Share

บทที่ 854

Author: ไห่ตงชิง
คำพูดของสวีฉังชิงทำให้สวีจวินโหลวชะงักไป เขารีบถามว่า “ท่านลุง นี่มันเพราะเหตุใดกัน?”

สวีฉังชิงมองหลานชาย ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างสำนักราชเลขากับตำหนักบูรพานั้นแทบจะเปิดเผยกันอย่างชัดเจนแล้ว หากข้าคาดไม่ผิดอีกไม่นาน ราชสำนักจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะต้องมีเพียงผู้ชนะคนเดียว เจ้าคิดว่าในช่วงเวลานี้ที่เจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี?”

สวีจวินโหลวได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบว่า “ข้าเรียนหนักมาตลอดสิบกว่าปี ก็เพื่อสวมหมวกขุนนางให้ได้ตามความฝัน สร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน จะให้ข้าถอยหนีเพราะเรื่องแย่งชิงอำนาจได้อย่างไร? อีกอย่าง ข้าไม่ไปยุ่งเรื่องเหล่านั้น ขอเพียงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด คนเล็กๆ อย่างข้าคงไม่มีใครมาหาเรื่องแน่นอนใช่หรือไม่?”

สวีฉังชิงจ้องหลานชายพลางดุว่า “ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”

“สถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสอบคราวนี้ เนื่องจากองค์รัชทายาทเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น มันจึงถูกประทับตราของตำหนักบูรพาไปโดยปริยาย”

“การต่อสู้ทางการเมืองก็คือการต่อสู้ระหว่างกลุ่ม เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมต้อง
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1

    จักรวรรดิต้าฉิน ห้องบรรทมในตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีไฝที่หน้าอก ท่านอยากดูไหม?”หลี่เฉินลืมตาโพลงขึ้นมา และหอบหายใจอย่างหนักราวกับปลาขาดน้ำ เขาจ้องมองเสาแกะสลักลายมังกรรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ การตกแต่งห้องแบบโบราณและวิจิตรตระการตา บวกกับมีสาวงามที่น่าทึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆวิญญาณของฉัน ทะลุมิติมาเหรอ!?“ฝ่าบาท ท่านทรงเป็นอะไรไป?”ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาสวยกว่าดาราหญิงทุกคนในชาติก่อนของเขากำลังส่งเสียงเรียก ทำให้ความคิดของหลี่เฉินกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ฉับพลันความทรงจำก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉิน ทำให้เขาเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังหายใจเข้าอย่างหนัก หลี่เฉินก็เข้าใจขึ้นมาชาตินี้ เขาไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่ถือว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำเป็นพรอีกต่อไป แต่เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิต้าฉิน ว่าที่ฮ่องเต้ ทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียวในจักรวรรดิต้าฉินอันยิ่งใหญ่!ชาตินี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายจนๆ อีกต่อไป แต่เป็นผู้มีอำนาจและสถานะ ควบคุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้าไว้ในมือ!“ฉัน...ข้าอยากเห็น แน่นอนอยากเห็นสิ”หลี่เฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 2

    เฉินจื้อกัดฟันด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง มือที่จับบนด้ามดาบเกร็งแน่นจนเส้นเอ็นปูด เผยให้เห็นถึงความโกรธสุดขีด“ไม่กล้า? ไม่กล้าก็ไสหัวไป! ถอยไปด้านหลังให้ข้าห้าก้าว ลงไปจากขั้นบันได ถ้ากล้าเหยียบขั้นบันไดขึ้นมาหนึ่งก้าว สังหารไร้ปรานี!”หลี่เฉินมองสีหน้าอึมครึมของเฉินจื้อ ที่ค่อยๆ ถอยหลังไปอย่างช้าๆ ด้วยความอับอาย เมื่อถอยลงจากขั้นบันไดขั้นสุดท้ายจึงหยุด หลี่เฉินหัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะหันหัวเดินเข้าไปด้านในเมื่อจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลี่เฉิน ความเกลียดชังที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของเฉินจื้อก็แทบจะทำให้เขาคลุ้มคลั่ง“หลี่เฉิน เจ้ารอข้าก่อนเถอะ เมื่อแผนการของฮองเฮากับใต้เท้าราชเลขาธิการบรรลุผล ข้าจะทำให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!”เมื่อกลับเข้ามาด้านใน หลี่เฉินก็เห็นฮองเฮาจ้าวชิงหลานกำลังปลอบใจจ้าวหรุ่ยที่กำลังร้องไห้อยู่อ้อมแขนของนางอย่างระมัดระวัง แม้ว่าจ้าวชิงหลานจะไม่เคยถูกแตะต้อง แต่เมื่อเห็นท่าทางของจ้าวหรุ่ยตอนนี้ และยังรอยเลือดบนแท่นบรรทมจึงพอจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นในฐานะผู้หญิงด้วยกัน นางย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน“องค์รัชทายาท ท่านบังอาจไปแล้วนะ!”เมื่อเห็นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 3

