ค่ำคืนที่หนาวเย็นราวกับสายน้ำ และแสงจันทร์ที่ปกคลุมทั่วพื้นโลก ในมุมที่ห่างไกลและเงียบสงบของเมืองหลวง ปรากฏศพหลายศพขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกขนลุกขนชันแต่สำหรับหลี่อิ๋นหู่นั้นเขาตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดเขาไม่เคยคิดว่าหลี่เฉินจะพาเขามาดูศพ ซึ่งเป็นศพของนักโทษจากสำนักบัวขาว!ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากคนของเขาและหนีไปแล้วหรือ!? แล้วเหตุใดถึงมาตายกันตรงนี้!?แล้วหลี่เฉินควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร!คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้หลี่อิ๋นหู่ยืนอึ้งอยู่กับที่“จ้าวอ๋องมานี่สิ”หลี่เฉินที่อยู่ข้างหน้าโบกมือเรียกหลี่อิ๋นหู่ให้เข้ามาทั้งสองยืนเคียงข้างกัน และหลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไร แม้ว่าภาพจะไม่สวยนัก แต่ก็น่าประทับใจมากใช่หรือไม่?”หลี่อิ๋นหู่มุมปากกระตุก และถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “ฝ่า ฝ่าบาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นหลี่เฉินก็ยกมือขึ้น และโอบไหล่ของหลี่อิ๋นหู่ ทำให้ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากในขณะเดียวกัน หลี่เฉินก็ลดเสียงลงและพูดว่า “แน่นอนว่ามันคือแผนการ”“เสนาบดีกรมยุติธรรมโจวผิงอันของข้าได้คาดการณ์ว่าจะมีคนมาป
“บัดซบเอ๊ย!”ทันใดนั้นหลี่อิ๋นหู่ก็หันศีรษะและจ้องมองโจวผิงอันตาขวาง เขากัดฟันพูดว่า “พวกเจ้าทำงานหนักกันจริงๆ!”โจวผิงอันยิ้มและเพิกเฉยต่อคำพูดแดกดันของหลี่อิ๋นหู่ เขากล่าวว่า “ขอบพระทัยจ้าวอ๋องสำหรับคำชม แต่กระหม่อมยังพูดไม่จบ”“โลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้นในกรณีนี้กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาทป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งกระหม่อมต้องขอให้จ้าวอ๋องทรงทอดพระเนตรดูดีๆ”ขณะที่พูด โจวผิงอันก็ชี้นิ้ววนไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ในค่ำคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีดวงตาสักกี่คู่ที่จ้องมองสถานที่แห่งนี้กัน? จ้าวอ๋องตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว ดังนั้นกระหม่อมขอใช้ภาษาชาวบ้านที่ไม่น่าฟังสักประโยค ฉี่หกใส่กางเกง จะซักอย่างไรก็ไม่สะอาด” “ฮ่าๆ!”หลี่อิ๋นหู่ที่ในใจตึงเครียดถึงขีดสุดอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะส่งท้ายของโจวผิงอัน ก็ทำให้เขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไป เขาตวาดอย่างเกรี้ยวกราด แล้วกระชากคอเสื้อของโจวผิงอัน ก่อนจะตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “โจวผิงอัน! เจ้าไม่กลัวข้าสังหารเจ้ารึ!?”แม้จะถูกหลี่อิ๋นหู่กระชากคอเสื้อ แต่โจวผิงอันก็ไม่ได้โกรธหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เขาแค่มองหลี่อิ๋นหู่อย่างเงียบๆ ร
