Share

บทที่ 67

Penulis: ไห่ตงชิง
“ใต้เท้าสี ไปกับบ่าวเถอะ”

ซานเป่าเดินมาข้างกายสีวั่นหลี่ แล้วปริปากพูดอย่างนิ่งขรึม

สีวั่นหลี่ไม่ได้สนใจเขา เพียงแค่ตะโกนต่อหลี่เฉินว่า “องค์รัชทายาทไม่สนความจริงความเท็จ ไม่ถามความเป็นมาก่อนก็ปลดกระหม่อมออกจากตำแหน่ง กระหม่อมมีความผิดอันใดกัน? กระทำตามพระทัยเช่นนี้ ขุนนางทั้งราชสำนักไม่เห็นด้วยเป็นแน่! กระหม่อมอย่างมากก็แค่ตาย ทว่าองค์รัชทายาทจะต้องสูญเสียใจของราษฎร!”

หลี่เฉินกลับไม่แยแสต่อคำพูดของสีวั่นหลี่เลย เพียงแค่ย้ำเตือนซานเป่าว่า “ยังไม่รีบไปอีก?”

ซานเป่าเห็นหลี่เฉินกริ้วแล้ว กลัวว่าจะพลอยลำบากไปด้วยจึงรีบดึงตัวสีวั่นหลี่ออกไปทันที

ซานเป่ารูปร่างเตี้ย แต่สีวั่นหลี่เป็นชายร่างกำยำแข็งแกร่ง ทว่าเขากลับไม่มีแรงขัดขืนต่อซานเป่าเลย และถูกลากตัวออกไปราวกับนกตัวน้อย

“ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ยอม!!!”

เสียงตะโกนของสีวั่นหลี่ค่อยๆ ไกลออกไป หลี่เฉินแค่นเสียงเย็นชา ในใจกลับเริ่มคิดถึงเรื่องในอนาคต

ที่สีวั่นหลี่ต้องโชคร้ายเช่นนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่เพราะเขาตกเป็นเครื่องมือของจ้าวเสวียนจี แต่เป็นเพราะเขาเป็นเสนาบดีของกรมยุทธนาการ

ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่หลี่เฉินวางแผนไว้แต่แรกแล้ว

สีวั่นหลี่ไ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 68

    น้ำเสียงของซานเป่าชะงักเล็กน้อยราวกับมีเรื่องกังวลใจ ทว่าสุดท้ายเขาก็กัดฟันกล่าวต่อไปว่า “เหตุการณ์ภัยพิบัติที่แท้จริงร้ายแรงกว่าที่พระองค์ทรงรู้กว่าร้อยเท่าพ่ะย่ะค่ะ”“ยกตัวอย่างมณฑลซีซานที่ประสบอุทกภัยหนักที่สุด ในพื้นที่นั้นประสบความลำบากจากเหตุการณ์แม่น้ำเหลืองล้นตลิ่ง ไม่มีแม่น้ำสายไหนไม่ล้น ทุ่งนาที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้อีก”“มณฑลเหอหนานที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ดีไปกว่าเท่าไรนัก น้ำท่วมล้นมากกว่าพันลี้ จำนวนผู้คนหิวโหยมีมากกว่าห้าหกแสนคน ผู้ประสบภัยต้องอยู่รอดเพียงลมหายใจสุดท้าย หรือไม่ก็นุ่งขาวห่มขาวเป็นสาวกของเจ้าแม่กวนอิมเพื่อบรรเทาความหิวโหย หรือไม่ก็ขึ้นเขาขุดรากเหง้า เปลือกไม้กินเป็นอาหาร เพียงแค่ถูกผู้ประสบภัยผ่านไป เขาทั้งลูกนั้นก็จะถูกกินจะเกลี้ยง มีคนพบเห็นเคยกล่าวไว้ว่า ผู้ประสบภัยเดินผ่าน ภูเขาเตี้ยลงหนึ่งจั้ง ความหมายคือผู้ประสบภัยที่หิวโหยเหล่านั้น สามารถกินภูเขาให้หมดเกลี้ยงทั้งลูกได้ หากไม่มีรากเหง้า ไม่มีเปลือกไม้ ก็จะขุดดินกินเป็นอาหาร…”แม้แต่ขันทีซานเป่าซึ่งไม่มีความเป็นชายและเห็นแก่ตัวมาก ใบหน้าของเขาก็ยังมีท่าทีไม่อดทน เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 69