    เสียงร้องแผ่วเบานี้กระตุ้นความตื่นตัวของเฉินจื้อที่อยู่ข้างนอกทันที“ฮองเฮาทรงเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ?”จ้าวชิงหลานมองหลี่เฉินที่มองนางด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ นางแอบกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนำความไม่พอใจทั้งหมดไประบายใส่เฉินจื้อ“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ต้องถามมาก”เมื่อเฉินจื้อถูกตำหนิ เขาก็ยิ่งรู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีที่ระบายความโกรธ เขาจึงหันกลับมาด่าขันทีที่กำลังขับรถม้า “ขับรถม้าให้ดีๆ หน่อย หากทำให้ฮองเฮาตกใจอีกครั้ง ข้าจะแล่เนื้อเจ้าซะ!”ภายในเกี้ยวหงส์ ตู้นั้นสั่นเล็กน้อย ราวกับกรงสัตว์ก็ไม่ปาน ทำให้จ้าวชิงหลานนึกอยากจะหนีก็หนีไม่ได้จ้าวชิงหลานนั่งบนต้นขาของหลี่เฉิน ราวกับนั่งอยู่บนเข็มก็ไม่ปานนางคิดจะลุกขึ้น แต่ทุกครั้งที่ทำตามความตั้งใจ หลี่เฉินก็จะดึงนางกลับมา และบังคับให้นั่งลงอย่างแน่วแน่“เจ้า เจ้าไม่กลัวข้าจะสังหารเจ้ารึ!?”เมื่อมองไปที่ปากแดงฟันขาวนั่น จ้าวชิงหลานก็แอบกัดฟันแน่น หลี่เฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “ฮองเฮายอมแพ้หรือไม่?”ในขณะที่พูดก็ฉวยโอกาสที่จ้าวชิงหลานไม่ทันสังเกต ใช้มือใหญ่ของเขาคลำไปตามระหว่างเอวและหน้าท้อง ท้องน้อยที่แบนราบ เ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 4

    หัวใจของหลี่เฉินหนักอึ้ง เขารู้ว่า ฮ่องเต้กำลังทดสอบตัวเองผลงานของเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ค่อยดีนัก จนถึงขั้นที่ว่าแม้แต่วินาทีสุดท้ายของฮ่องเต้ พระองค์ก็ยังไม่กล้าที่จะมอบภาระของประเทศไว้บนบ่าของเขาตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า การกระทำของเขานั้นจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเขาในท้ายที่สุด“ความยากในการบริหารแผ่นดิน เกิดจากปัญหาภายในและภายนอก”หลี่เฉินผสมผสานความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิม เข้ากับความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการขึ้นและลงของราชวงศ์ที่เขาอ่านก่อนทะลุมิติมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ปัญหาจากภายนอก มาจากพวกคนเถื่อน เฉวี่ยนหรง หนู่เจิน ซยงหนู นอกจากนี้ยังมีพิษร้ายที่เหลือรอดจากอดีตราชวงศ์หยวน ซึ่งต้องการทำลายต้าฉินของพวกเรา”“ปัญหาจากภายใน มาจากการแบ่งแยกของอ๋องศักดินา ซึ่งก็คือพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นท่านอ๋องหรือโหว พวกเขามีอำนาจเก็บภาษีในดินแดนศักดินา และมีอำนาจทางการทหาร มันเป็นเพียงสถานที่นอกกฎหมาย เป็นเขตปกครองตนเอง นับว่าเป็นปัญหาที่ร้ายแรงจริงๆ ”“ยังมีเจ้าหน้าที่ทุจริตออกอาละวาดในท้องถิ่น พวกขุนนางใหญ่จัดตั้งกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว พวกเขาต่อสู้เพื่ออำนาจและ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 5

