Share

บทที่ 389

Author: ไห่ตงชิง
เสียงตะโกนด่ารอบที่สอง ทำให้หลี่เฉินมีน้ำโหขึ้นมาจริงๆ

เขาหมุนตัวเดินต่อไปยังสวนอี้เหม่ย และพูดอย่างใจเย็นกับผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพรที่ขับรถของตัวเองว่า “จัดการให้เรียบร้อย”

ผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพรคำนับหลี่เฉิน จากนั้นก็หันหน้ากลับมา และเดินไปหาข้ารับใช้ด้วยรอยยิ้มที่เหี้ยมกริบ

ข้ารับใช้ไม่รู้ว่าความตายกำลังใกล้เข้ามา จึงเอาแต่ตะโกนด่าทอไม่หยุด

“เจ้ารู้ไหมว่าคุณชายของข้าคือใคร? เขาเป็นบุตรชายของมหาอำมาตย์พระที่นั่งอู่อิง ​​ถ้าฉลาดพอก็รีบมาคุกเข่ายอมรับความผิดกับคุณชายของข้าซะ บางทีอาจจะมีโอกาส...”

ถ้าพูดกับคนอื่นก็ช่างเถอะ

แต่ผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพรได้รับคำสั่งมาจากหลี่เฉิน อย่าว่าแต่ลูกชายของจางปี้อู่เลย ต่อให้จางปี้อู่มาเอง เขาก็กล้าฆ่า

ดังนั้นก่อนที่ข้ารับใช้ที่กำลังรนหาที่ตายจะพูดจบ องครักษ์เสื้อแพรก็คว้าคอของเขาไว้

กร๊อบ

เสียงกังวานพลันดังขึ้น

นั่นคือเสียงหักกระดูกคอ

แม้จะเห็นชีวิตมนุษย์ปลิดปลิวไป แต่ผู้คนรอบข้างไม่เพียงแต่จะไม่กลัว กลับส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมา

ตอนนั้นเอง เจ้าของรถม้าก็ออกมา

จางหวังหยางเหลือบมองข้ารับใช้ที่เสียชีวิตขอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 390

    “ขอรับ!”ผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพรตอบรับเสียงดังด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ไม่ให้โอกาสจางหวังหยางได้โต้ตอบ เขายกขาขึ้นแล้วเตะข้อพับของจางหวังหยางสามารถเป็นผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพร และได้รับมอบหมายจากซานเป่าให้มาคุ้มกันหลี่เฉิน ก็แสดงให้เห็นว่าวรยุทธ์และความสามารถของเขานั้นไม่ธรรมดาดังนั้นลูกเตะนี้ จางหวังหยางไม่มีทางต้านทานได้เลย เขาร้องโหยหวนออกมา ก่อนที่เข่าของเขาจะกระแทกลงกับพื้นหิมะอย่างแรงความเจ็บปวดนี้ทำให้จางหวังหยางถึงกับหน้าบิดเบี้ยว และหลั่งเหงื่อออกมาจิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว แต่ผู้บังคับกองพันองครักษ์เสื้อแพรใช้มือแค่ข้างเดียวกดไหล่ของเขา ก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่กดทับร่างกาย จนขยับตัวไม่ได้ “เจ้าเป็นใคร!”จางหวังหยางที่เสียหน้าและเสียศักดิ์ศรีก็คำรามด้วยความโกรธ “บอกชื่อของเจ้ามาซะ ข้าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมาน!” “เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้”หลี่เฉินพูดอย่างเฉยเมย “อยากแก้แค้นเหรอ? ได้ ข้าจะอยู่ที่สวนอี้เหมย และรอดูว่าใครจะกล้ามาช่วยเจ้า?”สิ้นเสียงของหลี่เฉิน เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากสวนอี้เหม่ยเสียงหัวเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 391

    เมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้น ฝูงชนก็พากันตื่นเต้น ทุกคนต่างตั้งตารอการมาถึงของคุณชายจ้าวไท่ไหล ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าตระกูลจ้าวและตระกูลจางเป็นพันธมิตร? แม้แต่จ้าวไท่ไหลและจางหวังหยางก็เป็นสหายคนสนิทที่มีบุคลิกคล้ายกันตอนนี้จางหวังหยางกำลังเสียเปรียบ ถ้าจ้าวไท่ไหลมาเห็นเข้า เขาจะปล่อยมันไปง่ายๆ หรือ?จางหวังหยางได้ยินเสียงตะโกนของฝูงชน จึงหันศีรษะไปมอง และเห็นรถม้าของจ้าวไท่ไหลแล่นเข้ามา ทันใดนั้น จางหวังหยางก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบน้ำตาไหลไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการได้พบกับผู้ช่วยให้รอดในช่วงเวลาที่สิ้นหวังเช่นนี้ “พี่จ้าว! มาช่วยข้าเร็วเข้า!” เสียงตะโกนของจางหวังหยาง ทำให้รถม้าหยุดลงจ้าวไท่ไหลลงจากรถม้าด้วยสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นจางหวังหยางถูกคนกดตัวให้คุกเข่าลงกับพื้น จ้าวไท่ไหลก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “พี่จาง ทำไมท่านถึงอยู่ในสภาพนี้? ใครกล้าให้ท่านคุกเข่าเช่นนี้?”จ้าวไท่ไหลเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหลี่เฉินดูโดดเด่นสะดุดตาในหมู่ฝูงชน ครั้งสุดท้ายที่เห็นหลี่เฉิน เขาถูกทำให้รู้สึกอับอายที่หอเถิงหวัง ครั้งนี้ หลังจากห่างหายไปหลายเดือน ศัตรูเก่าก็หวนกลับมาพบหน้ากันอีก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 392

    “ข้าน้อยพบคุณชาย”เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของหลี่เฉิน ชายวัยกลางคนจึงก้มหน้า ขณะเดียวกันก็ดึงจ้าวไท่ไหลไปอยู่ข้างหลังตน“ก่อนจะออกมา นายท่านเคยกำชับไว้ว่า คุณชายไม่ได้รับอนุญาตให้ก่อปัญหา หากล่วงเกินคุณชายท่านนี้ ข้าน้อยต้องขออภัยด้วย”จ้าวไท่ไหลจำชายวัยกลางคนผู้นี้ได้ และรู้ว่าเขาเป็นคนสนิทของท่านพ่อ ทันใดนั้นอารมณ์ที่ซับซ้อนก็ปรากฏขึ้นในใจแน่นอนว่าท่านพ่อคอยระวังเขาและส่งคนมาติดตามเขาจริงๆแต่ก็โชคดีที่มีคนติดตามมาด้วย ไม่เช่นนั้น เกรงว่าวันนี้เขาคงจะเสียเปรียบไปแล้วไม่ว่าอย่างไร จ้าวไท่ไหลก็ไม่กล้าโต้แย้งชายผู้นี้ เพราะการตำหนิชายวัยกลาง ก็เท่ากับต่อต้านบิดาของตัวเอง หลี่เฉินหรี่ตาเล็กน้อย ดูจากทัศนคติของชายวัยกลางคนที่มีต่อเขา เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงจะรู้ตัวตนของเขาแล้ว“ท่านราชเลขาช่างรักลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจริงๆ” หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบชายวัยกลางคนไม่กล้าตอบ หลังจากคำนับหลี่เฉินแล้ว เขาก็ลากจ้าวไท่ไหลออกไปจ้าวไท่ไหลกลับรู้สึกกังวลเขามาที่นี่เพื่อช่วยจางหวังหยาง ถ้าเขาจากไปแบบนี้ เขาจะสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมด! “พาพี่จางมาด้วย!”คำพูดของจ้าวไท่ไหล ทำให้ชายวัยกลางคนขมวด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 393

    คำเชิญอย่างจริงใจของรัฐทายาทเหวินอ๋อง ในสายตาของคนนอก ดูเหมือนนี่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความหวาดกลัวภูมิหลังอันลึกลับของหลี่เฉินจึงถ่อมตัวลง แต่หลี่เฉินรู้ว่ามันไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น เขาไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ตกลง เข้าไปด้วยกันเถอะ”ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะ ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างพวกเขาจางหายไปจนหมด และพวกเขาก็เข้าไปในสวนอี้เหม่ยด้วยกันในทางตรงกันข้าม จางหวังหยาง หลังจากลุกขึ้นมาด้วยความอับอาย เขาก็ไม่มีหน้าที่จะเข้าร่วมการชุมนุมกวีอีกต่อไป เขาจึงลุกขึ้นและจากไปด้วยความอับอายส่วนคนอื่นๆ กำลังคาดเดาตัวตนของหลี่เฉินอย่างมีความสุข ไม่มีใครสนใจว่าจางหวังหยางจะไปที่ไหน“สวนอี้เหมยเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่งดงามที่สุดของเมืองหลวง โดยเฉพาะในช่วงกลางฤดูหนาว เพราะดอกบ๊วยจะบานสะพรั่งอย่างเต็มที่ มีดอกบ๊วยรวมกว่า 20 สายพันธุ์ อาจกล่าวได้ว่าทุกสายพันธุ์ที่สามารถพบเห็นได้ในประเทศ ล้วนสามารถพบได้ในสวนอี้เหมย”ในระหว่างการสนทนากับหลี่เฉิน รัฐทายาทเหวินอ๋องมีท่าทางอ่อนโยนและช่างพูด ดูเหมือนจะสามารถสนทนาได้ทุกหัวข้อในขณะที่กำลังแนะนำสถานที่ต่างๆ ในสวนอี้เหมยอย่างคล่องแคล้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 394

