ขณะที่นั่งรอคนงานในไร่พากันทยอยขนตะกร้าส้มออกมาจากข้างในสวน ระหว่างนี้ปริญก็ช่วยพนิดาคัดขนาดของส้มแต่ละเกรด โดยฟังจากที่พนิดาอธิบายเธอบอกว่า ส้มที่คัดจะมีทั้งหมดหกขนาด ไล่ไปตั้งแต่เบอร์สาม ซึ่งเป็นขนาดที่เล็กที่สุด จากนั้นก็จะเป็นเบอร์สองที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าส้มเบอร์สาม และขนาดเบอร์หนึ่งจะเป็นขนาดที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้บริโภคมากที่สุด จากนั้นก็จะเป็นส้มเบอร์ศูนย์ ซึ่งเบอร์นี้ก็จะยังมีขนาดที่ใกล้เคียงกับส้มเบอร์หนึ่งและก็ยังเป็นขนาดที่ผู้บริโภคนิยมเช่นกัน จากนั้นมาก็จะเป็นเบอร์ศูนย์ศูนย์ ซึ่งเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากว่าเปลือกค่อนข้างหนา เนื้อฟ่ามและมีรสชาติจืด ส่วนเบอร์สุดท้ายคือขนาดศูนย์ศูนย์ศูนย์ ส้มเบอร์นี้จะเป็นส้มที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษจนไม่มีช่องให้ลง ส่วนรสชาติก็จะเหมือนกับส้มเบอร์ศูนย์ศูนย์ แต่มีปริมาณไม่มากนัก
ปริญนั่งฟังพนิดาอธิบาย ในขณะที่เขานั่งจ้องหน้าเธอ ส่วนเธอปากพูดไป มือก็ทำงานไปไม่มีหยุด นับว่าสิ่งที่พนิดาพูดมาทั้งหมดนี่เป็นความรู้ใหม่สำหรับเขาเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่ย่าของเขาเป็นเจ้าของสวนส้มขนาดใหญ่แต่เขากับไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย ปกติเวลาผู้เป็นย่าส่งส้มไปให้กินที่กรุงเทพ เขาไม่เคยสังเกตุเลยด้วยซ้ำว่าส้มที่ตัวเองกินนั้นมีขนาดเท่าไหร่หรือเบอร์อะไร จะว่าไปเห็นเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่าเขาขนาดนี้ แต่พอเอางานเอาการขึ้นมาพนิดาก็จริงจังกับมันเหมือนกัน ปริญได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ
"เธอนี่ก็เก่งเหมือนกันนะ รู้เรื่องพวกนี้ด้วย"
"พายก็เรียนรู้มาจากพวกลุงป้าน้าอาพี่ๆที่นี่ทั้งนั้นแหละค่ะ พี่ปริ้นอย่าลืมสิคะว่าพายโตที่นี่"พนิดาพูดแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างบุ๋มดูน่ารัก ส่วนปริญก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยที่ก็ไม่ได้คิดว่าจะขัดอะไร
วันนี้ทั้งวันทั้งปริญและพนิดาพากันช่วยกันคัดแยกขนาดของส้มจนหมดเป็นร้อยตะกร้า จากตอนแรกที่พวกคนงานพากันเกร็งๆในความเป็นหลานของคุณย่าบัวหลันของเขาจนพากันขยับออกไปนั่งที่อื่นแทน ไปๆมาๆพอได้พนิดาเป็นตัวกลางในการเชื่อม เหล่าบรรดาคนงานก็พากันผ่อนคลายกลายเป็นเริ่มที่จะกล้าพูดคุยเล่นกับปริญแล้วบ้าง
"แหมคุณปริ้นหล่อป๋านนี้ แสงหล้าเจื้อเลยค่ะว่าตะก่อนพวกแม่ญิงตึงปากันแย่งหัวขะไดบ่าตันแห้ง"
"ไม่ใช่แค่เมื่อก่อนหรอกครับพี่แสงหล้า ตอนนี้ก็ยังมีแย่งกันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละครับ อย่างว่าคนหน้าตาดีจะให้ทำไงได้" ปริญที่ดูจะมั่นหน้าภูมิใจในความหล่อของตัวเองหันมายักคิ้วให้พนิดาหนึ่งที จนอีกฝ่ายได้แต่หน้าเหวออ้าปากเพราะเหนื่อยใจในความหลงตัวเองของเขา
"แต่ถึงแม้ว่าบัดเดี๋ยวนี้จะยังมีแม่ญิงมากอยอ่อย..เอ่อ แสงหล้าหมายตึงว่า มาขายขนมจีบหื้อคุณปริ้นอยู่บ่าได้หยุดหย่อน แต่กะเสียใจ๋ตวยเน้อเจ้าตี้ว่าต๋อนนี้คุณปริ้นได้มีเจ้าของเป๋นตั๋วเป๋นตนแล้ว ซึ่งกะคือน้องพายคนงามแห่งไร่แสนสุขคนนี้นี่เองแม่นก่อเจ้า" แสงหล้าหันไปถามปริญ แต่ทั้งปริญและพนิดาต่างก็หันมามองหน้ากันและต่างพากันอึกอักที่จะตอบ ก็ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รู้กันอยู่เต็มอกว่าการแต่งงานระหว่างเขาและเธอในครั้งนี้เหตุผลที่แท้จริงแล้วนั้นคืออะไร จึงทำได้แค่เพียงส่งยิ้มบางๆกลับไปให้เท่านั้น