เมื่อเห็นตัวเองถูกวางอุบายใส่ หลี่อิ๋นหู่ก็ตระหนักได้ว่าหายนะกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาได้อย่างไรทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในจวนอ๋อง เขาก็เห็นหลงไหวอวี้เดินเข้ามาหา “ท่านอ๋อง...” เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ หัวใจของหลงไหวอวี้ก็เต้นรัว หลี่อิ๋นหู่ไปที่ตำหนักบูรพาเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นมาตรการรับมือที่พวกเขาได้พูดคุยกันแล้ว การแสดงคือสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบคืนนี้เรือนจำของกรมยุติธรรมถูกปล้น ไม่เพียงแต่จะไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแล้ว ยังเป็นการไปตรวจสอบปฏิกิริยาของตำหนักบูรพาอีกด้วย ดังนั้นคืนนี้หลี่อิ๋นหู่จึงต้องไป แต่อย่างไรก็ตาม หลี่อิ๋นหู่ใช้เวลานานเกินไป และสีหน้าตอนกลับมา ก็ทำให้หลงไหวอวี้ตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด“สถานการณ์พลิกผัน?” หลี่อิ๋นหู่หัวเราะเยาะ เมื่อได้ยินคำถามของหลงไหวอวี้ “พลิกผัน?”หลี่อิ๋นหู่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกน้องประเภทเดียวกันแท้ๆ แต่หลงไหวอวี้ที่ตัวเองหามากับโจวผิงอันที่หลี่เฉินหามา กลับมีช่องว่างที่ใหญ่ถึงขนาดนี้!“มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย เร
“ตอนนี้ ถ้าท่านอ๋องไม่ขอความช่วยเหลือจากสำนักราชเลขา แล้วจะหันไปหาใครได้อีก?”“สิ่งที่ท่านอ๋องต้องทำก็คือขอให้จ้าวเสวียนจีช่วยแย่งอำนาจส่วนหนึ่งมาให้ท่าน และอำนาจนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสำนักบัวขาว มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้สำนักบัวขาวหวาดกลัวท่านอ๋อง และไม่กล้าฉีกหน้าท่านอ๋องตรงๆ ” เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลี่อิ๋นหู่ก็เข้าใจมากขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว!”เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดว่า “ข้าจะรีบไปที่จวนจ้าวทันที” เวลาไม่เคยคอยท่า หลี่อิ๋นหู่รีบออกเดินทางทันที ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังปลอมตัวได้เข้ามาในจวนจ้าวจากประตูข้างภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน เขาก็มาทันเห็นจ้าวเสวียนลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมตัวนอก “จ้าวอ๋องมาเยี่ยมตอนกลางดึก ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ”หลี่อิ๋นหู่ประสานมือโค้งคำนับเก้าสิบองศา และพูดอย่างจริงใจว่า “ท่านราชเลขาโปรดช่วยข้าด้วย”จ้าวเสวียนจียกมือประคองหลี่อิ๋นหู่ ปากก็พูดว่า “ไม่ได้ๆ จ้าวอ๋องมีสถานะเป็นถึงจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์ จะมาคำนับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้ามีเรื่องอันใดอยากให้ช่วย จ้าวอ๋องก็เชิญพูดออกมาเถิด หากข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วย”หลี่อิ๋นหู่ฟังคำพูดที่
“ท่านกลับไปก่อน” จ้าวเสวียนจีพูดอย่างช้าๆ “ข้าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้”หลี่อิ๋นหู่มีความสุขมากเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาโค้งคำนับอีกครั้งและพูดว่า “ขอบคุณท่านราชเลขา ขอบคุณท่านราชเลขา!” เมื่อเห็นท่าทางดีใจจนเนื้อเต้นของหลี่อิ๋นหู่ จ้าวเสวียนจีก็กล่าวเรียบๆ ว่า “จ้าวอ๋อง ข้ามีคำพูดหนึ่งที่จำเป็นต้องเตือนท่าน” “ท่านราชเลขาโปรดบอก ข้าจะล้างหูฟังอย่างตั้งใจ” หลี่อิ๋นหู่พูดอย่างนอบน้อม“หลังจากพยายามมาหลายครั้ง จ้าวอ๋องก็คงจะรู้แล้วว่า ท่านที่อยู่ในตำหนักบูรพาไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่าย ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่ความคิดและกลเม็ด รวมถึงกลยุทธ์ทางการเมือง ทุกอย่างล้วนอยู่ในจุดสูงสุด ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกจ้าวอ๋อง แต่จ้าวอ๋องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านนั้นจริงๆ”ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่พลันมืดมนแต่ดูเหมือนจ้าวเสวียนจีจะไม่ทันสังเกตเห็น เขายังพูดต่อไปว่า “จ้าวอ๋องเป็นคนฉลาด ท่านรู้ไหมว่าทำไมชายที่อยู่ในตำหนักบูรพาจึงยอมทนกับจ้าวอ๋อง และไม่ลงฆ่ามือสักที?” หลี่อิ๋นหู่กล่าวอย่างสงบว่า “ข้าไม่รู้”จ้าวเสวียนจียิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่สำคัญว่าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเสแสร้ง แต่วันนี้ข้ายินดีที่จะ
หลังจากสั่งสอนไปสักพัก จ้าวเสวียนจีก็ปล่อยให้หลี่อิ๋นหู่จากไปถึงแม้ว่าเขาจะรังเกียจหลี่อิ๋นหู่มาก แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน เขากลับไม่สามารถเฝ้าดูหลี่อิ๋นหู่ถูกตำหนักบูรพาบีบจนจนมุมได้ อย่างที่เขาวิเคราะห์หลี่อิ๋นหู่ไว้ก่อนหน้านี้ ในบรรดาองค์ชายในปัจจุบัน มีเพียงหลี่อิ๋นหู่เท่านั้นที่เหมาะสมที่จะสนับสนุน แต่หลี่อิ๋นหู่มีบุคลิกที่มืดมนและดุร้ายเกินไป จึงไม่ใช่ตัวเลือกหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบหุ่นเชิดที่ดีที่สุดคือองค์ชายเก้าผู้ขี้ขลาดนี่เป็นเหตุผลที่จ้าวเสวียนจีเลือกองค์ชายเก้าตั้งแต่แรก แทนที่จะเลือกฝึกฝนองค์ชายแปด น่าเสียดายที่องค์ชายเก้าเสียชีวิตไปแล้ว จึงเหลือแค่หลี่อิ๋นหู่เท่านั้น และไม่มีทางเลือกอื่นเลยอย่างไรก็ตาม ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงทำให้จ้าวเสวียนจีเข้าใจอย่างชัดเจนว่า หลี่อิ๋นหู่ไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องทิ้งทางถอยไว้บ้างเขาลุกขึ้นและเดินไปที่ด้านหลังโต๊ะ เขียนสาส์นกราบทูลเพื่อขออำนาจให้หลี่อิ๋นหู่ หลังจากเป่าหมึกจนแห้งแล้วก็วางไว้ข้างๆ จากนั้นก็เปิดลิ้นชัก ซึ่งด้านในมีเทียบเชิญฉบับหนึ่งเทียบเชิญนี้มาจากรัฐทายาทเ
“จดหมายฉบับนี้ ได้ระบุรายชื่อของขุนนางน้อยใหญ่กว่าเจ็ดสิบสามคนจากมณฑลสำคัญๆ เช่น กานส่าน เจียงเจ้อ เจ้อหมิ่น และเหลี่ยงเจียง ตั้งแต่นายอำเภอไปจนถึงปลัดมณฑล”“อาชญากรรมส่วนใหญ่ที่รายงาน ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง เช่น การใช้อำนาจในทางที่ผิด ฉ้อราษฎร์บังหลวง ละเมิดกฎหมาย ยักยอกเงินบรรเทาภัยพิบัติและอาหาร ยักยอกเงินจัดสรรงบประมาณของราชสำนัก การทุจริตต่อหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”“กระหม่อมได้สุ่มเลือกบางคนในรายชื่อเหล่านั้นมาตรวจสอบ ซึ่งตรวจสอบแล้วเป็นความจริง การค้นพบนี้สามารถยืนยันอาชญากรรมทีละคนได้”“แม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะได้หลักฐานที่สมบูรณ์ แต่หลักฐานจะใช้เฉพาะในการตัดสินลงโทษเท่านั้น ด้วยข้อมูลที่เรามีอยู่ตอนนี้สามารถระบุได้ว่า เนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ล้วนเป็นความจริงโดยสมบูรณ์ และไม่ได้มีการปลอมแปลงแต่อย่างใด”ขณะที่ฟังการแนะนำของโจวผิงอัน หลี่เฉินก็อ่านจดหมายในมือของเขาอย่างระมัดระวังมีเนื้อหาไม่มาก ไม่มีส่วนหัวหรือส่วนท้าย มีเพียงชื่อ ตำแหน่ง และอาชญากรรมที่กระทำ แม้จะกระชับแต่เนื้อหามีรายละเอียด มองปราดเดียวก็เข้าใจดูก็รู้ว่า นี่เป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญอย่าง