    หลี่เฉินยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีใครในใต้หล้านี้ไม่กลัวอำนาจและวิธีการสังหารของหน่วยบูรพา มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่จะไม่กลัว เพราะอำนาจของพวกเขามาจากฮ่องเต้ และพวกเขา ก็ยังเป็นสุนัขรับใช้ที่ภักดีที่สุดในเงื้อมมือของฮ่องเต้อีกด้วยในฐานะกวางกงของหน่วยบูรพาที่เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ต่างต้องการสังหาร เขาคงเป็นคนแรกที่เต็มใจเข้ามาพึ่งพาตัวเองกองกำลังนี้จะช่วยเขาได้มากอย่างแน่นอน“ดีมาก”หลี่เฉินโยนดาบในมือไปตรงหน้าขันทีซานเป่าแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อเคยมอบดาบให้กับเจ้า แต่ตอนนี้ดาบเล่มนั้นขึ้นสนิมไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้ ข้าจะให้ดาบเล่มนี้แก่เจ้า เจ้าต้องการมันไหม?”ขันทีซานเป่าคุกเข่าอย่างนอบน้อม แล้วหยิบดาบบนพื้นขึ้นมา จับมันไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เมื่อฝ่าบาทมอบราชโองการให้แก่บ่าว ทรงเคยตรัสว่า ต่อไปนี้ บ่าวจะเป็นดาบในมือของพระองค์”เมื่อมองดูประตูวังสุทธาสวรรค์ที่ปิดอยู่ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้บนแท่นนอนที่ยืนหยัดหายใจอยู่ จะได้เตรียมการเอาไว้แล้ว“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายเก้าเป็นบุตรคนสุดท้อง เมื่อหลายปีก่อน ฮองเฮาทรงขอเสด็จพ่อรับเลี้ยงดูองค์ชายเก้า และเชิญหัวหน้าสภาขุนนางมาสั่งสอนเป็นการส่วน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 6

    “อย่าอะไร?”จ้าวหรุ่ยในอ้อมแขนดูเหมือนกระต่ายที่หวาดกลัว ดวงตาที่สดใสเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความสับสนจ้าวหรุ่ยไม่รู้ว่า ยิ่งนางกลัวและอยากจะหนีมากเท่าไร เสน่ห์ที่เป็นธรรมชาติซึ่งแฝงอยู่ในกระดูกของนางก็ยิ่งจะโดดเด่นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งดึงดูดหลี่เฉินมากขึ้นหลี่เฉินจับเอวที่ไม่มีกระดูกของจ้าวหรุ่ย แล้วหัวเราะอย่างชั่วร้ายที่ข้างหูนาง “อย่าอะไร อย่าไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าอย่าหยุดกันแน่?”จ้าวหรุ่ยทั้งอับอายทั้งโมโหคำตอบทั้งสองข้อที่หลี่เฉินกล่าวออกมานั้น ไม่มีข้อไหนที่นางอยากจะพูดนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทที่หลงใหลในตัวนางมาโดยตลอด ถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ นางไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวมากนัก เพียงแค่ส่งยิ้มจางๆ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของนางได้แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกลายเป็นปีศาจ และเรียกร้องอย่างตะกละตะกลามอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่านางจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม“ฝ่าบาท โปรดปฏิบัติต่อหม่อมฉันอย่างทะนุถนอม” จ้าวหรุ่ยอ้อนวอนเสียงสะอื้นหลี่เฉินหยอกล้อจ้าวหรุ่ย ผิวพรรณของนางขาวเหมือนเครื่องเคลือบ นอกจากนี้ยังแดงก่ำเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 7