    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ซูเจิ้นถิงที่ทั้งเส้นผมและหัวไหล่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวก็มาถึง“กระหม่อมซูเจิ้นถิง ขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของหลี่เฉินดีขึ้นไม่น้อย เขากล่าว “แม่ทัพซูเป็นกษัติรย์แต่กำเนิดของราชวงศ์ ไม่ต้องคารวะข้าหรอก”ซูเจิ้นถิงกล่าวอย่างจริงจัง “กษัตริย์และขุนนางต่างกัน ความเคารพนับถือก็มีลำดับ สำหรับตระกูลซูแล้ว กษัติรย์แต่กำเนิดนั้นพระราชวงศ์เมตตาพระราชทานให้ แต่รุ่นหลังของตระกูลซูเป็นทหารทั้งใจ ในเมื่อเป็นทหาร เมื่อเห็นเจ้านายย่อมต้องทำความเคารพ”“ขุนนางทั่วทั้งราชสำนัก หากมีสักสิบในสิบสองคนเป็นเหมือนอย่างแม่ทัพซู ข้าก็คงไม่ต้องพะวงแล้ว”หลี่เฉินถอนหายใจเบาๆ แล้วมองซูเจิ้นถิง “แม่ทัพซู พรุ่งนี้ข้าอยากไปว่าราชกิจเช้า”คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ซูเจิ้นถิงตกใจเขารีบห้าม “ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”“แม้ว่าองค์รัชทายาททรงสำเร็จราชกิจแทนพระองค์แล้ว ตามหลักแล้วสามารถเข้าว่าราชกิจเช้าได้ ทว่าตั้งแต่ที่ฝ่าบาททรงประชวร ราชสำนักก็ไม่ได้เปิดว่าราชกิจเช้ามานับปีกว่าแล้ว ราชกิจทุกอย่างล้วนมีสำนักราชเลขาเป็นผู้จัดการ และอำนาจนี้ก็เป็นของจ้าวเสวียนจีทั้งหมด”“จู่ๆ พระองค์ทรงว่ารา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 70

    เมื่อเห็นท่าทีของซูเจิ้นถิงแล้ว หลี่เฉินพลันโล่งใจหากไม่มีการสนับสนุนของซูเจิ้นถิง หลี่เฉินที่อ่อนแอไร้อำนาจแทบจะไม่สามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้อยู่แล้วไม่เช่นนั้นหากเขาต้องการว่าราชกิจเช้า แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากเหล่าขุนนาง คนที่สูญเสียศักดิ์ศรีในตอนนั้นจะเป็นตนทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีก“มีแม่ทัพซูคอยสนับสนุน ข้าก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว” หลี่เฉินกล่าวซาบซึ้งใจซูเจิ้นถิงเอ่ยจริงจังว่า “องค์รัชทายาท มีเพียงการสนับสนุนจากกระหม่อมเพียงผู้เดียวนั้นไม่เพียงพอ กระหม่อมจะติดต่อสหายที่สนิทให้ร่วมมือด้วย แม้ว่าพวกเขาจะถ่อมตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งชิงดี แต่แท้จริงแล้ว พวกเขาต่างก็เป็นคนที่ภักดีและกล้าหาญ เพียงแค่ไม่อยากรวมกับจ้าวเสวียนจีเท่านั้น บัดนี้องค์รัชทายาทเป็นคนเก่งกาจแล้ว กระหม่อมเพียงแค่พูดออกไปย่อมสามารถดึงคนเหล่านั้นมาสนับสนุนได้แน่”ดวงตาของหลี่เฉินเป็นประกาย กล่าว “เป็นเช่นนี้ยิ่งดี เช่นนั้นเรื่องนี้ขอฝากแม่ทัพซูด้วยแล้วกัน”“ยินดีพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงประสานมือ แล้วถามว่า “หากข่าวแพร่กระจายออกไป พวกจงรักภักดีต่อจ้าวเสวียนจียืนหยัดที่จะต่อต้าน และไม่เข้าว่าราชกิจ จะทำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 71