หลี่เฉินไม่ได้รู้สึกขอบคุณผู้ที่เขียนจดหมายฉบับนี้ เพราะเขามองออกว่าคนผู้นี้มีเจตนาที่ซ่อนเร้น หากรายงานขุนนางทุจริตเพียงหนึ่งหรือสองคน หรือสามถึงห้าคน เช่นนั้นก็ยังอธิบายได้ว่าต้องการความยุติธรรมแต่ทว่าการลากขุนนางทุจริตกว่าครึ่งของจักรวรรดิออกมา ซึ่งรายละเอียดของเนื้อหา หากไม่มีการสั่งสมข้อมูลมาหลายปี หรือหลายสิบปีขึ้นไป ก็ไม่มีทางที่จะมีรายละเอียดที่ชัดเจนเช่นนี้คนหรือกลุ่มคนนั้น จะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสอบสวนและติดตามเจ้าหน้าที่ทุจริตเหล่านี้ ซึ่งพวกเขาทำแบบนี้ไปทำไม? ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิกำลังง่อนแง่นเช่นนี้ จุดประสงค์ในการส่งจดหมายฉบับนี้จะต้องไม่บริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอนถ้าหลี่เฉินล้มเหลวในการควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และสอบสวนขุนนางที่มีรายชื่ออยู่ในจดหมายฉบับนี้ เช่นนั้นแล้วส่วนท้องถิ่นของจักรวรรดิกว่าครึ่งก็จะล่มสลายในทันทีและราชสำนักที่แต่เดิมมีอำนาจต่อส่วนปกครองท้องถิ่นน้อยอยู่แล้ว ก็จะยิ่งมีอิทธิพลน้อยลงกว่าด้วยซ้ำด้วยวิธีนี้ การแบ่งแยกดินแดนและการก่อกบฏของอ๋องศักดินาก็คงอยู่ไม่ไกล “อีกฝ่ายเตรียมการอย่างระมัดระวัง เกรงว่าคงจะไม่มีเบาะแสใดๆ เลย” โจวผิงอันพ
"องค์ชาย ต้องการให้จับตัวหรือไม่?"ซานเป่ากล่าวขึ้นโดยสมัครใจ "หากองค์ชายไม่ต้องการให้เป็นที่สนใจมากนัก บ่าวสามารถไปด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่าจะสามารถนำตัวหลี่อิ๋นหู่ออกจากจวนจ้าวได้""ไม่ต้อง"หลี่เฉินส่ายศีรษะ ปฏิเสธข้อเสนอของซานเป่า"จ้าวเสวียนจีกล้ารับตัวเขาเข้าไป หลี่อิ๋นหู่กล้าไป ก็แปลว่าพวกเขาได้เตรียมการอย่างรอบคอบแล้ว และเจ้าก็ต้องอยู่ในแผนของพวกเขาด้วย หากเข้าไป คงมีแต่จะกลับมามือเปล่า ซ้ำยังทำให้พวกเราดูเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"หลี่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า "ต่อจากนี้ เตรียมรับมือกับกบฏของจ้าวเสวียนจีได้แล้ว"ซานเป่าหน้านิ่งลงทันที ก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ภายในใจพลันเกิดคลื่นลมพัดกระหน่ำโดยไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติม ก่อนจะหมุนตัวออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งความขัดแย้งระหว่างตำหนักบูรพากับสำนักราชเลขา หรือก็คือความขัดแย้งระหว่างหลี่เฉิน กับจ้าวเสวียนจีและหลี่อิ๋นหู่ ได้มาถึงจุดที่ไม่มีทางหวนกลับ มีเพียงการใช้กำลังเท่านั้นที่จะเป็นทางออกและในเรื่องนี้ จ้าวเสวียนจีกับหลี่อิ๋นหู่เตรียมพร้อมแล้ว หลี่เฉินเองก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกันเช้าวันรุ่งขึ้น พระราชโองการที่ประทั