    บทสนทนาระหว่างองครักษ์เสื้อแพรและหลี่เฉินที่ด้านนอกนั้นสามารถได้ยินอย่างชัดเจน“ตายแล้ว...เฉินจื้อตายแล้ว”จ้าวหรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง แม้ว่าเตียงจะยังอุ่นอยู่ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นนางกับเฉินจื้อ แม้จะเป็นเพียงรักข้างเดียวของเฉินจื้อ แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนคุ้นเคยของจ้าวหรุ่ย แต่คนเช่นนั้น ถูกทุบตีจนตายอยู่นอกตำหนักจ้าวหรุ่ยกระทั่งรู้สึกว่า เมื่อคืนนี้ หลี่เฉินจงใจฆ่าเฉินจื้อที่ลานกว้างหน้าประตูตำหนัก และทำเรื่องเช่นนั้นกับนางในห้องนางรู้สึกว่าหลี่เฉินในตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำให้นางรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังน่ากลัวอีกด้วย“ไม่ได้การล่ะ ข้าจะต้องหาโอกาสทูลขอความช่วยเหลือจากฮองเฮา เพื่อจัดการองค์รัชทายาท...” จ้าวหรุ่ยกำผ้าห่มแน่น พลางพึมพำกับตัวเององครักษ์เสื้อแพรสองนายเพิ่งจะไป ขันทีซานเป่าก็มาเยือนเขานำรายงานลับมา และมอบให้หลี่เฉินด้วยความเคารพ“องค์รัชทายาท ของที่พระองต์ต้องการอยู่นี่แล้ว”หลี่เฉินหยิบมันขึ้นมาดู แน่นอนว่าเป็นบันทึกชีวิตประจำวันขององค์ชายเก้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้ รวมถึงเวลาและสถานที่ที่เขาไป สิ่งที่เขาพูด ทุกอย่างมีรายละเอียดมาก จนองค์

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 8

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้หลี่เสวียนหน้าซีดเขารีบตอบไปตามจิตใต้สำนึกว่า “ข้า ข้าไม่ได้กบฏ เสด็จแม่และท่านอาจารย์ตกลงจะให้ข้าดูพวกนั้น พวกเขาบอกว่าข้าควรเรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า...”ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เว่ยเสียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็แทบกระอักเลือดออกมาองค์ชายเก้าเหตุใดจึงไร้ความคิดเช่นนี้ คำพูดเช่นนั้นกล่าวออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร“เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้า?”หลี่เฉินจับจุดอ่อนของหลี่เสวียนได้ น้ำเสียงของเขาสูงขึ้นสองส่วน “เรียนรู้กิจการของรัฐล่วงหน้าเพื่ออะไร? หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จทรงสวรรคต จากนั้นก็เอาตำแหน่งของข้าไป?”ในที่สุดหลี่เสวียนก็รู้ตัวว่าเพิ่งพูดอะไรออกไปเขาหน้าซีด คุกเข่าลงเสียงดังตุบ รีบอธิบายด้วยความตื่นกลัวว่า “พี่รอง ข้า ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น...”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของหลี่เสวียนจึงถอยหลังออกไปอย่างเงียบๆ และวิ่งตรงไปที่วังฮองเฮา“จะมีความหมายเช่นนั้นหรือไม่ ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้าทีหลัง”หลี่เฉินพูดจบ เขาก็หันไปสั่งขันทีซานเป่าว่า “หูหนวกเหรอ? หรือจะให้ข้าลงมือเอง?”ขันทีซานเป่าได้ยินก็รีบลุกขึ้นยืน สั่งองครักษ์

