แชร์

บทที่ 495

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-17 18:00:00
นักโทษคนอื่นๆ ต่อจากนั้นก็ทำตามอย่างไม่อิดออดเช่นกัน

ทุกคนได้ยินว่าตราบใดที่ดื่มสิ่งนี้เข้าไปก็จะสามารถนอนหลับได้หนึ่งชั่วยาม ทุกคนก็ดื่มมันเข้าไปโดยไม่ต้องให้พูดซ้ำ

เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ซานเป่าและโจวผิงอันก็ออกจากเรือนจำของกรมยุติธรรม

เมื่อเห็นท้องฟ้าสีครามและดวงอาทิตย์สีขาวข้างนอก ซานเป่าผู้โหดเหี้ยมก็รู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “ใต้เท้าโจว วันนี้ข้าได้เปิดประสบการณ์แล้ว”

โจวผิงอันประสานมืออย่างถ่อมตัวแล้วพูดว่า “ท่านกวางกงชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงทำสิ่งต่างๆ ตามที่ฝ่าบาททรงสั่งเท่านั้นเอง วันหน้าหากกวางกงต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถส่งคนมาแจ้งได้”

ซานเป่ายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณล่วงหน้า”

“ท่านกวางกงเกรงใจไปแล้ว”

เมื่อพูดจาปราศรัยจบ ซานเป่าก็กล่าวว่า “อีกฝ่ายกำลังจะดำเนินการในคืนนี้แล้ว ไม่สะดวกที่ข้าจะอยู่ที่นี่นานๆ ใต้เท้าโจวโปรดดูแลตัวเองด้วย”

“ท่านกวางกงเดินระวังๆ”

เมื่อเห็นซานเป่าพาคนของหน่วยบูรพาเดินจากไป โจวผิงอันก็หรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ หมุนตัวเดินกลับไปที่กรมยุติธรรม

ในวันนั้น เมื
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 496

    “องค์รัชทายาทผู้นี้ มีจิตใจที่ยากจะคาดเดาได้ ข้าอายุไล่เลี่ยพอๆ กับเขา และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างลงไปแล้ว ระหว่างข้ากับเขามีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดไปได้ ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง!”หลี่อิ๋นหู่ได้พิจารณาถึงปัญหานี้มานานแล้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “การเกิดมาในราชวงศ์ ซ้ำยังเป็นผู้ชาย มีเพียงจุดจบเดียวสำหรับพวกเราเท่านั้น หากไม่กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็กลายเป็นคนตาย”สิ้นเสียงของหลี่อิ๋นหู่ จู่ๆ ก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้นอย่างกะทันหัน จากทิศทางของเรือนจำกรมยุติธรรมในเมืองหลวง ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่าฆ่าดังมาแต่ลิบๆ ที่ตั้งของจวนจ้าวอ๋องอยู่ห่างจากเรือนจำของกรมยุติธรรมไปไกลมาก แต่ถึงกระนั้นก็สามารถสังเกตเห็นแสงสว่างที่ย้อมท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งจนเป็นสีแดงฉานได้อย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเปลวไฟนั้นรุนแรงเพียงใดเสียงตะโกนว่าฆ่าค่อยๆ ถูกกลบด้วยเสียงฆ้องและกลองพร้อมด้วยเสียงตะโกนว่าดับไฟ เมืองหลวงที่เพิ่งสงบสุข ก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้งแสงจากเพลิงไหม้นี้ส่องสว่างไปทั่วเมืองหลวงเกือบครึ่งหนึ่ง แม้แต่ตำหนักบูรพาก็สามารถมองเห็นอย่างชัดเจนหลี่เฉินยังขึ้นไปบนหลังคาเพื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 497

