แชร์

บทที่ 490

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 18:00:00
“ข้าเป็นคนใจกว้างเวลาใช้คน แต่ก็ต้องแยกแยะระหว่างคนที่สามารถใช้การได้กับคนที่ใช้การไม่ได้”

“แล้วจะแบ่งอย่างไร?”

“ก็จะดูว่าสามารถทำภารกิจได้หรือไม่”

หลี่อิ๋นหู่ตบราวจับด้วยฝ่ามือแล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “ภารกิจนี้อันตรายมาก และพวกเจ้าไม่สามารถทำภายใต้ร่มธงของจวนอ๋องได้ และเป็นไปได้ว่าเจ้าอาจจะตายได้”

“แต่ความมั่งคั่งก็มาจากอันตราย วิถีโลกก็เป็นเช่นนี้ หากเจ้าต้องการมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เจ้าก็ต้องเสี่ยงเป็นธรรมดา”

พูดจบ หลี่อิ๋นหู่ก็โบกมือแล้วพูดว่า “ยกออกมา”

ทันใดนั้น คนรับใช้คนหนึ่งก็ยกถาดเงินขนาดใหญ่สองใบออกมา บนถาดนั้นมีเงินอยู่ประมาณร้อยกว่าตำลึง หากแบ่งกันแล้วก็ได้หลายสิบตำลึง

ดวงตาของหลายคนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นเงิน

ไม่ว่าจะพูดมากแค่ไหน มันก็ไม่ตรงไปตรงมาและน่าตื่นเต้นเท่าเงินจริง

“ทุกคนจะได้รับห้าสิบตำลึง นี่คือเงินช่วยเหลือครอบครัวและค่าลำบากของพวกเจ้า”

หลี่อิ๋นหู่มองไปที่ผู้คนด้านล่างซึ่งแทบจะปรี่เข้าไปหยิบเงิน เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “หากภารกิจสำเร็จ ข้าจะมีรางวัลใหญ่ให้”

สวีเว่ยหยิบเงินห้าสิบตำลึงที่เป็นของเขา กำหมัดแน่นและตะโกนเสียงดังว่า “ข้ายอมตายเพื่อท่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 491

    ครึ่งชั่วยามต่อมา ตำหนักบูรพาซานเป่ายืนโค้งคำนับต่อหน้าหลี่เฉินแล้วพูดเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท จ้าวอ๋องทรงกล้าหาญมากจนกล้าที่จะวางแผนปล้นคุก พระองค์ต้องการให้บ่าวจัดยอดฝีมือของหน่วยบูรพาเข้าซุ่มโจมตีหรือไม่ รวบทั้งคนทั้งของกลาง?”หลี่เฉินเล่นเศษกระดาษในมือ โดยที่ลายมือของสวีเว่ยบนกระดาษ มีเพียงประโยคเดียวและเรียบง่ายมาก เที่ยงคืนคืนนี้ จ้าวอ๋องจะปล้นคุกเพื่อช่วยเหลือบัวขาวหลี่เฉินวางเศษกระดาษลงแล้วเปิดปากพูด “ไม่ต้อง เจ้าไปเรียกโจวผิงอันมา”ซานเป่าตอบรับด้วยความเคารพและจากไปทันทีในไม่ช้า โจวผิงอันก็เดินเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้งอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาก้าวย่างอย่างมั่นคง และคำนับหลี่เฉิน“กระหม่อมโจวผิงอัน ขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท” หลี่เฉินโบกมือให้ซานเป่าส่งเศษกระดาษให้โจวผิงอันเมื่อโจวผิงอันอ่านเนื้อหาในเศษกระดาษแผ่นนั้นเสร็จ หลี่เฉินก็กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ข้าได้สั่งให้จ้าวอ๋องเป็นผู้ควบคุมการประหารของเหล่าสาวกสำนักบัวขาว”โจวผิงอันครุ่นคิดเพียงแวบหนึ่ง ก็เข้าใจความหมายส่วนใหญ่ได้“จ้าวอ๋องไม่ต้องการยั่วยุสำนักบัวขาว หรือไม่ก็อาจจะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 492

