แชร์

บทที่ 373

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-17 18:00:01
ในพระที่นั่งสีเจิ้ง อากาศอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ

แสงไฟที่พลิ้วไหวส่งเสียงปะทุเป็นครั้งคราว แต่ไม่อาจขัดขวางหลี่เฉินกับซานเป่าที่กำลังพูดคุยอยู่ในพระที่นั่งสีเจิ้ง

“จับได้กี่คน?”

หลังจากหลี่เฉินนั่งลง เขาก็ถามเข้าประเด็นทันที

ซานเป่ารีบตอบกลับไปว่า “ในการค้นหานี้ พวกเราพบมือสังหารทั้งหมดสามคน หนึ่งในนั้นถูกฆ่าเนื่องจากขัดขืน ส่วนอีกสองคนได้รับบาดเจ็บและถูกองครักษ์เสื้อแพรกับองครักษ์อวี่หลินล้อมจับไว้ได้”

“สามคน?”

หลี่เฉินขมวดคิ้วแน่น “มีสตรีศักดิ์สิทธิ์และหญิงแก่รวมด้วยหรือเปล่า?”

ซานเป่าพูดด้วยความอับอายว่า “ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ ตอนนี้ยังไม่ทราบข่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของหลี่เฉินพลันเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร

บางครั้ง ข้อดีของความเงียบไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างชายหญิง แต่ในสนามรบของอำนาจ ความเงียบของผู้บังคับบัญชา มักจะสร้างความกดดันให้กับผู้ใต้บังคับบัญชามากยิ่งขึ้น

ตามที่คาด ซานเป่ารู้สึกได้ถึงความกดดันและความไม่พอใจจากฝ่าบาท จึงรีบพูดขึ้นมาทันที “ฝ่าบาท โปรดให้เวลาบ่าวเพิ่มอีกสักหน่อย ประตูทางเข้าเมืองทุกด้านและสถานที่ที่สามารถออกจากเมืองหลวงได้น
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 374

    “ข้าดูจากรูปลักษณ์ภายนอก คำพูด และการกระทำของเจ้า เจ้าจะต้องเป็นชาวต้าฉินอย่างแน่นอน ไม่ใช่พวกชาวต่างชาติ”“ในเมื่อเจ้าเป็นชาวต้าฉิน เจ้ากินอาหารที่ปลูกโดยชาวต้าฉิน สวมเสื้อผ้าที่ทอโดยช่างปักของต้าฉิน และเดินไปตามถนนหลวงที่สร้างโดยช่างฝีมือของต้าฉิน นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็เพลิดเพลินไปกับความสะดวกสบายที่ทางราชสำนักต้าฉินและเหล่าขุนนางสร้างให้กับสังคม”“เจ้าสามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ ก็เพราะต้าฉินได้มอบสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้กับเจ้า สร้างสังคมที่ไม่ต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อล่าสัตว์และดื่มเลือดทุกวัน”“ทหารต้าฉินเฝ้าอยู่ที่ชายแดน คอยหลั่งเลือดอยู่ในสนามรบ ต่อต้านศัตรูจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องราษฎร์ดรต้าฉินที่อยู่ข้างหลังพวกเขา”“ขุนนางต้าฉิน บริหารจัดการท้องถิ่น เก็บภาษีและบรรเทาภัยพิบัติ สร้างเมืองและพัฒนาถิ่นทุรกันดาร ทำให้สังคมและประเทศเจริญรุ่งเรือง”“เชื้อพระวงศ์ต้าฉิน ใช้ทักษะการเมืองและการทหาร คอยบัญชาการเหล่าทหารนับล้านและเหล่าบัณฑิตวิชาการ ทำให้ประชาชนเช่นเจ้า มีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าให้สวม มีถนนหลวงให้ใช้ มีบ้านเมืองให้เจ้าได้อยู่อาศัยอย่างปลอดภัย”ฝ่าเท้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-17
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 375