    เขาจ้องมองอย่างดุเดือดไปที่คนที่เขาด่าเป็นครั้งที่สอง หลี่เฉินคร้านจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา จึงดึงซูจิ่นพ่าจากไปแม้จะรู้สึกว่าการกระทำของหลี่เฉินนั้นป่าเถื่อนและกล้าหาญเกินไป ซูจิ่นพ่าลองบิดข้อมือดูก็พบว่าไม่สามารถสลัดมือออกมาได้ จึงต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเอง...มันไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้วทั้งสองมาถึงสถานที่ที่เงียบสงบและยืนอยู่ใต้ดอกบ๊วย หลี่เฉินขมวดคิ้วและพูดว่า “แมลงวันตอมเจ้ามากมายเช่นนี้ เจ้าทนไหวหรือ?”ซูจิ่นพ่าที่เพิ่งดึงมือออกจากมือของหลี่เฉินได้ จึงกล่าวเสียงเบาว่า “ข้าชินแล้ว”“ดูเหมือนข้าต้องให้คนในวังรีบไปสู่ขอเจ้าโดยเร็ว รอจนมีการประกาศข่าวออกมา ทุกคนจะรู้ว่าเจ้าคือพระชายาองค์รัชทายาทในอนาคต คนพวกนั้นถึงจะตัดใจ” หลี่เฉินกล่าวอย่างจริงจังเมื่อเห็นว่าหลี่เฉินจริงจังกับสิ่งที่เขาพูด ซูจิ่นพ่าจึงพูดอย่างโกรธเคือง “พูดจาไร้สาระ มีการกำหนดวันเวลาอันเป็นมงคลแล้ว จะยอมให้เจ้าเปลี่ยนตามใจชอบได้อย่างไร?”“เจ้าไม่อยากอภิเษกสมรสไม่ใช่หรือ? ตอนนี้มากังวลเรื่องวันเวลาอันเป็นมงคลซะแล้ว” หลี่เฉินกล่าวยิ้มๆซูจิ่นพ่ารู้ว่าตัวเองถูกหลี่เฉินหลอกอีกแล้ว จึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ อย่าง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 395

    “เจ้าหมอนี่มาจากไหนกันนะ? เหตุใดคุณหนูซูถึงนั่งข้างเขา!”“ไม่รู้สิ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ดูไม่คุ้นหน้าเลย”“จุ๊ๆ พวกเจ้าสองคนเงียบเสียงหน่อยเถอะ ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว ตอนที่ข้าอยู่ข้างนอก ข้าเห็นเขาทะเลาะกับคุณชายจาง จางหวังหยาง แม้ว่ารัฐทายาทจะมาไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง และต่อมาคุณชายจ้าว จ้าวไท่ไหลจะมาถึง แต่คนผู้นี้กลับไม่ไว้หน้าใครเลย”“พวกเจ้าลองเดาผลดูสิ เขาไม่เพียงแต่จะทำให้คุณชายจางต้องคุกเข่าบนพื้นหิมะ แต่ยังทำให้คุณชายจ้าว จ้าวไท่ไหลต้องจากไปอย่างสิ้นหวังอีกด้วย”“ซี๊ด...คนผู้นี้บ้าไปแล้วจริงๆ เขาล่วงเกินคนใหญ่คนโตถึงสามคน อยู่ห่างๆ เขาไว้จะดีกว่า”งานชุมนุมกวียังไม่ได้เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์หลี่เฉินก็เริ่มดังสนั่นแล้ว บางครั้งก็มีคำพูดสองสามคำที่ลอยเข้ามาในหูของหลี่เฉิน และทำให้หลี่เฉินต้องหัวเราะออกมา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจพวกเขาเท่าไหร่นัก ในทางตรงกันข้าม ซูจิ่นพ่าฟังด้วยความสนใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินใครบางคนอธิบายว่าหลี่เฉินเป็นสัตว์ประหลาดมาจากไหน ก็อดไม่ได้ที่จะปิดปากและยิ้มออกมาอย่างภูมิใจมากหลี่เฉินจ้องมองนางแต่ไม่ได้พูดอะไรมากตอนนั้นเอง ก็มีคน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 396