    “เรื่องนี้...ให้เจ้าจัดการ” จ้าวเสวียนจีสีหน้านิ่งสงบและเย็นชาพลางเอ่ยว่า “แต่จุดประสงค์มิใช่เพื่อขัดขวางมิให้องค์รัชทายาทเปิดประชุมราชการเช้า แต่เพื่อลดทอนบารมีของเขา ฉะนั้น แม้องค์รัชทายาทจะไม่อาจทำให้เรื่องนี้สำเร็จได้ เจ้าและข้าก็ต้องออกหน้าทำให้สำเร็จ”หวังเถิงฮ่วนเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง “ท่านราชเลขาเพราะเหตุอันใดหรือ”จ้าวเสวียนจีค่อยๆ ตอบว่า “องค์รัชทายาทต้องการเปิดประชุมราชการ แน่นอนว่าเขาอยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในการว่าราชการ แต่เขาดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินอยู่แล้ว ตราบใดที่ฮ่องเต้ยังไม่สวรรคต เขาก็ยังคงมีอำนาจชอบธรรมอยู่ หากเจ้าและข้าประจันหน้ากับองค์รัชทายาท ประการแรกคือจะดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย” “ประการที่สอง หากเปิดประชุมราชการเช้า องค์รัชทายาทก็จะได้เข้าสู่เวทีการต่อสู้ทางการเมืองสูงสุดของแคว้นอย่างแท้จริง และจะเผยจุดอ่อนมากมาย อย่าลืมว่าการเปิดประชุมราชการหรือไม่ แท้จริงแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเรามากนัก เพราะว่าการว่าราชการล้วนอยู่ในอำนาจของสำนักราชเลขาฉะนั้น การให้องค์รัชทายาทเข้าร่วมฟังการประชุมและร่วมปรึกษาหารือจะมีประโยชน์อะไร ไม่มีใครฟังคำสั่งของเขา คำสั่งของ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 72

    เรื่องที่น่าสลดที่สุดในชีวิตคือการที่คนหัวขาวส่งคนหัวดำ ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหูหลานเซิ่งประกอบด้วยสามชั่วอายุคน ยามนี้อายุเกินสี่สิบแล้ว จะให้กำเนิดบุตรอีกคนคงสายเกินไปเสียแล้วเท่ากับว่าไม่มีทายาทสืบสกุลค่ำคืนนี้ หูหลานเซิ่งมาหาเถิงไหว ขอร้องเถิงไหวอี้ให้หาวิธีเอาศพบุตรชายของเขาออกจากหอเถิงหวัง เพื่อนำกลับมาประกอบพิธี แต่สำหรับเรื่องใหญ่เช่นนี้ องค์รัชทายาทสั่งการด้วยพระองค์เอง เถิงไหวอี้จึงบ่นพึมพำ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวนี้ ซานเป่าพร้อมกับองครักษ์ผ้าแพรเดินทางมาถึง ก่อนที่เถิงไหวอี้จะเอ่ยปาก หูหลานเซิ่งที่โดนความโกรธแค้นครอบงำก็กระโจนเข้าใส่ทันที จากนั้น...เขาถูกองครักษ์ผ้าแพรใช้มีดกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว “ซานเป่า ไอ้สุนัขถูกตอน! ความแค้นที่ฆ่าบุตร ย่อมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันมิได้ ข้าจะฆ่าเจ้าพันมีดหมื่นแล่!!!” หูหลานเซิ่งที่ถูกกดอยู่กับพื้นยังคงตะโกนและสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง ซานเป่ายิ้มอย่างอ่อนโยนและเดินไปหาหูหลานเซิ่งอย่างเชื่องช้า แล้วยกขาเหยียบหน้าหูหลานอย่างแรงโดยไม่ให้รู้ตัว การเหยียบหน้าครั้งนี้ หูหลานเฉิงส่งเสียงกรีดร้อง เลือดและฟันพุ่งออกมา ช่างน่าสังเวชอย่างยิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 73