    “ไปตรวจสอบประวัติของพวกมันให้ข้า”หลี่เฉินชี้ไปที่มือสังหารที่ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ ด้วยสีหน้าอันบ้าคลั่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า “ตรวจสอบทุกเบาะแสของพวกมัน เพื่อค้นหาทะเบียนบ้าน ภูมิลำเนา ญาติในครอบครัว ทั้งที่ตายไปแล้วและที่ยังเหลืออยู่ ตรวจสอบบรรพบุรุษของพวกมันทั้ง 18 รุ่น!”“พวกมันอยากเป็นวีรบุรุษ ได้สิ งั้นนับรวมพ่อกับแม่ไปด้วยเลยดีไหม? ในเมื่อมีลูกเป็นวีรบุรุษ เช่นนั้นพ่อแม่และตระกูลของพวกมัน ก็สมควรออกมาอาบแสงแห่งเกียรติยศนี่ด้วยกัน”“เมื่อค้นพบบรรพบุรุษทั้งสิบแปดรุ่นของพวกมันแล้ว คนที่ตายไปแล้วให้ขุดหลุมศพขึ้นมา เปิดโลงศพแล้วบดกระดูกของพวกมัน เพื่อโปรยขี้เถ้าของพวกเขา หากยังมีชีวิต ผู้ชายให้สังหารให้หมด ส่วนผู้หญิงถ้าอยู่ในวัยที่เหมาะสมก็ส่งไปยังหอคณิกาของทางการ หากมีอายุที่ไม่เหมาะสมก็ส่งไปที่ฝ่ายแรงงาน ลงทะเบียนเป็นทาส ไม่อนุญาตให้พลิกสถานะตลอดชีวิต!” หลังจากออกคำสั่ง ชายร่างอ้วนและชายร่างผอมก็มีสีหน้าซีดเซียวในทันทีอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เหล่าองครักษ์เสื้อแพรที่คุ้นเคยกับความโหดร้ายก็ยังตกใจกลัว การทรมานดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าโหดร้ายถึงแก่นแท้ นี่ไม่ใช่แค่กรณีของค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 376

    สีหน้าของซานเป่าพลันเคร่งขรึม เขาสงสัยด้วยซ้ำว่าฝ่าบาทเคยต่อกรกับสำนักบัวขาวมาก่อนแล้วหรือไม่มิฉะนั้นจะรู้พฤติกรรมของสำนักบัวขาวได้อย่างไร? ซึ่งในความเข้าใจของซานเป่าที่มีต่อสำนักบัวขาว พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ใครมีชีวิตอยู่จริงๆอู๋เจียงอี้ผู้น่าสงสารคงคิดไม่ถึงว่า เมื่อข่าวที่เขาถูกจับทั้งเป็นแพร่กระจายออกไป วันนั้นก็คือวันตายของแม่เขา “ฝ่าบาท บ่าวมีแผน”ซานเป่าลดเสียงลงและพูดว่า “บ่าววางแผนที่จะประกาศข่าวว่าสองคนนี้ถูกจับทั้งเป็น จากนั้นก็เลือกวันสอบสวนและสังหารต่อหน้าสาธารณชน ด้วยวิธีนี้ สำนักบัวขาวจะต้องมาช่วยคนอย่างแน่นอน พวกเขาสองคนคือเหยื่อล่อชั้นดี” หลี่เฉินเข้าใจทันทีว่าซานเป่าหมายถึงอะไร เขามองขันทีที่มีน้ำเสียอยู่เต็มท้องอย่างรังเกียจ ก่อนจะโบกมือแล้วพูดว่า “เจ้าจัดการตามที่เห็นสมควรเถอะ”แต่หลี่เฉินไม่รู้ว่ากระบวนการทั้งหมดที่เขาจัดการกับมือสังหารสองคนนั้น ถูกจับตามองด้วยดวงตาสองคู่ ในมุมบอดของห้องด้านข้างพระที่นั่งสีเจิ้ง ย่าเมิ่งโกรธจัดจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางปรารถนาจะออกไปสับหลี่เฉินออกเป็นชิ้นๆ ด้วยความโกรธเมื่อเห็นว่าอู๋เจียงอี้ต้องการที่จะสารภาพ เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 377

    สตรีศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ความจริงแล้ว นางมั่นใจว่าตัวเองนั้นสามารถพาย่าเมิ่งหลบฝ่ามือของขันทีซานเป่าได้ หรือจะกล่าวตรงๆ ก็คือ ย่าเมิ่งตายเปล่าแต่ที่เรื่องมาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะสตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกย่าเมิ่งหาเหามาใส่หัวไม่ขาดสาย นางจึงไม่สนใจย่าเมิ่งอีกต่อไป ไม่ว่าความสัมพันธ์จะดีแค่ไหน แต่ถูกทำให้ลำบากซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันก็ทนไม่ไหวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่กล่าวสิ่งใด ร่างอันบอบบางพุ่งทะยานไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็วดุจเทพเซียนส่วนย่าเมิ่งที่ตั้งใจจะตายอยู่แล้ว ก็ใช้หน้าอกของนางรับพลังฝ่ามือของซานเป่าเข้าอย่างจัง ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกมาจากปาก ท่าทางของนางดูเหมือนแสงสายัณห์ของตะวันรอน[footnoteRef:1] นางเปิดปากที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วพุ่งเข้าหาซานเป่าด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่ง [1: แสงสายัณห์ของตะวันรอน อุปมาว่า สีหน้าดูสดใสขึ้นก่อนที่จะตาย] “กำเนิดมาจากโคลนตมผลิบานในความโกลาหล ดอกบัวขาวจงเจริญ!”“มีนางเฒ่าคนนี้อยู่ เจ้าอย่าหวังว่าจะจับสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้!”ซานเป่าที่ถูกถ่วงเวลาก็ระเบิดความโมโหออกมา เขากระแทกฝ่ามือไปที่ร่างของย่าเมิ่งอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้งย่าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 378

    กลางคืนเย็นเหมือนน้ำ หิมะเย็นเหมือนน้ำแข็งสุรารสร้อนแรงไหลเข้าไปในลำคอของเขา และก่อนที่ความเผ็ดร้อนของสุราจะออกฤทธิ์ หัวของหลี่เฉินก็พลันเย็นยะเยือกขึ้นมาทันทีที่เขาเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ หลี่เฉินก็เกือบตะโกนเรียกทหารองค์รักษ์ แต่จู่ๆ คำพูดนั้นก็ติดค้างที่ริมฝีปาก เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีเหตุผลเลยที่ตัวเขาเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไม่เห็นเขาเพราะมีความเป็นไปได้ว่าตอนที่เขาปีนขึ้นหลังคามาหาที่ตายด้วยตัวเองนั้น สตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนั่งรอคอยกระต่าย[footnoteRef:1] ก็จะฆ่าเขาทันทีด้วยการโบกมือครั้งเดียว [1: นั่งรอคอยกระต่าย อุปมาว่า มีความคิดที่ไม่ได้เรื่องแต่บังเอิญประสบความสำเร็จ] หากคิดเรื่องนี้จากมุมมองของสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลี่เฉินคงหัวเราะแทนนางซะด้วยซ้ำ เพราะจู่ๆ ก็มีพายตกลงมาจากฟ้าแต่ความจริงก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์นอนแน่นิ่งอยู่บนหลังคากระเบื้อง สวมเสื้อผ้าสีขาวราวกับหิมะ ซึ่งกลมกลืนไปกับหิมะสีขาวที่อยู่รอบๆ ทำให้การอำพรางตัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ถ้าหากไม่เข้าไปใกล้ก็จะมองไม่ออก เมื่อพิจารณาอย่างใกล้ชิด หลี่เฉินก็พบว่าดวงตาของสตรี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 379

    ผิวบอบบางไร้ที่ติเหมือนดั่งไข่ปอก ความเนียนละเอียดยิ่งไม่ต้องพูดถึงราวกับว่าพระเจ้าตั้งใจจะสร้างสตรีผู้นี้ขึ้นมา โดยไม่คิดถึงความสมดุลใดๆ เพียงเอาสิ่งที่ดีที่สุดมอบให้กับนาง ความงามประเภทนี้ สร้างภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายและบริสุทธิ์ในสมัยโบราณ เพื่อทำให้นางเปาซื่อยิ้มออกมา โจวโยวอ๋องจึงจุดไฟสัญญาณหลอกเจ้าเมืองหรือนางปีศาจจิ้งจอกต๋าจี่ที่ทำให้ประเทศชาติต้องล่มจม เพราะนางเปลี่ยนโจ้วอ๋องผู้ชาญฉลาดให้กลายเป็นเผด็จการที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ยังมีอู๋ซานกุ้ยของราชวงศ์ก่อนที่ลุ่มหลงในเฉินหยวนหยวน เขาโกรธจนไฟลุกเพื่อโฉมงามแต่สตรีเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นความสวยและความงดงามนั้นแตกต่างกัน ความสวย จำกัดอยู่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น หากมองแล้วสบายตา ก็เรียกว่าสวยงาม แต่ความงดงาม ความสวยเป็นเพียงรากฐาน และต้องมีอะไรแฝงมากกว่านั้นจึงจะเรียกว่างดงามได้ยกตัวอย่างเช่น จ้าวชิงหลานที่สูงส่งมีเกียรติจนหาใครเทียบไม่ได้ หรือจ้าวหรุ่ยที่มีเสน่ห์ราวกับสายน้ำ และซูจิ่นพ่าที่มีความสง่างามและเปี่ยมไปด้วยอิสระ ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า นางงดงามแบบเยือกเย็น เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 380

