมู่ไป๋เอ่ย “ถูกต้อง ข้าท่องไปทางชายแดนต่าง ๆ หลายปี มีความรู้สึกต่อสงคราม มั่นใจว่าตัวเองมีความรู้ความเข้าใจต่อสงครามและการพิทักษ์ชาติบ้านเมืองอย่างถ่องแท้”“และรัชทายาทต้าเฉียนก็เคยรังสรรค์กลอนบทล้ำเลิศบทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับชายแดน ฉะนั้นพวกเรามิสู้ใช้มันเป็นหัวข้อ ประลองกันสักตั้งเป็นอย่างไร?”“เช่นนี้จะยุติธรรมกับเราทั้งสองฝ่าย ไม่ถึงกับให้คนกล่าวหาว่าข้าคนเฒ่าคนแก่รังแกเด็กเช่นเจ้า เป็นอย่างไร?”“เอ่อ...มันไม่ดีกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานพูดด้วยสีหน้าประหลาดเซี่ยมู่ไป๋เห็นฉินอวิ๋นฟานมีท่าทีหวาดหวั่น ไม่รู้สึกว่านี่เพราะฉินอวิ๋น
“พ่อหนุ่ม อย่าได้ผยองนัก!”เซี่ยมู่ไป๋เห็นฉินอวิ๋นฟานดื้อรั้นเช่นนี้จึงประหลาดใจมาก ใบหน้ากรุ่นโกรธ เขาไม่รู้ว่าฉินอวิ๋นฟานเอาความกล้ามาจากไหน กล้าโอหังต่อหน้าเขาเช่นนี้และสิ่งที่ทำให้เซี่ยมู่ไป๋เดือดดาลถึงที่สุดคือท่าทีที่ฉินอวิ๋นฟานมีต่อเยียนอวี่เฉิน เขาถึงกับกล้าพูดอวดอ้างว่าเยียนอวี่เฉินคืออนุภรรยาของเขา? นี่มิใช่การหมิ่นเกียรติของเยียนอวี่เฉินซึ่งหน้าหรือ มิใช่การหมิ่นเกียรติต้าเยียนหรือ?นี่ก็คือสิ่งที่เซี่ยมู่ไป๋รับไม่ได้ที่สุด จึงเปลี่ยนท่าทีที่เคารพฉินอวิ๋นฟานทันที เขาพบว่าต่อให้เขาลดตัวลงมา ก็ยังเปลี่ยนท่าทีจองหองโอหังที่ฉินอวิ๋นฟานมีต่อพวกเขาไม่ได้อยู่ดีกลับไม่รู้ว่าความจองหองของฉินอวิ๋นฟานยังไม่จบ!“เอ่อ ตาแก่ เราอย่าไร้สาระกันเลยได้ไหม?”ฉินอวิ๋นฟานเริ่มหงุดหงิดแล้ว พูดเหตุผลกับคนแก่นี่ยากจริง ๆ ตรรกะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ฉินอวิ๋นฟานจึงพูดหน้าขรึม “วาจาดียากจะเกลี้ยกล่อมผีสมควรตาย เจ้าอยากประลองแต่งกลอนกับข้ามากมิใช่รึ? ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนก็ได้แล้วใช่ไหม?”“หึ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือกลอนบทเจ็ดพยางค์ผลงานสูงสุดยอด ให้เจ้าได้รู้ว่าอะไรคือละอายใจที่สู้คนอื่น
“จะเป็นไปได้ยังไง...”เซี่ยมู่ไป๋ตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง ไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเลย กลอนบทเจ็ดพยางค์ที่สุดยอดสมบูรณ์แบบเช่นนี้ กลับออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟานรึ?กลอนบทเจ็ดพยางค์สามบทนี้ไม่ว่าจะเป็นภาพแวดล้อมหรือจะเป็นภาษาล้วนเป็นความสุดยอดแห่งยุค เป็นผลงานของโลก สามารถได้รับการยกย่องสรรเสริญจากนับพันปีไม่เพียงแต่เซี่ยมู่ไป๋ ทุกคนในที่นั้นก็อึ้งจนอ้าปากหวอเหมือนกัน ความทึ่งอัดแน่นอยู่ในดวงตาหากกลอนบทเจ็ดพยางค์หนึ่งบทซึ่งเป็นยอดแห่งยุคมิอาจอธิบายอะไร เช่นนั้นฉินอวิ๋นฟานร่ายออกมาสามบทได้อย่างง่ายดายก็เพียงพอพิสูจน์ระดับวรรณกรรมสูงส่งของเขาแล้วเยียนอวี่เฉินเริ่มแรกยังมีความหวังเสี้ยวหนึ่ง รู้สึกว่าเซี่ยมู่ไป๋อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่พลิกสถานการณ์ของต้าเยียนได้ ผลคือถูกตอกหน้าอย่างจัง อยู่ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน เซี่ยมู่ไป๋ยังไม่คู่ควรหิ้วรองเท้าให้เขาเลย มวยคนละรุ่นโดยสิ้นเชิงความแตกต่างห่างกันมากเช่นนี้จะประลองอย่างไรได้อีก?!“นี่มีอะไรเป็นไปไม่ได้?”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าไม่ยอม เช่นนั้นข้าจะแต่งอีกสองสามบท ให้เจ้ารู้ซึ้งถึงความแตกต่างว่ามีมากสักแค่ไหน ให้เจ้ารู้ว่าประลองกลอ