จะว่าไปวันนี้ปริญก็สนุกกับการไปช่วยเหล่าพวกคนงานและพนิดาในการคัดส้มทั้งวัน มันทำให้เขาได้รู้จักกับคนงานในไร่เพิ่มขึ้นหลายๆคน บางคนก็ทำงานกับคุณย่าของเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ บางคนก็มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยังโสดจนตอนนี้แต่งงานกับคู่ของตัวเองในไร่ส้มแห่งนี้จนมีลูกมีหลานกันก็มี และอีกสิ่งหนึ่งที่ปริญสัมผัสได้จากผู้คนที่นี่คือความจริงใจและความเป็นกันเอง ทำให้เขาคิดได้ว่าจะว่าไปแล้วการได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นั้นก็สบายใจดี
พอคัดส้มได้เสร็จตามจำนวนที่ต้องการสำหรับวันนี้แล้ว ทั้งปริญและพนิดาต่างก็พากันกลับบ้าน แต่มันติดตรงที่ว่าพนิดามีจักรยานมาด้วย ส่วนเขานั้นเดินมาและพนิดาบอกว่าให้เขาเดินกลับบ้านเอง แม้ว่าจะเป็นระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนัก แต่การคัดส้มวันนี้ทั้งวันก็ทำเอาเขามีอาการปวดเมื่อยไปตามเนื้อตัวบ้าง ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ปริญจะยอมให้พนิดาปั่นจักรยานกลับบ้านแล้วให้ตัวเขานั้นเดินไป
"ลงมา เดี๋ยวฉันปั่นเอง"
"เรื่องอะไรจะมาเนียนชักดาบจักรยานชาวบ้านเขาเฉยล่ะคะ"
"ไม่ได้จะชักดาบ แค่จะขอกลับด้วย แต่ว่าฉันจะเป็นคนปั่นเอง ส่วนเธอมาซ้อนข้างหลังนี่ ฉันไม่บ้าให้ผู้หญิงปั่นแล้วตัวเองนั่งกินแรงหรอกน่า" ปริญยืนเท้าสะเอวมองคนหวงจักรยานที่ทำท่าว่าจะปั่นหนีเขาไปตั้งแต่ตอนแรก
"งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อยค่ะ" พนิดาปล่อยแฮนด์ที่จับจักรยานให้ไปอยู่ในมือของปริญ ส่วนตัวเธอนั้นก็ย้ายตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งผู้ซ้อนท้าย ปริญบอกว่าถ้าไม่อยากตกก็ให้เธอกอดเอวเขาเอาไว้แต่ด้วยความเขินอายเธอจึงทำเพียงแค่จับชายเสื้อทั้งสองข้างของเขาเอาไว้จนแน่น
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน พนิดาก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวจะมาทำมื้อเย็นให้ ปริญพยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง และระหว่างที่นั่งรอพนิดาไปอาบน้ำเขาก็เดินไปหยิบดูโทรศัพท์มือถือที่ก็ตัวเองลืมไว้เมื่อเช้าขึ้นมาเปิดดูพบว่าที่หน้าจอมีการแจ้งเตือนถึงสายที่ไม่ได้รับอยู่เกือบยี่สิบกว่าสาย เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎขึ้นว่าเป็นใคร ปริญก็รีบติดต่อโทรกลับทันที
"ครับญดา"
พนิดาใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำ เธอรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้ปริญรอนาน รอในที่นี้พนิดาหมายถึงทั้งรอที่จะอาบน้ำต่อและรอที่จะทานมื้อเย็น วันนี้เขาและเธอต่างเหนื่อยมาทั้งวันเธอคิดว่าเขาคงจะต้องหิวมากแน่ๆ เลยตั้งใจว่าระหว่างที่เขาขึ้นมาอาบน้ำเธอก็จะลงมือทำอาหารเย็นแบบง่ายๆให้ แต่พอเดินลงบันไดมาไม่เท่าไหร่ พนิดาก็ได้ยินเสียงแว่วๆว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์
"ได้สิครับ ญดาอยากจะมาหาผมเมื่อไหร่...คิดถึงเหมือนกันครับ...ไม่ได้แอบไปซุกอยู่กับสาวที่ไหนหรอกครับ แค่วันนี้ไปช่วยดูพวกคนงานคัดส้มมาครับ เลยลืมมือถือไว้...ได้ครับเอาไว้เจอกัน"
จากตอนแรกที่กำลังอารมณ์ดีอยากจะรีบวิ่งลงบันไดเพื่อจะมาทำมื้อเย็นทานด้วยกัน แต่พอได้ยินว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับคนที่เขารักไป ใบหน้าเปื้อนยิ้มของพนิดาก็เป็นอันว่าจะต้องหุบลง'นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป เธอลืมอะไรไปหรือเปล่าพนิดาว่าเขามีแฟนแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเขากับเธอจะไม่ได้ตึงเครียดเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถมีใจให้กับเขาได้ อย่าเอาหัวใจตัวเองเข้าไปเสี่ยง วันใดวันหนึ่งยังไงเขาก็ต้องกลับไปหาคนรักเขาอยู่ดี เธอควรต้องนึกไว้เสมอว่าเขาไม่ใช่คนโสด เขามีคนของเขา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจ'พนิดาหุบยิ้มแสนหวานนั้นลงในขณะที่ปริญก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วพอดี ร่างสูงใหญ่หันกลับมาจึงเห็นว่าพนิดามายืนคอยอยู่ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเป็นเชิงถาม"ไม่ได้มาแอบฟังใช่มั้ย""เปล่าค่ะ พายแค่จะมาถามว่าพี่ปริ้นว่าอยากจะกินอะไร ระหว่างแกงจืด หรือว่า ต้มยำ พายจะได้ทำให้ถูก""อืม แกงจืดก็อร่อย ส่วนต้มยำก็แซ่บถึงใจดีนะ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากกินทั้งสองอย่างเลย" ปริญทำท่าครุ่นคิดก่อนจะแกล้งยิ้มและตอบออกไป หากแต่ว่าคำตอบของเขากลับทำให้ใบหน้างามนั้นยิ่งบึ้งตึงขึ้นมาอีกแถมริมฝีบ