    ครั้งแรกที่ต้องซ่อนตัว สตรีศักดิ์สิทธิ์เลือกซ่อนตัวอยู่ที่ตำหนักบูรพา อาจกล่าวได้ว่ากล้าหาญ ระมัดระวัง และเฉลียวฉลาดและเมื่อถูกค้นพบในตำหนักบูรพา นางก็หนีรอดไปได้เป็นครั้งที่สองด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนัก แต่นางก็ยังคงกลับมาที่ตำหนักบูรพา จุดนี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ถึงความกล้าหาญและความคิดของนาง ซึ่งอยู่เหนือคนธรรมดา ดังนั้นการประนีประนอมของนางในตอนนี้ จึงไม่น่าแปลกใจสำหรับหลี่เฉินสตรีศักดิ์สิทธิ์อาจไม่กลัวความตาย แต่ไม่ว่าจะเป็นฐานะของผู้หญิงหรือสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของสำนักบัวขาว นางจะไม่มีวันยอมให้ตัวตนทั้งสองนี้ถูกดูหมิ่น นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตายเมื่อเผชิญหน้ากับการประนีประนอมของสตรีศักดิ์สิทธิ์ หลี่เฉินก็ไม่ลังเล เขาหันกลับมาพูดกับทหารองค์รักษ์ที่อยู่ด้านล่างว่า “ไปเรียกซานเป่ามา”หลังจากทหารองค์รักษ์ส่งเสียงตอบรับ หลี่เฉินจึงหันศีรษะกลับมาอีกครั้ง และเห็นสายตาที่เย็นชาของสตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจ้องมอง“ทำไมถึงมองข้าเช่นนี้ล่ะ ข้าก็แค่กลัวว่าเจ้าจะถ่วงเวลาเพื่อฟื้นฟูพลัง เพราะท้ายที่สุดแล้วยอดฝีมืออย่างพวกเจ้า ก็อาจจะฟื้นพลังขึ้นมาได้ในหนึ่งก้านธูปและสังห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 381

    หลี่เฉินหรี่ตาลง เมื่อได้ยินชื่อนี้หลุดออกมาจากปากของสตรีศักดิ์สิทธิ์แม้จะมีการคาดเดามาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแต่ทว่าตอนนี้ก็มีหลักฐานแล้ว “จริงหรือ?” หลี่เฉินถามสตรีศักดิ์สิทธิ์เยาะเย้ยและพูดว่า “ข้าจะบอกทิศทางให้กับเจ้า เจ้าสามารถไปตรวจสอบความถูกต้องได้ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาติดต่อมาที่สำนักของเรา ทั้งที่พักสำหรับซ่อนตัวที่เมืองหลวงหรือข้อมูล เขาก็เป็นคนหามาให้” “ดีมาก”หลี่เฉินพยักหน้า เขาระงับจิตสังหารอันแรงกล้าในใจของเขา และพูดอย่างไม่แยแสว่า “ข้าเห็นความจริงใจของเจ้าแล้ว” “ข้าจะปล่อยเจ้าไป”เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์และซานเป่าก็ตกตะลึงเล็กน้อย“ตราบใดที่เจ้ายอมรับเงื่อนไขข้อหนึ่ง”เมื่อมองไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความรู้สึก หลี่เฉินก็พูดอย่างใจเย็นว่า “ร่วมมือกับหลี่อิ๋นหู่ต่อไป” สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าใจทันทีว่าหลี่เฉินหมายถึงอะไรเขาต้องนางร่วมมือกับเขาเพื่อกำจัดจ้าวอ๋องในตอนแรกสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นด้วย นางพูดว่า “การลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลว เขาจะยอมร่วมมือกับพวกเราอีกไหมก็บอกได้ยาก” “เขาจะทำเช่นนั้นอย่างแน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-19

