แชร์

บทที่ 507

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
“เจ้ามาทำไม!?”

จ้าวชิงหลานที่กำลังเอนกายบนแท่นบรรทมหงส์ และขมวดคิ้วมองซุปสีดำในถ้วย

พอเห็นหลี่เฉินเดินเข้ามา ปฏิกิริยาแรกของนางคือกล่าวประโยคนี้

หลี่เฉินไม่ได้แสดงความสุภาพใดๆ เขานั่งบนขอบแท่นบรรทมตามอำเภอใจแล้วพูดว่า “ก็มาดูว่าเจ้าหายดีแล้วหรือยัง”

ใบหน้างามของจ้าวชิงหลานดูเยือกเย็น นางกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าไม่ปรากฏตัวต่อหน้าข้า ข้าคงอาการดีขึ้นเร็วกว่าเดิม”

หลี่เฉินได้ยินแบบนั้นก็ถามว่า “หากข้ามาเยี่ยมทุกวัน เจ้าไม่โกรธจนตายเลยหรือ?”

“เจ้า!”

ดวงตาหงส์ฉายแววชั่วร้าย ใบหน้างามพลันเย็นชา จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่นและอยากจะตำหนิอีกฝ่าย แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าหัวแข็งเพียงใด ก็ทำได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเท่านั้น ก่อนจะเบือนหน้าหนีไม่สนใจ

นางรู้สึกว่าไม่ว่าปฏิกิริยาของนางจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่นางตอบ หลี่เฉินก็จะพบกับความสนุกในนั้น แต่ถ้าหากนางปฏิบัติต่อหลี่เฉินเหมือนเป็นธาตุอากาศ หลี่เฉินก็จะค่อยๆ รู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากยุ่งอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าจ้าวชิงหลานเพิกเฉยต่อเขา หลี่เฉินก็เข้าใจแผนการของนางทันที

หลี่เฉินไม่โกรธและไม่ได้รู้สึกผิดหวัง

การได้หยอกล้อม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 508

    “แล้วเจ้าเห็นด้วยไหม?” จ้าวชิงหลานถามต่อ “เจ้าคิดว่าข้าจะตกลงไหม?” หลี่เฉินพูดแบบลอยๆ “ไม่ว่าจะเป็นสำนักบัวขาวหรือหลี่อิ๋นหู่ พวกมันคือสิ่งที่ข้าต้องกำจัด แล้วข้าจะมอบอำนาจนี้ให้กับหลี่อิ๋นหู่ได้อย่างไร” “บางที...”หลี่เฉินป้อนยาอีกช้อนเข้าไปในปากของจ้าวชิงหลาน พลางพูดด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “และถึงแม้ว่าข้าต้องการจะให้ แต่บิดาของเจ้าก็ต้องให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอในการแลกเปลี่ยน ถ้าเขาสามารถลืมเรื่องที่หลี่อิ๋นหู่เกือบฆ่าลูกสาวของเขาเพื่อผลประโยชน์ได้ เช่นนั้นเพื่อผลประโยชน์แล้ว เขาก็สามารถแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน” จ้าวชิงหลานก็พลันตระหนักขึ้นมา “ที่แท้เจ้าก็มาที่นี่เพื่อเรื่องนี้!”“การเมืองไม่มีอะไรมากไปกว่าเกม ในเวทีการเมือง ไม่มีศัตรูที่ถาวรและไม่มีมิตรแท้ที่ถาวร มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป” “แล้วเจ้าล่ะ”จู่ๆ หลี่เฉินก็เปลี่ยนเรื่องและถามด้วยรอยยิ้ม “รู้สึกอย่างไรเมื่อรู้ว่าบิดาของเจ้าไม่เพียงแต่ไม่สนับสนุนเจ้าเท่านั้น แต่ยังร่วมมือกับหลี่อิ๋นหู่อีกด้วย?”จ้าวชิงหลานมองไปที่หลี่เฉินและหัวเราะเยาะ “พูดมากขนาดนี้ เจ้ามาที่นี่เพื่อสร้างความขัดแย้งร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 509