“พะ พวกเจ้าทำอะไร?”หลัวเทียนเป้าเห็นว่าสถานการณ์หลุดจากการควบคุมจึงตื่นตระหนกทันใด เขาขึ้นมาขวางอยู่ด้านหน้าเยียนอวี่เฉินทันที ตั้งท่าป้องกันเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงหนัก “พวกเราคือราชทูต ต่อให้ไท่ซั่งหวงของพวกเจ้ามาก็ยังลงมือกับเราไม่ได้!”ยามนี้หลัวเทียนเป้าเริ่มลนแล้ว ถึงเขาจะมีฝีมือยอดเยี่ยมอย่างไร แต่ก็ยังกลัวฝูงชนที่ตกอยู่ในภาวะคลุ้มคลั่ง เขาหนึ่งคนสู้กับคนสิบคน ร้อยคนได้แล้วจะอย่างไร? ในที่นี้มีคนที่ถูกปลุกเร้าอารมณ์เหยียดหมื่น เหยียบพวกเขาแบนได้สบาย ๆ!“พวกเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!!!”“บ้าเอ๊ย!”“บัดซบ!”......เสียงโมโหโกรธาดังระงมทั่วบริเวณ ทุกคนต่างลุกฮือกับพฤติกรรมต่ำทรามของคนต้าเยียน มวลชนกรุ่นโกรธ สถานการณ์ลุกลาม แม้จะเป็นฉินอวิ๋นฟานก็ยังตะลึงกับภาพนี้หลู่เซียงหลิง มู่หรงจิ่นพร้อมบรรดาคนจากสำนักศึกษาหลวงตกตะลึงตาค้าง ไม่กล้าเชื่อภาพตรงหน้านี้เลย ฉินอวิ๋นฟานแค่ร่ายกลอนออกไปไม่กี่บทก็รวมหัวใจของทุกคนได้แล้ว สถานการณ์แทบจะหลุดจากการควบคุมอู่จ้านกลับขมวดคิ้ว หากควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ น่ากลัวว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ “เงียบ!”ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็ก้าวออกมา เขาย่อมตระหนัก
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว
ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปากเดี๋ยวนั้น “ข้าแค่บอกว่า ‘สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด?’ ข้าระบุหรือยังว่าหมายถึงใคร?”“หือ? รัชทายาท นี่ท่านหมายความว่ายังไง?”เห็นท่าทางฉินอวิ๋นฟานกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ถังเจิ้นไห่หน้าดำทะมึน เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า“แน่นอนว่าหมายความตามนั้น ยังจะมีความหมายอะไรอีก?”ฉินอวิ๋นฟานแบมือออก “ข้ารำคาญของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่งมากจริง ๆ นี่คือการแสดงออกและการระบายของข้าตามปกติ มีปัญหาอะไรหรือ? ที่ข้าพูดมาได้ชี้ไปที่ใครแล้วหรือยัง?”คำอธิบายที่มาอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานทำให้ทุกคนในที่นั้นงงงวยไปเลย จริงอยู่ที่เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานพูดว่าของไร้ประโยชน์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครนี่“ไม่ถูก รัชทายาท เมื่อครู่ท่านไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้นี่!”ยามนี้สมองน้อย ๆ ของถังเจิ้นไห่ถูกฉินอวิ๋นฟานทำให้ฝ่อแล้ว ฉินอวิ๋นฟานมิใช่ทำเรื่องจริงให้บิดเบี้ยว เถียงข้าง ๆ คู่ ๆ หรือ? เล่นเกมเลี่ยงบาลีต่อหน้าทุกคนเลย?“เช่นนั้นขอถามแม่ทัพผู้เฒ่าถัง ข้าหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานย้อนถาม ทำให้ถังเจิ้นไห่อึ้งอยู่กับที่ หมายความว่าอย
“รัชทายาท ท่านก็เห็นแล้ว”ถังเจิ้นไห่มองไปทางฉินอวิ๋นฟานด้วยความกระหยิ่มแล้วเอ่ยต่อ “เวลานี้ทุกคนต่างสนับสนุนพ่อลูกตระกูลเจี่ยง ไม่มีใครสนับสนุนหวังอันสือสักคน ท่านยังจะโต้แย้งอีกหรือไม่?”กับความโอหังของถังเจิ้นไห่ ฉินอวิ๋นฟานหน้าดำทะมึนจนแทบหยดเป็นน้ำ ทว่าฉินอวิ๋นฟานมิใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ“เหอะ แล้วจะยังไง? สัจธรรมมักอยู่ในมือของคนส่วนน้อย ของไร้ประโยชน์กองหนึ่งสนับสนุนมีประโยชน์อันใด? ได้แต่พิสูจน์ให้เห็นถึงความคับแคบและเบาปัญญาของพวกเขาเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานเยาะเย้ยด้วยใบหน้าดูถูก ยิ่งพวกเขาทำเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานก็ยิ่งรำคาญ และยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะสลายพวกเขาด้วยที่ต้าเฉียนอยู่อันดับรั้งท้ายเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะการเพิกเฉยและความฉ้อฉลของหนอนเจาะพวกนี้ จึงทำให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาเห็นดีเห็นงามไม่ได้หมายถึงฉินอวิ๋นฟานจะยอมแพ้“บังอาจ!!!”