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 658

    หลี่เฉินหรี่ตามองเย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยังคงพูดจาฉะฉานและแสดงความเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ แต่เขากลับไม่ได้ตอบโต้หรือขัดจังหวะจากท่าทีของเย่ลู่กู่จ้านฉี ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้เลยว่าจ้าวเสวียนจีมีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเหลียวหลี่เฉินอดผิดหวังไม่ได้เดิมทีเขาหวังว่าจะสามารถหาหลักฐานความผิดของจ้าวเสวียนจีได้ และเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า แต่ในเมื่อเย่ลู่กู่จ้านฉีไม่รู้อะไรเลย แผนการนี้คงต้องพับเก็บไว้ก่อน ตอนนี้ ทำได้เพียงรอให้ข่าวเรื่องเย่ลู่กู่จ้านฉีตกเป็นเชลยแพร่ไปถึงแคว้นเหลียว และหวังให้แคว้นเหลียวเป็นฝ่ายเปิดเผยความลับเองแต่ปัญหาคือ หลี่เฉินไม่สามารถควบคุมได้ว่าแคว้นเหลียวจะดำเนินการอย่างไรหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่เฉินก็หมดความสนใจที่จะสนทนากับเย่ลู่กู่จ้านฉีอีก เขาลุกขึ้นและเตรียมตัวออกไปเย่ลู่กู่จ้านฉีที่เห็นหลี่เฉินจะจากไป รีบร้อนพูดขึ้น "เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยเป็นพยานแล้วหรือ? เรื่องอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการขายชาติหรือการส่งข่าวกรอง หากเจ้าอยากให้ข้าร่วมมือ ข้าก็ยินดีทำให้"หลี่เฉินหันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า "สมองของเจ้าเหมาะจะใช้เลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าเท่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 657

    บางครั้ง คำพูดก็เป็นอาวุธที่ทำร้ายได้ลึกยิ่งกว่าคมดาบโดยเฉพาะเมื่อใช้จัดการกับคนอย่างเย่ลู่กู่จ้านฉีเขาเคยอยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ไม่เคยมีใครกล้าทำให้เขาต้องอดทนต่อความอัปยศแต่หลังจากถูกนำตัวมายังเมืองหลวงต้าฉิน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง ความลำบากใจประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อนตอนนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็กลายเป็นเพียงเชลยศึกถึงอย่างนั้น เขาก็ยังถือดีว่าหลี่เฉินจะไม่ฆ่าเขา และพยายามรักษาศักดิ์ศรีในฐานะท่านอ๋องเอาไว้แต่ศักดิ์ศรีนั้นถูกหลี่เฉินบดขยี้จนป่นปี้เย่ลู่กู่จ้านฉีจ้องหลี่เฉินด้วยสายตาแข็งกร้าว หากไม่ใช่เพราะกำลังพลด้อยกว่า เขาคงได้ฉีกหลี่เฉินเป็นชิ้นๆ ไปแล้วเขาแสยะยิ้มเยือกเย็น ก่อนเอ่ยว่า "ดีๆๆ! แต่หากข้าจับโอกาสได้สักครั้ง ข้าจะบีบกระดูกเจ้าทีละข้อจนแหลกคามือ!""พูดจาข่มขู่ ใครๆ ก็พูดได้"หลี่เฉินหัวเราะเยาะ พลางกล่าวว่า "หากการพูดเพียงอย่างเดียวทำให้ชนะได้ แคว้นเหลียวของเจ้าไม่ต้องเลี้ยงม้าบนทุ่งหญ้าแล้ว แค่นั่งอยู่ในบ้านแล้วปล่อยคำพูดลอยลมออกไป ก็คงครองแผ่นดินได้ทั้งปวง"กร็อบเย่ลู่กู่จ้านฉีกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วลั่นเสียงดังเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 656