    “ข้าชอบความไร้ยางอายของเจ้า”หลี่เฉินหัวเราะและพูดว่า “ข้าต้องการยาพิษที่หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว มันจะไม่แสดงผลในสองสามชั่วยาม แต่เมื่อถึงเวลา ต่อให้อัญเชิญมหาเทพลงมาก็ช่วยก็ยังหนีจากความตายไม่ได้ ยาพิษแบบนี้มีหรือไม่?”ซานเป่ารีบตอบว่า “มีพ่ะย่ะค่ะ และบ่าวรับประกันว่าไม่มีใครในโลกนี้สามารถรักษามันได้” “ยอดเยี่ยม”หลี่เฉินอย่างพอใจแน่นอนว่าหน่วยบูรพาเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการค้นหาสิ่งที่สกปรกที่ไม่สามารถบอกใครได้เขาหันหน้ากลับมาพูดกับโจวผิงอันว่า “เจ้ารับผิดชอบในการจัดการเรื่องนี้ หน่วยบูรพาจะให้ร่วมมือกับเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไข” โจวผิงอันประสานมือคำนับแล้วพูดว่า “กระหม่อมน้อมรับพระราชดำรัสสั่ง” หลี่เฉินโบกมือพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ไปทำงานเถอะ” หลังจากที่ทั้งสองคนจากไปแล้ว หลี่เฉินก็เบื่อที่จะอุดอู้อยู่ในพระที่นั่งสีเจิ้ง จึงไปที่อุทยานด้านหลังเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ทันทีที่ก้าวเท้าออกมา ก็ถูกวั่นเจียวเจียวที่เรียกจางเฮ่อจือมาเข้ามาขวางไว้“ฝ่าบาท หมอหลวงจางมาแล้ว ให้หมอหลวงจางตรวจดูฝ่าบาทเถอะเพคะ”เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังและระมัดระวังของวั่นเจียวเจียว หลี่เฉินก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 493

    วั่นเจียวเจียวพยักหน้ารีบตอบว่า “เริ่มออกเดินทางวันนี้เพคะ เมื่อคำนวณเวลาแล้ว อย่างช้าที่สุดก็น่าจะมาถึงตอนเที่ยงของวันมะรืน” “ดี”หลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมากและพูดว่า “เจ้าออกไปจากตำหนักสักรอบแล้วซื้อปิ่นปักผมสักอันกลับมา เอาแบบธรรมดาๆ เรียบง่าย นางไม่ชอบอะไรที่หรูหราเกินไป จากนั้นก็ตกแต่งพระที่นั่งร้อยบุปผาตามความชอบตามปกติของนาง และบอกให้ทางห้องเครื่องจัดสำรับจานโปรดของนาง เมื่อถึงเวลาข้าจะเลี้ยงรับขวัญนาง”วั่นเจียวเจียวจดจำทุกคำพูด ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ทราบแล้วเพคะ...องค์รัชทายาทดีกับนางสนมจริงๆ เพคะ”หลี่เฉินเหลือบมองวั่นเจียวเจียวแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถทำให้นางได้ เจ้าริษยาหรือ?” วั่นเจียวเจียวหน้าแดงเล็กน้อย นางรีบปฏิเสธและพูดว่า “เปล่า เปล่าเพคะ เพียงแค่อิจฉานางสนม”“เช่นนั้นก็ซื้อปิ่นปักผมมาสองอัน แต่อันหนึ่งยกให้เจ้า เจ้าเลือกซื้อตามใจชอบเลย”วั่นเจียวเจียวเม้มปากแน่นและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “บ่าวขอบพระทัยองค์รัชทายาท” แม้ปากจะขอบคุณ แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดซื้อของขวัญให้กับซื้อให้ตัวเองมันแตกต่างกัน เมื่อเทียบกับเกียรติยศของนางสนมแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 494

