“บัว บัวตื่นได้แล้วลูก”
“ห้ะ!!...” ฉันสะดุ้งตัวขึ้นมาจากที่นอนของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงของพ่อตัวเองเลย ‘จะเป็นไปได้ไง หูฝาดแหละ’
“บัวลูกตื่นหรือยัง” เสียงพ่อของฉันดังมาจากประตูหน้าเรือนปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์ทันที ฉันรีบมองหาร่างสูงที่ฉันคุ้นเคยแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ‘เขาหายไปไหนของเขา?’
“บัว”
“จ้าพ่อ...” ฉันขานรับท่านเสียงใสพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุด พร้อมกับเดินออกไปเปิดประตูเรือนให้พ่อทองเข้ามาด้านใน ท่านเดินเข้ามาลูบตัวฉันอย่างเอ็นดูก่อนจะสวมกอดฉันแน่น เพราะความคิดถึงของท่านก็เราไม่ได้เจอกันเป็นเดือนเลยนี่เนอะ
“ตื่นสายเชียวตัวแสบของพ่อ”
“บัวคิดถึงพ่อกับแม่ และก็ยายที่สุดเลยค่ะ” ฉันกอดตอบพ่อด้วยความคิดถึงเช่นกัน
“งั้นหนูรีบไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวกลับบ้านเรากันลูก”
“แล้วเรื่องซ่อมฝายล่ะคะ”
“เดี๋ยวพายุลูกใหญ่จะเข้าอีกลูกเราคงซ่อมกันตอนนี้ไม่ได้หรอกลูก”
“หรอคะ”
“ไปลูกบัวไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แม่ทำของโปรดรอหนูไว้เยอะเลย” พ่อบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับลูบหัวของฉันอย่างเอ็นดู
“ค่ะพ่อ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน
“งั้นเดี๋ยวพ่อไปรอที่บ้านลุงดำนะลูก”
“ค่า” พอฉันพูดจบพ่อก็เดินออกไปทันที
“ดีน ดีน” ฉันเดินหาร่างสูงที่ฉันคุ้นออกไปทันทีที่ฉันมั่นใจแล้วว่าบริเวณไม่มีใครนอกจากฉัน ฉันเดินออกไปหาเขารอบเรือนแต่ก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า
“ดีน ไปไหนของเขานะ” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ อย่างน้อยถ้าฉันจะต้องออกจากที่นี่วันนี้ฉันก็ควรจะบอกเขาก่อน...
“ดีน นายอยู่ที่นี่รึป่าว” ฉันวิ่งไปดูยังฝายที่ฉันเคยพาเขาไป แต่ก็ไม่พบเขา ‘ความรู้สึกหวิวๆในหัวใจของฉันมันคืออะไรกันนะ?’ ฉันวางมือลงที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเบาๆ พร้อมกับถามตัวเองอยู่ภายในใจ
“ฉันต้องออกไปจากที่นี่แล้วนะดีน” ฉันเอ่ยบอกกับความว่างเปล่าตรงหน้า ก่อนจะเดินกลับมาเก็บของยังเรือนของตัวเอง ในหัวของฉันสับสนไปหมดมันมีทั้งความรู้สึกที่เป็นห่วง และแอบโกรธเขาอยู่หน่อยๆที่ไปไหนก็ไม่บอกฉันเลย ‘ทำไมอยู่ๆ ก็หายไปล่ะ’ เขายังปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหมนะ
“เฮ้อ!!” ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ สุดท้ายแล้วชีวิตของฉันก็กลับมาในทิศทางที่มันควรจะเป็นสินะ ไม่ว่าจะเคยเกิดอะไรขึ้น หรือแม้แต่ความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องทิ้งมันไว้ที่นี่สินะ เพราะเราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก
...
[DO’S PART]
กรุงเทพมหานคร...
