Share

บทที่ 937

Author: ไห่ตงชิง
การเคลื่อนย้ายกองทัพ นับแต่อดีตกาล ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุดของผู้ปกครอง

โดยทั่วไป การนำกองทัพจากต่างเมืองเข้ามาในเมืองหลวง ย่อมเป็นไปได้ยากยิ่ง

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉินจำต้องใช้กำลังทหารจากภายนอก

หากไม่ได้เตรียมการไว้ อาจไม่ปลอดภัย

ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าจ้าวเสวียนจีเตรียมกำลังพลไว้เท่าใด

ซูเจิ้นถิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทยังทรงจำกองทัพเหลียวตงได้หรือไม่?”

หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองซูเจิ้นถิง ส่งสัญญาณให้เขากล่าวต่อ

“เมื่อปีก่อน ผิงเป่ยได้รับพระบัญชาให้นำทัพไปปราบดองอิ๋งในแคว้นเซียน ในครานั้น ได้มีการเรียกใช้กองทัพเหลียวตง ซึ่งมี แม่ทัพหูซื่อฟาน เป็นผู้บัญชาการ”

“แม่ทัพหูซื่อฟาน เคยเป็นอดีตคนของบิดากระหม่อม ในเรื่องความจงรักภักดีนั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน”

“ส่วนกองทัพจากที่อื่น กระหม่อมเห็นว่าหากไม่ใช่สถานการณ์จำเป็นจริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจ้าวเสวียนจีแล้ว พวกเรายังต้องระวังอ๋องจากแคว้นต่างๆ ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเขตจีชิ่งและกานส่าน จีชิ่งเป็นเขตของเหวินอ๋อง กานส่านเป็นเขตของหนิงอ๋อง หากเกิดเรื่องขึ้นที่ใดที่หนึ่ง ย่อมสะเทือ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 938

    เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักราชเลขาก็ลงมือเคลื่อนไหวหลี่อิ๋นหู่ ออกประกาศราชโองการในนามขององค์ชายแปด และ จ้าวอ๋องในประกาศฉบับนั้นเริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษหลี่เฉินถึงความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รายชื่อขุนนางที่ถูกประหาร ถูกริบทรัพย์ ถูกกำจัดไป ล้วนถูกระบุไว้ชัดเจน จากนั้นก็ชี้ชัดว่าหลี่เฉินใช้อำนาจในทางมิชอบ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยปราศจากเหตุผลในเนื้อหาของประกาศฉบับนี้ หลี่เฉินถูกกล่าวหาว่าเป็นองค์รัชทายาทที่โฉดเขลา อำมหิต และไร้ความสามารถและที่สำคัญที่สุด…หลี่อิ๋นหู่ ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ในตอนท้ายของประกาศเขาได้ตั้งข้อกังขาต่อเชื้อสายของหลี่เฉิน!หลี่อิ๋นหู่กล่าวหาว่าองค์รัชทายาทในปัจจุบัน มิใช่พระโอรสที่แท้จริงของต้าสิงฮ่องเต้ แต่เป็นบุตรชายที่เกิดจากสตรีสามัญชนที่ต้าสิงฮ่องเต้เคยโปรดปรานเมื่อครั้งยังไร้รัชทายาท ในปีนั้น เมื่อพระนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดพระโอรส ต้าสิงฮ่องเต้ จึงรับตัวเข้าวัง และเพื่อปกปิดความจริงจึงให้พระสนมองค์หนึ่งแสร้งรับเป็นพระมารดาเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั้งแผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือน!ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าองค์ชายแปด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1

    จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆวิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”หลี่เฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 938

