Share

บทที่ 502

Author: ไห่ตงชิง
last update Last Updated: 2024-11-18 18:00:00
“ตอนนี้ ถ้าท่านอ๋องไม่ขอความช่วยเหลือจากสำนักราชเลขา แล้วจะหันไปหาใครได้อีก?”

“สิ่งที่ท่านอ๋องต้องทำก็คือขอให้จ้าวเสวียนจีช่วยแย่งอำนาจส่วนหนึ่งมาให้ท่าน และอำนาจนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสำนักบัวขาว มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้สำนักบัวขาวหวาดกลัวท่านอ๋อง และไม่กล้าฉีกหน้าท่านอ๋องตรงๆ ”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลี่อิ๋นหู่ก็เข้าใจมากขึ้น

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดว่า “ข้าจะรีบไปที่จวนจ้าวทันที”

เวลาไม่เคยคอยท่า หลี่อิ๋นหู่รีบออกเดินทางทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังปลอมตัวได้เข้ามาในจวนจ้าวจากประตูข้าง

ภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน เขาก็มาทันเห็นจ้าวเสวียนลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมตัวนอก

“จ้าวอ๋องมาเยี่ยมตอนกลางดึก ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ”

หลี่อิ๋นหู่ประสานมือโค้งคำนับเก้าสิบองศา และพูดอย่างจริงใจว่า “ท่านราชเลขาโปรดช่วยข้าด้วย”

จ้าวเสวียนจียกมือประคองหลี่อิ๋นหู่ ปากก็พูดว่า “ไม่ได้ๆ จ้าวอ๋องมีสถานะเป็นถึงจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์ จะมาคำนับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้ามีเรื่องอันใดอยากให้ช่วย จ้าวอ๋องก็เชิญพูดออกมาเถิด หากข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วย”

หลี่อิ๋นหู่ฟังคำพูดที่
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 503

    “ท่านกลับไปก่อน” จ้าวเสวียนจีพูดอย่างช้าๆ “ข้าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้”หลี่อิ๋นหู่มีความสุขมากเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาโค้งคำนับอีกครั้งและพูดว่า “ขอบคุณท่านราชเลขา ขอบคุณท่านราชเลขา!” เมื่อเห็นท่าทางดีใจจนเนื้อเต้นของหลี่อิ๋นหู่ จ้าวเสวียนจีก็กล่าวเรียบๆ ว่า “จ้าวอ๋อง ข้ามีคำพูดหนึ่งที่จำเป็นต้องเตือนท่าน” “ท่านราชเลขาโปรดบอก ข้าจะล้างหูฟังอย่างตั้งใจ” หลี่อิ๋นหู่พูดอย่างนอบน้อม“หลังจากพยายามมาหลายครั้ง จ้าวอ๋องก็คงจะรู้แล้วว่า ท่านที่อยู่ในตำหนักบูรพาไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่าย ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่ความคิดและกลเม็ด รวมถึงกลยุทธ์ทางการเมือง ทุกอย่างล้วนอยู่ในจุดสูงสุด ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกจ้าวอ๋อง แต่จ้าวอ๋องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านนั้นจริงๆ”ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่พลันมืดมนแต่ดูเหมือนจ้าวเสวียนจีจะไม่ทันสังเกตเห็น เขายังพูดต่อไปว่า “จ้าวอ๋องเป็นคนฉลาด ท่านรู้ไหมว่าทำไมชายที่อยู่ในตำหนักบูรพาจึงยอมทนกับจ้าวอ๋อง และไม่ลงฆ่ามือสักที?” หลี่อิ๋นหู่กล่าวอย่างสงบว่า “ข้าไม่รู้”จ้าวเสวียนจียิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่สำคัญว่าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเสแสร้ง แต่วันนี้ข้ายินดีที่จะ