    พูดตามหลักเหตุผลแล้ว หลี่เฉินคือองค์รัชทายาท และนางสนมในวังหลังก็เป็นนางสนมของจักรพรรดิ และพวกเขาล้วนเป็นผู้อาวุโสในนามของหลี่เฉินไม่ว่าจะมองมุมไหน หลี่เฉินก็ไม่มีคุณสมบัติหรืออำนาจที่จะดุนางสนมในวังหลัง แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับพิเศษเพราะองค์จักรพรรดิหมดสติมาเป็นเวลานานแล้ว และอำนาจของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขององค์รัชทายาทก็รุ่งเรืองมากขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าหากจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ องค์รัชทายาทก็จะขึ้นครองบัลลังก์ทันทีดังนั้นเวลานี้ หลี่เฉินจึงตำหนินางสนมในวังหลังอย่างมั่นใจ ยิ่งไปกว่านั้นนางสนมก็ประพฤติตัวไม่เหมาะสมในเรื่องนี้จริงๆ นางสนมหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว ตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาว ราชวงศ์ได้ฆ่าคนเพื่อปิดปากบ่อยมากแค่ไหน?ถึงแม้ว่านางจะเป็นสนมขององค์จักรพรรดิ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน หากองค์รัชทายาทต้องการจะฆ่านาง แค่คำเดียวชีวิตของนางก็จบเห่แล้ว “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน...”เมื่อเห็นนางสนมหวาดกลัวจนพูดไม่ออก หลี่เฉินก็ดุไปว่า “ยังไม่รีบออกไปอีก!? หรือยังเห็นไม่พอ!?”นางสนมตื่นตระหนกและถอยออกไปอย่างรวดเร็วหลี่เฉินวางชามซุปลง ยืนขึ้นแล้วพูดกับจ้าวชิงหลา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 510

    “อืม ไม่เลว”หลี่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ชี้ไปที่กองสาส์นกราบทูลประมาณสิบกว่ากองที่มุมหนึ่งของพระที่นั่งสีเจิ้ง แล้วพูดว่า “สาส์นกราบทูลพวกนั้น เจ้าไปหยิบมาอ่านสักอันสิ” เจิ้งเป่าหรงสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำพูดขององค์รัชทายาท เขาหยิบสาส์นกราบทูลขึ้นมาสองสามอันด้วยความสับสน และอ่านมันอย่างคร่าวๆ เมื่อกวาดสายตาอ่าน สีหน้าของเจิ้งเป่าหรงก็ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่งหลี่เฉินเอนตัวพิงเก้าอี้แล้วพูดว่า “หลายวันมานี้ ผู้ตรวจการของสำนักตรวจการขนสาส์นกราบทูลของเจ้า เข้ามาที่นี่เป็นจำนวนมากทุกวัน ในนั้นแสดงรายการอาชญากรรมของเจ้า ซึ่งไม่มีอะไรมากไปกว่าการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและกลั่นแกล้งคนดี พวกเขาบอกว่าเจ้าอาศัยสิทธิพิเศษที่ตำหนักบูรพามอบให้เจ้า กดดันเจ้าของที่ดินรอบเมืองหลวงและบังคับให้พวกเขาปลูกมันเทศ” “ผู้ที่เห็นด้วยก็จะพูดคุยกันได้ง่าย ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย เจ้าก็จะข่มขู่พวกเขาด้วยหน่วยบูรพาและตำหนักบูรพาเสมอ”“ที่ร้ายแรงที่สุดคือ เจ้ายังย้ายเจ้าหน้าที่ทหารในศาลของเมืองหลวงไปบังคับซื้อที่ดิน ซึ่งส่งผลให้มีการต่อสู้ระหว่างผู้คนกว่าสิบคน เรื่องนี้จริงหรือ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 511