    คนเหล่านี้ทั้งหมดกว่าหน่วยบูรพาจะตามจับตัวมาได้ ไม่รู้ว่าต้องเสียไปตั้งเท่าไหร่ ดังนั้นซานเป่าจึงรู้จักพวกเขาทุกคนเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้าของเขตเจียงเจ้อที่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อที่จะจับกุมเขา หน่วยบูรพาได้ส่งคนมากกว่า 60 คน โดยสามในหกสิบกว่าคนนั้นเป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา ซึ่งออกจากเมืองหลวงเพื่อสนับสนุนหน่วยบูรพาสาขาเจียงเจ้อเป็นพิเศษ พวกเขาต้องใช้กลยุทธ์แหฟ้าตะข่ายดินล้อมกรอบอยู่หลายสิบวัน กว่าจะจับตัวคนได้ ด้วยเหตุนี้ หน่วยบูรพาหกสิบกว่าคนที่ไป ขากลับก็กลับมาแค่สิบกว่าคนเท่านั้น และลูกน้องฝีมือดีของเขาทั้งสามคน ก็เหลือแค่คนเดียวที่กลับมาได้ ซ้ำร้ายยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ซานเป่าเข้าใจอย่างชัดเจนว่า คนพวกนี้บ้าคลั่งและโหดร้ายเพียงใดเมื่อบวกกับความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา คนพวกนี้ก็ยอมตายอย่างจงรักและบ้าบิ่นอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพาที่ว่ากันว่าเลือดเย็นและไร้ความรู้สึก ก็ยังหงอยไปเลยเมื่อเจอคนพวกนี้แต่เหล่าสาวกที่โหดร้ายเช่นนี้ กลับถูกบัณฑิตที่อ่อนแอคนหนึ่งอย่างโจวผิงอันทำให้ตกใจกลัวได้ คิดถึงตรงนี้ สายตาข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 495

    นักโทษคนอื่นๆ ต่อจากนั้นก็ทำตามอย่างไม่อิดออดเช่นกัน ทุกคนได้ยินว่าตราบใดที่ดื่มสิ่งนี้เข้าไปก็จะสามารถนอนหลับได้หนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็ดื่มมันเข้าไปโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซานเป่าและโจวผิงอันก็ออกจากเรือนจำของกรมยุติธรรมเมื่อเห็นท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์สีขาวข้างนอก ซานเป่าผู้โหดเหี้ยมก็รู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “ใต้เท้าโจว วันนี้ข้าได้เปิดประสบการณ์แล้ว”โจวผิงอันประสานมืออย่างถ่อมตัวแล้วพูดว่า “ท่านกวางกงชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงทำสิ่งต่างๆ ตามที่ฝ่าบาททรงสั่งเท่านั้นเอง วันหน้าหากกวางกงต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถส่งคนมาแจ้งได้”ซานเป่ายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณล่วงหน้า”“ท่านกวางกงเกรงใจไปแล้ว”เมื่อพูดจาปราศรัยจบ ซานเป่าก็กล่าวว่า “อีกฝ่ายกำลังจะดำเนินการในคืนนี้แล้ว ไม่สะดวกที่ข้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ใต้เท้าโจวโปรดดูแลตัวเองด้วย” “ท่านกวางกงเดินระวังๆ”เมื่อเห็นซานเป่าพาคนของหน่วยบูรพาเดินจากไป โจวผิงอันก็หรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ หมุนตัวเดินกลับไปที่กรมยุติธรรมในวันนั้น เมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 496

    “องค์รัชทายาทผู้นี้ มีจิตใจที่ยากจะคาดเดาได้ ข้าอายุไล่เลี่ยพอๆ กับเขา และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างลงไปแล้ว ระหว่างข้ากับเขามีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดไปได้ ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง!”หลี่อิ๋นหู่ได้พิจารณาถึงปัญหานี้มานานแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “การเกิดมาในราชวงศ์ ซ้ำยังเป็นผู้ชาย มีเพียงจุดจบเดียวสำหรับพวกเราเท่านั้น หากไม่กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็กลายเป็นคนตาย”สิ้นเสียงของหลี่อิ๋นหู่ จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน จากทิศทางของเรือนจำกรมยุติธรรมในเมืองหลวง ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่าฆ่าดังมาแต่ลิบๆ ที่ตั้งของจวนจ้าวอ๋องอยู่ห่างจากเรือนจำของกรมยุติธรรมไปไกลมาก แต่ถึงกระนั้นก็สามารถสังเกตเห็นแสงสว่างที่ย้อมท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งจนเป็นสีแดงฉานได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเปลวไฟนั้นรุนแรงเพียงใดเสียงตะโกนว่าฆ่าค่อยๆ ถูกกลบด้วยเสียงฆ้องและกลองพร้อมด้วยเสียงตะโกนว่าดับไฟ เมืองหลวงที่เพิ่งสงบสุข ก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้งแสงจากเพลิงไหม้นี้ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงเกือบครึ่งหนึ่ง แม้แต่ตำหนักบูรพาก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนหลี่เฉินยังขึ้นไปบนหลังคาเพื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 497