    ภายในพระที่นั่งสีเจิ้ง เหล่าราชาภาพยนตร์กำลังขึ้นแสดงบนเวทีอยู่ใบหน้าของหลี่เฉินดูราบเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใดๆ ส่วนทางด้านของโจวผิงอันนั้นก็กำลังขมวดคิ้ว ท่าทางดูกังวลมากแต่การแสดงของหลี่อิ๋นหู่นั้นดูเกินจริงไปเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและเจ็บปวด ซึ่งพยายามอย่างหนักที่จะแสดงถึงความตกอกตกใจและความโกรธภายในใจด้วยการแสดงออกที่เกินจริง “ช่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา! ราวกับใต้หล้าไร้ซึ่งกฎหมาย!”“เมืองหลวงอยู่ใต้เท้าของโอรสสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงการลอบสังหารที่เกิดขึ้นติดต่อกัน คืนนี้พวกโจรชั่วบางคนได้ทำการปล้นคุกของกรมยุติธรรม ราชวงศ์ฉินก่อตั้งมานานกว่า 300 ปี เรื่องที่เลวร้ายเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฝ่าบาท โปรดให้กระหม่อมดำเนินการสืบสวนคดีนี้อย่างละเอียด เพื่อลากตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมา และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม!”หลี่เฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ โดยวางศอกบนหมอนอิงนุ่มๆ และมองไปที่หลี่อิ๋นหู่แวบหนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเสียใจกับทักษะการแสดงที่เกินจริงของเขาการแสดงที่ย่ำแย่เช่นนี้ ทำให้มาตรฐานของการแสดงลดลง เขายกมือขึ้น วั่นเจียวเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 498

    ทันทีที่ประโยคเหล่านี้หลุดออกมา หัวใจของหลี่อิ๋นหู่ก็เด้งไปที่ลำคอวินาทีนั้น ความคิดแรกของเขาก็คือหรือว่านักโทษในเรือนจำถูกสับเปลี่ยนออกไปแล้ว ส่วนคนที่ตัวเองช่วยออกมานั้นคือตัวปลอม!?ความคิดนี้ทำให้หลี่อิ๋นหู่สับสนและทำอะไรไม่ถูก “จ้าวอ๋องยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้นล่ะ?”เสียงของหลี่เฉินดังขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หลี่อิ๋นหู่หลุดจากภวังค์ หลี่เฉินเดินมาหยุดตรงหน้าของหลี่อิ๋นหู่หลี่อิ๋นหู่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ และมองไปที่หลี่เฉินซึ่งมีสีหน้ายิ้มคล้ายไม่ยิ้มตรงหน้า ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจของเขา ได้กลายเป็นความรู้สึกที่วิกฤตอย่างแท้จริง ทำให้ร่างกายของเขาพลันเกร็งตัวขึ้นมาความกลัวราวกับงูพิษที่เลื้อยขึ้นมาตามขาของเขาไปที่คอ ทำให้หลี่อิ๋นหู่รู้สึกหนาวไปทั้งตัวหลี่อิ๋นหู่พยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าของเขา โดยไม่ให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เขาแสดงรอยยิ้มที่น่าเกลียดออกมา และพูดด้วยความยากลำบากว่า “กระหม่อม กระหม่อมเพียงสงสัยคำพูดของฝ่าบาทจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน”“แน่นอน เจ้าจะรู้ทีหลัง”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ด้วยสายตามีเลศนัย จากนั้นจึงเดินผ่านเขาไปโดยเอามือไพล่หลังหลี่อิ๋นหู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 499

    ค่ำคืนที่หนาวเย็นราวกับสายน้ำ และแสงจันทร์ที่ปกคลุมทั่วพื้นโลก ในมุมที่ห่างไกลและเงียบสงบของเมืองหลวง ปรากฏศพหลายศพขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกขนลุกขนชันแต่สำหรับหลี่อิ๋นหู่นั้นเขาตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดเขาไม่เคยคิดว่าหลี่เฉินจะพาเขามาดูศพ ซึ่งเป็นศพของนักโทษจากสำนักบัวขาว!ไม่ใช่ว่าคนเหล่านี้ได้รับการช่วยเหลือจากคนของเขาและหนีไปแล้วหรือ!? แล้วเหตุใดถึงมาตายกันตรงนี้!?แล้วหลี่เฉินควบคุมเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร!คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในจิตใจ ทำให้หลี่อิ๋นหู่ยืนอึ้งอยู่กับที่“จ้าวอ๋องมานี่สิ”หลี่เฉินที่อยู่ข้างหน้าโบกมือเรียกหลี่อิ๋นหู่ให้เข้ามาทั้งสองยืนเคียงข้างกัน และหลี่เฉินก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นอย่างไร แม้ว่าภาพจะไม่สวยนัก แต่ก็น่าประทับใจมากใช่หรือไม่?”หลี่อิ๋นหู่มุมปากกระตุก และถามออกมาอย่างยากลำบากว่า “ฝ่า ฝ่าบาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ทันใดนั้นหลี่เฉินก็ยกมือขึ้น และโอบไหล่ของหลี่อิ๋นหู่ ทำให้ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากในขณะเดียวกัน หลี่เฉินก็ลดเสียงลงและพูดว่า “แน่นอนว่ามันคือแผนการ”“เสนาบดีกรมยุติธรรมโจวผิงอันของข้าได้คาดการณ์ว่าจะมีคนมาป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 500