วันนี้พนิดาเข้าสวนส้มเพียงแค่ครึ่งวันเนื่องจากว่าส้มที่คัดไว้นั้นเสร็จหมดแล้วและกำลังทยอยแพ็คลงใส่กล่อง บรรยากาศภายในไร่ยังคงสนุกสนานครื้นเครงอยู่ตามเคยเมื่อมีพี่แสงหล้าสาวงามตัวท็อปของไร่แห่งนี้คอยสร้างเสียงหัวเราะ"อุ๊ยต๋ายแล้วว ไผฮั้นน่ะตี้กำลังเดินมากับคุณปริ้น ว่าคุณปริ้นหล่อแล้ว คนตี้เดินมากะเปิ้นกะหล่อบ่าได้แป้กันเลย" แสงหล้าผู้ซึ่งมีเรดาร์ในการสแกนหาผู้ชายหน้าตาดีประจำไร่รีบเอ่ยปากบอก พนิดามองตามก็เห็นว่าทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้าเดินตรงมาก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้าเธอ"กำลังจะกลับบ้านแล้วหรอ""ค่ะ ล็อตนี้เป็นล็อตสุดท้ายแล้ว เหลือแค่แพ็คลงกล่องก็เรียบร้อย""พนิดา นี่อิทธิพลเพื่อนของฉัน คนที่ฉันเคยบอกว่าจะมาทำโฮมสเตย์ด้วยกัน" ปริญแนะนำเพื่อนตัวเองให้พนิดาได้รู้จัก"สวัสดีค่ะ คุณอิทธิพล" พนิดายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งเขาก็มองและส่งยิ้มทักทายมาให้เธออย่างเป็นมิตร อิทธิเป็นคนหล่อหน้าตาดีพอๆกันกับปริญ ต่างกันก็เพียงแค่เขาดูเป็นผู้ชายลุคง่ายๆสบายๆมากกว่า จากที่ประเมินจากบุคลิกแล้ว เขาดูน่าจะเป็นคนที่สนุกสนานและอัธยาศัยดี ต่างจากปริญที่ต้องดูดีดูเนี้ยบ เอาแต่วางมาดเท่จนพนิดารู้สึกหมั่นไส้ใ
พนิดายังคงนิ่งเฉยและไม่กล้าขยับตัวเมื่อเห็นว่าใบหน้าของปริญนั้นอยู่ห่างเพียงแค่คืบ กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในลมหายใจของเขากรุ่นๆ แขนแกร่งยังคงโอบกอดแผ่นหลังของเธอเอาไว้ตึกตัก ๆ "นี่..พี่ปริ้นดื่มมาหรอคะ"พนิดาจำเป็นต้องทำลายความเงียบลงด้วยการพูดอะไรออกไปสักอย่าง "อื้ม" ปริญตอบหากแต่ว่าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะถอยหนี ใบหน้าเขายังคงชิดอยู่ใกล้ๆและทำไมพนิดาถึงรู้สึกว่ามันค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ทุกทีๆตึกตักๆ ตึกตักๆ มือเล็กจับปมผ้าขนหนูไว้แน่น ในขณะที่หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เลือดลมวิ่งพล่านไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แก้มขาวอมชมพูค่อยๆเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อยขึ้นเรื่อยๆเมื่อปริญค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อีก"พิ..พี่ปริ้นเมาหรอคะ""จูบกันมั้ย" ปริญไม่ได้ตอบคำถามที่พนิดาถามแต่เขากลับเป็นฝ่ายที่ถามเธอกลับแทน"จะ..จูบทำไมคะ""ก็แค่จูบเฉยๆ ไม่ได้หรอ"พนิดามองเขาใกล้ๆใจเธอก็ยิ่งหวิวๆ ปริญจัดว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีมาก คิ้วเข้มๆของเขาเรียงกันสวยรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน ตาคมดุจราวนกเยี่ยวที่จิกจ้องมองมาทำเอาพนิดาใจสั่นไหว ริมฝีปากได้รูปแดงอมชมพู ที่ด้านบนริมฝีปากเริ่มเห็นไรหนวดโผล่ขึ้นมากลายๆ โดยรว