    ภายใต้การไล่ล่าตามรายชื่อขององครักษ์ผ้าแพร ขุนนางเมืองหลวงรู้สึกเหมือนชีวิตของขุนนางไร้ค่า เพราะองครักษ์ผ้าแพรอำมหิตเหลือเกิน เพียงตอบรับไม่ตรงใจ จะโดนทุบตีทันที หากโชคดีหน่อยก็แค่โดนคนเดียว โชคไม่ดีก็โดนรุมทั้งตระกูล ในช่วงแรกยังมีขุนนางบางคนที่ดื้อรั้น ปากตะโกนว่าจะยืนหยัดร่วมชะตากรรมกับขุนนางอื่นที่ร่วมต่อต้านความเผด็จการขององค์รัชทายาท ทว่าหลังจากโดนทุบตี ถึงตระหนักได้ว่าองครักษ์ผ้าแพรกล้าสังหารคนจริงๆ จึงดูเชื่อฟังขึ้นมา หลังจากมีข่าวลือหลายหระแสออกจากจวนของมหาอำมาตย์หวังเถิงฮ่วน เหล่าขุนนางระดับสูงก็เงียบเสียงลง ค่ำคืนแรกของหิมะตกหนักทั่วเมืองหลวง เริ่มต้นด้วยเสียงเอะอะโวยวาย และจบลงอย่างเงียบงัน ค่ำคืนอันเงียบสงัด ทุกคนต่างรอคอยเช้าวันใหม่อย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้มีคนไม่ได้นอนและนอนไม่หลับกี่คน พวกเขาอดนอนท่ามกลางหิมะถึงยามอิ่น รีบลุกขึ้นสวมชุดราชสำนัก แล้วออกจากจวนของตนภายใต้การจับจ้องขององครักษ์ผ้าแพรโดยไม่พูดไม่จา และรวมตัวมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ด้านนอกประตูอู่ของพระราชวัง ขุนนางพลเรือนและทหารหลายร้อยคนรวมตัวกัน จัดเรียงแถวตามลำดับ และยืนรออย่างเงียบ ๆ ในค่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 74

    บนบัลลังก์ทองคำตรงกลางสุด เก้าอี้มังกรอันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดเหนือแผ่นดินตั้งวางเด่นเป็นสง่า หลี่เฉินเดินขึ้นไปบนบัลลังก์ทองคำและมาถึงเก้าอี้มังกร เขายกมือวางบนเก้าอี้มังกร เพียงการกระทำนี้ หัวใจของขุนนางราชสำนักเต้นรัวจนแทบออกจากอก จ้าวเสวียนจีหรี่ตาลง จิตสังหารพุ่งทะยาน ซูเจิ้นถิงขมวดคิ้ว ค่อยข้างดูกังวลเก้าอี้มังกรทองคำบนแท่นสูงในท้องพระโรง มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่นั่งได้ ใต้หล้านี้ นอกจาฮ่องเต้ ไม่ว่าองค์รัชทายาท องค์หญิง หรือไทเฮาผู้มีสถานะสูงศักดิ์เพียงใด หากกล้าแตะต้อง ล้วนต้องตายไม่มีข้อละเว้นนี่คือกฎมนุษย์บรรพบุรุษ และเป็นหลักธรรมอันยิ่งใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าหลี่เฉินเข้าใกล้บัลลังก์ด้วยความโลภ หรือเพียงต้องการสัมผัสรสชาติของอำนาจนั่งทั่วหล้า นั่งทั่วหล้า ก็คือนั่งลงบนบัลลังก์มังกร ชายใดไม่อยากบ้างทว่าขอเพียงหลี่เฉินนั่งลง แม้แต่ฮ่องเต้ต้าสิงลุกขึ้นจากเตียงในเวลานี้ ก็ช่วยหลี่เฉินจากความผิดมหันต์นี้ไม่ได้ ทุกคนจ้องมองหลี่เฉิน ไม่ยอมพลาดสักกิริยาบท บางคนตั้งตารอ บางคนกังวล ใจคนซับซ้อนและร้อนรน และแสดงออกมาอย่างสุดขีดในความเงียบงันนี้ทว่าหลี่เฉินมิใช่คนโ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 75

