วั่นเจียวเจียวพยักหน้ารีบตอบว่า “เริ่มออกเดินทางวันนี้เพคะ เมื่อคำนวณเวลาแล้ว อย่างช้าที่สุดก็น่าจะมาถึงตอนเที่ยงของวันมะรืน” “ดี”หลี่เฉินอารมณ์ดีขึ้นมากและพูดว่า “เจ้าออกไปจากตำหนักสักรอบแล้วซื้อปิ่นปักผมสักอันกลับมา เอาแบบธรรมดาๆ เรียบง่าย นางไม่ชอบอะไรที่หรูหราเกินไป จากนั้นก็ตกแต่งพระที่นั่งร้อยบุปผาตามความชอบตามปกติของนาง และบอกให้ทางห้องเครื่องจัดสำรับจานโปรดของนาง เมื่อถึงเวลาข้าจะเลี้ยงรับขวัญนาง”วั่นเจียวเจียวจดจำทุกคำพูด ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ทราบแล้วเพคะ...องค์รัชทายาทดีกับนางสนมจริงๆ เพคะ”หลี่เฉินเหลือบมองวั่นเจียวเจียวแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าสามารถทำให้นางได้ เจ้าริษยาหรือ?” วั่นเจียวเจียวหน้าแดงเล็กน้อย นางรีบปฏิเสธและพูดว่า “เปล่า เปล่าเพคะ เพียงแค่อิจฉานางสนม”“เช่นนั้นก็ซื้อปิ่นปักผมมาสองอัน แต่อันหนึ่งยกให้เจ้า เจ้าเลือกซื้อตามใจชอบเลย”วั่นเจียวเจียวเม้มปากแน่นและพูดเสียงแผ่วเบาว่า “บ่าวขอบพระทัยองค์รัชทายาท” แม้ปากจะขอบคุณ แต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิดซื้อของขวัญให้กับซื้อให้ตัวเองมันแตกต่างกัน เมื่อเทียบกับเกียรติยศของนางสนมแล
คนเหล่านี้ทั้งหมดกว่าหน่วยบูรพาจะตามจับตัวมาได้ ไม่รู้ว่าต้องเสียไปตั้งเท่าไหร่ ดังนั้นซานเป่าจึงรู้จักพวกเขาทุกคนเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้าของเขตเจียงเจ้อที่อยู่ตรงหน้าเขา เพื่อที่จะจับกุมเขา หน่วยบูรพาได้ส่งคนมากกว่า 60 คน โดยสามในหกสิบกว่าคนนั้นเป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา ซึ่งออกจากเมืองหลวงเพื่อสนับสนุนหน่วยบูรพาสาขาเจียงเจ้อเป็นพิเศษ พวกเขาต้องใช้กลยุทธ์แหฟ้าตะข่ายดินล้อมกรอบอยู่หลายสิบวัน กว่าจะจับตัวคนได้ ด้วยเหตุนี้ หน่วยบูรพาหกสิบกว่าคนที่ไป ขากลับก็กลับมาแค่สิบกว่าคนเท่านั้น และลูกน้องฝีมือดีของเขาทั้งสามคน ก็เหลือแค่คนเดียวที่กลับมาได้ ซ้ำร้ายยังบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ซานเป่าเข้าใจอย่างชัดเจนว่า คนพวกนี้บ้าคลั่งและโหดร้ายเพียงใดเมื่อบวกกับความศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา คนพวกนี้ก็ยอมตายอย่างจงรักและบ้าบิ่นอย่างเหลือเชื่อ แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรแห่งหน่วยบูรพาที่ว่ากันว่าเลือดเย็นและไร้ความรู้สึก ก็ยังหงอยไปเลยเมื่อเจอคนพวกนี้แต่เหล่าสาวกที่โหดร้ายเช่นนี้ กลับถูกบัณฑิตที่อ่อนแอคนหนึ่งอย่างโจวผิงอันทำให้ตกใจกลัวได้ คิดถึงตรงนี้ สายตาข
นักโทษคนอื่นๆ ต่อจากนั้นก็ทำตามอย่างไม่อิดออดเช่นกัน ทุกคนได้ยินว่าตราบใดที่ดื่มสิ่งนี้เข้าไปก็จะสามารถนอนหลับได้หนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็ดื่มมันเข้าไปโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซานเป่าและโจวผิงอันก็ออกจากเรือนจำของกรมยุติธรรมเมื่อเห็นท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์สีขาวข้างนอก ซานเป่าผู้โหดเหี้ยมก็รู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “ใต้เท้าโจว วันนี้ข้าได้เปิดประสบการณ์แล้ว”โจวผิงอันประสานมืออย่างถ่อมตัวแล้วพูดว่า “ท่านกวางกงชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงทำสิ่งต่างๆ ตามที่ฝ่าบาททรงสั่งเท่านั้นเอง วันหน้าหากกวางกงต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถส่งคนมาแจ้งได้”ซานเป่ายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณล่วงหน้า”“ท่านกวางกงเกรงใจไปแล้ว”เมื่อพูดจาปราศรัยจบ ซานเป่าก็กล่าวว่า “อีกฝ่ายกำลังจะดำเนินการในคืนนี้แล้ว ไม่สะดวกที่ข้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ใต้เท้าโจวโปรดดูแลตัวเองด้วย” “ท่านกวางกงเดินระวังๆ”เมื่อเห็นซานเป่าพาคนของหน่วยบูรพาเดินจากไป โจวผิงอันก็หรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ หมุนตัวเดินกลับไปที่กรมยุติธรรมในวันนั้น เมื
“องค์รัชทายาทผู้นี้ มีจิตใจที่ยากจะคาดเดาได้ ข้าอายุไล่เลี่ยพอๆ กับเขา และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างลงไปแล้ว ระหว่างข้ากับเขามีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดไปได้ ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง!”หลี่อิ๋นหู่ได้พิจารณาถึงปัญหานี้มานานแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “การเกิดมาในราชวงศ์ ซ้ำยังเป็นผู้ชาย มีเพียงจุดจบเดียวสำหรับพวกเราเท่านั้น หากไม่กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็กลายเป็นคนตาย”สิ้นเสียงของหลี่อิ๋นหู่ จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน จากทิศทางของเรือนจำกรมยุติธรรมในเมืองหลวง ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่าฆ่าดังมาแต่ลิบๆ ที่ตั้งของจวนจ้าวอ๋องอยู่ห่างจากเรือนจำของกรมยุติธรรมไปไกลมาก แต่ถึงกระนั้นก็สามารถสังเกตเห็นแสงสว่างที่ย้อมท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งจนเป็นสีแดงฉานได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเปลวไฟนั้นรุนแรงเพียงใดเสียงตะโกนว่าฆ่าค่อยๆ ถูกกลบด้วยเสียงฆ้องและกลองพร้อมด้วยเสียงตะโกนว่าดับไฟ เมืองหลวงที่เพิ่งสงบสุข ก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้งแสงจากเพลิงไหม้นี้ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงเกือบครึ่งหนึ่ง แม้แต่ตำหนักบูรพาก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนหลี่เฉินยังขึ้นไปบนหลังคาเพื่อ
ภายในพระที่นั่งสีเจิ้ง เหล่าราชาภาพยนตร์กำลังขึ้นแสดงบนเวทีอยู่ใบหน้าของหลี่เฉินดูราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใดๆ ส่วนทางด้านของโจวผิงอันนั้นก็กำลังขมวดคิ้ว ท่าทางดูกังวลมากแต่การแสดงของหลี่อิ๋นหู่นั้นดูเกินจริงไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บปวด ซึ่งพยายามอย่างหนักที่จะแสดงถึงความตกอกตกใจและความโกรธภายในใจด้วยการแสดงออกที่เกินจริง “ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา! ราวกับใต้หล้าไร้ซึ่งกฎหมาย!”“เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้นติดต่อกัน คืนนี้พวกโจรชั่วบางคนได้ทำการปล้นคุกของกรมยุติธรรม ราชวงศ์ฉินก่อตั้งมานานกว่า 300 ปี เรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมดำเนินการสืบสวนคดีนี้อย่างละเอียด เพื่อลากตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมา และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!”หลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ โดยวางศอกบนหมอนอิงนุ่มๆ และมองไปที่หลี่อิ๋นหู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียใจกับทักษะการแสดงที่เกินจริงของเขาการแสดงที่ย่ำแย่เช่นนี้ ทำให้มาตรฐานของการแสดงลดลง เขายกมือขึ้น วั่นเจียวเ
ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา หัวใจของหลี่อิ๋นหู่ก็เด้งไปที่ลำคอวินาทีนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือหรือว่านักโทษในเรือนจำถูกสับเปลี่ยนออกไปแล้ว ส่วนคนที่ตัวเองช่วยออกมานั้นคือตัวปลอม!?ความคิดนี้ทำให้หลี่อิ๋นหู่สับสนและทำอะไรไม่ถูก “จ้าวอ๋องยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ?”เสียงของหลี่เฉินดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หลี่อิ๋นหู่หลุดจากภวังค์ หลี่เฉินเดินมาหยุดตรงหน้าของหลี่อิ๋นหู่หลี่อิ๋นหู่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และมองไปที่หลี่เฉินซึ่งมีสีหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มตรงหน้า ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจของเขา ได้กลายเป็นความรู้สึกที่วิกฤตอย่างแท้จริง ทำให้ร่างกายของเขาพลันเกร็งตัวขึ้นมาความกลัวราวกับงูพิษที่เลื้อยขึ้นมาตามขาของเขาไปที่คอ ทำให้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหนาวไปทั้งตัวหลี่อิ๋นหู่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าของเขา โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เขาแสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา และพูดด้วยความยากลำบากว่า “กระหม่อม กระหม่อมเพียงสงสัยคำพูดของฝ่าบาทจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน”“แน่นอน เจ้าจะรู้ทีหลัง”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตามีเลศนัย จากนั้นจึงเดินผ่านเขาไปโดยเอามือไพล่หลังหลี่อิ๋นหู่
ค่ำคืนที่หนาวเย็นราวกับสายน้ำ และแสงจันทร์ที่ปกคลุมทั่วพื้นโลก ในมุมที่ห่างไกลและเงียบสงบของเมืองหลวง ปรากฏศพหลายศพขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกขนลุกขนชันแต่สำหรับหลี่อิ๋นหู่นั้นเขาตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดเขาไม่เคยคิดว่าหลี่เฉินจะพาเขามาดูศพ ซึ่งเป็นศพของนักโทษจากสำนักบัวขาว!ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากคนของเขาและหนีไปแล้วหรือ!? แล้วเหตุใดถึงมาตายกันตรงนี้!?แล้วหลี่เฉินควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร!คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้หลี่อิ๋นหู่ยืนอึ้งอยู่กับที่“จ้าวอ๋องมานี่สิ”หลี่เฉินที่อยู่ข้างหน้าโบกมือเรียกหลี่อิ๋นหู่ให้เข้ามาทั้งสองยืนเคียงข้างกัน และหลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไร แม้ว่าภาพจะไม่สวยนัก แต่ก็น่าประทับใจมากใช่หรือไม่?”หลี่อิ๋นหู่มุมปากกระตุก และถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “ฝ่า ฝ่าบาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นหลี่เฉินก็ยกมือขึ้น และโอบไหล่ของหลี่อิ๋นหู่ ทำให้ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากในขณะเดียวกัน หลี่เฉินก็ลดเสียงลงและพูดว่า “แน่นอนว่ามันคือแผนการ”“เสนาบดีกรมยุติธรรมโจวผิงอันของข้าได้คาดการณ์ว่าจะมีคนมาป