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำเอาพนิดาไม่ค่อยกล้าหลับได้เต็มตานัก เพราะดึกๆมาปริญก็ยังคงขยับขลุกขลัก แถมยังมีการดึงเธอให้ขึ้นไปนอนซบอยู่บนหน้าอกเขาอีกต่างหาก แม้ว่าพนิดาจะพยายามขยับหนีแล้วแต่ก็ยังถูกคนเมาลากกลับเข้าไปกอดไว้อีกจนได้ แม้จะอยากขืนตัวไว้แต่เธอก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ซึ่งหลังจากนั้นมันกลับมีความรู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาดวันนี้พนิดารีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมมื้อเช้าให้กับทุกคน พอลงมาก็พบว่าอิทธิพลนั้นตื่นแล้วและดูเหมือนว่าเขาพึ่งจะกลับเข้ามาจากข้างนอก"มอนิ่งครับน้องพาย""มอนิ่งค่ะพี่อิท ตื่นเช้าจังเลยนะคะ""ครับ เห็นว่ากาศดีพี่เลยลองออกไปวิ่งดูแถวๆนี้มา เผื่อว่าอีกหน่อยจะย้ายมาอยู่แถวนี้บ้าง" อิทธิพลพูดยิ้มๆราวกับจะสื่อความหมาย"ไม่หนาวหรอคะ" พนิดาถามเมื่อเห็นว่าอิทธิพลสวมใส่เพียงแค่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น"ก็เย็นๆนะครับ แต่พอวิ่งไปเหงื่ออกก็ไม่หนาวแล้ว เอาจริงๆพี่ว่าที่ชอบที่นี่นะ อากาศดีมากๆ ถึงได้อยากมาทำโฮมสเตย์กับไอ้ปริ้นมัน แล้วจะได้ถือโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ด้วย ยิ่งได้มาลองอยู่ดูแล้วพี่ว่าพี่น่าจะชอบที่นี่จริงๆแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าจะมาได้เพียงแค่วันเดียวก็เถอะ ท
ขณะที่อิทธิพลขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวข้างบนยังไม่ลงมา ปริญที่แต่งตัวเสร็จแล้วตั้งแต่ทีแรกก็นั่งกดโทรศัพท์มือถือรออยู่ที่โซฟาหน้าโต๊ะทีวีด้วยท่าทางเบื่อๆ เซ็งๆ เหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจของเขาจนไม่สามรถลบมันออกได้ทั้งๆที่กำลังพยายามอยู่"เย็นนี้พี่ปริ้นจะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าคะ พายจะได้ทำอาหารไว้รอ""ไม่ต้อง เธอทำกินเองได้เลย" เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สีหน้าและแววตาดูมีอะไรบางอย่างที่ทำให้พนิดาอดที่จะเป็นกังวลไปด้วยไม่ได้"จะกลับดึกหรือเปล่าคะ แล้วกลับกี่โมงพายจะได้..."ยังไม่ทันที่พนิดาจะได้พูดจบแต่ก็ถูกปริญตัดจบเสียก่อน"เธอไม่ใช่เมียฉันนะพนิดา ไม่ต้องมาทำเป็นนั่งซักไซ้ไล่เรียงว่าฉันจะกลับบ้านตอนไหนแล้วกลับกี่โมงกี่ยาม" ขณะที่ยังเคลียร์สิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายในใจไม่ได้ จึงทำให้ปริญเผลอตอบออกไปด้วยความหงุดหงิดจนคนที่ฟังนั้นเกิดความร้อนผะผ่าวที่บริเวณหน่วยตาแต่ก็ต้องพยายามที่จะข่มความรู้สึกเอาไว้ เธอไม่ใช่เมียเขา ใช่สิ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่เขาจำใจต้องเเต่งงานด้วยก็เพราะและเพื่อผลประโยชน์ จะมามีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้ ส่วนเรื่องที่เราจูบกันเมื่อคืน มันก็คงจะเป็นเพียงแค่อ
วันนี้พนิดาตื่นเช้ามาเธอพบว่าเมื่อคืนปริญไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน เขาคงจะไปค้างคืนกับแฟนของเขาจริงๆ วินาทีนี้เธอรู้แล้วว่าเธออยากร้องไห้ สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังตอกย้ำความรู้สึกของเธอว่ามันใช่ เธอกำลัง'หลงรัก'เขามันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน ความรู้สึกพวกนี้ เกิดขึ้นมาตอนไหน เมื่อไหร่ ทั้งๆที่คิดว่าระแวงระวังหัวใจตัวเองดีแล้วแท้ๆ ไม่น่าเลยพนิดา เธอไม่น่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นเลยพนิดาแต่งตัวเสร็จก็เดินไปที่เรือนคุณย่าบัวหลัน เมื่อวานท่านบอกว่าเก้าโมงเช้านายอำเภอทินกรจะเข้ามาพูดคุยกับท่านเรื่องซุ้มขายของของไร่ส้มแสนสุข พอพนิดาเดินไปถึงก็พบว่ารถของนายอำเภอทินกรได้จอดรออยู่ที่หน้าเรือนของคุณย่าบัวหลันก่อนแล้ว"อ้าวมาแล้วหรอลูก พาย" คุณย่าบัวหลันเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าพนิดาโพล่หน้าขึ้นเรือนมา"ค่ะย่าบัว" พนิดาเดินเข้าไปใกล้ๆและเข้าไปนั่งลงตรงข้างของคุณย่าบัวหลันโดยมีนายอำเภอทินกรนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม"สวัสดีค่ะท่านนายอำเภอ""เรียกนายอำเภอตามคุณย่าบัวหลันอีกแล้วนะครับพาย แบบนี้ผมก็ดูแก่หมดพอดี" นายอำเภอทินกรมีแอบเหล่มอง ทั้งพนิดาคุณย่าบัวหลันต่างก็พากันหัวเราะในท่าทีของนายอำเภอหนุ่ม"เรียกคุณกรก็ได้ค่า" พน