    ประโยคนี้พูดอย่างไม่เห็นแก่ตัวและเหมาะสมอยู่บนเวทีเหล่าชนชั้นสูงรุ่นที่สองของเมืองหลวงที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็ยกย่องความมีน้ำใจของรัฐทายาทเหวินอ๋องเป็นอันดับแรกด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยน สุภาพ นอบน้อม แต่สง่างามของรัฐทายาทเหวินอ๋อง ก็ได้ดึงดูดความสนใจของเหล่าสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ในขณะนั้น ก็มีผู้กล้าสองสามคนเริ่มถามรัฐทายาทเหวินอ๋องว่าแต่งงานแล้วหรือยัง“เจ้ารู้สึกอย่างไร?” หลี่เฉินเอนตัวไปกระซิบที่ข้างหูของซูจิ่นพ่าซูจิ่นพ่ากำลังฟังคำพูดของรัฐทายาทเหวินอ๋อง จนไม่ทันระวังหลี่เฉินก็สะดุ้งตกใจ นางผลักหลี่เฉิน และบอกให้เขานั่งดีๆ อย่าอยู่ใกล้นางมาก จากนั้นก็พูดว่า “บุคลิกสง่างาม วาจาไพเราะ ลีลาการสนทนาพาทีเหนือขั้น ช่างไร้ที่ติ” “ดูหน้าซื่อใจคดนิดหน่อย” หลี่เฉินพูดอย่างเฉยชาซูจิ่นพ่าพูดยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าอิจฉาเพราะคนอื่นหลีกเลี่ยงเจ้าเหมือนเจองูหรือแมงป่อง แต่พวกเขากลับแห่แหนกันไปหาเขาหรือเปล่า?” “อิจฉา?”หลี่เฉินหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “เจ้าให้หน้าเขาเกินไปแล้ว”ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับพวกเขา จ้าวไท่ไหลรู้สึกอิจฉามากจนดวงตาร้อนผ่าว เมื่อมองดูพวกเขาสองพูดคุยและหัวเราะกันเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 397

    การโต้แย้งของจ้าวไท่ไหลนั้นเกินความคาดหมายของทุกคนแม้แต่หลี่เฉินยังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยจ้าวไท่ไหลพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “สิ่งที่ราชสำนักทำ ย่อมเป็นเจตนาของราชสำนักอยู่แล้ว พวกเราแค่ดูมัน แสดงความคิดเห็นของเราได้ แต่รัฐทายาท ท่านกลับสนับสนุนทุกคนให้เป็นปรปักษ์กับราชสำนักอย่างเปิดเผย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คงจะมีคนถามไม่น้อยว่ารัฐทายาทคิดจะทำอะไร”“จู่ๆ ก็เกิดตรัสรู้ขึ้นมา?” ซูจิ่นพ่ามองหลี่เฉินด้วยความสับสน หลี่เฉินส่ายหัว แต่ไม่พูดอะไรบรรยากาศที่อบอุ่นแต่เดิมตอนนี้กลับเย็นลงทันที เนื่องจากจ้าวไท่ไหลแสดงท่าทีต่อต้านรัฐทายาทเหวินอ๋องรัฐทายาทเหวินอ๋องไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่วงเกิน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร จ้าวไท่ไหลกลับล่วงเกินไม่ได้ยิ่งกว่าไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์จ้าวไท่ไหลเพื่อรัฐทายาทเหวินอ๋อง บางคนถึงกับคิดว่าสิ่งที่จ้าวไท่ไหลพูดนั้นค่อนข้างถูกต้อง...รัฐทายาทเหวินอ๋องครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไมจ้าวไท่ไหลถึงต่อต้านเขา แทนที่จะโกรธ เขากลับประสานมือให้จ้าวไท่ไหลอย่างสุภาพและพูดว่า “คุณชายจ้าว โปรดให้อภัยที่ข้าอธิบายไม่ชัดเจนนัก ข้าหมายความว่ากลยุทธของรา

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status