"ผู้อาวุโสมาถึงแล้วหรือ"หลงไหวอวี้ยิ้มให้จ้าวเสวียนจี ก่อนกล่าวต่อ "ข้าก็เพิ่งกลับมาจากจวนจ้าวอ๋องเช่นกัน""เรียกให้เต็มยศเถอะ พอถึงพรุ่งนี้เช้า ตำแหน่งจ้าวอ๋องของเขาก็ไม่มีอีกแล้ว"จ้าวเสวียนจีเดินเข้ามายืนข้างรูปปั้นเทพเฉิงหวง ก่อนจุดธูปหนึ่งดอก แล้วกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบหลงไหวอวี้ฉุกคิด ก่อนถามขึ้น "ตำหนักบูรพาดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?""สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่า หลายชั่วยามก่อน พวกเขาตกลงยอมรับคำสั่งของตำหนักบูรพา ที่จะลบล้างตำแหน่งของจ้าวอ๋อง และลดเขาเป็นสามัญชน คำสั่งนี้จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการในเช้าวันพรุ่งนี้ และส่งไปทั่วแผ่นดิน"หลงไหวอวี้ยิ้มบาง "ต่อให้เป็นพระราชโองการ แต่ก็ต้องมีคนยอมรับและปฏิบัติตาม มิเช่นนั้น ก็เป็นเพียงเศษกระดาษที่ดูสวยงามเท่านั้น"จ้าวเสวียนจีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แต่ในเชิงหลักการ หลี่อิ๋นหู่ได้แพ้ราบคาบแล้ว"หลงไหวอวี้มองจ้าวเสวียนจี แล้วกล่าว "ผู้อาวุโสกับเหวินอ๋องตกลงร่วมกัน ให้พวกเราทอดทิ้งหลี่อิ๋นหู่ บีบให้เขาต้องมาพึ่งพาผู้อาวุโสแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้น ต่อไปภาระทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ท่านแล้ว""เหวินอ๋องตั้งใจจะเป็นผู้ฉวยผลประ
หลี่อิ๋นหู่หอบหายใจแรงด้วยความโกรธจัด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดที่บ้าคลั่งกว่านั้นหลงไหวอวี้ยกมือขึ้นแกะนิ้วของหลี่อิ๋นหู่ออกจากคอเสื้อตนเอง แล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะกล่าว "ท่านอ๋อง หากท่านเป็นเหวินอ๋อง ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านก็คงจะเลือกที่จะถอยออกมาก่อนเช่นกัน อย่างน้อยในตอนนี้ พวกเราก็มองไม่เห็นโอกาสที่ท่านอ๋องจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ หากเห็นได้ พวกเราก็คงไม่ทิ้งการลงทุนที่ลงไปมากมายเช่นนี้”“หากในอนาคตเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง พวกเราไม่ขัดข้องที่จะกลับมาร่วมมืออีกครั้ง"หลี่อิ๋นหู่แค่นเสียงเย็น "ในเวลาที่ข้าลำบาก พวกเจ้ากลับถีบข้าทิ้ง แล้วพอข้าฟื้นตัวขึ้นมา พวกเจ้าหมายจะกลับมา? ฝันไปเถอะ!""บางทีในวันนั้น ท่านอ๋องอาจจะเปลี่ยนใจเองก็ได้ เพราะในโลกนี้ ไม่มีศัตรูถาวร และไม่มีมิตรแท้ ตราบใดที่แต่ละฝ่ายได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ เรื่องที่ผ่านมา ใครจะใส่ใจเล่า?"หลังจากพูดจบ หลงไหวอวี้ก็โค้งคำนับให้หลี่อิ๋นหู่เล็กน้อย กล่าวว่า "สิ่งที่ข้าต้องพูด ข้าก็พูดหมดแล้ว ท่านอ๋องโปรดพักผ่อนให้เพียงพอ"เมื่อกล่าวจบ หลงไหวอวี้ก็เดินออกจากเรือนพักอย่างไม่รีบร้อนดวงตาของหลี่อิ๋นหู่
"ให้เขามา"หลี่อิ๋นหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้า"สวีเว่ยขานรับด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลังจากที่สวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่หันไปถามโจวสิงเจี่ย "ผู้อาวุโสโจว ท่านคิดว่าหลงไหวอวี้ยืนกรานจะพบข้าในครั้งนี้เพื่ออะไร?""ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน" โจวสิงเจี่ยกล่าวเรียบๆเมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลี่อิ๋นหู่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่สีหน้าของเขากลับยิ่งดูขุ่นเคืองผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม สวีเว่ยก็นำหลงไหวอวี้เข้ามาหลังจากพาหลงไหวอวี้เข้าห้องแล้ว สวีเว่ยไม่ได้เข้ามาด้วย แต่เลือกที่จะยืนรออยู่หน้าประตูเมื่อเห็นภาพนี้ โจวสิงเจี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเขาตั้งใจจะให้สวีเว่ยออกไปเพื่อไม่ให้ล่วงรู้บทสนทนาต่อจากนี้ระหว่างหลี่อิ๋นหู่กับหลงไหวอวี้ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังจ้องมองหลงไหวอวี้ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรเขารู้ดีว่าตอนนี้หลี่อิ๋นหู่เหมือนถังดินปืนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปกระตุ้นเขา"จ้าวอ๋อง ห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่สถานการณ์กลับพลิกผันจนไม่เหลือเ
หวงจี๋เทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้น หลี่เฉินก็สะสางภาระงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่ได้ไปพักผ่อนเหมือนเช่นเคยวั่นเจียวเจียวเดินเข้ามารินน้ำชาให้หลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบา "องค์ชาย ควรจะพักผ่อนแล้วเพคะ"หลี่เฉินที่กำลังก้มหน้าดูตำราอยู่ ตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้า "วันนี้ต้องอยู่ดึกหน่อย ข้ารอคนคนหนึ่ง""รอคน? องค์ชายต้องการพบท่านใด ให้เขามาพบก็สิ้นเรื่อง ไฉนต้องเป็นองค์ชายที่ต้องรอ?" วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจหลี่เฉินหัวเราะเบา "คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อใด แต่ที่แน่ๆ เขาต้องมา และเมื่อมาถึง เขาจะต้องนำข่าวคราวของหลี่อิ๋นหู่มาให้ข้าอย่างแน่นอน"วั่นเจียวเจียวกระพริบตา ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อหลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ พระที่นั่งสีเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม "ช่วงนี้ไม่เห็นกงฮุยอวี่เลย หายไปไหน?"วั่นเจียวเจียวเบ้ปาก "องค์ชายเองยังไม่รู้ บ่าวจะรู้ได้อย่างไรเพคะ? ช่วงนี้นางทำตัวลึกลับเหลือเกิน ไม่เห็นหน้าเลยสักวัน บางทีอาจจะหนีไปแล้วก็ได้"หลี่เฉินวางตำรา ก่อนจะใช้หนังสือตีลงบนศีรษะของวั่นเจียวเจียวเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเล่นแง่ได้แล้ว
หลี่เฉินเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ช่องว่างของข้อมูล เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สุดหวงจี๋เทียนไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันภายในต้าฉินในขณะนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าหลี่เฉินได้ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้ประกาศพระราชโองการ เพื่อลบล้างตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ พร้อมกับขับไล่ออกจากทำเนียบราชวงศ์ดังนั้น บุญคุณตามน้ำนี้ หลี่เฉินจึงยินดีมอบให้โดยไม่ลังเลถึงแม้ว่าภายหลังหวงจี๋เทียนจะรู้ความจริง แต่มันก็สายไปเสียแล้วหวงจี๋เทียนตกตะลึงทันทีไฟไหม้จุดพักแรม ลอบสังหารองค์ชายต่างแคว้น ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องของแคว้นตนเองถูกปลดจากทุกตำแหน่ง หากลองคิดในมุมของตนเอง หากวันใดวันหนึ่งเขาถูกริบตำแหน่งและลดเป็นสามัญชน นั่นอาจจะเป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีกสิ่งที่ทำให้หวงจี๋เทียนประหลาดใจกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ตนเองเพิ่งถูกเพลิงไหม้เล่นงานไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ฝ่ายตำหนักบูรพากลับสามารถจับตัวคนร้ายได้ แถมยังมีมาตรการจัดการออกมาเสร็จสรรพแล้วเรื่องนี้ทำให้หวงจี๋เทียนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่