    ประเด็นแรกที่องค์รัชทายาทเปิดประชุมราชการเช้า คือการผลักดันซูเจิ้นถิงขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญเนื่องจากพัวพันคดีกบฏในอดีต ซูเจิ้นถิงจึงถูกฮ่องเต้ถอดถอนจากตำแหน่ง แม้จะยังคงมียศเป็นขุนนางสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพใหญ่และราชาแห่งผู้ชนะ แต่ล้วนเป็นเพียงตำแหน่งลวงโดยปราศจากอำนาจใดๆยามนี้หลี่เฉินต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ยิ่งไปกว่านั้น ซูเจิ้นถิงยังเป็นแม่ทัพที่ทรงอิทธิพลและได้รับการยกย่องอย่างยิ่งในกองทัพ เขาจึงมิอาจไม่เรียกใช้คนเช่นนี้ได้ทว่าข้อเสนอนี้ย่อมก่อให้เกิดเสียงคัดค้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มขุนนางฝ่ายพลเรือน“องค์รัชทายาท กระหม่อมขอคัดค้าน”หูเสี่ยนพีรองเสนาบดีกรมยุทธการออกมาคัดค้านเดิมทีเขาคือผู้ที่มีโอกาสสูงสุดที่จะรับตำแหน่งต่อจากเถิงไหวอี้ที่ถูกถอดถอน เพราะด้วยบารมีของซูเจิ้นถิงแล้ว หูเสี่ยนพีคงไม่มีวันได้ขึ้นเป็นเสนาบดีกรมยุทธการแน่นอน“ท่านแม่ทัพซูเป็นขุนนางสายพระญาติ ยศศักดิ์สูงส่งเกินกว่าตำแหน่งเสนาบดีกรมยุทธการที่เป็นเพียงขุนนางขั้นสอง หากเป็นเช่นนี้ มิใช่ขัดต่อระเบียบราชสำนักหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์รัชทายาทได้โปรดไตร่ตรองอีกครั้งด้วย”หูเสี่ยนพีเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจดีว่าซูเ

Bab terbaru

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 982

    "องค์ชาย ต้องการให้จับตัวหรือไม่?"ซานเป่ากล่าวขึ้นโดยสมัครใจ "หากองค์ชายไม่ต้องการให้เป็นที่สนใจมากนัก บ่าวสามารถไปด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่าจะสามารถนำตัวหลี่อิ๋นหู่ออกจากจวนจ้าวได้""ไม่ต้อง"หลี่เฉินส่ายศีรษะ ปฏิเสธข้อเสนอของซานเป่า"จ้าวเสวียนจีกล้ารับตัวเขาเข้าไป หลี่อิ๋นหู่กล้าไป ก็แปลว่าพวกเขาได้เตรียมการอย่างรอบคอบแล้ว และเจ้าก็ต้องอยู่ในแผนของพวกเขาด้วย หากเข้าไป คงมีแต่จะกลับมามือเปล่า ซ้ำยังทำให้พวกเราดูเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"หลี่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า "ต่อจากนี้ เตรียมรับมือกับกบฏของจ้าวเสวียนจีได้แล้ว"ซานเป่าหน้านิ่งลงทันที ก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ภายในใจพลันเกิดคลื่นลมพัดกระหน่ำโดยไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติม ก่อนจะหมุนตัวออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งความขัดแย้งระหว่างตำหนักบูรพากับสำนักราชเลขา หรือก็คือความขัดแย้งระหว่างหลี่เฉิน กับจ้าวเสวียนจีและหลี่อิ๋นหู่ ได้มาถึงจุดที่ไม่มีทางหวนกลับ มีเพียงการใช้กำลังเท่านั้นที่จะเป็นทางออกและในเรื่องนี้ จ้าวเสวียนจีกับหลี่อิ๋นหู่เตรียมพร้อมแล้ว หลี่เฉินเองก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกันเช้าวันรุ่งขึ้น พระราชโองการที่ประทั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 981