    Last Updated : 2024-11-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 504

    หลังจากสั่งสอนไปสักพัก จ้าวเสวียนจีก็ปล่อยให้หลี่อิ๋นหู่จากไปถึงแม้ว่าเขาจะรังเกียจหลี่อิ๋นหู่มาก แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน เขากลับไม่สามารถเฝ้าดูหลี่อิ๋นหู่ถูกตำหนักบูรพาบีบจนจนมุมได้ อย่างที่เขาวิเคราะห์หลี่อิ๋นหู่ไว้ก่อนหน้านี้ ในบรรดาองค์ชายในปัจจุบัน มีเพียงหลี่อิ๋นหู่เท่านั้นที่เหมาะสมที่จะสนับสนุน แต่หลี่อิ๋นหู่มีบุคลิกที่มืดมนและดุร้ายเกินไป จึงไม่ใช่ตัวเลือกหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบหุ่นเชิดที่ดีที่สุดคือองค์ชายเก้าผู้ขี้ขลาดนี่เป็นเหตุผลที่จ้าวเสวียนจีเลือกองค์ชายเก้าตั้งแต่แรก แทนที่จะเลือกฝึกฝนองค์ชายแปด น่าเสียดายที่องค์ชายเก้าเสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือแค่หลี่อิ๋นหู่เท่านั้น และไม่มีทางเลือกอื่นเลยอย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงทำให้จ้าวเสวียนจีเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หลี่อิ๋นหู่ไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องทิ้งทางถอยไว้บ้างเขาลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านหลังโต๊ะ เขียนสาส์นกราบทูลเพื่อขออำนาจให้หลี่อิ๋นหู่ หลังจากเป่าหมึกจนแห้งแล้วก็วางไว้ข้างๆ จากนั้นก็เปิดลิ้นชัก ซึ่งด้านในมีเทียบเชิญฉบับหนึ่งเทียบเชิญนี้มาจากรัฐทายาทเ

    Last Updated : 2024-11-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 505

    “จดหมายฉบับนี้ ได้ระบุรายชื่อของขุนนางน้อยใหญ่กว่าเจ็ดสิบสามคนจากมณฑลสำคัญๆ เช่น กานส่าน เจียงเจ้อ เจ้อหมิ่น และเหลี่ยงเจียง ตั้งแต่นายอำเภอไปจนถึงปลัดมณฑล”“อาชญากรรมส่วนใหญ่ที่รายงาน ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง เช่น การใช้อำนาจในทางที่ผิด ฉ้อราษฎร์บังหลวง ละเมิดกฎหมาย ยักยอกเงินบรรเทาภัยพิบัติและอาหาร ยักยอกเงินจัดสรรงบประมาณของราชสำนัก การทุจริตต่อหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”“กระหม่อมได้สุ่มเลือกบางคนในรายชื่อเหล่านั้นมาตรวจสอบ ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นความจริง การค้นพบนี้สามารถยืนยันอาชญากรรมทีละคนได้”“แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะได้หลักฐานที่สมบูรณ์ แต่หลักฐานจะใช้เฉพาะในการตัดสินลงโทษเท่านั้น ด้วยข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้สามารถระบุได้ว่า เนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ล้วนเป็นความจริงโดยสมบูรณ์ และไม่ได้มีการปลอมแปลงแต่อย่างใด”ขณะที่ฟังการแนะนำของโจวผิงอัน หลี่เฉินก็อ่านจดหมายในมือของเขาอย่างระมัดระวังมีเนื้อหาไม่มาก ไม่มีส่วนหัวหรือส่วนท้าย มีเพียงชื่อ ตำแหน่ง และอาชญากรรมที่กระทำ แม้จะกระชับแต่เนื้อหามีรายละเอียด มองปราดเดียวก็เข้าใจดูก็รู้ว่า นี่เป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญอย่าง