    หลี่เฉินพูดจบ เจิ้งเป่าหรงก็ตื่นจากความฝันเขารู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นผู้ว่าการเมืองหลวง ทำอะไรก็เจอแต่ความลำบากใจและโดนดูถูกอยู่เสมอ มีหลายครั้งที่เขาอยากจะกลับไปยังเวยไห่เว่ย เพื่อกลับไปเป็นราชาท้องถิ่นตามเดิมแต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าองค์รัชทายาทต่อต้านการโจมตีที่เปิดเผยและแอบแฝงนับไม่ถ้วนเพื่อเขาน้ำในเมืองหลวงลึกแค่ไหน ตอนนี้เจิ้งเป่าหรงได้ก้าวเข้ามาทดสอบความลึกด้วยตัวเองแล้ว“แม้ว่าข้าจะยอมให้เจ้าฝ่าฝืนกฎบางอย่างโดยปริยาย แต่เจ้าก็ต้องใส่ใจกับวิธีการและรูปแบบทำงานของเจ้าด้วย เมื่อออกไปข้างนอกเจ้าตะโกนว่าข้าเป็นผู้สนับสนุนของเจ้า หากยังเป็นเช่นนี้ต่อ ไปไม่ว่าหนังเสือจะมีประโยชน์แค่ไหน แต่สักวันหนึ่งมันจะหมดฤทธิ์ไปเอง”หลี่เฉินพูดอย่างจริงจัง “จำไว้ว่า วิธีการและอาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเจ้า จะน่ากลัวที่สุดก็ต่อเมื่อไม่ได้ใช้มันเท่านั้น หากพวกมันถูกใช้จริงๆ พลังในการคุกคามจะน้อยลงกว่าเดิมมาก”เจิ้งเป่าหรงครุ่นคิด และโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งแล้วกล่าวว่า “กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงชี้แนะ”“ที่ข้าชี้แนะเจ้าก็เพราะเจ้ายังเป็นวัสดุที่สามารถใช้งานได้ในอนาคต อย่างน้อยงานส่งเสริม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 512

    “จอมพลซู ตอนนี้แม่ทัพหลิวเฉิงได้ทำลายค่ายป้องการปีกซ้ายของตงอิ๋งแล้ว ตอนนี้เรามีสองทางเลือก”แม่ทัพคนหนึ่งประสานมือ และชี้ไปที่จุดสีดำทางด้านซ้ายของแผนที่ซึ่งเป็นตัวแทนของแม่ทัพหลิวเฉิง แล้วกล่าวว่า “เราสามารถปรับแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ได้ ด้วยการสั่งให้แม่ทัพหลิวเฉิงโจมตีกองทัพหลักของตงอิ๋งจากทางฝั่งซ้าย ร่วมกับกองทัพของพวกเราที่สนามรบด้านหน้า ปิดล้อมพวกมันเป็นเกี๊ยว”“อีกทางหนึ่งคือตรงไปยังที่ตั้งของแม่ทัพหวงไห่เหอ และร่วมมือกับแม่ทัพหวงไห่เหอเพื่อทำลายกองทัพของแม่ทัพอุเมกาวะทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้นแม่ทัพหลิวเฉิงและแม่ทัพหวงไห่เหอจะมีกำลังทหารทั้งหมด 12,000 นาย ซึ่งเพียงพอที่จะเอาชนะสนามรบครั้งนี้ได้”การวิเคราะห์ของแม่ทัพคนนั้นชัดเจนและสมเหตุสมผลมาก และคนอื่นๆ ในกระโจมหลักที่ได้ฟังก็พยักหน้าดวงตาของซูผิงเป่ยสั่นไหว เขาไม่ได้ตัดสินใจทันที แต่ถามว่า “ทุกท่านคิดว่าอย่างไร?”ทันใดนั้นแม่ทัพทุกนายก็แสดงความคิดเห็นทีละคน บางคนสนับสนุนให้หลิวเฉิงทำการรบขนาบข้างตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้า ในขณะที่บางคนบอกว่ามันเสี่ยงเกินไป ควรเปลี่ยนไปรวมตัวกับแม่ทัพหวงไห่เหอก่อน ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 513

    การต่อสู้ขั้นแตกหักเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซึ่งทำให้หลายคนประหลาดใจการสู้รบในสมัยโบราณก็เป็นเช่นนี้ เนื่องจากความไม่สะดวกในการสื่อสาร จึงมักใช้เวลาหลายวันในการส่งข่าวการเดินทางกลับไปกลับมาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนดังนั้นตราบใดที่พวกเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับจักรพรรดิทรราช การบัญชาการรบในสนามรบ แม่ทัพก็สามารถสั่งการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การรบในต่างแดนมีประสิทธิภาพที่สูงมากสถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์และเตรียมการจัดวางกำลังได้อย่างแม่นยำ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับระดับและความสามารถของผู้บัญชาการทหารในแนวหน้า และฝ่ายสนับสนุนด้านหลังก็ไม่สามารถตัดสินใจใดๆ ในสนามรบได้ดังนั้น ตราบใดที่ซูผิงเป่ยคิดว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมจะสู้ชี้ขาด จึงไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในขณะที่การต่อสู้ขั้นแตกหักซึ่งกำหนดผลลัพธ์ของสงครามทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น หลี่เฉินซึ่งอยู่ในเมืองหลวงห่างออกไป ก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้เขากำลังอยู่ในพระที่นั่งร้อยบุปผาโดยเล่นพลิกผ้าห่มกับจ้าวหรุ่ยที่เพิ่งกลับมาแผ่นหลังอันเรียบเนียนถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ และผิวที่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 514