    ภายในพระที่นั่งสีเจิ้ง เหล่าราชาภาพยนตร์กำลังขึ้นแสดงบนเวทีอยู่ใบหน้าของหลี่เฉินดูราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใดๆ ส่วนทางด้านของโจวผิงอันนั้นก็กำลังขมวดคิ้ว ท่าทางดูกังวลมากแต่การแสดงของหลี่อิ๋นหู่นั้นดูเกินจริงไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บปวด ซึ่งพยายามอย่างหนักที่จะแสดงถึงความตกอกตกใจและความโกรธภายในใจด้วยการแสดงออกที่เกินจริง “ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา! ราวกับใต้หล้าไร้ซึ่งกฎหมาย!”“เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้นติดต่อกัน คืนนี้พวกโจรชั่วบางคนได้ทำการปล้นคุกของกรมยุติธรรม ราชวงศ์ฉินก่อตั้งมานานกว่า 300 ปี เรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมดำเนินการสืบสวนคดีนี้อย่างละเอียด เพื่อลากตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมา และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!”หลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ โดยวางศอกบนหมอนอิงนุ่มๆ และมองไปที่หลี่อิ๋นหู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียใจกับทักษะการแสดงที่เกินจริงของเขาการแสดงที่ย่ำแย่เช่นนี้ ทำให้มาตรฐานของการแสดงลดลง เขายกมือขึ้น วั่นเจียวเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 498

    ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา หัวใจของหลี่อิ๋นหู่ก็เด้งไปที่ลำคอวินาทีนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือหรือว่านักโทษในเรือนจำถูกสับเปลี่ยนออกไปแล้ว ส่วนคนที่ตัวเองช่วยออกมานั้นคือตัวปลอม!?ความคิดนี้ทำให้หลี่อิ๋นหู่สับสนและทำอะไรไม่ถูก “จ้าวอ๋องยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ?”เสียงของหลี่เฉินดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หลี่อิ๋นหู่หลุดจากภวังค์ หลี่เฉินเดินมาหยุดตรงหน้าของหลี่อิ๋นหู่หลี่อิ๋นหู่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และมองไปที่หลี่เฉินซึ่งมีสีหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มตรงหน้า ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจของเขา ได้กลายเป็นความรู้สึกที่วิกฤตอย่างแท้จริง ทำให้ร่างกายของเขาพลันเกร็งตัวขึ้นมาความกลัวราวกับงูพิษที่เลื้อยขึ้นมาตามขาของเขาไปที่คอ ทำให้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหนาวไปทั้งตัวหลี่อิ๋นหู่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าของเขา โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เขาแสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา และพูดด้วยความยากลำบากว่า “กระหม่อม กระหม่อมเพียงสงสัยคำพูดของฝ่าบาทจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน”“แน่นอน เจ้าจะรู้ทีหลัง”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตามีเลศนัย จากนั้นจึงเดินผ่านเขาไปโดยเอามือไพล่หลังหลี่อิ๋นหู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 654