    Last Updated : 2024-11-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 506

    หลี่เฉินไม่ได้รู้สึกขอบคุณผู้ที่เขียนจดหมายฉบับนี้ เพราะเขามองออกว่าคนผู้นี้มีเจตนาที่ซ่อนเร้น หากรายงานขุนนางทุจริตเพียงหนึ่งหรือสองคน หรือสามถึงห้าคน เช่นนั้นก็ยังอธิบายได้ว่าต้องการความยุติธรรมแต่ทว่าการลากขุนนางทุจริตกว่าครึ่งของจักรวรรดิออกมา ซึ่งรายละเอียดของเนื้อหา หากไม่มีการสั่งสมข้อมูลมาหลายปี หรือหลายสิบปีขึ้นไป ก็ไม่มีทางที่จะมีรายละเอียดที่ชัดเจนเช่นนี้คนหรือกลุ่มคนนั้น จะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสอบสวนและติดตามเจ้าหน้าที่ทุจริตเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาทำแบบนี้ไปทำไม? ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิกำลังง่อนแง่นเช่นนี้ จุดประสงค์ในการส่งจดหมายฉบับนี้จะต้องไม่บริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอนถ้าหลี่เฉินล้มเหลวในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และสอบสวนขุนนางที่มีรายชื่ออยู่ในจดหมายฉบับนี้ เช่นนั้นแล้วส่วนท้องถิ่นของจักรวรรดิกว่าครึ่งก็จะล่มสลายในทันทีและราชสำนักที่แต่เดิมมีอำนาจต่อส่วนปกครองท้องถิ่นน้อยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งมีอิทธิพลน้อยลงกว่าด้วยซ้ำด้วยวิธีนี้ การแบ่งแยกดินแดนและการก่อกบฏของอ๋องศักดินาก็คงอยู่ไม่ไกล “อีกฝ่ายเตรียมการอย่างระมัดระวัง เกรงว่าคงจะไม่มีเบาะแสใดๆ เลย” โจวผิงอันพ

    Last Updated : 2024-11-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 507

    “เจ้ามาทำไม!?”จ้าวชิงหลานที่กำลังเอนกายบนแท่นบรรทมหงส์ และขมวดคิ้วมองซุปสีดำในถ้วยพอเห็นหลี่เฉินเดินเข้ามา ปฏิกิริยาแรกของนางคือกล่าวประโยคนี้ หลี่เฉินไม่ได้แสดงความสุภาพใดๆ เขานั่งบนขอบแท่นบรรทมตามอำเภอใจแล้วพูดว่า “ก็มาดูว่าเจ้าหายดีแล้วหรือยัง” ใบหน้างามของจ้าวชิงหลานดูเยือกเย็น นางกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้า ข้าคงอาการดีขึ้นเร็วกว่าเดิม” หลี่เฉินได้ยินแบบนั้นก็ถามว่า “หากข้ามาเยี่ยมทุกวัน เจ้าไม่โกรธจนตายเลยหรือ?” “เจ้า!” ดวงตาหงส์ฉายแววชั่วร้าย ใบหน้างามพลันเย็นชา จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่นและอยากจะตำหนิอีกฝ่าย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าหัวแข็งเพียงใด ก็ทำได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเท่านั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่สนใจนางรู้สึกว่าไม่ว่าปฏิกิริยาของนางจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่นางตอบ หลี่เฉินก็จะพบกับความสนุกในนั้น แต่ถ้าหากนางปฏิบัติต่อหลี่เฉินเหมือนเป็นธาตุอากาศ หลี่เฉินก็จะค่อยๆ รู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากยุ่งอีกต่อไป เมื่อเห็นว่าจ้าวชิงหลานเพิกเฉยต่อเขา หลี่เฉินก็เข้าใจแผนการของนางทันทีหลี่เฉินไม่โกรธและไม่ได้รู้สึกผิดหวัง การได้หยอกล้อม

    Last Updated : 2024-11-20
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 508

    “แล้วเจ้าเห็นด้วยไหม?” จ้าวชิงหลานถามต่อ “เจ้าคิดว่าข้าจะตกลงไหม?” หลี่เฉินพูดแบบลอยๆ “ไม่ว่าจะเป็นสำนักบัวขาวหรือหลี่อิ๋นหู่ พวกมันคือสิ่งที่ข้าต้องกำจัด แล้วข้าจะมอบอำนาจนี้ให้กับหลี่อิ๋นหู่ได้อย่างไร” “บางที...”หลี่เฉินป้อนยาอีกช้อนเข้าไปในปากของจ้าวชิงหลาน พลางพูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “และถึงแม้ว่าข้าต้องการจะให้ แต่บิดาของเจ้าก็ต้องให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอในการแลกเปลี่ยน ถ้าเขาสามารถลืมเรื่องที่หลี่อิ๋นหู่เกือบฆ่าลูกสาวของเขาเพื่อผลประโยชน์ได้ เช่นนั้นเพื่อผลประโยชน์แล้ว เขาก็สามารถแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน” จ้าวชิงหลานก็พลันตระหนักขึ้นมา “ที่แท้เจ้าก็มาที่นี่เพื่อเรื่องนี้!”“การเมืองไม่มีอะไรมากไปกว่าเกม ในเวทีการเมือง ไม่มีศัตรูที่ถาวรและไม่มีมิตรแท้ที่ถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป” “แล้วเจ้าล่ะ”จู่ๆ หลี่เฉินก็เปลี่ยนเรื่องและถามด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าบิดาของเจ้าไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุนเจ้าเท่านั้น แต่ยังร่วมมือกับหลี่อิ๋นหู่อีกด้วย?”จ้าวชิงหลานมองไปที่หลี่เฉินและหัวเราะเยาะ “พูดมากขนาดนี้ เจ้ามาที่นี่เพื่อสร้างความขัดแย้งร