    เห็นได้ชัดว่าเนื้อหาของสาส์นกราบทูลฉบับนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง จนไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง หรือหวังจะใช้ตำแหน่งของจ้าวหรุ่ยที่อยู่ข้างกายหลี่เฉิน อำนวยความสะดวกในการเกริ่นเนื้อหาที่อยู่ด้านในของสาส์นกราบทูล หลี่เฉินรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี “อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงลงไปคุกเข่าที่พื้นทั้งที่เปลือยเปล่าเล่า ลุกขึ้นมาเถอะ”หลี่เฉินรับสาส์นกราบทูล พลางจับข้อมือของจ้าวหรุ่ยแล้วดึงนางขึ้นมาบนเตียงหลี่เฉินวางแขนของเขาโอบรอบเอวของจ้าวหรุ่ย และปล่อยให้นางเอนตัวในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า “แต่ทิวทัศน์เมื่อครู่ก็น่าชมมาก”ใบหน้าที่สวยงามของจ้าวหรุ่ยแดงเล็กน้อย เมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกหวาดกลัวเกินไป และยังถูกกระตุ้นด้วยลมหนาว เวลานี้ร่างกายที่บอบบางอยู่แล้วก็ยิ่งอ่อนแอเข้าไปใย นางหวังแค่ว่าจะรวมร่างของนางเข้าไปในร่างกายขององค์รัชทายาทได้ยิ่งดี แม้จะปลอบใจจ้าวหรุ่ย แต่ในใจของหลี่เฉินก็ไม่ได้ผ่อนคลายเมื่อจำนวนคนที่อยู่ใต้เขาเพิ่มขึ้น ทุกคนก็มีความคิดและวิธีการของตัวเองเช่นกัน ความจริงที่ว่าจ้าวเหอซานยืมมือของจ้าวหรุ่ยเพื่อส่งมอบสาส์นกราบทูลให้นั้น จะว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 515

    “เรื่องนี้มีข้อดีสามประการ”“ประการที่หนึ่ง ทุ่งนาร้างสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จะได้ไม่ไร้คนมาปลูกนา”“ประการที่สอง เราสามารถกำจัดผู้ประสบภัยอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่รวมตัวกันอยู่ในมณฑลซีซาน แบ่งที่นาให้กับพวกเขา เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้”“ประการที่สาม เรื่องนี้จะส่งผลต่ออิทธิพลของกลุ่มกบฏ ทำให้พวกเขาวางอาวุธลง หยิบจอบขึ้นมา และหยุดการก่อกบฏ ท้ายที่สุดแล้วกฎหมายไม่ได้ลงโทษมวลชน และคนที่ราชสำนักต้องการจะลงโทษคือพวกผู้นำในการก่อกบฏ ไม่ใช่ชาวนาเหล่านี้” “แต่ข้อเสียก็มีไม่น้อย”“ประการที่หนึ่ง นับตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์นี้ เมื่อสิบกว่าปีก่อน หลังจากการสังหารหมู่ที่ด่านอวี้เหมิน เมืองชายแดนหลายแห่งเกือบจะกลายเป็นเมืองผี ราชสำนักจึงย้ายคน 300,000 คนไปอาศัยอยู่ที่นั่นและแบ่งพื้นที่ทำนา แต่ครั้งนั้นและครั้งนี้ โดยพื้นฐานแล้วแตกต่างกัน ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าไม่มีตัวอย่างในการแบ่งที่นาใหม่หลังภัยพิบัติ มิหนำซ้ำ ถ้าหากใช้วิธีการนี้จริงๆ แล้วมณฑลอื่นๆ ทั่วทั้งจักรวรรดิจะคิดอย่างไร ถึงแม้ว่ามณฑลซีซานจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามณฑลอื่นจะเบากว่า”“ประการที่สอง หากแบ่งที