    สวีฉังชิง เป็นหนึ่งในขุนนางที่ซื่อสัตย์และใสสะอาดที่สุดในราชสำนักต้าฉินหลี่เฉินเคยเห็นกับตาตอนที่สวีฉังชิงตกอยู่ในปัญหาครั้งก่อน และหลี่เฉินได้ไปที่บ้านของเขาดังนั้น เมื่อได้ยินคำบ่นอย่างขุ่นเคืองของสวีฉังชิง หลี่เฉินก็เพียงแต่หัวเราะและปลอบโยนว่า “เขาทำหน้าที่ของเขา เจ้าจะไปถือสาอะไรกับเขา”ถ้าเปรียบเทียบกับสวีฉังชิง เหอคุนคือคนอีกขั้วหนึ่งโดยสิ้นเชิงเหอคุนเต็มไปด้วยความลื่นไหล ไหวพริบ และความโลภ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับลักษณะของสวีฉังชิงโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ สวีฉังชิงจึงไม่ชอบเหอคุนตั้งแต่แรกเห็นในแง่คุณสมบัติ เหอคุนอาจดูเหมือนเต็มไปด้วยข้อเสีย หลี่เฉินไม่มีทางสนใจแน่แต่สิ่งที่หลี่เฉินให้ความสำคัญคือ ความสามารถในการทำงานของเหอคุนคนอย่างเหอคุน หากไม่ได้มีพื้นเพต่ำต้อย คงจะมีอนาคตในราชสำนักที่ไกลกว่าสวีฉังชิงมากสวีฉังชิงเหมาะกับการทำงานหนักแบบไม่หวังผลตอบแทน แต่เหอคุน คือคนที่สามารถจับจุดอ่อนของปัญหา และหาทางแก้ไขให้หลี่เฉินได้อย่างชัดเจนและนี่คือสิ่งที่กลบข้อเสียส่วนใหญ่ของเหอคุนได้เมื่อเห็นว่าสวีฉังชิงยังคงแสดงความไม่พอใจ หลี่เฉินจึงกล่าวว่า “เจ้ากับเขามีบุคลิกแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 653

    “หากองค์ชายจำพวกท่านไม่ได้ พวกท่านก็เหนื่อยเปล่า”คำพูดของเหอคุนทำให้ขุนนางทั้งสามคนพยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง“ใต้เท้าเหอ ตำแหน่งคนแรกที่ส่งของกำนัลก็ถูกใต้เท้าเหอแย่งไปแล้ว พวกเราจะส่งของที่ดี ก็ไม่มีปัญญาเสียด้วยซ้ำ” ขุนนางวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่นเหอคุนส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หากว่ากันด้วยความดีเยี่ยม อย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะเหล่าขุนนางชั้นสูงหรือราชวงศ์ พวกเขามีสมบัติล้ำค่ามากมาย เราไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว”“แต่พวกท่านลองคิดดู ทำไมองค์ชายถึงทำเช่นนี้? ก็เพราะอยากดูว่าใครในราชสำนักมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ใช่หรือไม่?”“ลองเปรียบเทียบดู พ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่งที่มีทรัพย์สินมหาศาล บริจาคเงิน 100 ตำลึง เทียบกับคนธรรมดาที่ขายทุกอย่างจนรวบรวมได้เพียง 10 ตำลึง สำหรับองค์ชาย อันไหนจะมีค่าน่าจดจำมากกว่ากัน? พวกท่านคิดว่าองค์ชายต้องการเงินของพวกท่านจริงหรือ?”เหอคุนแสร้งทำสีหน้าชื่นชม พร้อมประสานมือไปยังทิศที่เป็นพระที่นั่งสีเจิ้ง กล่าวว่า “องค์ชายทรงพระปรีชาสามารถ มิอาจเปรียบได้กับคนธรรมดาเช่นเรา องค์ชายทรงต้องการดูว่า ใครในราชสำนักที่ภักดีและมีจิตใจถวายความจงรักภักดี ซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 652