“บัดซบเอ๊ย!”ทันใดนั้นหลี่อิ๋นหู่ก็หันศีรษะและจ้องมองโจวผิงอันตาขวาง เขากัดฟันพูดว่า “พวกเจ้าทำงานหนักกันจริงๆ!”โจวผิงอันยิ้มและเพิกเฉยต่อคำพูดแดกดันของหลี่อิ๋นหู่ เขากล่าวว่า “ขอบพระทัยจ้าวอ๋องสำหรับคำชม แต่กระหม่อมยังพูดไม่จบ”“โลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้นในกรณีนี้กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาทป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งกระหม่อมต้องขอให้จ้าวอ๋องทรงทอดพระเนตรดูดีๆ”ขณะที่พูด โจวผิงอันก็ชี้นิ้ววนไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ในค่ำคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีดวงตาสักกี่คู่ที่จ้องมองสถานที่แห่งนี้กัน? จ้าวอ๋องตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว ดังนั้นกระหม่อมขอใช้ภาษาชาวบ้านที่ไม่น่าฟังสักประโยค ฉี่หกใส่กางเกง จะซักอย่างไรก็ไม่สะอาด” “ฮ่าๆ!”หลี่อิ๋นหู่ที่ในใจตึงเครียดถึงขีดสุดอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะส่งท้ายของโจวผิงอัน ก็ทำให้เขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไป เขาตวาดอย่างเกรี้ยวกราด แล้วกระชากคอเสื้อของโจวผิงอัน ก่อนจะตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “โจวผิงอัน! เจ้าไม่กลัวข้าสังหารเจ้ารึ!?”แม้จะถูกหลี่อิ๋นหู่กระชากคอเสื้อ แต่โจวผิงอันก็ไม่ได้โกรธหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เขาแค่มองหลี่อิ๋นหู่อย่างเงียบๆ ร
"องค์ชาย ต้องการให้จับตัวหรือไม่?"ซานเป่ากล่าวขึ้นโดยสมัครใจ "หากองค์ชายไม่ต้องการให้เป็นที่สนใจมากนัก บ่าวสามารถไปด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจว่าจะสามารถนำตัวหลี่อิ๋นหู่ออกจากจวนจ้าวได้""ไม่ต้อง"หลี่เฉินส่ายศีรษะ ปฏิเสธข้อเสนอของซานเป่า"จ้าวเสวียนจีกล้ารับตัวเขาเข้าไป หลี่อิ๋นหู่กล้าไป ก็แปลว่าพวกเขาได้เตรียมการอย่างรอบคอบแล้ว และเจ้าก็ต้องอยู่ในแผนของพวกเขาด้วย หากเข้าไป คงมีแต่จะกลับมามือเปล่า ซ้ำยังทำให้พวกเราดูเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"หลี่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า "ต่อจากนี้ เตรียมรับมือกับกบฏของจ้าวเสวียนจีได้แล้ว"ซานเป่าหน้านิ่งลงทันที ก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ภายในใจพลันเกิดคลื่นลมพัดกระหน่ำโดยไม่มีคำพูดใดเพิ่มเติม ก่อนจะหมุนตัวออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งความขัดแย้งระหว่างตำหนักบูรพากับสำนักราชเลขา หรือก็คือความขัดแย้งระหว่างหลี่เฉิน กับจ้าวเสวียนจีและหลี่อิ๋นหู่ ได้มาถึงจุดที่ไม่มีทางหวนกลับ มีเพียงการใช้กำลังเท่านั้นที่จะเป็นทางออกและในเรื่องนี้ จ้าวเสวียนจีกับหลี่อิ๋นหู่เตรียมพร้อมแล้ว หลี่เฉินเองก็เตรียมพร้อมแล้วเช่นกันเช้าวันรุ่งขึ้น พระราชโองการที่ประทั