หลังจากที่รู้ว่าพนิดาออกไปข้างนอกกับผู้ชายคนอื่น ปริญก็ขอตัวผู้เป็นย่ากลับมาบ้านทันที เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้เป็นย่าถึงได้ปล่อยให้หลานสะใภ้ของตัวเองออกไปกับผู้ชายคนอื่นได้ นี่ย่าเขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะพูดไม่ดีลับหลังเอาหรอกหรือถึงแม้ว่าเขากับพนิดาจะแต่งงานกันแค่ปลอมๆ แต่คนที่ไม่รู้ก็อาจจะว่าเอาได้ เรื่องนี้มีแต่เสื่อมเสียชื่อเสียง ถ้าพนิดากลับมาเขาคงจะต้องตกลงกับเธอสักหน่อยว่าระหว่างที่เธอและเขายังคงสถานะสามีภรรยากันอยู่ พนิดาไม่ควรที่จะไปไหนมาไหนกับใคร เพราะเขาไม่ต้องการให้มันเสื่อมเสียชื่อเสียงมาจนถึงวงศ์ตระกูล"ทำไมคุณย่าถึงปล่อยให้หลานสะใภ้ตัวเองออกไปกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้นล่ะครับ ไม่กลัวว่าคนจะนินทาลับหลังเอาได้หรอครับว่าหลานสะใภ้สุดที่รักของคุณย่าไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามีตัวเอง""นายอำเภอทินกรเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ย่ากับพายก็รู้จักมาหลายปีก็ไม่เห็นว่าเขาจะเคยทำเรื่องเสื่อมเสียอะไร""พนิดากับนายอำเภอนั่นรู้จักกันมาหลายปีแล้วหรอครับ""ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่สี่ห้าปีก่อนที่นายอำเภอพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ๆโน่นล่ะ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเจอกันบ่อยเท่าไหร่เพราะว่าตอนนั้นพายก็ยังเรียน
ปริญเดินสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ ใกล้จนชิด ส่วนพนิดาเมื่อเห็นว่าปริญย่ำก้าวเข้ามาก็หน้าเหวอไปเล็กน้อยก่อนจะขยับถอยไปจนแผ่นหลังชนเข้ากับผนังห้องน้ำ"พะ..พายไม่รู้ค่ะ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย""ฮึ คนปากดีมันก็ต้องโดนเอาปากตบด้วยปากแบบนี้ไง" ด้วยความไว ปริญใช้มือช้อนเข้าไปตรงท้ายทอยของพนิดาก่อนจะงับลงไปด้วยความเร็วที่ค่อนข้างจะแรงจนพนิดาร้องค้าน"อื้อ อี้อิ้นอ่อยอ๊ะ" (พี่ปริ้นปล่อยนะ)แม้ว่าจะโดนทัดทานแต่ปริญก็ใช่ว่าจะสนใจ นาทีนี้เขาอยากจะสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เสียหน่อยว่าการทำเก่งกล้าปากดีไม่เข้าท่าจะต้องโดนอะไร ข้อมือเล็กฟาดลงรัวๆที่อกแกร่งเพื่อหวังให้เขานั้นได้สติแต่มันกลับไม่ได้สะทกสะท้านเลยริมฝีปากของเขาบดเม้มลงไปหนักๆจนพนิดารู้สึกเจ็บแปลบ เธอจึงได้หยุดดิ้นและปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ ปริญยังคงดูดเกี่ยวไปเรื่อยๆ ก่อนลิ้นร้อนๆจะกวาดกวัดไปเจอลิ้นเธอจากที่ต่อต้านเวลานี้พนิดาปล่อยให้เขารุกรานเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ความรู้สึกแปลกใหม่กำลังค่อยๆเกิดขึ้นจนเธอเผลอลืมตัวยกสองแขนขึ้นไปโอบไว้ที่รอบลำคอเขาและปล่อยให้ผ้าขนหนูนั้นร่วงหล่นลงไปจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าปริญเองก็ไม่ทันสังเกตุว่าเวลานี้พนิดานั้นกำล
สามเดือนผ่านไป จากหญิงสาวที่รูปร่างงดงามสมส่วน เวลานี้พนิดาเริ่มมีหน้าท้องนูนๆน้อยๆยื่นออกมาให้เห็นบ้างแล้ว หลังจากที่พนิดาบอกว่าตนเองประจำเดือนขาดไปอาทิตย์กว่าๆ ปริญก็ไม่รอช้าที่จะขอร้องกึ่งบังคับพนิดาให้ไปตรวจวัดการตั้งครรภ์ทันที และผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาด พนิดาตั้งครรภ์จริงๆ ปริญดีใจกระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทั้งโทรบอกบิดามารดา ผู้เป็นย่าและพี่ชาย ทุกคนต่างก็แสดงความยินดีกับเขาและพนิดาด้วยมีเพียงก็แต่พนิดาที่ทำหน้าจ๋อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ดีใจที่ได้มีปริญน้อยมาอยู่ในพุง หากแต่เธอเสียดายโอกาสที่จะได้เอาคืนสามีตัวแสบด้วยเสียมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เธอวางเอาไว้เป็นอันต้องจบลงรวมถึงเรื่องการหย่าขาดจากปริญด้วยจะไม่มีการหย่าใดๆอีก นี่คือคำพูดประกาศิตจากคุณย่าบัวหลัน จากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันบอกว่าจะตามใจเธอในการแก้เผ็ดเอาคืนปริญเรื่องหย่า แต่พอได้รู้ว่าเธอกำลังท้อง แผนการทุกอย่างก็เป็นอันว่าต้องยกเลิกหมด จะไม่มีการหย่าและการแก้เผ็ดใครใดๆทั้งสิ้น เพราะคุณย่าบัวหลันกลัวว่ามันจะมีผลกระทบกับความรู้สึกของเหลนตัวน้อยๆในพุงของเธอ และจากตอนแรกที่คุณย่าบัวหลันยังอยู่ข้างเธอ เวลานี้กลับย้ายข้างไปอยู่