    Last Updated : 2024-11-20
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 509

    พูดตามหลักเหตุผลแล้ว หลี่เฉินคือองค์รัชทายาท และนางสนมในวังหลังก็เป็นนางสนมของจักรพรรดิ และพวกเขาล้วนเป็นผู้อาวุโสในนามของหลี่เฉินไม่ว่าจะมองมุมไหน หลี่เฉินก็ไม่มีคุณสมบัติหรืออำนาจที่จะดุนางสนมในวังหลัง แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับพิเศษเพราะองค์จักรพรรดิหมดสติมาเป็นเวลานานแล้ว และอำนาจของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขององค์รัชทายาทก็รุ่งเรืองมากขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าหากจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทก็จะขึ้นครองบัลลังก์ทันทีดังนั้นเวลานี้ หลี่เฉินจึงตำหนินางสนมในวังหลังอย่างมั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้นนางสนมก็ประพฤติตัวไม่เหมาะสมในเรื่องนี้จริงๆ นางสนมหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาว ราชวงศ์ได้ฆ่าคนเพื่อปิดปากบ่อยมากแค่ไหน?ถึงแม้ว่านางจะเป็นสนมขององค์จักรพรรดิ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน หากองค์รัชทายาทต้องการจะฆ่านาง แค่คำเดียวชีวิตของนางก็จบเห่แล้ว “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...”เมื่อเห็นนางสนมหวาดกลัวจนพูดไม่ออก หลี่เฉินก็ดุไปว่า “ยังไม่รีบออกไปอีก!? หรือยังเห็นไม่พอ!?”นางสนมตื่นตระหนกและถอยออกไปอย่างรวดเร็วหลี่เฉินวางชามซุปลง ยืนขึ้นแล้วพูดกับจ้าวชิงหลา

    Last Updated : 2024-11-20
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 510

    “อืม ไม่เลว”หลี่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่กองสาส์นกราบทูลประมาณสิบกว่ากองที่มุมหนึ่งของพระที่นั่งสีเจิ้ง แล้วพูดว่า “สาส์นกราบทูลพวกนั้น เจ้าไปหยิบมาอ่านสักอันสิ” เจิ้งเป่าหรงสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำพูดขององค์รัชทายาท เขาหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมาสองสามอันด้วยความสับสน และอ่านมันอย่างคร่าวๆ เมื่อกวาดสายตาอ่าน สีหน้าของเจิ้งเป่าหรงก็ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่งหลี่เฉินเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วพูดว่า “หลายวันมานี้ ผู้ตรวจการของสำนักตรวจการขนสาส์นกราบทูลของเจ้า เข้ามาที่นี่เป็นจำนวนมากทุกวัน ในนั้นแสดงรายการอาชญากรรมของเจ้า ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและกลั่นแกล้งคนดี พวกเขาบอกว่าเจ้าอาศัยสิทธิพิเศษที่ตำหนักบูรพามอบให้เจ้า กดดันเจ้าของที่ดินรอบเมืองหลวงและบังคับให้พวกเขาปลูกมันเทศ” “ผู้ที่เห็นด้วยก็จะพูดคุยกันได้ง่าย ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย เจ้าก็จะข่มขู่พวกเขาด้วยหน่วยบูรพาและตำหนักบูรพาเสมอ”“ที่ร้ายแรงที่สุดคือ เจ้ายังย้ายเจ้าหน้าที่ทหารในศาลของเมืองหลวงไปบังคับซื้อที่ดิน ซึ่งส่งผลให้มีการต่อสู้ระหว่างผู้คนกว่าสิบคน เรื่องนี้จริงหรือ