    เช้าวันรุ่งขึ้น สำนักราชเลขาก็ลงมือเคลื่อนไหวหลี่อิ๋นหู่ ออกประกาศราชโองการในนามขององค์ชายแปด และ จ้าวอ๋องในประกาศฉบับนั้นเริ่มต้นด้วยการกล่าวโทษหลี่เฉินถึงความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นหลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ รายชื่อขุนนางที่ถูกประหาร ถูกริบทรัพย์ ถูกกำจัดไป ล้วนถูกระบุไว้ชัดเจน จากนั้นก็ชี้ชัดว่าหลี่เฉินใช้อำนาจในทางมิชอบ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยปราศจากเหตุผลในเนื้อหาของประกาศฉบับนี้ หลี่เฉินถูกกล่าวหาว่าเป็นองค์รัชทายาทที่โฉดเขลา อำมหิต และไร้ความสามารถและที่สำคัญที่สุด…หลี่อิ๋นหู่ ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ในตอนท้ายของประกาศเขาได้ตั้งข้อกังขาต่อเชื้อสายของหลี่เฉิน!หลี่อิ๋นหู่กล่าวหาว่าองค์รัชทายาทในปัจจุบัน มิใช่พระโอรสที่แท้จริงของต้าสิงฮ่องเต้ แต่เป็นบุตรชายที่เกิดจากสตรีสามัญชนที่ต้าสิงฮ่องเต้เคยโปรดปรานเมื่อครั้งยังไร้รัชทายาท ในปีนั้น เมื่อพระนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดพระโอรส ต้าสิงฮ่องเต้ จึงรับตัวเข้าวัง และเพื่อปกปิดความจริงจึงให้พระสนมองค์หนึ่งแสร้งรับเป็นพระมารดาเมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทั้งแผ่นดินถึงกับสั่นสะเทือน!ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าองค์ชายแปด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 937

    การเคลื่อนย้ายกองทัพ นับแต่อดีตกาล ล้วนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สุดของผู้ปกครองโดยทั่วไป การนำกองทัพจากต่างเมืองเข้ามาในเมืองหลวง ย่อมเป็นไปได้ยากยิ่งแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ หลี่เฉินจำต้องใช้กำลังทหารจากภายนอกหากไม่ได้เตรียมการไว้ อาจไม่ปลอดภัยไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัดว่าจ้าวเสวียนจีเตรียมกำลังพลไว้เท่าใดซูเจิ้นถิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวขึ้น “องค์รัชทายาทยังทรงจำกองทัพเหลียวตงได้หรือไม่?”หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นมองซูเจิ้นถิง ส่งสัญญาณให้เขากล่าวต่อ“เมื่อปีก่อน ผิงเป่ยได้รับพระบัญชาให้นำทัพไปปราบดองอิ๋งในแคว้นเซียน ในครานั้น ได้มีการเรียกใช้กองทัพเหลียวตง ซึ่งมี แม่ทัพหูซื่อฟาน เป็นผู้บัญชาการ”“แม่ทัพหูซื่อฟาน เคยเป็นอดีตคนของบิดากระหม่อม ในเรื่องความจงรักภักดีนั้น ไม่มีปัญหาแน่นอน”“ส่วนกองทัพจากที่อื่น กระหม่อมเห็นว่าหากไม่ใช่สถานการณ์จำเป็นจริงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะนอกจากจ้าวเสวียนจีแล้ว พวกเรายังต้องระวังอ๋องจากแคว้นต่างๆ ที่อาจฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย โดยเฉพาะเขตจีชิ่งและกานส่าน จีชิ่งเป็นเขตของเหวินอ๋อง กานส่านเป็นเขตของหนิงอ๋อง หากเกิดเรื่องขึ้นที่ใดที่หนึ่ง ย่อมสะเทือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 936

    “แม่ทัพซู ดูเหมือนว่าจ้าวเสวียนจีจะทนไม่ไหวแล้ว พวกเขาอาจใช้กำลังทหารบีบคั้นตำหนักบูรพาได้ทุกเมื่อ”คำพูดแรกของหลี่เฉินทำให้ใจของซูเจิ้นถิงแทบหยุดเต้นทว่าซูเจิ้นถิงเพียงยิ้มบางๆ พลางกล่าว “องค์รัชทายาทวางพระทัยเถิด ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของกระหม่อม ตำหนักบูรพาจะไม่เกิดเรื่องแน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “มีแม่ทัพซูกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”จากนั้นเขาหันไปมองสวีฉังชิง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สวีฉังชิง ต่อจากนี้ ภาระของเจ้าจะหนักที่สุด”สวีฉังชิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบกล่าว “องค์รัชทายาท กระหม่อมยินดีถวายชีวิตเพื่อองค์รัชทายาท”“ในด้านราชการ เจ้าอาจต้องรับภาระมากขึ้น เวลานี้ข้าไม่อาจเลื่อนตำแหน่งให้เจ้าได้ แม้เลื่อนตำแหน่ง สำนักราชเลขาก็คงไม่ยอมรับ ทำให้ชื่อเสียงไม่เป็นที่ยอมรับและกลับกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้า แต่ข้าขอรับปาก จะมอบตำแหน่งมหาเสนาบดีให้แก่เจ้า”หากต้องการให้ม้าออกวิ่ง ก็ต้องให้อาหารม้าอิ่มเสียก่อนขณะนี้ ตำแหน่งรองเสนาบดีกรมครัวเรือนของสวีฉังชิงนั้นต่ำเกินไป และข้อจำกัดของกรมครัวเรือนก็มาก ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสำคัญต่างๆ ได้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 935