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 842

    ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้สวีฉังชิงอยากชักดาบออกมาฆ่าหลานชายของตัวเองทันที จากนั้นก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าองค์รัชทายาทแม้ว่าชีวิตของเขาและหลานชายจะต้องจบลง แต่ตระกูลสวียังอาจมีโอกาสรอดพ้นจากการถูกทำลายล้างคำพูดประโยคแรกของสวีจวินโหลวหมายความว่าอย่างไร!?เข้าใจง่ายมากนั่นก็คือ มนุษย์ล้วนต้องตาย และแคว้นย่อมมีวันล่มสลาย เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของกลางวันกลางคืน และการผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้!คำพูดนี้ ไม่ว่ากษัตริย์พระองค์ใดได้ยิน ย่อมถือเป็นการดูหมิ่นอย่างร้ายแรงไม่ใช่แค่ตัดหัวแต่ถึงขั้นล้างโคตรตระกูล!หากเจอกษัตริย์ที่มีอารมณ์ร้อน อาจถึงขั้นสังหารเก้าชั่วโคตรโดยไม่มีใครกล้าเรียกร้องความเป็นธรรมนี่มันการดูหมิ่นที่ร้ายแรงที่สุด!แม้เข่าของสวีฉังชิงจะอ่อนจนแทบทรุดลงไปกับพื้น แต่เขาก็พยายามอดทนไม่คุกเข่าต่อหน้าองค์รัชทายาทเขาแอบเหลือบมองสีหน้าของหลี่เฉิน แต่กลับเห็นว่าองค์รัชทายาทไม่ได้แสดงความโกรธใดๆ แถมยังมีท่าทีสนุกสนาน หยิบลิ้นจี่ที่นางกำนัลยื่นให้เข้าปากด้วยความผ่อนคลายในมุมมองของหลี่เฉิน ประโยคเปิดเรื่องนี้แม้จะดูเหมือนเป็นการดูหมิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 841

    เวลาสอบทั้งหมดกำหนดไว้หนึ่งชั่วยาม หรือราวๆ สองชั่วโมงในหน่วยเวลาสมัยใหม่แต่โจทย์ที่ยากลำบากขนาดนี้ กลับมีคนส่งกระดาษคำตอบตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามคนแรกที่ส่งกระดาษคำตอบ ย่อมดึงดูดความสนใจจากทุกคนในทันทีองครักษ์รีบรับกระดาษคำตอบของเขา นำส่งให้เสนาบดีกรมขุนนาง หูพี่ ก่อนที่หูพี่จะหมุนตัวและนำเสนอด้วยความเคารพต่อหลี่เฉินหลี่เฉินหยุดการเขียนนิยายของตน ช้อนตามองนักศึกษาร่างเล็กหน้าตาเรียบๆ คนหนึ่งที่ยืนเก็บของเตรียมตัวออกจากสนามสอบ ก่อนจะรับกระดาษคำตอบมาเมื่อเห็นตัวอักษรบนกระดาษคำตอบเป็นครั้งแรก หลี่เฉินเอ่ยชมออกมาเบาๆ ว่า "ลายมือช่างงดงามยิ่งนัก"ไม่ว่าจะเป็นการสอบจอหงวนในยุคโบราณหรือการสอบระดับชาติในยุคปัจจุบัน การที่มีคะแนนจากความเรียบร้อยของกระดาษคำตอบย่อมมีส่วนสำคัญ และลายมือที่สวยงามย่อมทำให้ผู้ตรวจรู้สึกชื่นชมเพราะอย่างน้อยก็ไม่เหนื่อยเวลาอ่านในยุคโบราณยิ่งเป็นเช่นนั้นนักศึกษาจะใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีฝึกฝนลายมือ ถ้าหากพวกเขาไม่มีลายมือที่สวยงาม ก็ย่อมไม่มีทางก้าวมาถึงการสอบจอหงวนรอบสุดท้าย"นักศึกษาจากแคว้นเจียงเจ๋อ ฟู่หมิ่นชิง ตอบคำถามในหัวข้อ 'ปรัชญาแห่งชาติ' ต่อเบ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 840