    “บัดซบเอ๊ย!”ทันใดนั้นหลี่อิ๋นหู่ก็หันศีรษะและจ้องมองโจวผิงอันตาขวาง เขากัดฟันพูดว่า “พวกเจ้าทำงานหนักกันจริงๆ!”โจวผิงอันยิ้มและเพิกเฉยต่อคำพูดแดกดันของหลี่อิ๋นหู่ เขากล่าวว่า “ขอบพระทัยจ้าวอ๋องสำหรับคำชม แต่กระหม่อมยังพูดไม่จบ”“โลกนี้ไม่มีอะไรที่แน่นอน ดังนั้นในกรณีนี้กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาทป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งกระหม่อมต้องขอให้จ้าวอ๋องทรงทอดพระเนตรดูดีๆ”ขณะที่พูด โจวผิงอันก็ชี้นิ้ววนไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ในค่ำคืนที่มืดมิดเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีดวงตาสักกี่คู่ที่จ้องมองสถานที่แห่งนี้กัน? จ้าวอ๋องตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว ดังนั้นกระหม่อมขอใช้ภาษาชาวบ้านที่ไม่น่าฟังสักประโยค ฉี่หกใส่กางเกง จะซักอย่างไรก็ไม่สะอาด” “ฮ่าๆ!”หลี่อิ๋นหู่ที่ในใจตึงเครียดถึงขีดสุดอยู่แล้วเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยาะส่งท้ายของโจวผิงอัน ก็ทำให้เขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจไป เขาตวาดอย่างเกรี้ยวกราด แล้วกระชากคอเสื้อของโจวผิงอัน ก่อนจะตะคอกใส่อย่างรุนแรงว่า “โจวผิงอัน! เจ้าไม่กลัวข้าสังหารเจ้ารึ!?”แม้จะถูกหลี่อิ๋นหู่กระชากคอเสื้อ แต่โจวผิงอันก็ไม่ได้โกรธหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เขาแค่มองหลี่อิ๋นหู่อย่างเงียบๆ ร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 501

    เมื่อเห็นตัวเองถูกวางอุบายใส่ หลี่อิ๋นหู่ก็ตระหนักได้ว่าหายนะกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับมาได้อย่างไรทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในจวนอ๋อง เขาก็เห็นหลงไหวอวี้เดินเข้ามาหา “ท่านอ๋อง...” เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่อิ๋นหู่ หัวใจของหลงไหวอวี้ก็เต้นรัว หลี่อิ๋นหู่ไปที่ตำหนักบูรพาเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นมาตรการรับมือที่พวกเขาได้พูดคุยกันแล้ว การแสดงคือสิ่งจำเป็นเพื่อให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบคืนนี้เรือนจำของกรมยุติธรรมถูกปล้น ไม่เพียงแต่จะไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองแล้ว ยังเป็นการไปตรวจสอบปฏิกิริยาของตำหนักบูรพาอีกด้วย ดังนั้นคืนนี้หลี่อิ๋นหู่จึงต้องไป แต่อย่างไรก็ตาม หลี่อิ๋นหู่ใช้เวลานานเกินไป และสีหน้าตอนกลับมา ก็ทำให้หลงไหวอวี้ตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด“สถานการณ์พลิกผัน?” หลี่อิ๋นหู่หัวเราะเยาะ เมื่อได้ยินคำถามของหลงไหวอวี้ “พลิกผัน?”หลี่อิ๋นหู่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกน้องประเภทเดียวกันแท้ๆ แต่หลงไหวอวี้ที่ตัวเองหามากับโจวผิงอันที่หลี่เฉินหามา กลับมีช่องว่างที่ใหญ่ถึงขนาดนี้!“มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย เร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 502