    “องค์รัชทายาททรงดื้อดึงถึงเพียงนี้ เช่นนั้น พวกหม่อมฉันย่อมไม่อาจนิ่งเฉย”จ้าวเสวียนจีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ครั้งนี้ เขาไม่มีทางถอยอีกแล้วสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ทุกฝ่ายต่างยืนอยู่ริมหน้าผา หากใครก้าวถอยหลังเพียงก้าวเดียว ก็จะร่วงลงสู่หุบเหวอันลึกสุดหยั่งเขาสะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวเสียงเย็นชา “กระหม่อมขอตัว”กล่าวจบ จ้าวเสวียนจีก็หันหลังเดินออกจากพระที่นั่งไท่เหอทันทีฟู่อวี้จือและจางปี้อู่ก็เดินตามไปโดยไม่เอ่ยคำใด แม้แต่จะค้อมศีรษะให้หลี่เฉินสักครั้ง ยังไม่ทำหลี่อิ๋นหู่เดินมาถึงข้างกายหลี่เฉิน มองดูเขาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยัน ราวกับว่านี่คือฉากที่เขาอยากเห็นที่สุด“น้องขอตัว”เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะเดินออกไปอย่างองอาจหลังจากนั้น ขุนนางที่เป็นพวกพ้องของสำนักราชเลขาต่างทยอยออกไป ราวกับกระแสน้ำที่ถาโถมพัดผ่านแต่หลี่เฉินหาได้เอ่ยปากห้ามพวกเขาแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ มองดูเงาหลังของพวกเขาจากไปเงียบๆ เพียงพริบตาเดียว พระที่นั่งไท่เหอที่เคยเต็มไปด้วยขุนนาง ก็บรรยากาศเงียบเหงาลงทันทีเมื่อสำนักราชเลขาถอนตัวไปแล้ว ผู้ที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นฝ่ายของตำหนักบูรพาบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 934

    องค์รัชทายาทฆ่าคนมาแล้วมากมายมีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่พิสูจน์ว่า ไม่มีใครที่องค์รัชทายาทไม่กล้าฆ่ามหาบัณฑิตจากสำนักราชเลขา? เขาก็เคยฆ่ามาแล้วแม้แต่ทูตจากแคว้นเหลียว เขายังสังหารต่อหน้าเย่ลู่เสินเสวียนได้เลยชื่อเสียงแห่งความโหดเหี้ยมขององค์รัชทายาท สร้างขึ้นมาจากเลือดของคนเหล่านั้นดังนั้นเมื่อเขากล่าวว่า จะฆ่าจ้าวเสวียนจี ไม่มีขุนนางคนใดในท้องพระโรงที่คิดว่าเขาไม่กล้าทำยกเว้นเพียง จ้าวเสวียนจีเพียงผู้เดียวเขาเงยหน้ามองหลี่เฉิน สีหน้าเรียบเฉย ก่อนกล่าวว่า "หากองค์รัชทายาทเห็นว่าหม่อมฉันสมควรถูกสังหาร หม่อมฉันก็ยินดีมอบศีรษะนี้ให้พระองค์ได้ลงมือ"มีบางปัญหา หากแก้ไม่ได้ ก็ตัดรากถอนโคนมันเสียแต่บางปัญหา หากแก้ไขได้ ก็ควรแก้ไขที่ตัวปัญหา การกำจัดคนที่สร้างปัญหาออกไป อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมจ้าวเสวียนจีเข้าใจเรื่องนี้ดี และหลี่เฉินก็เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นจ้าวเสวียนจีจึงไม่รู้สึกหวาดหวั่นเพราะหากหลี่เฉินเสียสติถึงขั้นสังหารเขาต่อหน้าขุนนางทั้งหมด วันพรุ่งนี้ ราชสำนักต้าฉินก็ต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆและนี่คือราคาที่หลี่เฉินไม่มีทางยอมจ่ายและเขาก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ“