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 854

    คำพูดของสวีฉังชิงทำให้สวีจวินโหลวชะงักไป เขารีบถามว่า “ท่านลุง นี่มันเพราะเหตุใดกัน?”สวีฉังชิงมองหลานชาย ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างสำนักราชเลขากับตำหนักบูรพานั้นแทบจะเปิดเผยกันอย่างชัดเจนแล้ว หากข้าคาดไม่ผิดอีกไม่นาน ราชสำนักจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”“การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะต้องมีเพียงผู้ชนะคนเดียว เจ้าคิดว่าในช่วงเวลานี้ที่เจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี?”สวีจวินโหลวได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบว่า “ข้าเรียนหนักมาตลอดสิบกว่าปี ก็เพื่อสวมหมวกขุนนางให้ได้ตามความฝัน สร้างคุณประโยชน์แก่แผ่นดิน จะให้ข้าถอยหนีเพราะเรื่องแย่งชิงอำนาจได้อย่างไร? อีกอย่าง ข้าไม่ไปยุ่งเรื่องเหล่านั้น ขอเพียงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด คนเล็กๆ อย่างข้าคงไม่มีใครมาหาเรื่องแน่นอนใช่หรือไม่?”สวีฉังชิงจ้องหลานชายพลางดุว่า “ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”“สถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสอบคราวนี้ เนื่องจากองค์รัชทายาทเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ต้น มันจึงถูกประทับตราของตำหนักบูรพาไปโดยปริยาย”“การต่อสู้ทางการเมืองก็คือการต่อสู้ระหว่างกลุ่ม เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมต้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 853

    ดังนั้น ตอนนี้หากจะขออะไรหลี่เฉินก็พอได้ แต่ถ้าขอเงิน นั่นคือสิ่งที่หลี่เฉินขัดสนที่สุดและไม่อยากให้เลย“องค์ชาย”โจวผิงอันเหมือนจะเข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่หลี่เฉินกำลังเผชิญ เขาจึงกล่าวว่า “วิธีที่เร็วที่สุดในการควบคุมจิตใจคน ย่อมเป็นการใช้ทั้งการข่มขู่และการล่อลวงควบคู่กันไป”“กระหม่อมต้องการหน่วยบูรพาเพื่อการข่มขู่”“แต่การล่อลวง หากไม่มีเงินย่อมทำไม่ได้”“องค์ชายถือเสียว่าเป็นการฝากเงินไว้ชั่วคราวในมือของพวกเขา รอจนทุกอย่างสงบลง องค์ชายก็สามารถเรียกคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ เพียงแค่พูดประโยคเดียวเท่านั้น”คำพูดนี้ทำให้หลี่เฉินรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง“ใช่แล้ว ก็แค่ฝากไว้ชั่วคราว ใครจะเอาเงินของตำหนักบูรพาไปง่ายๆ ได้?”เมื่อเข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้ง หลี่เฉินจึงหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็จำได้ว่าธุรกิจสบู่ของตระกูลหลิวยังไม่ได้แบ่งผลกำไรออกมา น่าจะพอรวบรวมเงินหนึ่งล้านตำลึงได้เมื่อมีแหล่งที่มาและจุดหมายสำหรับเงิน หลี่เฉินก็โล่งใจ โบกมือแล้วกล่าวว่า “ตกลง ข้าจะสั่งให้คนเตรียมเงินไว้ให้เจ้า”พูดจบ หลี่เฉินยังไม่วายเตือนอีกว่า “ตอนใช้เงินซื้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 852

    ครานี้ ในที่สุดใบหน้าของโจวผิงอันก็ปรากฏสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาไม่ได้ให้คำตอบในทันที แต่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่พักใหญ่หลี่เฉินเองก็ไม่ได้เร่งรีบหากต้องการให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทำงานและทำงานให้ดี ย่อมต้องมีความอดทนบ้างและที่สำคัญ งานนี้มิใช่เรื่องง่าย พูดได้โดยไม่เกรงใจว่า ไม่เพียงแค่ตำหนักบูรพาที่นอกจากโจวผิงอันแล้วไม่มีใครทำได้ แม้แต่หลี่เฉินเอง หากไปลงพื้นที่ก็ยังอาจจะไม่รอดทำไมไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยศักดินาหรือยุคปัจจุบัน ราชสำนักถึงไม่ชอบส่งขุนนางจากเมืองหลวงไปประจำการในท้องถิ่นโดยไม่มีที่มาที่ไป?เพราะในทุกพื้นที่ย่อมมีระบบทางการเมืองของตนเองเมื่อขุนนางจากเมืองหลวงถูกส่งลงไปในพื้นที่ ข้าหลวงท้องถิ่นก็มักจะรวมตัวกันต่อต้าน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนหากทุกคนในพื้นที่นั้นร่วมงานกันมานาน ย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางกันดี และมีผลประโยชน์เชื่อมโยงกัน ทำให้เจรจาตกลงกันได้ง่ายแต่ถ้ามีคนจากเมืองหลวงเข้ามาแทนที่ ก็เหมือนเป็นการทำลายสมดุลเดิม ไม่มีใครชอบแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น ภารกิจที่หลี่เฉินมอบให้โจวผิงอัน คือการควบคุมหนานเหอ และยังมีกรอบเวลาที่สั้นมากแม้หลี่เฉินจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 851