“น่ารังเกียจ!!!”“รัชทายาทจะทำเกินไปแล้วกระมัง พวกเราแค่แสดงความเห็นของพวกเราเท่านั้น กลับถูกรัชทายาทลบหลู่ด่าทอว่าเป็นของไร้ประโยชน์? ไม่เคารพผู้อื่นเอาเสียเลย!”“ไท่ซั่งหวงโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในฐ
ดังนั้นหลังจากได้เมืองอู่โจวกลับคืนมา ชื่อเสียงและเสียงเรียกร้องที่มีต่อฉินอวิ๋นฟานในต้าเฉียนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขายังกบดานต่อไป เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะกลายเป็นไร้ความหมาย“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจมากกับการที่จู่ ๆ ถังเจิ้นไห่ก็ก้าวออกมา หากฉินอวิ๋นฮุยกับฉินอวิ๋นคังออกมาแย้งเขา เขาจะไม่แปลกใจสักนิด แต่การออกหน้าของถังเจิ้นไห่ทำให้เขาจำต้องระวัง“รัชทายาทก็บอกมิใช่หรือ ในฐานะที่ข้าคือขุนนางของต้าเฉียน พวกเราสมควรทำงานเพื่อบ้านเมือง”ถังเจิ้นไห่กล่าวสีหน้าเคร่งขรึม “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่าหวังอันสือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงต้องเลือกผู้ที่มีความสามารถเหนือคน มีชาติตระกูลดีสืบทอดมาดำรงตำแหน่งจะเหมาะสมกว่า”“อื่ม ที่ใต้เท้าถังว่ามาก็ใช่จะไม่มีเหตุผล”ไท่ซั่งหวงพยักหน้า เอ่ยปากด้วยสีหน้าสงบ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าถังมีคนที่เหมาะสมกว่าหรือไม่?”ถังเจิ้นไห่ตอบหนักแน่น “ทูลไท่ซั่งหวง กระหม่อมคิดว่าบุตรชายเจี่ยงหย่งกังจากสำนักราชเลขา เจี่ยงฝานฝานเหมาะสมกว่าพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลเจี่ยงไม่เพียงแ
“เด็กบางคนคือเด็ก เด็กบางคนเกิดมาก็คือปีศาจ ข้าฆ่าปีศาจมีอะไรผิด?”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ถ้าพี่รองไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ตรวจสอบให้ละเอียดได้ หากข้าไม่มีจุดไหนที่ทำไม่ถูก ท่านก็ต้องทนเอาไว้ อย่างไรนี่ก็คือลักษณะการทำงานของข้าฉินอวิ๋นฟาน”“สำหรับทำไมถึงฆ่าคนเยอะอย่างนั้น ข้าได้แต่บอกท่านว่าพวกเขาล้วนสมควรตาย พร้อมกันนั้น ข้ากำลังเตือนทุกคน มีบางเรื่องทำได้ มีบ้างเรื่องทำไม่ได้ ถ้าใครกล้าล้ำเส้น ข้าฉินอวิ๋นฟานก็จะเอาชีวิตมันผู้นั้นเหมือนกัน!”“และถ้าจะให้ข้ามอบเหตุผลให้ได้ละก็ เช่นนั้นข้าได้แต่พูดว่าเพราะข้าคือรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินของต้าเฉียน มีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ คือผู้ดำรงกฎหมายต้าเฉียน ข้ามีอำนาจและมีหน้าที่พิทักษ์บ้านเมืองของต้าเฉียน ชาวบ้านคือรากฐานของเรา มิใช่คนที่พวกท่านจะข่มเหงรังแกได้ตามอำเภอใจ!”ซี้ด...ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาเผด็จการ ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสูดลมเย็นเข้าปาก แม้ในใจพวกเขาจะมีความแค้นมากมายเพียงใด หากเวลานี้ได้แต่สะกดกลั้นเอาไว้เพราะฉินอวิ๋นฟานไม่เพียงแต่มีอำนาจประหารอันเป็นอำนาจสูงสุด ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอำนาจราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ใดกล้าคั