    การมาถึงของหลี่เฉิน ทำให้เหล่าองครักษ์เสื้อแพรในบริเวณตำหนักบูรพาคุกเข่าลงราวกับคลื่นลูกใหญ่กงฮุยอวี่ที่อยู่บนหลังคาเหลือบมองหลี่เฉินเพียงครู่เดียว ก่อนจะหมุนตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยหญิงผู้นี้ยังคงเย็นชา และดูเหมือนจะไม่เป็นมิตร นางพยายามหลีกเลี่ยงการพบเจอกับหลี่เฉินอยู่เสมอ ซึ่งหลี่เฉินเองก็หาได้ใส่ใจไม่เขาคิดในใจว่าน้ำอุ่นต้มกบ ค่อยๆ ทนรอไป สักวันคงมีโอกาสส่วนซานเป่าซึ่งอยู่หน้าประตูตำหนัก กลับไม่มีท่าทียโสเช่นนั้น เมื่อเห็นหลี่เฉินที่พาวั่นเจียวเจียวมาด้วย เขารีบลุกขึ้นมาทักทายทันที"บ่าวขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"หลี่เฉินโบกมือให้ซานเป่าลุกขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า "ข้าจะไปพบเย่ลู่กู่จ้านฉี จดหมายของเขา ส่งออกไปแล้วหรือยัง?"ซานเป่ากล่าวตอบด้วยความเคารพว่า "ส่งออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เป็นเขาเองที่สั่งให้หนึ่งในองครักษ์ของเขาดำเนินการ บ่าวปฏิบัติตามรับสั่งขององค์ชาย จึงไม่ได้ขัดขวางพ่ะย่ะค่ะ""สายลับของแคว้นเหลียวในเมืองหลวงมีอยู่ไม่น้อย ให้เขาใช้ช่องทางของเขาเองก็ดี พวกเขาถึงจะเชื่อ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย"พูดพลาง หลี่เฉินก้าวเข้าไปในตำหนักปีกแม้จะเป็นตำหนักปีก แต่การตกแต่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 655

    "นำรายงานจากกรมครัวเรือนมาให้ข้าดู"หลี่เฉินสั่งวั่นเจียวเจียวให้นำรายงานจากกรมครัวเรือนที่ส่งมาช่วงเช้าออกมา พลางเปิดอ่านดูเพียงครู่เดียว ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นทันทีรายจ่ายอื่น ๆ ยังถือว่าอยู่ในงบประมาณตามปกติ แต่วันนี้ที่ต้องจัดเลี้ยงทหารทั้งสามกองทัพ เพียงวันแรกก็หมดเงินไปหลายหมื่นตำลึงแล้วอย่ามองว่าเป็นตัวเลขน้อย นี่เพียงแค่วันเริ่มต้นเท่านั้น ตามธรรมเนียม ทัพผู้ชนะจะต้องจัดเลี้ยงตามขนาดของศึก หากศึกเล็กจัดเจ็ดวัน หากศึกใหญ่จัดเลี้ยงได้นานถึงหนึ่งเดือน ของใช้ต่าง ๆ อาหาร สุรา สำหรับคนหลายหมื่นคน เพียงแค่ค่าใช้จ่ายปกติในหนึ่งวันก็มหาศาลแล้ว ยังไม่นับถึงอาหารเลี้ยงฉลอง เช่น ปลาตัวใหญ่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ต้องเชือดวัว เชือดแกะ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเงินของราชสำนักประกอบกับภัยพิบัติยังไม่ได้รับการฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ ราคาสินค้าต่าง ๆ พุ่งสูงขึ้นยิ่งกว่าที่เคย ไม่เพียงชาวบ้านทั่วไปที่ลำบาก แม้แต่ราชสำนักเองยังแทบรับไม่ไหวตามที่กรมครัวเรือนคำนวณไว้ ค่าเลี้ยงฉลองทั้งหมดจะต้องใช้เงินอย่างน้อยสามถึงสี่แสนตำลึง และนี่เป็นเพียงค่าเลี้ยงฉลองเท่านั้น ยังมีค่าตอบแทนวีรกรรมรบ ค่าชดเชยสำห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 654

    สวีฉังชิง เป็นหนึ่งในขุนนางที่ซื่อสัตย์และใสสะอาดที่สุดในราชสำนักต้าฉินหลี่เฉินเคยเห็นกับตาตอนที่สวีฉังชิงตกอยู่ในปัญหาครั้งก่อน และหลี่เฉินได้ไปที่บ้านของเขาดังนั้น เมื่อได้ยินคำบ่นอย่างขุ่นเคืองของสวีฉังชิง หลี่เฉินก็เพียงแต่หัวเราะและปลอบโยนว่า “เขาทำหน้าที่ของเขา เจ้าจะไปถือสาอะไรกับเขา”ถ้าเปรียบเทียบกับสวีฉังชิง เหอคุนคือคนอีกขั้วหนึ่งโดยสิ้นเชิงเหอคุนเต็มไปด้วยความลื่นไหล ไหวพริบ และความโลภ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับลักษณะของสวีฉังชิงโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้ สวีฉังชิงจึงไม่ชอบเหอคุนตั้งแต่แรกเห็นในแง่คุณสมบัติ เหอคุนอาจดูเหมือนเต็มไปด้วยข้อเสีย หลี่เฉินไม่มีทางสนใจแน่แต่สิ่งที่หลี่เฉินให้ความสำคัญคือ ความสามารถในการทำงานของเหอคุนคนอย่างเหอคุน หากไม่ได้มีพื้นเพต่ำต้อย คงจะมีอนาคตในราชสำนักที่ไกลกว่าสวีฉังชิงมากสวีฉังชิงเหมาะกับการทำงานหนักแบบไม่หวังผลตอบแทน แต่เหอคุน คือคนที่สามารถจับจุดอ่อนของปัญหา และหาทางแก้ไขให้หลี่เฉินได้อย่างชัดเจนและนี่คือสิ่งที่กลบข้อเสียส่วนใหญ่ของเหอคุนได้เมื่อเห็นว่าสวีฉังชิงยังคงแสดงความไม่พอใจ หลี่เฉินจึงกล่าวว่า “เจ้ากับเขามีบุคลิกแล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 653