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 933

    “ข้าเป็นองค์รัชทายาท ส่วนเจ้าเป็นเพียงองค์ชายต่ำศักดิ์ เจ้ามากราดเกรี้ยวต่อราชสำนักเยี่ยงนี้ แล้วขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษเล่า? ความอาวุโสลำดับชั้นเล่า?”“ข้ามีพระราชโองการจากเสด็จพ่อ ประทานอำนาจสำเร็จราชการให้ข้าดูแลกิจการทั้งปวงของราชสำนัก หากเจ้าขัดข้า ก็เท่ากับขัดขืนเสด็จพ่อ มีสิ่งใดแตกต่างจากการก่อกบฏ?”สองประโยคของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างไม่ว่าหลี่อิ๋นหู่จะกล่าวสิ่งใด แต่ด้วยฐานะของหลี่เฉินและพระราชโองการที่พระบิดามอบให้นั้น ก็เหมือนกับชุดเกราะที่ทำให้หลี่เฉินอยู่ในสถานะไร้เทียมทานนี่คืออำนาจทางกฎหมายที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้และในแผ่นดินนี้ มีเพียงต้าสิงฮ่องเต้เท่านั้น ที่สามารถเพิกถอนอำนาจนี้ได้แต่พระราชโองการนี้ เป็นสิ่งที่ต้าสิงฮ่องเต้ทรงมอบให้หลี่เฉินด้วยพระองค์เอง พระองค์จะทรงเพิกถอนมันได้หรือ?อย่างน้อย... ตอนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกอึดอัดจนแทบกระอักเลือดในเวลานี้ จ้าวเสวียนจีจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง“องค์รัชทายาท หน้าที่ของขุนนาง คือการช่วยเหลือฝ่าบาทบริหารราชกิจ แต่ในยามที่ผู้ครองอำนาจขาดวิจารณญาณ พวกเราต้องกล้าที่จะทูลทัดทาน กล้าท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 932

    “ผู้อาวุโสหมายความว่า ให้ข้าสละตำแหน่ง แล้วให้จ้าวอ๋องขึ้นมาแทนหรือ?”เสียงของหลี่เฉินหนักแน่น ก้องกังวานไปทั่วพระที่นั่งไท่เหอจ้าวเสวียนจีหาได้หวั่นไหวไม่ สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าคำพูดกลับเฉียบคมและหนักแน่น “องค์รัชทายาททรงตรากตรำเพื่อราชสำนักมาเนิ่นนาน ถึงเวลาสมควรพักผ่อนเสียบ้าง ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์พี่น้องเหนือสิ่งอื่นใด ให้จ้าวอ๋องช่วยแบ่งเบาภาระพระองค์ ถือเป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานแน่นอน”“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!”หลี่อิ๋นหู่ตื่นเต้นจนตัวสั่น เขาแทบจะมองเห็นภาพตนเองยืนอยู่ข้างบัลลังก์มังกร และยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่เขาได้นั่งบนบัลลังก์ด้วยตนเองเริ่มแจ่มชัดขึ้นทุกทีแต่ละภาพที่แล่นเข้ามาในหัว ล้วนทำให้เลือดในกายของเขาเดือดพล่านเขาหันไปมองหลี่เฉิน กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมายลึกซึ้ง “องค์รัชทายาท ข้าน้อยแม้ความสามารถด้อยกว่า แต่ก็เต็มใจแบ่งเบาภาระของพระองค์ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดเห็นแก่ความหวังดีของข้าด้วย”เสียงของหลี่เฉินเย็นชา ทว่าเปี่ยมด้วยอำนาจ เขาแม้แต่จะปรายตามองหลี่อิ๋นหู่ยังไม่คิดจะทำ “ที่นี่ไม่มีที่ให้เจ้าพูด ถอยไปซะ!”สีหน้าของหลี่อิ๋นหู่แข็งค้างทันทีถูกตว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 931