"องค์รัชทายาทต้าฉิน ครั้งนี้โปรดให้ข้าได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย!"หวงจี๋เทียนก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เพียงแค่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ก็มีถ้วยชาลอยหวืดลงมาตกกระทบพื้นข้างเท้าของเขาดังเพล้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หวงจี๋เทียนสะดุ้งโหยงเขาเงยหน้ามองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่า หรือว่าหลี่เฉินจะโกรธจนขาดสติแล้วฆ่าตนเสียที่นี่?ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆหวงจี๋เทียนรู้สึกอัดอั้นเพียงเห็นใบหน้าของหลี่เฉินที่มืดครึ้ม ราวกับกำลังระงับโทสะอย่างเต็มที่ เขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกล่าว "อาเกอสิบสามอย่าเข้าใจผิด ข้าโกรธที่มีคนกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นวางเพลิงที่จุดพักแรม ตั้งใจจะลอบสังหารอาเกอสิบสาม แล้วโยนความผิดมาให้ข้า""เรื่องนี้ ข้าได้สืบหาข้อมูลแล้ว และพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เพียงแต่ทำให้อาเกอสิบสามต้องตกใจ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ"ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของหวงจี๋เทียนพลันถูกความประหลาดใจแทนที่ เขาเอ่ยถาม "เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน องค์ชายรู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนเผ
คำพูดถูกส่งออกไป ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งหลี่ชางหลานรู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มร้อนระอุจักรวรรดิต้าฉินมีกฎเกณฑ์ควบคุมเชื้อพระวงศ์อย่างเข้มงวด ฮ่องเต้แต่ละพระองค์ล้วนยึดมั่นในแนวคิดของปฐมจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ราชสำนักสามารถมอบเงินทองให้เชื้อพระวงศ์ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ไม่อาจมีอำนาจทางการเมืองตลอดสามร้อยกว่าปีของราชวงศ์ต้าฉิน เชื้อพระวงศ์สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ตำแหน่งจะไม่เกินระดับสี่ นี่เป็นกฎเหล็ก ส่วนตำแหน่งทางทหาร อย่าได้หวัง แม้แต่จะสมัครเข้ารับราชการก็ยังเป็นไปไม่ได้“เชื้อสายราชวงศ์หลี่ทั้งปวง จะต้องยกย่องพระราชอำนาจเป็นสูงสุด สมควรได้รับความมั่งคั่งรุ่งเรือง แต่สิทธิ์ทางการเมืองต้องชัดเจน ฮ่องเต้มิอาจลำเอียงเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวจนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”ประโยคที่ปฐมจักรพรรดิทรงทิ้งไว้ ได้ตัดโอกาสของเชื้อพระวงศ์หลี่ในการก้าวเข้าสู่ราชสำนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแทรกแซงการปกครองเลยด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้เอง การที่หลี่เฉินเสนอที่นั่งในราชวิทยาลัย จึงถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับหลี่ชางหลาน รวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่อาจได้รับส่วนแบ่งจากโอก
หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"