    “หากองค์ชายจำพวกท่านไม่ได้ พวกท่านก็เหนื่อยเปล่า”คำพูดของเหอคุนทำให้ขุนนางทั้งสามคนพยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง“ใต้เท้าเหอ ตำแหน่งคนแรกที่ส่งของกำนัลก็ถูกใต้เท้าเหอแย่งไปแล้ว พวกเราจะส่งของที่ดี ก็ไม่มีปัญญาเสียด้วยซ้ำ” ขุนนางวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่นเหอคุนส่ายหน้า “ท่านเข้าใจผิดแล้ว หากว่ากันด้วยความดีเยี่ยม อย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะเหล่าขุนนางชั้นสูงหรือราชวงศ์ พวกเขามีสมบัติล้ำค่ามากมาย เราไม่อาจเทียบได้อยู่แล้ว”“แต่พวกท่านลองคิดดู ทำไมองค์ชายถึงทำเช่นนี้? ก็เพราะอยากดูว่าใครในราชสำนักมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ใช่หรือไม่?”“ลองเปรียบเทียบดู พ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่งที่มีทรัพย์สินมหาศาล บริจาคเงิน 100 ตำลึง เทียบกับคนธรรมดาที่ขายทุกอย่างจนรวบรวมได้เพียง 10 ตำลึง สำหรับองค์ชาย อันไหนจะมีค่าน่าจดจำมากกว่ากัน? พวกท่านคิดว่าองค์ชายต้องการเงินของพวกท่านจริงหรือ?”เหอคุนแสร้งทำสีหน้าชื่นชม พร้อมประสานมือไปยังทิศที่เป็นพระที่นั่งสีเจิ้ง กล่าวว่า “องค์ชายทรงพระปรีชาสามารถ มิอาจเปรียบได้กับคนธรรมดาเช่นเรา องค์ชายทรงต้องการดูว่า ใครในราชสำนักที่ภักดีและมีจิตใจถวายความจงรักภักดี ซ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 652

    “จะคุยอะไรกันได้อีก ก็คงไม่พ้นแผนการจัดการข้า”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “คราวนี้ จ้าวเสวียนจีคงจนตรอกแล้ว”“เพิ่มการเฝ้าระวังให้มากขึ้น ข้าต้องรู้ว่าพวกเขาทำอะไรและพบใครในช่วงไม่กี่วันนี้”เฉินทงโค้งคำนับ “พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากเฉินทงจากไป เหอคุนก็เข้ามาพบหลี่เฉิน“ทูลองค์ชาย เมื่อครู่มีขุนนางสามคนเข้ามาส่งของกำนัลเงินช่วยงาน พระองค์จะทอดพระเนตรบัญชีของกำนัลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เหอคุนเอ่ยถามหลี่เฉินส่ายศีรษะ “เจ้าเป็นคนจัดการไป ข้าจะดูบัญชีทั้งหมดตอนสุดท้าย ข้าคงไม่มีเวลามาดูทีละคน”เหอคุนพลันคิดบางอย่าง ก่อนกล่าวว่า “องค์ชาย กระหม่อมขอพระราชทานสิทธิในการดำเนินการตามดุลยพินิจ กระหม่อมมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดของกำนัลได้อย่างน้อยสามส่วน”หลี่เฉินหยุดชะงักเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “เจ้ากำลังเอามีดจ่อคอเพื่อนร่วมงานของเจ้าเอง ไม่กลัวพวกเขาเล่นงานเจ้าในที่ลับหรือ?”เหอคุนยิ้มกว้าง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ตราบใดที่กระหม่อมมีองค์ชายเป็นที่พึ่ง กระหม่อมไม่กลัวสิ่งใด อีกอย่าง กระหม่อมมั่นใจว่าจะทำให้พวกเขายินดีมอบเงินเพิ่มอย่างเต็มใจ”“ได้ เจ้าไปจัดการเถอะ”หลี่เฉินโบกม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 651

    ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อยึดอำนาจ ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มของจ้าวเสวียนจีกับตำหนักบูรพาจะถึงจุดแตกหักโดยสมบูรณ์ ความสัมพันธ์ที่เปราะบางจะถูกทำลาย และไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอมอีกต่อไปนี่คือสิ่งที่จ้าวเสวียนจีและหลี่เฉินต่างพยายามหลีกเลี่ยงมาโดยตลอดแต่ตอนนี้ เวลานั้นก็มาถึงจางปี้อู่เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าเราทำการเคลื่อนไหวใหญ่โต หน่วยบูรพาคงไม่พลาดที่จะสังเกตเห็น…”“แล้วจะอย่างไร?”จ้าวเสวียนจีลุกขึ้นยืน ท่ามกลางร่างกายที่ชราภาพกลับเปล่งไปด้วยอำนาจ เขากล่าวเสียงดังว่า “ข้ารับราชการมาเกินสี่สิบปี อยู่ในคณะเสนาบดีมานานเกือบยี่สิบปี หน่วยบูรพาเล็กๆ จะทำอะไรข้าได้?”“หากพวกมันกล้าลงมือ ก็ให้กองทัพเข้าบุกตำหนักบูรพาเสีย!”แววตาและคิ้วที่ขาวของจ้าวเสวียนจีเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว เขากล่าวต่อด้วยเสียงเย็นเยือกท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของจางปี้อู่และฟู่อวี้จือว่า “ฝ่าบาททรงประชวร องค์รัชทายาทโง่เขลาและไร้ศีลธรรม ในฐานะขุนนาง เราทำได้เพียงเสี่ยงเพื่อปกป้องรากฐานของต้าฉิน”ครึ่งชั่วยาวต่อมา จางปี้อู่และฟู่อวี้จือออกจากจวนจ้าวที่หน้าประตูมีเกี้ยวสองคันจอดรออยู่“สหายจาง”ขณ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 650

    ในการควบคุมอำนาจทางการเงิน มีคนหนึ่งที่ต้องกำจัดให้ได้ไม่ต้องสงสัย คนคนนั้นคือ จ้าวเสวียนจีหลี่เฉินโยนบัญชีของกำนัลของเหอคุนลงข้างตัว พลางเรียกวั่นเจียวเจียวเข้ามาด้วยเสียงดัง “มาแต่งตัวให้ข้า”ในเมืองหลวง ณ จวนจ้าวหลังจากออกจากตำหนักบูรพา จ้าวเสวียนจีได้สั่งคนไปตามจางปี้อู่ และฟู่อวี้จือ สองขุนนางร่วมตำแหน่งมหาเสนาบดีในคณะเสนาบดีไม่นานหลังจากที่จ้าวเสวียนจีเดินทางกลับถึงจวนจ้าว สองคนก็รีบร้อนมาถึงฟู่อวี้จือและจางปี้อู่พบกันที่หน้าประตู ทั้งสองสบตากัน แต่กลับไม่เห็นหวังเถิงฮ่วนจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยในไม่ช้า จ้าวเสวียนจีก็เรียกทั้งสองเข้ามายังห้องหนังสือ“ผู้อาวุโส วันนี้ตำหนักบูรพามีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?”ฟู่อวี้จือถามถึงเรื่องเย่ลู่ฉีหมิงที่ถูกสังหารแม้เมืองหลวงจะใหญ่และผู้คนมากมาย แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่สามารถปิดบังสองขุนนางอาวุโสได้ พวกเขาทราบข่าวอย่างรวดเร็วว่าเย่ลู่ฉีหมิงเกิดเรื่อง แต่รายละเอียดนั้นพวกเขายังไม่รู้ เนื่องจากจ้าวเสวียนจีและหวังเถิงฮ่วนเป็นผู้ไปตำหนักบูรพาจ้าวเสวียนจีจิบชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่มีคำตอบ ก็คือคำตอบของตำหนั

DMCA.com Protection Status