    “ตอนนี้ ถ้าท่านอ๋องไม่ขอความช่วยเหลือจากสำนักราชเลขา แล้วจะหันไปหาใครได้อีก?”“สิ่งที่ท่านอ๋องต้องทำก็คือขอให้จ้าวเสวียนจีช่วยแย่งอำนาจส่วนหนึ่งมาให้ท่าน และอำนาจนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับสำนักบัวขาว มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้สำนักบัวขาวหวาดกลัวท่านอ๋อง และไม่กล้าฉีกหน้าท่านอ๋องตรงๆ ” เมื่อฟังถึงตรงนี้ หลี่อิ๋นหู่ก็เข้าใจมากขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว!”เขาลุกขึ้นยืนทันทีแล้วพูดว่า “ข้าจะรีบไปที่จวนจ้าวทันที” เวลาไม่เคยคอยท่า หลี่อิ๋นหู่รีบออกเดินทางทันที ครึ่งชั่วยามต่อมา หลี่อิ๋นหู่ซึ่งกำลังปลอมตัวได้เข้ามาในจวนจ้าวจากประตูข้างภายใต้การนำทางของพ่อบ้าน เขาก็มาทันเห็นจ้าวเสวียนลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมตัวนอก “จ้าวอ๋องมาเยี่ยมตอนกลางดึก ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ”หลี่อิ๋นหู่ประสานมือโค้งคำนับเก้าสิบองศา และพูดอย่างจริงใจว่า “ท่านราชเลขาโปรดช่วยข้าด้วย”จ้าวเสวียนจียกมือประคองหลี่อิ๋นหู่ ปากก็พูดว่า “ไม่ได้ๆ จ้าวอ๋องมีสถานะเป็นถึงจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์ จะมาคำนับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้ามีเรื่องอันใดอยากให้ช่วย จ้าวอ๋องก็เชิญพูดออกมาเถิด หากข้าช่วยได้ ข้าก็จะช่วย”หลี่อิ๋นหู่ฟังคำพูดที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 503

    “ท่านกลับไปก่อน” จ้าวเสวียนจีพูดอย่างช้าๆ “ข้าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้”หลี่อิ๋นหู่มีความสุขมากเมื่อได้ยินประโยคนี้ เขาโค้งคำนับอีกครั้งและพูดว่า “ขอบคุณท่านราชเลขา ขอบคุณท่านราชเลขา!” เมื่อเห็นท่าทางดีใจจนเนื้อเต้นของหลี่อิ๋นหู่ จ้าวเสวียนจีก็กล่าวเรียบๆ ว่า “จ้าวอ๋อง ข้ามีคำพูดหนึ่งที่จำเป็นต้องเตือนท่าน” “ท่านราชเลขาโปรดบอก ข้าจะล้างหูฟังอย่างตั้งใจ” หลี่อิ๋นหู่พูดอย่างนอบน้อม“หลังจากพยายามมาหลายครั้ง จ้าวอ๋องก็คงจะรู้แล้วว่า ท่านที่อยู่ในตำหนักบูรพาไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่าย ถึงแม้ว่าเขาจะอายุยังน้อย แต่ความคิดและกลเม็ด รวมถึงกลยุทธ์ทางการเมือง ทุกอย่างล้วนอยู่ในจุดสูงสุด ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกจ้าวอ๋อง แต่จ้าวอ๋องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านนั้นจริงๆ”ใบหน้าของหลี่อิ๋นหู่พลันมืดมนแต่ดูเหมือนจ้าวเสวียนจีจะไม่ทันสังเกตเห็น เขายังพูดต่อไปว่า “จ้าวอ๋องเป็นคนฉลาด ท่านรู้ไหมว่าทำไมชายที่อยู่ในตำหนักบูรพาจึงยอมทนกับจ้าวอ๋อง และไม่ลงฆ่ามือสักที?” หลี่อิ๋นหู่กล่าวอย่างสงบว่า “ข้าไม่รู้”จ้าวเสวียนจียิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่สำคัญว่าไม่รู้จริงๆ หรือว่าเสแสร้ง แต่วันนี้ข้ายินดีที่จะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 658