    Last Updated : 2024-11-20

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 658

    หลี่เฉินหรี่ตามองเย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยังคงพูดจาฉะฉานและแสดงความเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ แต่เขากลับไม่ได้ตอบโต้หรือขัดจังหวะจากท่าทีของเย่ลู่กู่จ้านฉี ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เลยว่าจ้าวเสวียนจีมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเหลียวหลี่เฉินอดผิดหวังไม่ได้เดิมทีเขาหวังว่าจะสามารถหาหลักฐานความผิดของจ้าวเสวียนจีได้ และเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า แต่ในเมื่อเย่ลู่กู่จ้านฉีไม่รู้อะไรเลย แผนการนี้คงต้องพับเก็บไว้ก่อน ตอนนี้ ทำได้เพียงรอให้ข่าวเรื่องเย่ลู่กู่จ้านฉีตกเป็นเชลยแพร่ไปถึงแคว้นเหลียว และหวังให้แคว้นเหลียวเป็นฝ่ายเปิดเผยความลับเองแต่ปัญหาคือ หลี่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ว่าแคว้นเหลียวจะดำเนินการอย่างไรหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เฉินก็หมดความสนใจที่จะสนทนากับเย่ลู่กู่จ้านฉีอีก เขาลุกขึ้นและเตรียมตัวออกไปเย่ลู่กู่จ้านฉีที่เห็นหลี่เฉินจะจากไป รีบร้อนพูดขึ้น "เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยเป็นพยานแล้วหรือ? เรื่องอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายชาติหรือการส่งข่าวกรอง หากเจ้าอยากให้ข้าร่วมมือ ข้าก็ยินดีทำให้"หลี่เฉินหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า "สมองของเจ้าเหมาะจะใช้เลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าเท่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 657

    บางครั้ง คำพูดก็เป็นอาวุธที่ทำร้ายได้ลึกยิ่งกว่าคมดาบโดยเฉพาะเมื่อใช้จัดการกับคนอย่างเย่ลู่กู่จ้านฉีเขาเคยอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ไม่เคยมีใครกล้าทำให้เขาต้องอดทนต่อความอัปยศแต่หลังจากถูกนำตัวมายังเมืองหลวงต้าฉิน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง ความลำบากใจประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อนตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็กลายเป็นเพียงเชลยศึกถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถือดีว่าหลี่เฉินจะไม่ฆ่าเขา และพยายามรักษาศักดิ์ศรีในฐานะท่านอ๋องเอาไว้แต่ศักดิ์ศรีนั้นถูกหลี่เฉินบดขยี้จนป่นปี้เย่ลู่กู่จ้านฉีจ้องหลี่เฉินด้วยสายตาแข็งกร้าว หากไม่ใช่เพราะกำลังพลด้อยกว่า เขาคงได้ฉีกหลี่เฉินเป็นชิ้นๆ ไปแล้วเขาแสยะยิ้มเยือกเย็น ก่อนเอ่ยว่า "ดีๆๆ! แต่หากข้าจับโอกาสได้สักครั้ง ข้าจะบีบกระดูกเจ้าทีละข้อจนแหลกคามือ!""พูดจาข่มขู่ ใครๆ ก็พูดได้"หลี่เฉินหัวเราะเยาะ พลางกล่าวว่า "หากการพูดเพียงอย่างเดียวทำให้ชนะได้ แคว้นเหลียวของเจ้าไม่ต้องเลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าแล้ว แค่นั่งอยู่ในบ้านแล้วปล่อยคำพูดลอยลมออกไป ก็คงครองแผ่นดินได้ทั้งปวง"กร็อบเย่ลู่กู่จ้านฉีกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วลั่นเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 656