    สองคนเริ่มมื้ออาหาร โจวผิงอันผู้มีนิสัยสุขุมมาโดยตลอด ไม่ต้องให้หลี่เฉินพูดอะไร เขาก็สามารถทำตัวได้เป็นปกติ ไม่มีท่าทางตื่นเต้นหรืออึดอัดแม้แต่น้อยหลี่เฉินรับประทานข้าวไปสองคำ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าคิดว่าใครเหมาะจะมารับตำแหน่งแทนเจ้า?”หากเป็นคนอื่นถูกถามเช่นนี้ คงรีบคุกเข่าลงวิงวอนขออภัยโทษทันทีแต่โจวผิงอันยังคงสงบแม้แต่ตะเกียบในมือก็ไม่สั่น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “รองเสนาบดีกรมยุติธรรมฝ่ายซ้าย...เปาเฉิงลวี่”หลี่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา “เตรียมการส่งมอบงานให้เรียบร้อย ให้เขามารับตำแหน่งแทนเจ้า”โจวผิงอันยังคงไม่มีท่าทีอื่นใด ตอบกลับไปสั้นๆ ว่า “พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เฉินยิ้มขึ้น แล้วถามต่อว่า “เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือว่าทำไมข้าถึงให้เจ้าลาออกจากตำแหน่ง?”โจวผิงอันตอบว่า “หากมิใช่เพราะมีตำแหน่งใหม่ ก็อาจเพราะทำให้องค์ชายไม่พอใจ แต่กระหม่อมคิดว่าตนมิได้ทำสิ่งใดผิดพลาด ดังนั้นคงเป็นเพราะมีตำแหน่งใหม่ องค์ชายจะบอกกระหม่อมหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ หากองค์ชายไม่บอก กระหม่อมถามไปก็คงไร้ประโยชน์”“เจ้าช่างเข้าใจแจ่มแจ้งจริงๆ”หลี่เฉินเอ่ยชมพลางพูดต่อ “ข้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 850

    หลังจากใช้เวลาอ่านกระดาษคำตอบถึงครึ่งชั่วยาม ชาที่หลี่เฉินเติมแล้วเติมอีกจนแทบจะจืดสนิท ถานไถจิ้งจือก็วางกระดาษคำตอบลงก่อนที่หลี่เฉินจะได้ถามอะไร ถานไถจิ้งจือกลับลุกขึ้นและโค้งคำนับพลางกล่าวว่า "องค์ชาย กระหม่อมมีคำหนึ่งอยากจะกล่าว ขอองค์ชายโปรดอนุญาต""ท่านอาจารย์พูดมาได้เลย" หลี่เฉินตอบ"ตำแหน่งจอหงวนในครั้งนี้ สมควรเป็นของฟู่หมิ่นชิงเท่านั้น"คำพูดนี้ทำให้หลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยความจริงแล้วในใจของหลี่เฉินเองก็เอนเอียงไปทางฟู่หมิ่นชิงอยู่บ้าง แต่เขารู้สึกว่าทั้งสี่คนล้วนเป็นผู้มีความสามารถ และยังต้องใช้เวลาและทรัพยากรเพื่อพัฒนาหลี่เฉินมองว่าทั้งสี่คนล้วนโดดเด่น แต่ไม่มีใครที่โดดเด่นจนสามารถทิ้งห่างคนอื่นได้ชัดเจนดังนั้นเขาจึงลังเลถานไถจิ้งจือเข้าใจว่าหลี่เฉินจะต้องสงสัยในคำพูดของเขา จึงอธิบายต่อ "ในความเห็นของกระหม่อม กระดาษคำตอบทั้งสี่แผ่นล้วนยอดเยี่ยม โดยเฉพาะของฟู่หมิ่นชิงและสวีจวินโหลวที่โดดเด่นที่สุด ดังนั้นตำแหน่งจอหงวนและบัณฑิตอันดับสองควรอยู่ในสองคนนี้""แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฟู่หมิ่นชิงมีมุมมองที่กว้างขวางกว่า ความคิดอ่านชัดเจนกว่า และที่สำคัญที่สุดคื