    “จะคุยอะไรกันได้อีก ก็คงไม่พ้นแผนการจัดการข้า”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คราวนี้ จ้าวเสวียนจีคงจนตรอกแล้ว”“เพิ่มการเฝ้าระวังให้มากขึ้น ข้าต้องรู้ว่าพวกเขาทำอะไรและพบใครในช่วงไม่กี่วันนี้”เฉินทงโค้งคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเฉินทงจากไป เหอคุนก็เข้ามาพบหลี่เฉิน“ทูลองค์ชาย เมื่อครู่มีขุนนางสามคนเข้ามาส่งของกำนัลเงินช่วยงาน พระองค์จะทอดพระเนตรบัญชีของกำนัลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เหอคุนเอ่ยถามหลี่เฉินส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนจัดการไป ข้าจะดูบัญชีทั้งหมดตอนสุดท้าย ข้าคงไม่มีเวลามาดูทีละคน”เหอคุนพลันคิดบางอย่าง ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย กระหม่อมขอพระราชทานสิทธิในการดำเนินการตามดุลยพินิจ กระหม่อมมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดของกำนัลได้อย่างน้อยสามส่วน”หลี่เฉินหยุดชะงักเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากำลังเอามีดจ่อคอเพื่อนร่วมงานของเจ้าเอง ไม่กลัวพวกเขาเล่นงานเจ้าในที่ลับหรือ?”เหอคุนยิ้มกว้าง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่กระหม่อมมีองค์ชายเป็นที่พึ่ง กระหม่อมไม่กลัวสิ่งใด อีกอย่าง กระหม่อมมั่นใจว่าจะทำให้พวกเขายินดีมอบเงินเพิ่มอย่างเต็มใจ”“ได้ เจ้าไปจัดการเถอะ”หลี่เฉินโบกม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 651

    ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มของจ้าวเสวียนจีกับตำหนักบูรพาจะถึงจุดแตกหักโดยสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ที่เปราะบางจะถูกทำลาย และไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมอีกต่อไปนี่คือสิ่งที่จ้าวเสวียนจีและหลี่เฉินต่างพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้ เวลานั้นก็มาถึงจางปี้อู่เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าเราทำการเคลื่อนไหวใหญ่โต หน่วยบูรพาคงไม่พลาดที่จะสังเกตเห็น…”“แล้วจะอย่างไร?”จ้าวเสวียนจีลุกขึ้นยืน ท่ามกลางร่างกายที่ชราภาพกลับเปล่งไปด้วยอำนาจ เขากล่าวเสียงดังว่า “ข้ารับราชการมาเกินสี่สิบปี อยู่ในคณะเสนาบดีมานานเกือบยี่สิบปี หน่วยบูรพาเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้?”“หากพวกมันกล้าลงมือ ก็ให้กองทัพเข้าบุกตำหนักบูรพาเสีย!”แววตาและคิ้วที่ขาวของจ้าวเสวียนจีเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว เขากล่าวต่อด้วยเสียงเย็นเยือกท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของจางปี้อู่และฟู่อวี้จือว่า “ฝ่าบาททรงประชวร องค์รัชทายาทโง่เขลาและไร้ศีลธรรม ในฐานะขุนนาง เราทำได้เพียงเสี่ยงเพื่อปกป้องรากฐานของต้าฉิน”ครึ่งชั่วยาวต่อมา จางปี้อู่และฟู่อวี้จือออกจากจวนจ้าวที่หน้าประตูมีเกี้ยวสองคันจอดรออยู่“สหายจาง”ขณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 650

    ในการควบคุมอำนาจทางการเงิน มีคนหนึ่งที่ต้องกำจัดให้ได้ไม่ต้องสงสัย คนคนนั้นคือ จ้าวเสวียนจีหลี่เฉินโยนบัญชีของกำนัลของเหอคุนลงข้างตัว พลางเรียกวั่นเจียวเจียวเข้ามาด้วยเสียงดัง “มาแต่งตัวให้ข้า”ในเมืองหลวง ณ จวนจ้าวหลังจากออกจากตำหนักบูรพา จ้าวเสวียนจีได้สั่งคนไปตามจางปี้อู่ และฟู่อวี้จือ สองขุนนางร่วมตำแหน่งมหาเสนาบดีในคณะเสนาบดีไม่นานหลังจากที่จ้าวเสวียนจีเดินทางกลับถึงจวนจ้าว สองคนก็รีบร้อนมาถึงฟู่อวี้จือและจางปี้อู่พบกันที่หน้าประตู ทั้งสองสบตากัน แต่กลับไม่เห็นหวังเถิงฮ่วนจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในไม่ช้า จ้าวเสวียนจีก็เรียกทั้งสองเข้ามายังห้องหนังสือ“ผู้อาวุโส วันนี้ตำหนักบูรพามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฟู่อวี้จือถามถึงเรื่องเย่ลู่ฉีหมิงที่ถูกสังหารแม้เมืองหลวงจะใหญ่และผู้คนมากมาย แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่สามารถปิดบังสองขุนนางอาวุโสได้ พวกเขาทราบข่าวอย่างรวดเร็วว่าเย่ลู่ฉีหมิงเกิดเรื่อง แต่รายละเอียดนั้นพวกเขายังไม่รู้ เนื่องจากจ้าวเสวียนจีและหวังเถิงฮ่วนเป็นผู้ไปตำหนักบูรพาจ้าวเสวียนจีจิบชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่มีคำตอบ ก็คือคำตอบของตำหนั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 649