    หลี่เฉินหรี่ตามองเย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยังคงพูดจาฉะฉานและแสดงความเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ แต่เขากลับไม่ได้ตอบโต้หรือขัดจังหวะจากท่าทีของเย่ลู่กู่จ้านฉี ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เลยว่าจ้าวเสวียนจีมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเหลียวหลี่เฉินอดผิดหวังไม่ได้เดิมทีเขาหวังว่าจะสามารถหาหลักฐานความผิดของจ้าวเสวียนจีได้ และเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า แต่ในเมื่อเย่ลู่กู่จ้านฉีไม่รู้อะไรเลย แผนการนี้คงต้องพับเก็บไว้ก่อน ตอนนี้ ทำได้เพียงรอให้ข่าวเรื่องเย่ลู่กู่จ้านฉีตกเป็นเชลยแพร่ไปถึงแคว้นเหลียว และหวังให้แคว้นเหลียวเป็นฝ่ายเปิดเผยความลับเองแต่ปัญหาคือ หลี่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ว่าแคว้นเหลียวจะดำเนินการอย่างไรหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เฉินก็หมดความสนใจที่จะสนทนากับเย่ลู่กู่จ้านฉีอีก เขาลุกขึ้นและเตรียมตัวออกไปเย่ลู่กู่จ้านฉีที่เห็นหลี่เฉินจะจากไป รีบร้อนพูดขึ้น "เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยเป็นพยานแล้วหรือ? เรื่องอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายชาติหรือการส่งข่าวกรอง หากเจ้าอยากให้ข้าร่วมมือ ข้าก็ยินดีทำให้"หลี่เฉินหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า "สมองของเจ้าเหมาะจะใช้เลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าเท่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 657

    บางครั้ง คำพูดก็เป็นอาวุธที่ทำร้ายได้ลึกยิ่งกว่าคมดาบโดยเฉพาะเมื่อใช้จัดการกับคนอย่างเย่ลู่กู่จ้านฉีเขาเคยอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ไม่เคยมีใครกล้าทำให้เขาต้องอดทนต่อความอัปยศแต่หลังจากถูกนำตัวมายังเมืองหลวงต้าฉิน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง ความลำบากใจประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อนตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็กลายเป็นเพียงเชลยศึกถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถือดีว่าหลี่เฉินจะไม่ฆ่าเขา และพยายามรักษาศักดิ์ศรีในฐานะท่านอ๋องเอาไว้แต่ศักดิ์ศรีนั้นถูกหลี่เฉินบดขยี้จนป่นปี้เย่ลู่กู่จ้านฉีจ้องหลี่เฉินด้วยสายตาแข็งกร้าว หากไม่ใช่เพราะกำลังพลด้อยกว่า เขาคงได้ฉีกหลี่เฉินเป็นชิ้นๆ ไปแล้วเขาแสยะยิ้มเยือกเย็น ก่อนเอ่ยว่า "ดีๆๆ! แต่หากข้าจับโอกาสได้สักครั้ง ข้าจะบีบกระดูกเจ้าทีละข้อจนแหลกคามือ!""พูดจาข่มขู่ ใครๆ ก็พูดได้"หลี่เฉินหัวเราะเยาะ พลางกล่าวว่า "หากการพูดเพียงอย่างเดียวทำให้ชนะได้ แคว้นเหลียวของเจ้าไม่ต้องเลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าแล้ว แค่นั่งอยู่ในบ้านแล้วปล่อยคำพูดลอยลมออกไป ก็คงครองแผ่นดินได้ทั้งปวง"กร็อบเย่ลู่กู่จ้านฉีกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วลั่นเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 656