    เมื่อสวีฉังชิงก้าวออกมา บรรยากาศในพระที่นั่งไท่เหอก็พลันคึกคักขึ้นทันทีเหล่าขุนนางจากสำนักราชเลขาต่างออกมาตอบโต้โจมตีสวีฉังชิง แต่ฝ่ายตำหนักบูรพาเองก็ไม่ได้อ่อนข้อให้เช่นกันด้วยการนำของสวีฉังชิง ขุนนางฝ่ายตำหนักบูรพาก็เริ่มลุกขึ้นมาโต้กลับ แม้ว่าจำนวนจะน้อยกว่า อายุโดยรวมจะอ่อนกว่า อีกทั้งตำแหน่งก็ไม่สูงเท่ากับฝ่ายสำนักราชเลขา แต่พวกเขาก็หาได้เกรงกลัวไม่ปะทะกันไปมา เพียงไม่กี่คำก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธจนแทบกระอักเลือดท้ายที่สุด ด้วยการส่งสัญญาณของซูเจิ้นถิง กองทัพก็ลงมาร่วมวงด้วยบรรดาเหล่านายทหารผู้หยาบกระด้างเหล่านี้ โดยปกติแล้วไม่มีสิทธิ์และโอกาสมากนักในการแสดงความคิดเห็นในพระราชสำนัก แต่เมื่อมีโอกาสเข้ามาถึง พวกเขาก็ไม่รีรอการปะทะคารมระหว่างบัณฑิต แม้จะแหลมคม แต่ก็มักเต็มไปด้วยถ้อยคำสูงส่งและซับซ้อน ทว่าเมื่อฝ่ายทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง คำพูดที่ออกมากลับเป็นภาษาชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่กระแทกใจพระที่นั่งไท่เหอวุ่นวายจนแทบกลายเป็นตลาดสดจ้าวเสวียนจีที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยไม่กล่าวอันใดมาตลอด เหลือบมองสวีฉังชิงท่ามกลางฝูงชน พลางถอนหายใจอย่างเงียบงันก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 930

    คำกล่าวของฟู่อวี้จือราวกับเป็นเข็มกระตุ้นหัวใจให้กับบรรยากาศอันตึงเครียดในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางทุกคนต่างสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองฟู่อวี้จือ“เงินเดือนขุนนาง ค่าใช้จ่ายของราชสำนัก ค่าจ้างทหาร ตลอดจนการบรรเทาภัยพิบัติ ล้วนมีระเบียบและกฎเกณฑ์ คลังหลวงเก็บภาษีได้ในแต่ละปี แม้ไม่เพียงพอสำหรับทุกค่าใช้จ่าย แต่ก็สามารถจ่ายได้บางส่วน องค์รัชทายาทจะมาใช้เล่ห์กลปั่นหัวผู้คนและบิดเบือนความจริงได้อย่างไร?”คำพูดเพิ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางคัน“ใต้เท้าฟู่ คำกล่าวนี้ผิดถนัดแล้ว”ประโยคเปิดหัวคล้ายกัน แต่เปลี่ยนผู้พูดไปเป็นสวีฉังชิงเขายืนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมก่อนกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างนั้นแน่นอนว่าต้องใช้เงินจากคลังหลวง แต่ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธคือคลังหลวงขาดแคลนมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปีที่แล้วเกิดภัยพิบัติ ฝ่าบาททรงเมตตาต่อราษฎร จึงยกเว้นภาษีในหลายพื้นที่ นั่นจึงทำให้ไม่เพียงแต่รายได้จากภาษีลดลง แต่คลังหลวงยังต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อบรรเทาภัยพิบัติ รายรับกับรายจ่ายที่สวนทางกันเช่นนี้ ใต้เท้าฟู่คิดว่าช่องว่างมันมากเพียงใดกัน?”“ปีที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะองค์รัชท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status