"ผู้อาวุโสมาถึงแล้วหรือ"หลงไหวอวี้ยิ้มให้จ้าวเสวียนจี ก่อนกล่าวต่อ "ข้าก็เพิ่งกลับมาจากจวนจ้าวอ๋องเช่นกัน""เรียกให้เต็มยศเถอะ พอถึงพรุ่งนี้เช้า ตำแหน่งจ้าวอ๋องของเขาก็ไม่มีอีกแล้ว"จ้าวเสวียนจีเดินเข้ามายืนข้างรูปปั้นเทพเฉิงหวง ก่อนจุดธูปหนึ่งดอก แล้วกล่าวขึ้นอย่างราบเรียบหลงไหวอวี้ฉุกคิด ก่อนถามขึ้น "ตำหนักบูรพาดำเนินการเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?""สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่า หลายชั่วยามก่อน พวกเขาตกลงยอมรับคำสั่งของตำหนักบูรพา ที่จะลบล้างตำแหน่งของจ้าวอ๋อง และลดเขาเป็นสามัญชน คำสั่งนี้จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการในเช้าวันพรุ่งนี้ และส่งไปทั่วแผ่นดิน"หลงไหวอวี้ยิ้มบาง "ต่อให้เป็นพระราชโองการ แต่ก็ต้องมีคนยอมรับและปฏิบัติตาม มิเช่นนั้น ก็เป็นเพียงเศษกระดาษที่ดูสวยงามเท่านั้น"จ้าวเสวียนจีตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "แต่ในเชิงหลักการ หลี่อิ๋นหู่ได้แพ้ราบคาบแล้ว"หลงไหวอวี้มองจ้าวเสวียนจี แล้วกล่าว "ผู้อาวุโสกับเหวินอ๋องตกลงร่วมกัน ให้พวกเราทอดทิ้งหลี่อิ๋นหู่ บีบให้เขาต้องมาพึ่งพาผู้อาวุโสแต่เพียงผู้เดียว เช่นนั้น ต่อไปภาระทั้งหมดก็ตกอยู่ที่ท่านแล้ว""เหวินอ๋องตั้งใจจะเป็นผู้ฉวยผลประ
หลี่อิ๋นหู่หอบหายใจแรงด้วยความโกรธจัด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดที่บ้าคลั่งกว่านั้นหลงไหวอวี้ยกมือขึ้นแกะนิ้วของหลี่อิ๋นหู่ออกจากคอเสื้อตนเอง แล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ก่อนจะกล่าว "ท่านอ๋อง หากท่านเป็นเหวินอ๋อง ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านก็คงจะเลือกที่จะถอยออกมาก่อนเช่นกัน อย่างน้อยในตอนนี้ พวกเราก็มองไม่เห็นโอกาสที่ท่านอ๋องจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ หากเห็นได้ พวกเราก็คงไม่ทิ้งการลงทุนที่ลงไปมากมายเช่นนี้”“หากในอนาคตเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นจริง พวกเราไม่ขัดข้องที่จะกลับมาร่วมมืออีกครั้ง"หลี่อิ๋นหู่แค่นเสียงเย็น "ในเวลาที่ข้าลำบาก พวกเจ้ากลับถีบข้าทิ้ง แล้วพอข้าฟื้นตัวขึ้นมา พวกเจ้าหมายจะกลับมา? ฝันไปเถอะ!""บางทีในวันนั้น ท่านอ๋องอาจจะเปลี่ยนใจเองก็ได้ เพราะในโลกนี้ ไม่มีศัตรูถาวร และไม่มีมิตรแท้ ตราบใดที่แต่ละฝ่ายได้รับผลประโยชน์ที่ต้องการ เรื่องที่ผ่านมา ใครจะใส่ใจเล่า?"หลังจากพูดจบ หลงไหวอวี้ก็โค้งคำนับให้หลี่อิ๋นหู่เล็กน้อย กล่าวว่า "สิ่งที่ข้าต้องพูด ข้าก็พูดหมดแล้ว ท่านอ๋องโปรดพักผ่อนให้เพียงพอ"เมื่อกล่าวจบ หลงไหวอวี้ก็เดินออกจากเรือนพักอย่างไม่รีบร้อนดวงตาของหลี่อิ๋นหู่
"ให้เขามา"หลี่อิ๋นหู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่น "ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้า"สวีเว่ยขานรับด้วยความเคารพ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหลังจากที่สวีเว่ยจากไป หลี่อิ๋นหู่หันไปถามโจวสิงเจี่ย "ผู้อาวุโสโจว ท่านคิดว่าหลงไหวอวี้ยืนกรานจะพบข้าในครั้งนี้เพื่ออะไร?""ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน" โจวสิงเจี่ยกล่าวเรียบๆเมื่อได้ยินคำตอบนี้ หลี่อิ๋นหู่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่สีหน้าของเขากลับยิ่งดูขุ่นเคืองผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม สวีเว่ยก็นำหลงไหวอวี้เข้ามาหลังจากพาหลงไหวอวี้เข้าห้องแล้ว สวีเว่ยไม่ได้เข้ามาด้วย แต่เลือกที่จะยืนรออยู่หน้าประตูเมื่อเห็นภาพนี้ โจวสิงเจี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเขาตั้งใจจะให้สวีเว่ยออกไปเพื่อไม่ให้ล่วงรู้บทสนทนาต่อจากนี้ระหว่างหลี่อิ๋นหู่กับหลงไหวอวี้ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่เย็นชาของหลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังจ้องมองหลงไหวอวี้ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ และเลือกที่จะไม่พูดอะไรเขารู้ดีว่าตอนนี้หลี่อิ๋นหู่เหมือนถังดินปืนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ไม่มีประโยชน์ที่จะไปกระตุ้นเขา"จ้าวอ๋อง ห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่สถานการณ์กลับพลิกผันจนไม่เหลือเ
หวงจี๋เทียนจากไปด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้น หลี่เฉินก็สะสางภาระงานของวันนี้จนเสร็จเรียบร้อย แต่กลับไม่ได้ไปพักผ่อนเหมือนเช่นเคยวั่นเจียวเจียวเดินเข้ามารินน้ำชาให้หลี่เฉิน พลางกล่าวเสียงเบา "องค์ชาย ควรจะพักผ่อนแล้วเพคะ"หลี่เฉินที่กำลังก้มหน้าดูตำราอยู่ ตอบกลับไปโดยไม่เงยหน้า "วันนี้ต้องอยู่ดึกหน่อย ข้ารอคนคนหนึ่ง""รอคน? องค์ชายต้องการพบท่านใด ให้เขามาพบก็สิ้นเรื่อง ไฉนต้องเป็นองค์ชายที่ต้องรอ?" วั่นเจียวเจียวกล่าวด้วยความไม่พอใจหลี่เฉินหัวเราะเบา "คนผู้นี้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อใด แต่ที่แน่ๆ เขาต้องมา และเมื่อมาถึง เขาจะต้องนำข่าวคราวของหลี่อิ๋นหู่มาให้ข้าอย่างแน่นอน"วั่นเจียวเจียวกระพริบตา ไม่เข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามต่อหลี่เฉินกวาดตามองไปรอบๆ พระที่นั่งสีเจิ้ง ก่อนจะเอ่ยถาม "ช่วงนี้ไม่เห็นกงฮุยอวี่เลย หายไปไหน?"วั่นเจียวเจียวเบ้ปาก "องค์ชายเองยังไม่รู้ บ่าวจะรู้ได้อย่างไรเพคะ? ช่วงนี้นางทำตัวลึกลับเหลือเกิน ไม่เห็นหน้าเลยสักวัน บางทีอาจจะหนีไปแล้วก็ได้"หลี่เฉินวางตำรา ก่อนจะใช้หนังสือตีลงบนศีรษะของวั่นเจียวเจียวเบาๆ แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "เลิกเล่นแง่ได้แล้ว
หลี่เฉินเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้ช่องว่างของข้อมูล เพื่อสร้างผลประโยชน์ที่สุดหวงจี๋เทียนไม่มีทางรู้ถึงสถานการณ์ที่พลิกผันภายในต้าฉินในขณะนี้ และยิ่งไม่รู้ว่าหลี่เฉินได้ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอให้วันพรุ่งนี้ประกาศพระราชโองการ เพื่อลบล้างตำแหน่งและอำนาจทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ พร้อมกับขับไล่ออกจากทำเนียบราชวงศ์ดังนั้น บุญคุณตามน้ำนี้ หลี่เฉินจึงยินดีมอบให้โดยไม่ลังเลถึงแม้ว่าภายหลังหวงจี๋เทียนจะรู้ความจริง แต่มันก็สายไปเสียแล้วหวงจี๋เทียนตกตะลึงทันทีไฟไหม้จุดพักแรม ลอบสังหารองค์ชายต่างแคว้น ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้ท่านอ๋องของแคว้นตนเองถูกปลดจากทุกตำแหน่ง หากลองคิดในมุมของตนเอง หากวันใดวันหนึ่งเขาถูกริบตำแหน่งและลดเป็นสามัญชน นั่นอาจจะเป็นความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีกสิ่งที่ทำให้หวงจี๋เทียนประหลาดใจกว่านั้นก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ตนเองเพิ่งถูกเพลิงไหม้เล่นงานไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ฝ่ายตำหนักบูรพากลับสามารถจับตัวคนร้ายได้ แถมยังมีมาตรการจัดการออกมาเสร็จสรรพแล้วเรื่องนี้ทำให้หวงจี๋เทียนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่