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 849

    หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ พลางกล่าวว่า "ท่านอาจารย์นี่ช่างเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา เพียงแค่จิบเดียวก็สามารถบอกได้ถึงรสชาติที่แท้จริง"ถ้าเป็นคนอื่น คงนั่งตัวเกร็งจนไม่กล้าดื่มด้วยซ้ำ และแม้จะมีเครื่องดื่มเลิศรสมาวางตรงหน้า ก็คงดื่มไม่รู้รสที่สำคัญ ต่อให้ดื่มแล้วรู้สึกถึงรสชาติที่แท้จริง ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรงๆ แบบนี้หมายความว่าอย่างไร?องค์รัชทายาทเป็นผู้ถวายชาให้ท่านดื่ม แต่ท่านกลับวิจารณ์ว่าไม่ใช่ชารุ่นใหม่ นี่ไม่เท่ากับไม่รักษาหน้าพระองค์หรอกหรือ?"ขุนนางในราชสำนักมีมากมาย แต่ผู้ที่กล้าพูดความจริงกับข้าอย่างท่านอาจารย์นั้นมีน้อยนัก"เขาหยุดเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อ "ที่ท่านพูดมานั้นถูกต้อง นี่เป็นชารุ่นเก่าจากปีที่แล้ว แม้จะดูเหมือนเป็นเพียงใบชาธรรมดา แต่การนำมาถวายจากมณฑลฝูเจี้ยนต้องเสียทั้งแรงงานและทรัพยากรมากมาย อย่างไรเสีย ข้าเห็นว่าเป็นเพียงเครื่องดื่มหนึ่งถ้วย ดื่มอะไรก็เหมือนกัน และในสถานการณ์ที่ราชสำนักเผชิญความยากลำบากเช่นนี้ อะไรที่สามารถประหยัดได้ ก็ควรประหยัด"ถานไถจิ้งจือได้ยินดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง "องค์ชาย แม้พระองค์ยังทรงพระเยาว์ และเป็นรัชทายาท แต่พระอง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 848

    คำพูดของซูเจิ้นถิง ทำให้จ้าวเสวียนจีรู้สึกเหมือนโดนตบหน้ากลางที่สาธารณะมันชัดเจนว่าซูเจิ้นถิงโยน "หม้อดำ" ที่เกิดจากโหวอวี้ซูมาไว้บนหัวของเขาโดยตรงหลายปีที่ผ่านมา จ้าวเสวียนจีไม่เคยต้องเจอกับความอับอายเช่นนี้สีหน้าของเขาเย็นชาลงทันที ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น "แม่ทัพเข้าใจผิดแล้ว เรื่องวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า"แต่สีหน้าของซูเจิ้นถิงกลับเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบว่า "เกี่ยวข้องหรือไม่ ท่านผู้อาวุโสรู้ดีที่สุด ข้ากล่าวเท่านี้ หวังว่าท่านจะพิจารณาให้รอบคอบ อย่าให้ความขัดแย้งในราชสำนักลุกลามไปถึงครอบครัวหรือชีวิตส่วนตัวของพวกเรา"เมื่อพูดจบ ซูเจิ้นถิงไม่ได้มองสีหน้าที่มืดดำของจ้าวเสวียนจีแม้แต่น้อย เขาเพียงโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วหมุนตัวจากไปจ้าวเสวียนจีมองแผ่นหลังของซูเจิ้นถิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาจ้าวเสวียนจีเช่นข้า ไม่เคยต้องอดทนกับเรื่องเช่นนี้แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าตนถูกใส่ร้าย แต่เขาก็เข้าใจดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายเพราะถึงอธิบายไป ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูเจิ้นถิงก็คงไม่เปลี่ยนแปลงความขัดแย้งทั้งหมดนี้ สุดท้ายจะถูกตัดสินในช่วงเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 847