    มีขุนนางที่กล้ากล่าวความจริงและตักเตือนอย่างตรงไปตรงมา สามารถช่วยกษัตริย์มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในตัวเองและนโยบายและยังมีขุนนางที่มีความสามารถเฉพาะด้านสูงมาก งานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อมอบหมายให้พวกเขาแล้วแทบไม่ต้องกังวลนอกจากนี้ ยังมีขุนนางประเภทที่สามารถช่วยกษัตริย์จัดการเรื่องที่กษัตริย์ไม่สะดวกจะลงมือเอง แม้ว่าคนเหล่านี้อาจมีความสามารถระดับปานกลาง หรือแม้แต่มีข้อเสียหลายประการ พวกเขาก็ยังนับเป็นคนสำคัญ เช่น เหอคุนจักรวรรดิที่กว้างใหญ่เกินไป ย่อมต้องการผู้คนที่หลากหลายมาช่วยหลี่เฉินบริหารจัดการ ไม่เช่นนั้น ต่อให้เขาเป็นเทพเซียนก็คงไม่สามารถขับเคลื่อนจักรวรรดิได้ด้วยตัวเองสำหรับสถานการณ์ที่ต้าฉินกำลังเผชิญ หลี่เฉินต้องการคนที่มีสายตากว้างไกลและความสามารถเชิงกลยุทธ์ระดับสูงบุคคลประเภทนี้ โจวผิงอันถือว่าเป็นตัวอย่างหนึ่ง แต่คนอื่นๆ อย่างสวีฉังชิงและกวนจือเหวยเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้นคนเหล่านี้ หากใช้อย่างเหมาะสม จะกลายเป็นอาวุธสำคัญ แต่หากใช้ผิดวิธีก็อาจกลายเป็นหายนะ ดูได้จากตัวอย่างของจ้าวเสวียนจีแม้ว่าหลี่เฉินอยากให้จ้าวเสวียนจีตายไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 839

    "เมื่อข้าอ่านโจทย์การสอบจบแล้ว นักศึกษาทุกคนจึงจะเริ่มเขียนคำตอบได้ เวลาที่กำหนดคือหนึ่งชั่วยาม เมื่อครบเวลา ทุกคนต้องหยุดเขียนและส่งกระดาษคำตอบ อนุญาตให้ส่งก่อนเวลาได้ แต่ห้ามส่งช้ากว่าเวลาที่กำหนด""ต่อไป ข้าจะอ่านโจทย์การสอบ"เมื่อคำกล่าวของหูพี่จบลง ไม่เพียงแต่นักศึกษาทุกคนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ แม้แต่ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ทั้งหมดก็ยังรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในอดีต การสอบจอหงวนรอบสุดท้าย โจทย์จะถูกจัดเตรียมโดยสำนักราชเลขา ซึ่งมักเสนอโจทย์หลายชุดให้ฮ่องเต้เลือกหนึ่งชุดเป็นโจทย์สอบแต่ปีนี้ไม่เหมือนปีก่อนสำหรับการสอบครั้งนี้ โจทย์ทั้งหมดถูกตัดสินโดยองค์รัชทายาท โดยไม่มีการเกี่ยวข้องจากสำนักราชเลขาเลยดังนั้น แม้แต่ขุนนางในราชสำนักหรือสำนักราชเลขาก็ยังไม่รู้ว่าโจทย์จะเป็นเช่นไรกระทั่งหูพี่เองก็ไม่ทราบเนื้อหาโจทย์จนกระทั่งซานเป่ามอบซองปิดผนึกให้แก่เขาหลังจากเปิดซองออก หูพี่ก็กลายเป็นบุคคลที่สองรองจากหลี่เฉินที่รู้เนื้อหาโจทย์เมื่อเห็นเนื้อหาโจทย์ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่กลุ่มนักศึกษาด้วยสีหน้าประหลาดใจปนความเห็นใจเขาเข้าใจทันทีว่าทำไมองค์รัชทายาทจึงเลือกให้เขาเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 838