    “เข้าใจแล้วก็ออกไปได้”เหอคุนค่อยๆ ยกตัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “กระหม่อมขอบพระทัยในพระเมตตาขององค์ชาย กระหม่อมขอทูลลา”หลังจากเหอคุนก้าวออกจากคลังเก็บของ หลี่เฉินหันไปสั่งเฉินทง “ให้ทางซูหางรีบส่งข้อมูลของเหอคุนมา ข้าต้องการ”เฉินทงเข้าใจในทันที ว่าเหอคุนคนนี้กำลังจะกลายเป็นขุนนางคนสำคัญของตำหนักบูรพาดูจากสวีฉังชิงก็รู้แม้ตำแหน่งยังคงเดิม แต่ใครๆ ก็รู้ว่าพวกเขาคือคนสนิทขององค์รัชทายาท อำนาจที่พวกเขาถืออยู่ได้ขยายตัวไม่รู้กี่เท่าอดีตพวกเขาเป็นเพียงข้าราชการชายขอบในกรมครัวเรือนและกระทรวงโยธาธิการ บัดนี้แม้แต่เสนาบดีทั้งสองกรมยังต้องทำงานภายใต้สีหน้าของพวกเขาเหอคุนเองก็เช่นกันผู้ศึกษาร่วมองค์รัชทายาทเป็นเพียงขุนนางระดับห้าขั้นแรก และไม่มีอำนาจมากมายแต่ตำหนักบูรพาในตอนนี้มีผู้ศึกษาร่วมองค์รัชทายาทเพียงแค่คนเดียว หน้าที่แรกที่เขาได้รับ คือการรวบรวมและจัดการของกำนัลจากขุนนางที่องค์รัชทายาททรงให้ความสนใจอย่างมาก หากเขาสามารถทำงานนี้ได้ดี เส้นทางอำนาจของเหอคุนก็จะเปิดโล่งจนไม่มีใครหยุดยั้งได้ต้องตีสนิทสักหน่อยแล้วล่ะเฉินทงคิดไปถึงความเป็นไปได้หลายอย่างในเสี้ย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 648

    เงินเดือนขุนนางส่วนใหญ่มักถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ช่วงต้นราชวงศ์ในยุคสมัยศักดินา เศรษฐกิจมีความผันผวนน้อยกว่าในสังคมสมัยใหม่ เพราะใช้เงินโลหะและทองคำเป็นมาตรฐาน ทำให้อัตราเงินเฟ้อและเงินฝืดเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และเมื่อเกิดขึ้น ความเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้รุนแรงดังนั้น รัฐบาลในสมัยนั้นจึงแทบไม่ปรับเปลี่ยนเงินเดือนขุนนาง หากมีการปรับเปลี่ยนก็มักจะเป็นการปรับในอัตราที่น้อยมากเพราะเงินเดือนขุนนางถือเป็นภาระสำคัญในงบประมาณของราชสำนักอย่างรุนแรงเช่นในราชวงศ์ต้าฉิน เมื่อปีที่ผ่านมา ราชสำนักต้องจ่ายเงินเดือนขุนนางรวมทั้งสิ้น 45 ล้านตำลึงเงิน แต่รายได้จากภาษีของทั้งปีนั้นมีเท่าใด?ไม่ถึง 20 ล้านตำลึงเงินนี่จึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาค้างจ่ายเงินเดือนขุนนางอย่างแพร่หลายแม้ในปีที่ฝนฟ้าดี ไม่มีปัญหาภัยพิบัติ การจ่ายเงินเดือนขุนนางยังถือเป็นภาระหนักหนาสำหรับราชสำนักยิ่งไปกว่านั้น การปรับเงินเดือนขุนนางยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎบรรพบุรุษ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจกระทบต่อเสถียรภาพของราชวงศ์ทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ใช่สิ่งที่จะปรับเปลี่ยนได้ง่ายๆแค่ภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นก็อาจทำให้ราชสำนักล่มสลายได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 647