    คนมิใช่หญ้าใบไม้ จะไร้ซึ่งความรู้สึกได้อย่างไรถานไถจิ้งจือ แม้จะมีศิษย์มากมาย แต่เขาก็ทุ่มเททั้งแรงกายและใจให้กับศิษย์ทุกคนที่ได้รับการสอนจากเขาในฐานะผู้ที่มุ่งมั่นในการอบรมสั่งสอน เขาไม่เคยหวงวิชาความรู้แก่ศิษย์เลยดังนั้น เวลานี้ ถานไถจิ้งจือเองก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งแต่เขาไม่ได้โทษหลี่เฉินเพราะเขาเข้าใจดีว่า หลี่เฉินได้มอบ "ทางออกที่น่ามอง" ให้โหวอวี้ซูแล้วต่อให้วันนี้หลี่เฉินไม่ฆ่าเขา และตัวเขาเองไม่ฆ่า แต่ตระกูลซู ไม่มีวันปล่อยโหวอวี้ซูรอดชีวิตไปได้อย่าให้ภาพลักษณ์ที่ซูเจิ้นถิงเงียบขรึมในราชสำนักมาหลอกตาความเด็ดขาดของซูเจิ้นถิงล้ำลึกยิ่งกว่าจ้าวเสวียนจีเสียอีกชายที่สามารถควบคุมกองทัพไว้ได้ ไม่ใช่คนที่พูดจาอ่อนโยนจริงจังได้ง่ายๆและจะยิ่งไม่มีทางที่ต้าฉินฮ่องเต้จะไว้วางใจให้เขาเป็นหมากสำคัญที่เก็บไว้ช่วยองค์รัชทายาทต่อกรกับจ้าวเสวียนจีสำหรับซูเจิ้นถิง โหวอวี้ซูไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปตราบใดที่โหวอวี้ซูยังมีลมหายใจ ตระกูลซูก็จะถูกหัวเราะเยาะในหมู่ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ ซึ่งตระกูลแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นดังนั้น การที่องค์รัชทายาทต้องสั่งฆ่าโหวอวี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 846

    โหวอวี้ซูรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดตั้งแต่สีหน้าจนถึงจิตใจ เขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหมดหนทางในเวลานี้ เขาเสียใจอย่างยิ่งว่าเหตุใดจึงทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้แต่ในโลกนี้ไม่มี "ยาแก้เสียใจ" ให้ย้อนกลับได้ เขาทำได้เพียงหวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปได้ในวันนี้เสียงของหลี่เฉินดังมาถึงเขา"ในเมื่อโหวอวี้ซูเป็นศิษย์ของท่านถานไถ งั้นก็ให้ท่านถานไถจัดการเถอะ"คำพูดเรียบง่ายของหลี่เฉิน ทำให้ถานไถจิ้งจือถอนหายใจเบาๆ ในใจเขารู้ดีว่าความผิดอื่นๆ ของโหวอวี้ซูนั้นล้วนเล็กน้อย สามารถลดหย่อนได้ และไม่น่าถึงขั้นต้องเสียชีวิตแต่ปัญหาใหญ่คือโหวอวี้ซูได้เลือกสร้างความวุ่นวายในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อหน้าขุนนางและนักศึกษาทั้งหมด เขากล้าพูดสิ่งที่อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักบูรพาและตระกูลซูซูจิ่นพ่ากำลังจะเข้าสู่ตำหนักบูรพาในฐานะพระชายาองค์รัชทายาทนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่เป็นการแต่งงานทางการเมืองที่สำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะสำหรับตำหนักบูรพาหรือสำหรับตระกูลแม่ทัพใหญ่อย่างตระกูลซู เรื่องนี้ล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด!การแต่งงานที่มีผลกระทบต่อทั้งแผ่นดินเช่นนี้ ไม่อาจยอมให้มีจุดด่างพร้อยใด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status