    การมาถึงของหลี่เฉิน ทำให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรในบริเวณตำหนักบูรพาคุกเข่าลงราวกับคลื่นลูกใหญ่กงฮุยอวี่ที่อยู่บนหลังคาเหลือบมองหลี่เฉินเพียงครู่เดียว ก่อนจะหมุนตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยหญิงผู้นี้ยังคงเย็นชา และดูเหมือนจะไม่เป็นมิตร นางพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอกับหลี่เฉินอยู่เสมอ ซึ่งหลี่เฉินเองก็หาได้ใส่ใจไม่เขาคิดในใจว่าน้ำอุ่นต้มกบ ค่อยๆ ทนรอไป สักวันคงมีโอกาสส่วนซานเป่าซึ่งอยู่หน้าประตูตำหนัก กลับไม่มีท่าทียโสเช่นนั้น เมื่อเห็นหลี่เฉินที่พาวั่นเจียวเจียวมาด้วย เขารีบลุกขึ้นมาทักทายทันที"บ่าวขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เฉินโบกมือให้ซานเป่าลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า "ข้าจะไปพบเย่ลู่กู่จ้านฉี จดหมายของเขา ส่งออกไปแล้วหรือยัง?"ซานเป่ากล่าวตอบด้วยความเคารพว่า "ส่งออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นเขาเองที่สั่งให้หนึ่งในองครักษ์ของเขาดำเนินการ บ่าวปฏิบัติตามรับสั่งขององค์ชาย จึงไม่ได้ขัดขวางพ่ะย่ะค่ะ""สายลับของแคว้นเหลียวในเมืองหลวงมีอยู่ไม่น้อย ให้เขาใช้ช่องทางของเขาเองก็ดี พวกเขาถึงจะเชื่อ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย"พูดพลาง หลี่เฉินก้าวเข้าไปในตำหนักปีกแม้จะเป็นตำหนักปีก แต่การตกแต่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 655

    "นำรายงานจากกรมครัวเรือนมาให้ข้าดู"หลี่เฉินสั่งวั่นเจียวเจียวให้นำรายงานจากกรมครัวเรือนที่ส่งมาช่วงเช้าออกมา พลางเปิดอ่านดูเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นทันทีรายจ่ายอื่น ๆ ยังถือว่าอยู่ในงบประมาณตามปกติ แต่วันนี้ที่ต้องจัดเลี้ยงทหารทั้งสามกองทัพ เพียงวันแรกก็หมดเงินไปหลายหมื่นตำลึงแล้วอย่ามองว่าเป็นตัวเลขน้อย นี่เพียงแค่วันเริ่มต้นเท่านั้น ตามธรรมเนียม ทัพผู้ชนะจะต้องจัดเลี้ยงตามขนาดของศึก หากศึกเล็กจัดเจ็ดวัน หากศึกใหญ่จัดเลี้ยงได้นานถึงหนึ่งเดือน ของใช้ต่าง ๆ อาหาร สุรา สำหรับคนหลายหมื่นคน เพียงแค่ค่าใช้จ่ายปกติในหนึ่งวันก็มหาศาลแล้ว ยังไม่นับถึงอาหารเลี้ยงฉลอง เช่น ปลาตัวใหญ่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ต้องเชือดวัว เชือดแกะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเงินของราชสำนักประกอบกับภัยพิบัติยังไม่ได้รับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ ราคาสินค้าต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าที่เคย ไม่เพียงชาวบ้านทั่วไปที่ลำบาก แม้แต่ราชสำนักเองยังแทบรับไม่ไหวตามที่กรมครัวเรือนคำนวณไว้ ค่าเลี้ยงฉลองทั้งหมดจะต้องใช้เงินอย่างน้อยสามถึงสี่แสนตำลึง และนี่เป็นเพียงค่าเลี้ยงฉลองเท่านั้น ยังมีค่าตอบแทนวีรกรรมรบ ค่าชดเชยสำห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 654