หลังจากที่พนิดายังคงยืนยันคำเดิมว่ายังไงก็จะขอหย่าอย่างไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่เมื่อวานปริญก็หายออกไปจากบ้านเต็มๆหนึ่งวันโดยที่เขาไม่ได้โทรบอกและพนิดาเองก็ไม่ได้โทรตาม เขาน้อยใจเธอรู้ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่วิธีเดียวที่จะทำให้ปริญได้รู้เสียบ้างว่าอะไรบางอย่างบางครั้งก็ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ และถึงแม้ว่าลึกๆในใจจะเป็นห่วงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงพยายามข่มใจเอาไว้ มีเพียงแค่ก่อนนอนที่เธอเลือกที่จะส่งข้อความไปย้ำกับเขาอีกรอบว่าพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าเธอและเขามีนัดกันที่ที่ว่าการอำเภอ แม้ว่าข้อความที่พนิดาส่งไปนั้นปริญจะไม่ได้เปิดอ่านแต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าเขาคงจะต้องเห็นมันอย่างแน่นอน"นี่ตกลงเจ้าปริ้นมันจะมาถึงกี่โมงกี่ยามกัน" คุณย่าบัวหลันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูในขณะที่นั่งรออยู่ในรถเมื่อพาพนิดามาถึงและยังไม่มีวี่แววว่าพ่อหลานชายตัวดีจะยอมโผล่หัวมาสักที"คิดว่าน่าจะกำลังมาหรือเปล่าครับคุณย่า ปกติเจ้าปริ้นมันก็เป็นคนตรงต่อเวลาอยู่นะครับ" "ไอ้มาตรงเวลาน่ะย่าไม่ค่อยจะห่วงหรอก ห่วงก็แต่ว่ามันจะไม่มามากกว่า คนอย่างเจ้าปริ้นน่ะถ้าอยากได้อะไรมันก็จะเอาให้ได้ แล้วถ้าไม่อยากจะเสียอะไรมันก็จะดื้อรั้นดันทุ
"อีกสองวันเราไปเจอกันที่อำเภอนะคะ พี่ปริ้นไม่ติดอะไรใช่มั้ย" พนิดาเอ่ยปากถามขึ้นทันทีที่ปริญเดินกลับเข้าบ้านมา ช่วงนี้ปริญมักจะทำตัวให้ยุ่งเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ค่อยอยู่บ้านเลยก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาต้องไปคอยคุมงานตรวจงาน ไหนจะเรื่องรายละเอียดต่างๆของโฮมสเตย์ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นลงมือแล้วเนื่องจากว่าผู้เป็นย่ายอมยกที่ดินผืนนั้นให้ก่อนเวลาตามกำหนดวันนี้ก็เช่นกันปริญออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าโดยเขียนเพียงโน๊ตข้อความสั้นๆบอกพนิดาไว้ว่าต้องไปคุยรายละเอียดิพิ่มเติมกับอิทธิพล แต่พอเขากลับเข้าบ้านมาเท่านั้นเธอก็พูดถึงมันขึ้นมาอีกจนได้ และเขาก็จะยืนยันคำตอบเดิมเช่นกันว่าเขาจะไม่มีทางหย่ากับเธอเด็ดขาด"ติด""คะ?""พี่ไม่หย่า""ทำไมคะ ในเมื่อตอนแรกพี่เองเป็นคนต้องการแบบนั้น""พายอยากรู้จริงๆใช่มั้ย ก็ได้พี่จะบอก ที่ตอนนั้นพี่อยากจะหย่าก็เพราะว่าพี่ยังไม่ได้รักพายไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พี่รักพายและพี่ก็จะไม่ยอมหย่าเด็ดขาดพายรู้เอาไว้ได้เลย" ปริญพูดคำว่ารักออกมาตรงๆ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพอเขาบอกความรู้สึกของเขาออกไปแล้วพนิดายังคงจะอยากหย่ากับเขาอีกมั้ย"มะ..หมายค