    "ผู้อาวุโสมาถึงแล้วหรือ"หลงไหวอวี้ยิ้มให้จ้าวเสวียนจี ก่อนกล่าวต่อ "ข้าก็เพิ่งกลับมาจากจวนจ้าวอ๋องเช่นกัน""เรียกให้เต็มยศเถอะ พอถึงพรุ่งนี้เช้า ตำแหน่งจ้าวอ๋องของเขาก็ไม่มีอีกแล้ว"จ้าวเสวียนจีเดินเข้ามายืนข้างรูปปั้นเทพเฉิงหวง ก่อนจุดธูปหนึ่งดอก แล้วกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบหลงไหวอวี้ฉุกคิด ก่อนถามขึ้น "ตำหนักบูรพาดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?""สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่า หลายชั่วยามก่อน พวกเขาตกลงยอมรับคำสั่งของตำหนักบูรพา ที่จะลบล้างตำแหน่งของจ้าวอ๋อง และลดเขาเป็นสามัญชน คำสั่งนี้จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการในเช้าวันพรุ่งนี้ และส่งไปทั่วแผ่นดิน"หลงไหวอวี้ยิ้มบาง "ต่อให้เป็นพระราชโองการ แต่ก็ต้องมีคนยอมรับและปฏิบัติตาม มิเช่นนั้น ก็เป็นเพียงเศษกระดาษที่ดูสวยงามเท่านั้น"จ้าวเสวียนจีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แต่ในเชิงหลักการ หลี่อิ๋นหู่ได้แพ้ราบคาบแล้ว"หลงไหวอวี้มองจ้าวเสวียนจี แล้วกล่าว "ผู้อาวุโสกับเหวินอ๋องตกลงร่วมกัน ให้พวกเราทอดทิ้งหลี่อิ๋นหู่ บีบให้เขาต้องมาพึ่งพาผู้อาวุโสแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้น ต่อไปภาระทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ท่านแล้ว""เหวินอ๋องตั้งใจจะเป็นผู้ฉวยผลประ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 980

    หลี่อิ๋นหู่หอบหายใจแรงด้วยความโกรธจัด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดที่บ้าคลั่งกว่านั้นหลงไหวอวี้ยกมือขึ้นแกะนิ้วของหลี่อิ๋นหู่ออกจากคอเสื้อตนเอง แล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะกล่าว "ท่านอ๋อง หากท่านเป็นเหวินอ๋อง ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านก็คงจะเลือกที่จะถอยออกมาก่อนเช่นกัน อย่างน้อยในตอนนี้ พวกเราก็มองไม่เห็นโอกาสที่ท่านอ๋องจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ หากเห็นได้ พวกเราก็คงไม่ทิ้งการลงทุนที่ลงไปมากมายเช่นนี้”“หากในอนาคตเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง พวกเราไม่ขัดข้องที่จะกลับมาร่วมมืออีกครั้ง"หลี่อิ๋นหู่แค่นเสียงเย็น "ในเวลาที่ข้าลำบาก พวกเจ้ากลับถีบข้าทิ้ง แล้วพอข้าฟื้นตัวขึ้นมา พวกเจ้าหมายจะกลับมา? ฝันไปเถอะ!""บางทีในวันนั้น ท่านอ๋องอาจจะเปลี่ยนใจเองก็ได้ เพราะในโลกนี้ ไม่มีศัตรูถาวร และไม่มีมิตรแท้ ตราบใดที่แต่ละฝ่ายได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ เรื่องที่ผ่านมา ใครจะใส่ใจเล่า?"หลังจากพูดจบ หลงไหวอวี้ก็โค้งคำนับให้หลี่อิ๋นหู่เล็กน้อย กล่าวว่า "สิ่งที่ข้าต้องพูด ข้าก็พูดหมดแล้ว ท่านอ๋องโปรดพักผ่อนให้เพียงพอ"เมื่อกล่าวจบ หลงไหวอวี้ก็เดินออกจากเรือนพักอย่างไม่รีบร้อนดวงตาของหลี่อิ๋นหู่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 979