    การมาถึงของหลี่เฉิน ทำให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรในบริเวณตำหนักบูรพาคุกเข่าลงราวกับคลื่นลูกใหญ่กงฮุยอวี่ที่อยู่บนหลังคาเหลือบมองหลี่เฉินเพียงครู่เดียว ก่อนจะหมุนตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยหญิงผู้นี้ยังคงเย็นชา และดูเหมือนจะไม่เป็นมิตร นางพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอกับหลี่เฉินอยู่เสมอ ซึ่งหลี่เฉินเองก็หาได้ใส่ใจไม่เขาคิดในใจว่าน้ำอุ่นต้มกบ ค่อยๆ ทนรอไป สักวันคงมีโอกาสส่วนซานเป่าซึ่งอยู่หน้าประตูตำหนัก กลับไม่มีท่าทียโสเช่นนั้น เมื่อเห็นหลี่เฉินที่พาวั่นเจียวเจียวมาด้วย เขารีบลุกขึ้นมาทักทายทันที"บ่าวขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เฉินโบกมือให้ซานเป่าลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า "ข้าจะไปพบเย่ลู่กู่จ้านฉี จดหมายของเขา ส่งออกไปแล้วหรือยัง?"ซานเป่ากล่าวตอบด้วยความเคารพว่า "ส่งออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นเขาเองที่สั่งให้หนึ่งในองครักษ์ของเขาดำเนินการ บ่าวปฏิบัติตามรับสั่งขององค์ชาย จึงไม่ได้ขัดขวางพ่ะย่ะค่ะ""สายลับของแคว้นเหลียวในเมืองหลวงมีอยู่ไม่น้อย ให้เขาใช้ช่องทางของเขาเองก็ดี พวกเขาถึงจะเชื่อ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย"พูดพลาง หลี่เฉินก้าวเข้าไปในตำหนักปีกแม้จะเป็นตำหนักปีก แต่การตกแต่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 655

    "นำรายงานจากกรมครัวเรือนมาให้ข้าดู"หลี่เฉินสั่งวั่นเจียวเจียวให้นำรายงานจากกรมครัวเรือนที่ส่งมาช่วงเช้าออกมา พลางเปิดอ่านดูเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นทันทีรายจ่ายอื่น ๆ ยังถือว่าอยู่ในงบประมาณตามปกติ แต่วันนี้ที่ต้องจัดเลี้ยงทหารทั้งสามกองทัพ เพียงวันแรกก็หมดเงินไปหลายหมื่นตำลึงแล้วอย่ามองว่าเป็นตัวเลขน้อย นี่เพียงแค่วันเริ่มต้นเท่านั้น ตามธรรมเนียม ทัพผู้ชนะจะต้องจัดเลี้ยงตามขนาดของศึก หากศึกเล็กจัดเจ็ดวัน หากศึกใหญ่จัดเลี้ยงได้นานถึงหนึ่งเดือน ของใช้ต่าง ๆ อาหาร สุรา สำหรับคนหลายหมื่นคน เพียงแค่ค่าใช้จ่ายปกติในหนึ่งวันก็มหาศาลแล้ว ยังไม่นับถึงอาหารเลี้ยงฉลอง เช่น ปลาตัวใหญ่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ต้องเชือดวัว เชือดแกะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเงินของราชสำนักประกอบกับภัยพิบัติยังไม่ได้รับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ ราคาสินค้าต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าที่เคย ไม่เพียงชาวบ้านทั่วไปที่ลำบาก แม้แต่ราชสำนักเองยังแทบรับไม่ไหวตามที่กรมครัวเรือนคำนวณไว้ ค่าเลี้ยงฉลองทั้งหมดจะต้องใช้เงินอย่างน้อยสามถึงสี่แสนตำลึง และนี่เป็นเพียงค่าเลี้ยงฉลองเท่านั้น ยังมีค่าตอบแทนวีรกรรมรบ ค่าชดเชยสำห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 654