ช่วงนี้สติสตังของปริญมักจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไหร่ ยิ่งวันเวลาใกล้เข้ามาทุกทีอาการร้อนรนเป็นหนูติดจั่นของเขาก็ยิ่งแสดงออกมาให้ทุกคนเห็นมากขึ้น"อาทิตย์หน้านี้แกก็จะได้กลับไปเป็นโสดอีกครั้งหนึ่งแล้ว คงดีใจมากเลยสินะถึงได้วิ่งพล่านแบบนี้""คุณย่าครับ คือว่าผม..""ย่านัดคุณกรให้เรียบร้อยแล้ว เข้าไปถึงก็เซ็นหย่าได้เลยจะได้จบๆ"คุณย่าบัวหลันพูดไปพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ค่อยๆถูกเรียงปักลงในแจกันอย่างสวยงาม"ผมไม่หย่าครับ""อะไรนะ นี่ย่าฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า""ผมไม่อยากหย่าแล้วครับคุณย่า คุณย่าช่วยพูดกับพายให้หน่อย อย่ายอมให้พายหย่ากับผมนะครับ" ปริญตัดสินใจมาหาผู้เป็นย่าวันนี้ก็เพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเรื่องที่ยังคงเป็นปัญหาคาใจเขาอยู่ แม้ว่าคืนนั้นทั้งเขาและเธอต่างมอบทั้งความสุขกายสุขใจให้กันไปมากเพียงใด หากแต่พอเช้ามาพนิดาก็ยังคงที่จะยืนยันคำเดิมว่าต้องการหย่า"อะไรของแกกันแน่เจ้าปริ้น ทีตอนแต่งก็โวยวายไม่อยากแต่ง ทีตอนนี้ถึงเวลาจะได้กลับไปเป็นอิสระอีกครั้งตามที่แกอยาก กลับจะมาไม่ยอมหย่าเสียอย่างงั้น" จากใบหน้าของผู้เป็นย่าที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามธรรมชาติอยู่แล้วเวลานี้ยิ่
หลังจากตั้งแต่กลับมาจากไปปฏิบัติธรรมมาครั้งนั้นพนิดาก็ขอแยกห้องนอนกับเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะขอเคลียร์ขออธิบายยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะรับฟังอะไรใดๆจากเขาอีกและขอร้องว่าให้เขาและเธอนั้นต่างคนต่างอยู่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ปริญไม่เข้าใจ จนกระทั่งผ่านมาจนถึงวันนี้เขาเองยังยิ่งไม่เข้าใจไปอีกว่าการที่เพียงแค่เขาไม่ตอบข้อความเธอแค่เพียงครั้งเดียวนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาดที่ว่าทำให้เธอเลิกชอบเขาและเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเอาไว้เพียงเท่านี้เลยหรือ มิหนำซ้ำผู้เป็นย่าของเขาเองก็ยังเห็นดีเห็นงามกับการที่พนิดาและเขาจะต้องหย่าขาดกันในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่ท่านเองเป็นคนบังคับให้เขาและพนิดาต้องมาแต่งงานกัน คุณย่าบัวหลัน : ดีแล้วพายลูก เดี๋ยวพอพายหย่าขาดจากเจ้าปริ้นแล้ว ย่าก็จะได้เชียร์พายกับท่านนายอำเภอต่อเลยพนิดา : พายว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะย่าบัว พายสงสารคุณกรน่ะค่ะถ้าต้องมีแฟนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วแบบพาย ขอแค่ให้พายยังได้เป็นลูกหลานย่าบัวเหมือนเดิมแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณย่าบัวหลัน :โถๆ สมัยนี้ไม่มีใครเขาถือกันแล้วลูก ไม่ต้องไปคิดมาก หรือไม่ก็ถ้าพายยังอยากจะเป็นหลานสะใภ้ย่าอ
"เพราะแบบนี้ใช่มั้ยพายถึงได้อยากหย่ากับพี่นัก" ภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารที่เธอกำลังนั่งอยู่กับอิทธิพลถูกถ่ายเอาไว้และตอนนี้มันได้ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของปริญเรียบร้อย"พี่ปริ้นหมายความว่ายังไงคะ แล้วนี่พี่ไปเอารูปพวกนี้มาจากไหน""พี่จะได้รูปมาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก แต่ความจริงก็คือที่พายอยากหย่ากับพี่ก็เพราะว่าจะได้ไปคบกับไอ้อิทใช่หรือเปล่า""พายว่าพี่อย่าดึงคนอื่นมาเกี่ยวข้องดีกว่านะคะ พายไม่เข้าใจว่าพี่จะหาเหตุผลล้านแปดมาต่อว่าพายทำไม ในเมื่อมันก็เป็นความต้องการของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องการหย่า และนี่ไงคะ มันใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว เวลาที่พี่รอคอยมาตลอด"ปริญได้แต่ยืนนิ่งเงียบเพราะว่าพูดไม่ออก เวลานี้เขาจะบอกเธออย่างไรดีว่าความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่ได้ต้องการหย่า แต่สำหรับพนิดาคงจะไม่ใช่ เธอคงต้องการที่จะหย่ากับเขาแล้วกลับไปหาใครสักคนที่เธอชอบอย่างเช่น ปุณภพ หรือไม่ก็ใครสักคนที่ชอบเธออย่าง อิทธิพล ใช่สิ เธอมีตัวเลือก และตัวเขาเองก็ประกาศเอาไว้ปาวๆว่าไม่เลือกเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คิดแล้วก็ได้แต่สมน้ำหน้าตัวเอง"ถึงกับต้องมาหากูนี่มีเรื่องอะไรวะ" อิทธ
ปริญยังคงพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะขอปรับความเข้าใจกับพนิดาหากแต่ก็ไม่เป็นผลระหว่างนี้เธอยังคงทำหน้าภรรยาเหมือนอย่างเดิม หากแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอที่ดูเหมือนว่าจะพุ่งดิ่งลงเหวลงไปทุกที"พาย ยังไงวันนี้เราก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง พี่จะไม่ยอมให้พายทำบึ้งตึงใส่พี่เป็นเด็กๆอีกต่อไปแล้ว""พี่ปริ้นว่าพายเป็นเด็ก ยังไงคะ""ก็เรื่องที่พายโกรธพี่ไม่หายซักทีนี่ไง แค่เรื่องที่พี่ไม่ได้ตอบข้อความเพราะว่าพี่เมามากจริงๆ แล้วพี่ก็ขอโทษพายไปแล้วด้วยแต่พายก็ยังไม่ยอมหายโกรธ""นี่พี่ปริ้นคิดว่าที่พายโกรธมันเป็นเพราะเรื่องแค่นี้จริงๆหรอคะ ขอโทษนะคะแต่พายเป็นคนที่มีเหตุผลพอค่ะ""ถ้าไม่ใช่พายโกรธพี่เรื่องนี้ งั้นมีเรื่องอะไรอีกล่ะ""ขอไม่พูดถึงดีกว่านะคะ เพราะพายว่าพี่ปริ้นเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าทำอะไรลงไป" ว่าแล้วพนิดาก็ผลักอกปริญออกและทำท่าว่าจะเดินหนี หากแต่ก็ยังคงช้ากว่าอ้อมแขนแกร่งที่ตวัดมารัดรอบตัวเธอเอาไว้ได้ทันพอดี"พี่ปริ้นคะจะทำอะไรปล่อยนะคะ""แต่พี่คิดถึงพาย ไม่ได้กอดตั้งหลายวันรู้หรือเปล่าว่าพี่คิดถึง" ปริญพูดลงเสียงเบาดวงตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาก
เมื่อเห็นว่าติดต่อพนิดาไม่ได้ปริญก็รีบอาบน้ำแต่งตัวและตรงไปยังเรือนของผู้เป็นย่าทันที ขายาวๆก้าวขึ้นบันไดอย่างร้อนรนพลางสายตาก็สอดส่ายไปทั่วทั้งเรือนจนกระทั่งไปเจอกับผู้เป็นย่าของตัวเองที่กำลังอยู่ที่โต๊ะทานข้าวบริเวณชานเรือน"คุณย่าพายล่ะครับ""อ้าวตาปริ้น มาทานของว่างกับย่าก่อนสิมา""ผมมาหาพายครับคุณย่า""อ้าว เมียแกกลับไปตั้งนานแล้วจะมาตามหาทำไมที่นี่ล่ะ นี่ย่ากับพายกลับมาถึงตั้งแต่สิบโมงกว่าๆแล้ว เห็นพายก็รีบกลับไปหาแกที่บ้านเลย นี่ยังไม่เจอกันอีกหรอ""ไม่เจอครับ ผมโทรหาก็ไม่ติดไม่รู้ว่าไปไหน น้าแก้วล่ะครับเห็นพายบ้างหรือเปล่า" ปริญมีสีหน้าที่กังวลอย่างชัดเจน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง"เอ ถ้ามองไม่ผิดน้าว่าน่าจะเป็นพายนะคะที่ขึ้นรถออกไปกับคุณปุณ น้าเองก็สายตาไม่ค่อยจะดีมองไกลไม่ค่อยจะเห็น เลยไม่แน่ใจน่ะค่ะว่าใช่หรือเปล่า""ไปกับพี่ปุณหรอครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่""น่าจะตั้งแต่สิบโมงกว่าๆแล้วมั้งคะ เพราะเห็นว่ากลับไปบ้านได้แปปเดียวเองก็เดินกลับมาเลยน่ะค่ะ" หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของแก้วคำปริญก็ก็ขอตัวกลับไปที่บ้านทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาพี่ชายหลังจากนั้นเพื่อต้องการจะถามว่
หลังจากวันแรกปริญพยายามที่จะติดต่อสื่อสารกับเธออยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งถึงสถานปฏิบัติธรรม แต่ก็มิวายถูกผู้เป็นย่าปรามเอาไว้เสียก่อนเขาจึงได้หยุดเพลาลง อาจจะมีบ้างที่เขายังคอยส่งข้อความมาหาวันละสองครั้งเช้าและเย็น เขาทำได้เพียงเท่านั้นเพราะว่าไม่ถูกอนุญาตจากผู้เป็นย่าให้คุยโทรศัพท์กับเธอได้นับว่าตั้งแต่คืนวันนั้นมาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตเรื่องราวระหว่างเธอและเขาจะเป็นอย่างไร แต่ในวันนี้เธอจะขอซึมซับเอาช่วงเวลาดีๆที่มีด้วยกันในวันนี้ไว้ให้เต็มที่ เพราะถ้าถึงเวลาที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้แล้วล่ะก็เธอก็จะยอมรับมัน"วันนี้เมียกลับบ้านแล้วเจ้าปริ้นมันคงดีใจจนเนื้อเต้นเลยล่ะสิ" คุณย่าบัวหลันหันมามองหน้าหลานสะใภ้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พนิดาไม่ได้ตอบออกไปว่าอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มรับ ช่วงเวลาสามคืนสี่วันที่มาอยู่ที่นี่ทั้งเธอและปริญยังคงติดต่อพูดคุยกันเรียกว่าแทบจะตลอดแม้ว่าจะถูกผู้เป็นย่าปรามเอาไว้แล้ว แต่ก็ด้วยความคิดถึงล่ะมั้งที่ทำให้เธอแอบส่งข้อความพูดคุยตอบกลับเขาไปมาอยู่ไม่ขาดและพนิดาเอ