    "ให้เขามา"หลี่อิ๋นหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้า"สวีเว่ยขานรับด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลังจากที่สวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่หันไปถามโจวสิงเจี่ย "ผู้อาวุโสโจว ท่านคิดว่าหลงไหวอวี้ยืนกรานจะพบข้าในครั้งนี้เพื่ออะไร?""ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน" โจวสิงเจี่ยกล่าวเรียบๆเมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลี่อิ๋นหู่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่สีหน้าของเขากลับยิ่งดูขุ่นเคืองผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม สวีเว่ยก็นำหลงไหวอวี้เข้ามาหลังจากพาหลงไหวอวี้เข้าห้องแล้ว สวีเว่ยไม่ได้เข้ามาด้วย แต่เลือกที่จะยืนรออยู่หน้าประตูเมื่อเห็นภาพนี้ โจวสิงเจี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเขาตั้งใจจะให้สวีเว่ยออกไปเพื่อไม่ให้ล่วงรู้บทสนทนาต่อจากนี้ระหว่างหลี่อิ๋นหู่กับหลงไหวอวี้ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังจ้องมองหลงไหวอวี้ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรเขารู้ดีว่าตอนนี้หลี่อิ๋นหู่เหมือนถังดินปืนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปกระตุ้นเขา"จ้าวอ๋อง ห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่สถานการณ์กลับพลิกผันจนไม่เหลือเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 978

    หวงจี๋เทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้น หลี่เฉินก็สะสางภาระงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่ได้ไปพักผ่อนเหมือนเช่นเคยวั่นเจียวเจียวเดินเข้ามารินน้ำชาให้หลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบา "องค์ชาย ควรจะพักผ่อนแล้วเพคะ"หลี่เฉินที่กำลังก้มหน้าดูตำราอยู่ ตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้า "วันนี้ต้องอยู่ดึกหน่อย ข้ารอคนคนหนึ่ง""รอคน? องค์ชายต้องการพบท่านใด ให้เขามาพบก็สิ้นเรื่อง ไฉนต้องเป็นองค์ชายที่ต้องรอ?" วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจหลี่เฉินหัวเราะเบา "คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อใด แต่ที่แน่ๆ เขาต้องมา และเมื่อมาถึง เขาจะต้องนำข่าวคราวของหลี่อิ๋นหู่มาให้ข้าอย่างแน่นอน"วั่นเจียวเจียวกระพริบตา ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อหลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ พระที่นั่งสีเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม "ช่วงนี้ไม่เห็นกงฮุยอวี่เลย หายไปไหน?"วั่นเจียวเจียวเบ้ปาก "องค์ชายเองยังไม่รู้ บ่าวจะรู้ได้อย่างไรเพคะ? ช่วงนี้นางทำตัวลึกลับเหลือเกิน ไม่เห็นหน้าเลยสักวัน บางทีอาจจะหนีไปแล้วก็ได้"หลี่เฉินวางตำรา ก่อนจะใช้หนังสือตีลงบนศีรษะของวั่นเจียวเจียวเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเล่นแง่ได้แล้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 977