    "พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นยอดคนที่ถูกคัดเลือกจากนับร้อยในพัน หากมองทั่วแผ่นดินที่มีประชากรนับสิบล้าน พวกเจ้าย่อมเป็นหนึ่งในแสน!"คำกล่าวของหลี่เฉินทำให้เลือดลมของเหล่านักศึกษาเดือดพล่านทุกคนล้วนตระหนักดีว่าหนทางที่ผ่านมานั้นไม่ง่ายเลย บางคนถึงกับต้องขายสมบัติทั้งครอบครัวเพื่อให้สามารถเดินทางมาถึงจุดนี้หากการสอบจอหงวนล้มเหลว พวกเขาส่วนใหญ่อาจต้องจบชีวิตไปพร้อมกับความยากจนและไร้หนทางดังนั้น แม้ว่าการสอบจอหงวนจะไม่ใช่สมรภูมิที่มีคมดาบ แต่ความโหดร้ายของมันก็แทบไม่แตกต่างจากสนามรบเมื่อย้อนระลึกถึงความยากลำบากที่ผ่านมา นักศึกษาทั้งหมดล้วนแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกส่วนเหล่าขุนนางที่อยู่ในบริเวณนั้น ต่างก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกันเพราะในอดีต พวกเขาส่วนใหญ่ก็ล้วนเดินมาบนเส้นทางการสอบจอหงวนเช่นเดียวกันแต่โชคชะตาของพวกเขาดีกว่าคนรุ่นเดียวกันอย่างมาก เพราะในวันนี้ พวกเขาสามารถยืนอยู่หน้าพระที่นั่งไท่เหอ และเข้าร่วมราชสำนักได้เมื่อมองย้อนกลับไป ผู้คนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันในรุ่นเดียวกันนั้น บัดนี้เหลืออยู่ข้างกายน้อยมาก"การสอบจอหงวนเป็นเส้นทางที่ราชสำนักใช้ในการคัดเลือกบุคคลที่มีค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 837

    เสียงเขาสัตว์อันแสนเศร้าสร้อยดังก้องไปทั่วบริเวณเหล่านักศึกษาค่อยๆ เดินเข้าสู่พื้นที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่จากสำนักฮั่นหลิน พวกเขาถูกจัดให้อยู่ในลำดับอย่างเหมาะสมและมายืนประจำตำแหน่งในจัตุรัสสะพานจินสุ่ยในเวลานั้น ราชสำนักช่วงเช้าทั้งหมดได้ถูกย้ายออกจากพระที่นั่งไท่เหอ มาจัดขึ้นภายนอกแทน หลี่เฉินนั่งอยู่ที่ประตูใหญ่ของพระที่นั่งบริเวณนี้เองคือสถานที่ที่เขาเคยใช้ปืนจ่อยิงฮาเล่ย์ต้าลี่จนเสียชีวิตในวันนั้นเมื่อทุกคนประจำตำแหน่งแล้ว จ้าวเสวียนจีและถานไถจิ้งจือในฐานะผู้นำฝ่ายบุ๋น ซูเจิ้นถิงในฐานะผู้นำฝ่ายบู๊ ทั้งสามคนโค้งคำนับพร้อมเปล่งเสียงดังว่า"ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"เมื่อฮ่องเต้ไม่อยู่ องค์รัชทายาทในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ย่อมเป็นผู้แทนของฮ่องเต้ในสถานการณ์อันเป็นทางการเช่นนี้หลังจากนั้น บรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ทั้งหมด รวมถึงนักศึกษาที่เข้าสอบจอหงวนต่างก็กล่าวถวายบังคมไม่มีผู้ใดกล้าละเลย"ขอถวายบังคมองค์รัชทายาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี"ที่จัตุรัสสะพานจินส

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 836

    กงฮุยอวี่ที่แสดงท่าทางออกมานั้น หลี่เฉินมองเห็นทุกสิ่งในสายตา แต่เขาเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงให้กระจ่าง ในใจนั้นกลับเข้าใจอย่างแจ่มชัด ทว่ากลับไม่คิดสนใจนางต่อไปกงฮุยอวี่มองหลี่เฉินที่หันหลังกลับไปจัดการงานราชการในทันที ดวงตาที่เย็นเยียบของนางปรากฏความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาส่วนวั่นเจียวเจียวนั้น... นางรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะในชีวิต ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้นางมีความสุขมากกว่านี้อีกแล้วในการรับมือกับสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีเช่นกงฮุยอวี่ การเร่งร้อนย่อมไม่เป็นผลดีไม่เช่นนั้น ความพยายามทั้งหมดอาจสิ้นเปลืองจนกลายเป็นแรงเกินไป ทำให้ทุกอย่างย้อนกลับและต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งอย่างน่าอึดอัดหลี่เฉินในตอนนี้ได้ก้าวไปอีกหนึ่งก้าว สำเร็จในการก่อกวนจิตใจของกงฮุยอวี่ ดังนั้นต่อไปจึงควรปล่อยให้อารมณ์คลี่คลายไปก่อน ทิ้งให้นางได้ครุ่นคิด จะได้ไม่เร่งร้อนเกินไปในมุมมองของหลี่เฉิน ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกงฮุยอวี่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับนักล่าและเหยื่อนักล่าต้องการจับเหยื่อ แต่เหยื่อกลับระแวดระวังสูงมาก หากผิดพลาดเพียงนิด ไม่เพียงแค่เหยื่อจะหนีไป แต่อาจจะหันกลับมาเล่นงานนักล่าเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 835

    แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ความคิดของหลี่เฉินที่จะเอาชนะใจของกงฮุยอวี่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นในชีวิตของผู้ชาย ย่อมต้องการผู้หญิงหลากหลายแบบอ่อนโยนและมีเสน่ห์อย่างจ้าวหรุ่ย เด็ดเดี่ยวและมั่นคงอย่างซูจิ่นพ่า และดื้อรั้นไม่ยอมคนอย่างกงฮุยอวี่ที่อยู่ตรงหน้า"นิยายเล่มนั้น สนุกไหม?" หลี่เฉินถามเหมือนไม่มีอะไรจะพูดกงฮุยอวี่ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ก็ดี"หลี่เฉินยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อนจะบอกให้วั่นเจียวเจียวไปหยิบสมุดเล่มหนึ่งมา แล้วส่งให้กงฮุยอวี่ "ลองดูนี่สิ"กงฮุยอวี่มองสมุดที่เห็นได้ชัดว่าเป็นงานเขียนด้วยมือ แล้วมองหน้าหลี่เฉิน แต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับ"ข้าเขียนเอง"คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในห้องตกใจวั่นเจียวเจียวที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับตาโตนางรู้ดีว่าหลี่เฉินยุ่งแค่ไหน งานราชกิจในพระที่นั่งสีเจิ้งแทบจะทำให้เขาไม่มีเวลาหายใจ แล้วเขายังมีเวลามาเขียนนิยายได้ด้วยหรือ?และยิ่งไปกว่านั้น … องค์รัชทายาทยังเขียนนิยายเป็น!วั่นเจียวเจียวมองหลี่เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและชื่นชม รู้สึกว่าองค์รัชทายาทที่ดูเหมือนจะไร้ที่ติ ตอนนี้ดูเหมือนจะไร้ข้อบกพร่องอย่างแท้จริงรูปงาม สถานะสูงส่ง มีความ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 834

    ซูผิงเป่ยยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่บิดากล่าว และเพียงเปิดปากจะถามอะไรบางอย่าง แต่ซูเจิ้นถิงก็ยกมือขึ้นห้ามและกล่าวว่า "เรื่องพวกนี้ เจ้าเดินตามข้ากับองค์ชายไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ ซึมซับและเข้าใจเอง ตอนนี้เจ้าคิดไม่ออก ต่อให้ข้าอธิบายมากเท่าใด เจ้าก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี""การเมืองนั้นแตกต่างจากการรบ มันต้องใช้ความเข้าใจลึกซึ้ง และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องใช้เวลาบ่มเพาะอย่างช้าๆ""ในตอนนี้ สิ่งที่เจ้าควรทำคือ ฟังให้มาก ดูให้มาก พูดให้น้อย และถามให้น้อยเข้าไว้""เอาล่ะ ในช่วงนี้ หากเจ้าไม่มีเรื่องจำเป็น ก็อย่ากลับบ้าน จงไปอยู่ในค่ายทหาร เข้าไปใกล้ชิดกับเหล่าทหารให้มากขึ้น การเมืองถึงที่สุดแล้วก็ต้องพึ่งกำลังทหาร""รู้ไหมว่าทำไมองค์ชายถึงฝากคนหนึ่งพันนายที่เจ้าพามาไว้กับหน่วยบูรพา? นั่นเพราะเพื่อเป็นแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน เจ้าต้องรับรองได้ว่า ในยามจำเป็น คนหนึ่งพันนายนี้ต้องยอมตายเพื่อองค์ชายโดยไม่ลังเล"ซูผิงเป่ยกลืนคำถามทั้งหมดกลับไป และรับคำอย่างนอบน้อม…เมื่อหลี่เฉินกลับถึง พระที่นั่งสีเจิ้ง วั่นเจียวเจียวกำลังสั่งการให้เหล่าขันทีนำก้อนน้ำแข็งมาวางทั่วทั้งท้องพระโรงในยุคโบราณ การผลิตน้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status