    สวีฉังชิง เป็นหนึ่งในขุนนางที่ซื่อสัตย์และใสสะอาดที่สุดในราชสำนักต้าฉินหลี่เฉินเคยเห็นกับตาตอนที่สวีฉังชิงตกอยู่ในปัญหาครั้งก่อน และหลี่เฉินได้ไปที่บ้านของเขาดังนั้น เมื่อได้ยินคำบ่นอย่างขุ่นเคืองของสวีฉังชิง หลี่เฉินก็เพียงแต่หัวเราะและปลอบโยนว่า “เขาทำหน้าที่ของเขา เจ้าจะไปถือสาอะไรกับเขา”ถ้าเปรียบเทียบกับสวีฉังชิง เหอคุนคือคนอีกขั้วหนึ่งโดยสิ้นเชิงเหอคุนเต็มไปด้วยความลื่นไหล ไหวพริบ และความโลภ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับลักษณะของสวีฉังชิงโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ สวีฉังชิงจึงไม่ชอบเหอคุนตั้งแต่แรกเห็นในแง่คุณสมบัติ เหอคุนอาจดูเหมือนเต็มไปด้วยข้อเสีย หลี่เฉินไม่มีทางสนใจแน่แต่สิ่งที่หลี่เฉินให้ความสำคัญคือ ความสามารถในการทำงานของเหอคุนคนอย่างเหอคุน หากไม่ได้มีพื้นเพต่ำต้อย คงจะมีอนาคตในราชสำนักที่ไกลกว่าสวีฉังชิงมากสวีฉังชิงเหมาะกับการทำงานหนักแบบไม่หวังผลตอบแทน แต่เหอคุน คือคนที่สามารถจับจุดอ่อนของปัญหา และหาทางแก้ไขให้หลี่เฉินได้อย่างชัดเจนและนี่คือสิ่งที่กลบข้อเสียส่วนใหญ่ของเหอคุนได้เมื่อเห็นว่าสวีฉังชิงยังคงแสดงความไม่พอใจ หลี่เฉินจึงกล่าวว่า “เจ้ากับเขามีบุคลิกแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 653

    “หากองค์ชายจำพวกท่านไม่ได้ พวกท่านก็เหนื่อยเปล่า”คำพูดของเหอคุนทำให้ขุนนางทั้งสามคนพยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง“ใต้เท้าเหอ ตำแหน่งคนแรกที่ส่งของกำนัลก็ถูกใต้เท้าเหอแย่งไปแล้ว พวกเราจะส่งของที่ดี ก็ไม่มีปัญญาเสียด้วยซ้ำ” ขุนนางวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่นเหอคุนส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หากว่ากันด้วยความดีเยี่ยม อย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะเหล่าขุนนางชั้นสูงหรือราชวงศ์ พวกเขามีสมบัติล้ำค่ามากมาย เราไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว”“แต่พวกท่านลองคิดดู ทำไมองค์ชายถึงทำเช่นนี้? ก็เพราะอยากดูว่าใครในราชสำนักมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ใช่หรือไม่?”“ลองเปรียบเทียบดู พ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่งที่มีทรัพย์สินมหาศาล บริจาคเงิน 100 ตำลึง เทียบกับคนธรรมดาที่ขายทุกอย่างจนรวบรวมได้เพียง 10 ตำลึง สำหรับองค์ชาย อันไหนจะมีค่าน่าจดจำมากกว่ากัน? พวกท่านคิดว่าองค์ชายต้องการเงินของพวกท่านจริงหรือ?”เหอคุนแสร้งทำสีหน้าชื่นชม พร้อมประสานมือไปยังทิศที่เป็นพระที่นั่งสีเจิ้ง กล่าวว่า “องค์ชายทรงพระปรีชาสามารถ มิอาจเปรียบได้กับคนธรรมดาเช่นเรา องค์ชายทรงต้องการดูว่า ใครในราชสำนักที่ภักดีและมีจิตใจถวายความจงรักภักดี ซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 652

    “จะคุยอะไรกันได้อีก ก็คงไม่พ้นแผนการจัดการข้า”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คราวนี้ จ้าวเสวียนจีคงจนตรอกแล้ว”“เพิ่มการเฝ้าระวังให้มากขึ้น ข้าต้องรู้ว่าพวกเขาทำอะไรและพบใครในช่วงไม่กี่วันนี้”เฉินทงโค้งคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเฉินทงจากไป เหอคุนก็เข้ามาพบหลี่เฉิน“ทูลองค์ชาย เมื่อครู่มีขุนนางสามคนเข้ามาส่งของกำนัลเงินช่วยงาน พระองค์จะทอดพระเนตรบัญชีของกำนัลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เหอคุนเอ่ยถามหลี่เฉินส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนจัดการไป ข้าจะดูบัญชีทั้งหมดตอนสุดท้าย ข้าคงไม่มีเวลามาดูทีละคน”เหอคุนพลันคิดบางอย่าง ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย กระหม่อมขอพระราชทานสิทธิในการดำเนินการตามดุลยพินิจ กระหม่อมมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดของกำนัลได้อย่างน้อยสามส่วน”หลี่เฉินหยุดชะงักเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากำลังเอามีดจ่อคอเพื่อนร่วมงานของเจ้าเอง ไม่กลัวพวกเขาเล่นงานเจ้าในที่ลับหรือ?”เหอคุนยิ้มกว้าง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่กระหม่อมมีองค์ชายเป็นที่พึ่ง กระหม่อมไม่กลัวสิ่งใด อีกอย่าง กระหม่อมมั่นใจว่าจะทำให้พวกเขายินดีมอบเงินเพิ่มอย่างเต็มใจ”“ได้ เจ้าไปจัดการเถอะ”หลี่เฉินโบกม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 651

    ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มของจ้าวเสวียนจีกับตำหนักบูรพาจะถึงจุดแตกหักโดยสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ที่เปราะบางจะถูกทำลาย และไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมอีกต่อไปนี่คือสิ่งที่จ้าวเสวียนจีและหลี่เฉินต่างพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้ เวลานั้นก็มาถึงจางปี้อู่เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าเราทำการเคลื่อนไหวใหญ่โต หน่วยบูรพาคงไม่พลาดที่จะสังเกตเห็น…”“แล้วจะอย่างไร?”จ้าวเสวียนจีลุกขึ้นยืน ท่ามกลางร่างกายที่ชราภาพกลับเปล่งไปด้วยอำนาจ เขากล่าวเสียงดังว่า “ข้ารับราชการมาเกินสี่สิบปี อยู่ในคณะเสนาบดีมานานเกือบยี่สิบปี หน่วยบูรพาเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้?”“หากพวกมันกล้าลงมือ ก็ให้กองทัพเข้าบุกตำหนักบูรพาเสีย!”แววตาและคิ้วที่ขาวของจ้าวเสวียนจีเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว เขากล่าวต่อด้วยเสียงเย็นเยือกท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของจางปี้อู่และฟู่อวี้จือว่า “ฝ่าบาททรงประชวร องค์รัชทายาทโง่เขลาและไร้ศีลธรรม ในฐานะขุนนาง เราทำได้เพียงเสี่ยงเพื่อปกป้องรากฐานของต้าฉิน”ครึ่งชั่วยาวต่อมา จางปี้อู่และฟู่อวี้จือออกจากจวนจ้าวที่หน้าประตูมีเกี้ยวสองคันจอดรออยู่“สหายจาง”ขณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 650

    ในการควบคุมอำนาจทางการเงิน มีคนหนึ่งที่ต้องกำจัดให้ได้ไม่ต้องสงสัย คนคนนั้นคือ จ้าวเสวียนจีหลี่เฉินโยนบัญชีของกำนัลของเหอคุนลงข้างตัว พลางเรียกวั่นเจียวเจียวเข้ามาด้วยเสียงดัง “มาแต่งตัวให้ข้า”ในเมืองหลวง ณ จวนจ้าวหลังจากออกจากตำหนักบูรพา จ้าวเสวียนจีได้สั่งคนไปตามจางปี้อู่ และฟู่อวี้จือ สองขุนนางร่วมตำแหน่งมหาเสนาบดีในคณะเสนาบดีไม่นานหลังจากที่จ้าวเสวียนจีเดินทางกลับถึงจวนจ้าว สองคนก็รีบร้อนมาถึงฟู่อวี้จือและจางปี้อู่พบกันที่หน้าประตู ทั้งสองสบตากัน แต่กลับไม่เห็นหวังเถิงฮ่วนจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในไม่ช้า จ้าวเสวียนจีก็เรียกทั้งสองเข้ามายังห้องหนังสือ“ผู้อาวุโส วันนี้ตำหนักบูรพามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฟู่อวี้จือถามถึงเรื่องเย่ลู่ฉีหมิงที่ถูกสังหารแม้เมืองหลวงจะใหญ่และผู้คนมากมาย แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่สามารถปิดบังสองขุนนางอาวุโสได้ พวกเขาทราบข่าวอย่างรวดเร็วว่าเย่ลู่ฉีหมิงเกิดเรื่อง แต่รายละเอียดนั้นพวกเขายังไม่รู้ เนื่องจากจ้าวเสวียนจีและหวังเถิงฮ่วนเป็นผู้ไปตำหนักบูรพาจ้าวเสวียนจีจิบชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่มีคำตอบ ก็คือคำตอบของตำหนั

DMCA.com Protection Status