    "ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมทอผ้าซูหางมา 4 ปี เจ้าทุจริตไปเท่าไหร่?"คำถามของหลี่เฉินตรงไปตรงมาและเฉียบขาดทำให้เหอคุนที่เดิมก็ประหม่าอยู่แล้วเหงื่อแตกซึมไปทั่วร่าง เขาไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย รีบตอบด้วยความกลัวว่า “โรงทอผ้า โรงย้อม และพ่อค้ารายใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ล้วนส่งสินบนให้กรมทอผ้ามาโดยตลอดทุกฤดูกาล”“ในตอนแรกยังมีความลับลมคมในบ้าง แต่สองปีมานี้กลับกลายเป็นเรื่องที่เปิดเผยมากขึ้น กรมทอผ้าเองก็ยอมรับว่าเป็นรายได้ประจำทุกไตรมาส”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กระหม่อมได้รับสินบนจนแทบนับไม่ถ้วน หากนับเป็นเงินก็ประมาณ 4-5 แสนตำลึงเงิน”เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ แม้แต่เฉินทงยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเหอคุนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาตกใจ4-5 แสนตำลึงเงิน!นี่มันอะไรกัน!?เฉินทงในฐานะขุนนางของหน่วยบูรพา แม้มีเงินเดือนรวมเบี้ยเลี้ยงและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็ได้เพียงปีละ 300 กว่าตำลึง หากเป็นขุนนางระดับเดียวกันที่ไม่มีเบี้ยเลี้ยงพิเศษ อาจได้ไม่ถึง 200 ตำลึงต่อปีด้วยซ้ำแต่เหอคุน ซึ่งเป็นเพียงขุนนางระดับห้าขั้นแรก กลับใช้เวลา 4 ปีโกงเงินได้ 4 ล้านกว่าตำลึงเงิน เฉลี่ยปีละหนึ่งล้านตำลึงเงินความแตกต่างมหาศา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 646

    ต่อหน้าคำกล่าวอย่างซื่อสัตย์และจริงใจของเหอคุน หลี่เฉินกลับไม่ได้แสดงท่าทีใดๆเขาเพียงใช้บัญชีของกำนัลตีลงบนฝ่ามือช้าๆ เหมือนกำลังพิจารณาว่าจะจัดการกับเหอคุนเช่นไรขณะที่เหอคุนนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว แม้แต่การหายใจก็ต้องควบคุมจังหวะ เกรงว่าจะทำให้หลี่เฉินที่อยู่ตรงหน้าขุ่นเคืองความเงียบและความกดดันที่มองไม่เห็นดำเนินไป จนกระทั่งเฉินทงเดินเข้ามาทำลายความเงียบนี้“องค์ชาย กระหม่อมได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเดินเข้ามาในคลัง เฉินทงคำนับหลี่เฉินก่อน กล่าวต่อเมื่อได้รับการพยักหน้าอนุญาตจากหลี่เฉิน โดยไม่ชายตามองเหอคุนที่คุกเข่าอยู่แม้แต่น้อย “เหอคุนดำรงตำแหน่งหัวหน้ากรมทอผ้าซูหางมานานกว่า 4 ปี ตามกฎของกรมขุนนาง ปีนี้เขาจะต้องผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อตัดสินว่าจะต่ออายุงาน ปรับย้าย หรือถูกลดตำแหน่ง”“หลายเดือนก่อน สหายร่วมถิ่นของเหอคุนชื่อโจวรุ่ย ซึ่งเป็นข้าราชการในกรมขุนนางและอยู่ในกลุ่มสนับสนุนคณะเสนาบดี ถูกสวีฉังชิงจากกรมครัวเรือนกล่าวหาและถูกองครักษ์เสื้อแพรจับกุมและประหารชีวิต เมื่อโจวรุ่ยล้มลง เหอคุนก็ไร้ผู้สนับสนุนในราชสำนัก กระหม่อมได้ตรวจสอบผลก

DMCA.com Protection Status