    หลี่เฉินเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ช่องว่างของข้อมูล เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สุดหวงจี๋เทียนไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันภายในต้าฉินในขณะนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าหลี่เฉินได้ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้ประกาศพระราชโองการ เพื่อลบล้างตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ พร้อมกับขับไล่ออกจากทำเนียบราชวงศ์ดังนั้น บุญคุณตามน้ำนี้ หลี่เฉินจึงยินดีมอบให้โดยไม่ลังเลถึงแม้ว่าภายหลังหวงจี๋เทียนจะรู้ความจริง แต่มันก็สายไปเสียแล้วหวงจี๋เทียนตกตะลึงทันทีไฟไหม้จุดพักแรม ลอบสังหารองค์ชายต่างแคว้น ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องของแคว้นตนเองถูกปลดจากทุกตำแหน่ง หากลองคิดในมุมของตนเอง หากวันใดวันหนึ่งเขาถูกริบตำแหน่งและลดเป็นสามัญชน นั่นอาจจะเป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีกสิ่งที่ทำให้หวงจี๋เทียนประหลาดใจกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ตนเองเพิ่งถูกเพลิงไหม้เล่นงานไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ฝ่ายตำหนักบูรพากลับสามารถจับตัวคนร้ายได้ แถมยังมีมาตรการจัดการออกมาเสร็จสรรพแล้วเรื่องนี้ทำให้หวงจี๋เทียนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 976

    "องค์รัชทายาทต้าฉิน ครั้งนี้โปรดให้ข้าได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย!"หวงจี๋เทียนก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เพียงแค่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ก็มีถ้วยชาลอยหวืดลงมาตกกระทบพื้นข้างเท้าของเขาดังเพล้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หวงจี๋เทียนสะดุ้งโหยงเขาเงยหน้ามองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่า หรือว่าหลี่เฉินจะโกรธจนขาดสติแล้วฆ่าตนเสียที่นี่?ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆหวงจี๋เทียนรู้สึกอัดอั้นเพียงเห็นใบหน้าของหลี่เฉินที่มืดครึ้ม ราวกับกำลังระงับโทสะอย่างเต็มที่ เขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกล่าว "อาเกอสิบสามอย่าเข้าใจผิด ข้าโกรธที่มีคนกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นวางเพลิงที่จุดพักแรม ตั้งใจจะลอบสังหารอาเกอสิบสาม แล้วโยนความผิดมาให้ข้า""เรื่องนี้ ข้าได้สืบหาข้อมูลแล้ว และพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เพียงแต่ทำให้อาเกอสิบสามต้องตกใจ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ"ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของหวงจี๋เทียนพลันถูกความประหลาดใจแทนที่ เขาเอ่ยถาม "เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน องค์ชายรู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนเผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 975

    คำพูดถูกส่งออกไป ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งหลี่ชางหลานรู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มร้อนระอุจักรวรรดิต้าฉินมีกฎเกณฑ์ควบคุมเชื้อพระวงศ์อย่างเข้มงวด ฮ่องเต้แต่ละพระองค์ล้วนยึดมั่นในแนวคิดของปฐมจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ราชสำนักสามารถมอบเงินทองให้เชื้อพระวงศ์ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ไม่อาจมีอำนาจทางการเมืองตลอดสามร้อยกว่าปีของราชวงศ์ต้าฉิน เชื้อพระวงศ์สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ตำแหน่งจะไม่เกินระดับสี่ นี่เป็นกฎเหล็ก ส่วนตำแหน่งทางทหาร อย่าได้หวัง แม้แต่จะสมัครเข้ารับราชการก็ยังเป็นไปไม่ได้“เชื้อสายราชวงศ์หลี่ทั้งปวง จะต้องยกย่องพระราชอำนาจเป็นสูงสุด สมควรได้รับความมั่งคั่งรุ่งเรือง แต่สิทธิ์ทางการเมืองต้องชัดเจน ฮ่องเต้มิอาจลำเอียงเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวจนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”ประโยคที่ปฐมจักรพรรดิทรงทิ้งไว้ ได้ตัดโอกาสของเชื้อพระวงศ์หลี่ในการก้าวเข้าสู่ราชสำนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแทรกแซงการปกครองเลยด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้เอง การที่หลี่เฉินเสนอที่นั่งในราชวิทยาลัย จึงถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับหลี่ชางหลาน รวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่อาจได้รับส่วนแบ่งจากโอก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 974

    หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status