    สวีฉังชิง เป็นหนึ่งในขุนนางที่ซื่อสัตย์และใสสะอาดที่สุดในราชสำนักต้าฉินหลี่เฉินเคยเห็นกับตาตอนที่สวีฉังชิงตกอยู่ในปัญหาครั้งก่อน และหลี่เฉินได้ไปที่บ้านของเขาดังนั้น เมื่อได้ยินคำบ่นอย่างขุ่นเคืองของสวีฉังชิง หลี่เฉินก็เพียงแต่หัวเราะและปลอบโยนว่า “เขาทำหน้าที่ของเขา เจ้าจะไปถือสาอะไรกับเขา”ถ้าเปรียบเทียบกับสวีฉังชิง เหอคุนคือคนอีกขั้วหนึ่งโดยสิ้นเชิงเหอคุนเต็มไปด้วยความลื่นไหล ไหวพริบ และความโลภ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับลักษณะของสวีฉังชิงโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ สวีฉังชิงจึงไม่ชอบเหอคุนตั้งแต่แรกเห็นในแง่คุณสมบัติ เหอคุนอาจดูเหมือนเต็มไปด้วยข้อเสีย หลี่เฉินไม่มีทางสนใจแน่แต่สิ่งที่หลี่เฉินให้ความสำคัญคือ ความสามารถในการทำงานของเหอคุนคนอย่างเหอคุน หากไม่ได้มีพื้นเพต่ำต้อย คงจะมีอนาคตในราชสำนักที่ไกลกว่าสวีฉังชิงมากสวีฉังชิงเหมาะกับการทำงานหนักแบบไม่หวังผลตอบแทน แต่เหอคุน คือคนที่สามารถจับจุดอ่อนของปัญหา และหาทางแก้ไขให้หลี่เฉินได้อย่างชัดเจนและนี่คือสิ่งที่กลบข้อเสียส่วนใหญ่ของเหอคุนได้เมื่อเห็นว่าสวีฉังชิงยังคงแสดงความไม่พอใจ หลี่เฉินจึงกล่าวว่า “เจ้ากับเขามีบุคลิกแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 653

    “หากองค์ชายจำพวกท่านไม่ได้ พวกท่านก็เหนื่อยเปล่า”คำพูดของเหอคุนทำให้ขุนนางทั้งสามคนพยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง“ใต้เท้าเหอ ตำแหน่งคนแรกที่ส่งของกำนัลก็ถูกใต้เท้าเหอแย่งไปแล้ว พวกเราจะส่งของที่ดี ก็ไม่มีปัญญาเสียด้วยซ้ำ” ขุนนางวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่นเหอคุนส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หากว่ากันด้วยความดีเยี่ยม อย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะเหล่าขุนนางชั้นสูงหรือราชวงศ์ พวกเขามีสมบัติล้ำค่ามากมาย เราไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว”“แต่พวกท่านลองคิดดู ทำไมองค์ชายถึงทำเช่นนี้? ก็เพราะอยากดูว่าใครในราชสำนักมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ใช่หรือไม่?”“ลองเปรียบเทียบดู พ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่งที่มีทรัพย์สินมหาศาล บริจาคเงิน 100 ตำลึง เทียบกับคนธรรมดาที่ขายทุกอย่างจนรวบรวมได้เพียง 10 ตำลึง สำหรับองค์ชาย อันไหนจะมีค่าน่าจดจำมากกว่ากัน? พวกท่านคิดว่าองค์ชายต้องการเงินของพวกท่านจริงหรือ?”เหอคุนแสร้งทำสีหน้าชื่นชม พร้อมประสานมือไปยังทิศที่เป็นพระที่นั่งสีเจิ้ง กล่าวว่า “องค์ชายทรงพระปรีชาสามารถ มิอาจเปรียบได้กับคนธรรมดาเช่นเรา องค์ชายทรงต้องการดูว่า ใครในราชสำนักที่ภักดีและมีจิตใจถวายความจงรักภักดี ซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 652

    “จะคุยอะไรกันได้อีก ก็คงไม่พ้นแผนการจัดการข้า”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คราวนี้ จ้าวเสวียนจีคงจนตรอกแล้ว”“เพิ่มการเฝ้าระวังให้มากขึ้น ข้าต้องรู้ว่าพวกเขาทำอะไรและพบใครในช่วงไม่กี่วันนี้”เฉินทงโค้งคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเฉินทงจากไป เหอคุนก็เข้ามาพบหลี่เฉิน“ทูลองค์ชาย เมื่อครู่มีขุนนางสามคนเข้ามาส่งของกำนัลเงินช่วยงาน พระองค์จะทอดพระเนตรบัญชีของกำนัลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เหอคุนเอ่ยถามหลี่เฉินส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนจัดการไป ข้าจะดูบัญชีทั้งหมดตอนสุดท้าย ข้าคงไม่มีเวลามาดูทีละคน”เหอคุนพลันคิดบางอย่าง ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย กระหม่อมขอพระราชทานสิทธิในการดำเนินการตามดุลยพินิจ กระหม่อมมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดของกำนัลได้อย่างน้อยสามส่วน”หลี่เฉินหยุดชะงักเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากำลังเอามีดจ่อคอเพื่อนร่วมงานของเจ้าเอง ไม่กลัวพวกเขาเล่นงานเจ้าในที่ลับหรือ?”เหอคุนยิ้มกว้าง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่กระหม่อมมีองค์ชายเป็นที่พึ่ง กระหม่อมไม่กลัวสิ่งใด อีกอย่าง กระหม่อมมั่นใจว่าจะทำให้พวกเขายินดีมอบเงินเพิ่มอย่างเต็มใจ”“ได้ เจ้าไปจัดการเถอะ”หลี่เฉินโบกม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 651

    ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มของจ้าวเสวียนจีกับตำหนักบูรพาจะถึงจุดแตกหักโดยสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ที่เปราะบางจะถูกทำลาย และไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมอีกต่อไปนี่คือสิ่งที่จ้าวเสวียนจีและหลี่เฉินต่างพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้ เวลานั้นก็มาถึงจางปี้อู่เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าเราทำการเคลื่อนไหวใหญ่โต หน่วยบูรพาคงไม่พลาดที่จะสังเกตเห็น…”“แล้วจะอย่างไร?”จ้าวเสวียนจีลุกขึ้นยืน ท่ามกลางร่างกายที่ชราภาพกลับเปล่งไปด้วยอำนาจ เขากล่าวเสียงดังว่า “ข้ารับราชการมาเกินสี่สิบปี อยู่ในคณะเสนาบดีมานานเกือบยี่สิบปี หน่วยบูรพาเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้?”“หากพวกมันกล้าลงมือ ก็ให้กองทัพเข้าบุกตำหนักบูรพาเสีย!”แววตาและคิ้วที่ขาวของจ้าวเสวียนจีเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว เขากล่าวต่อด้วยเสียงเย็นเยือกท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของจางปี้อู่และฟู่อวี้จือว่า “ฝ่าบาททรงประชวร องค์รัชทายาทโง่เขลาและไร้ศีลธรรม ในฐานะขุนนาง เราทำได้เพียงเสี่ยงเพื่อปกป้องรากฐานของต้าฉิน”ครึ่งชั่วยาวต่อมา จางปี้อู่และฟู่อวี้จือออกจากจวนจ้าวที่หน้าประตูมีเกี้ยวสองคันจอดรออยู่“สหายจาง”ขณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 650

    ในการควบคุมอำนาจทางการเงิน มีคนหนึ่งที่ต้องกำจัดให้ได้ไม่ต้องสงสัย คนคนนั้นคือ จ้าวเสวียนจีหลี่เฉินโยนบัญชีของกำนัลของเหอคุนลงข้างตัว พลางเรียกวั่นเจียวเจียวเข้ามาด้วยเสียงดัง “มาแต่งตัวให้ข้า”ในเมืองหลวง ณ จวนจ้าวหลังจากออกจากตำหนักบูรพา จ้าวเสวียนจีได้สั่งคนไปตามจางปี้อู่ และฟู่อวี้จือ สองขุนนางร่วมตำแหน่งมหาเสนาบดีในคณะเสนาบดีไม่นานหลังจากที่จ้าวเสวียนจีเดินทางกลับถึงจวนจ้าว สองคนก็รีบร้อนมาถึงฟู่อวี้จือและจางปี้อู่พบกันที่หน้าประตู ทั้งสองสบตากัน แต่กลับไม่เห็นหวังเถิงฮ่วนจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในไม่ช้า จ้าวเสวียนจีก็เรียกทั้งสองเข้ามายังห้องหนังสือ“ผู้อาวุโส วันนี้ตำหนักบูรพามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฟู่อวี้จือถามถึงเรื่องเย่ลู่ฉีหมิงที่ถูกสังหารแม้เมืองหลวงจะใหญ่และผู้คนมากมาย แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่สามารถปิดบังสองขุนนางอาวุโสได้ พวกเขาทราบข่าวอย่างรวดเร็วว่าเย่ลู่ฉีหมิงเกิดเรื่อง แต่รายละเอียดนั้นพวกเขายังไม่รู้ เนื่องจากจ้าวเสวียนจีและหวังเถิงฮ่วนเป็นผู้ไปตำหนักบูรพาจ้าวเสวียนจีจิบชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่มีคำตอบ ก็คือคำตอบของตำหนั

DMCA.com Protection Status