"องค์รัชทายาทต้าฉิน ครั้งนี้โปรดให้ข้าได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผลด้วย!"หวงจี๋เทียนก้าวเข้ามาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจแต่เพียงแค่คำพูดของเขาสิ้นสุดลง ก็มีถ้วยชาลอยหวืดลงมาตกกระทบพื้นข้างเท้าของเขาดังเพล้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หวงจี๋เทียนสะดุ้งโหยงเขาเงยหน้ามองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง พลางคิดว่า หรือว่าหลี่เฉินจะโกรธจนขาดสติแล้วฆ่าตนเสียที่นี่?ทั้งที่ตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำแท้ๆหวงจี๋เทียนรู้สึกอัดอั้นเพียงเห็นใบหน้าของหลี่เฉินที่มืดครึ้ม ราวกับกำลังระงับโทสะอย่างเต็มที่ เขาฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนกล่าว "อาเกอสิบสามอย่าเข้าใจผิด ข้าโกรธที่มีคนกล้าหาญชาญชัยถึงขั้นวางเพลิงที่จุดพักแรม ตั้งใจจะลอบสังหารอาเกอสิบสาม แล้วโยนความผิดมาให้ข้า""เรื่องนี้ ข้าได้สืบหาข้อมูลแล้ว และพบว่ามีเงื่อนงำบางอย่าง ตอนนี้จับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว เพียงแต่ทำให้อาเกอสิบสามต้องตกใจ ข้ารู้สึกผิดจริงๆ"ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจของหวงจี๋เทียนพลันถูกความประหลาดใจแทนที่ เขาเอ่ยถาม "เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน องค์ชายรู้ตัวคนร้ายแล้วหรือ?"หลี่เฉินถอนหายใจ ก่อนเผ
คำพูดถูกส่งออกไป ความหมายชัดเจนแจ่มแจ้งหลี่ชางหลานรู้สึกว่าลมหายใจของตนเริ่มร้อนระอุจักรวรรดิต้าฉินมีกฎเกณฑ์ควบคุมเชื้อพระวงศ์อย่างเข้มงวด ฮ่องเต้แต่ละพระองค์ล้วนยึดมั่นในแนวคิดของปฐมจักรพรรดิอย่างเคร่งครัด นั่นคือ ราชสำนักสามารถมอบเงินทองให้เชื้อพระวงศ์ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย มีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ไม่อาจมีอำนาจทางการเมืองตลอดสามร้อยกว่าปีของราชวงศ์ต้าฉิน เชื้อพระวงศ์สามารถเข้ารับราชการได้ แต่ตำแหน่งจะไม่เกินระดับสี่ นี่เป็นกฎเหล็ก ส่วนตำแหน่งทางทหาร อย่าได้หวัง แม้แต่จะสมัครเข้ารับราชการก็ยังเป็นไปไม่ได้“เชื้อสายราชวงศ์หลี่ทั้งปวง จะต้องยกย่องพระราชอำนาจเป็นสูงสุด สมควรได้รับความมั่งคั่งรุ่งเรือง แต่สิทธิ์ทางการเมืองต้องชัดเจน ฮ่องเต้มิอาจลำเอียงเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวจนทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน”ประโยคที่ปฐมจักรพรรดิทรงทิ้งไว้ ได้ตัดโอกาสของเชื้อพระวงศ์หลี่ในการก้าวเข้าสู่ราชสำนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องแทรกแซงการปกครองเลยด้วยซ้ำ และเพราะเหตุนี้เอง การที่หลี่เฉินเสนอที่นั่งในราชวิทยาลัย จึงถือเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับหลี่ชางหลาน รวมถึงเชื้อพระวงศ์อื่นๆ ที่อาจได้รับส่วนแบ่งจากโอก
หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"