“เฮียยยยยย...” จีซัสน้อยชายเพียงคนเดียวของผมตะโกนเรียกผมดังมาตั้งแต่ที่หน้าประตู พร้อมกับร่างสูงที่ผมไม่ได้เจอเป็นเดือน จีซัสเดินเข้ามายังโซฟาที่ผมนั่งอยู่ มันเดินมาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะสำรวจร่อยรอยบนตัวของผมอย่างละเอียด
“ผมเป็นห่วงเฮียมากเลยนะเว้ย” มันบอกผมเสียงสั่นก่อนจะสวมกอดผมไว้แน่น มือหนาของผมลูบหลังน้องชายตัวดีเบาๆ อย่างปลอบประโลม ปกติจีซัสมันไม่ใช่คนที่จะแสดงมุมอ่อนแอแบบนี้ให้ใครเห็นตั้งแต่เด็กจนโตนับครั้งได้เลยที่มันแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา
ผมกับจีเรามีกันเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น ผมเลี้ยงน้องและดูแลมันมาเองกับมือเลยก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่วันที่จีซัสเกิดแม่ของเราเสียเลือดมากมันทำให้ท่านต้องจากเราไปก่อนวัยอันควร
ทันทีที่พ่อรู้ว่าแม่เสียเขาก็ทิ้งน้องไว้กับแม่นมทันที ท่านไม่หันกลับมาสนใจจีซัสเลยสักนิด แม้แต่อุ้มเด็กทารกตัวน้อยๆที่พึ่งเกิด และเด็กคนนั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของเขายังไม่เคยคิดจะอุ้มเลยสักครั้ง วันนั้นผมอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้นเองที่พ่อเลือกจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศโดยไม่กลับมาที่นี่อีกเลย ผมเลือกที่จะอยู่ที่นี่กับน้อง ถึงภายนอกพวกผมจะมีเงินใช้ไม่ขาดมือ พวกผมไม่เคยต้องอกอยาก มีเงินใช้ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่ความอบอุ่นที่พวกผมต้องการพวกผมไม่เคยได้รับมันเลย
ผมถึงเข้าใจความรู้สึกของน้องดี เพราะสำหรับจีผมเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของมันเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าภายนอกคนอื่นจะมองว่ามันเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่สำหรับผมน้องก็ยังคงเป็นเด็กน้อยที่ผมทั้งรักและอยากปกป้องมากที่สุด มันอาจจะดูเป็นคนแข็งกระด้างแต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“ถ้าเฮียเป็นอะไรไปจีจะตามหามันให้เจอแล้วฆ่ามันด้วยมือของจีเอง” จีซัสเอ่ยบอกกับผมเสียงสั่นด้วยความโกรธแค้น
“ใจเย็นๆน้องชายแค่ตายมันง่ายไป เดี๋ยวต่อไปเฮียจัดการเอง” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ
“…” ร่างสูงคายอ้อมกอดออกจากผม ก่อนจะมองมาที่ผมนิ่งๆ อย่างช่างใจ
“เฮียแม่งเป็นแบบนี้ตลอด แต่ต่อไปเฮียต้องบอกจีนะเว้ยว่าทำอะไรบ้าง”
“เป็นเมียเฮียหรือไง” ผมเอ่ยบอกกับกับน้องชายตัวดีนิ่งๆ ก่อนจะหยิบแก้วเหล้าตรงหน้ามาดื่มอย่างอารมณ์ดี
“หัวเฮียกระทบกระเทือนปะ” จีซัสพูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไรมาก พร้อมกับมือหนาแย้งแก้วเหล้าในมือของผมไปดื่มจนหมดแก้ว
“…”
“ไปแอบซุกเมียไว้ที่ไหนปะเนี่ย”
“…”
“เฮียเงียบแบบนี้ผมคิดจริงนะเว้ย เฮียมีเมียจริงดิ?” มันเอ่ยถามผมขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ
“เพ้อเจ้อ” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงที่นั่งข้างๆ เสียงเรียบ พร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เมื่อช่วงเช้าที่ผมออกมาจากหมู่บ้าน ร่างบางยังคงนอนหลับอยู่เลยเธอดูมีความสุขจนทำให้ผมไม่กล้าปลุกเธอ ผมจึงต้องออกมาก่อนโดยที่ไม่ได้บอกเธอไว้ ตลอดทางที่กลับออกมาไม่มีวินาทีไหนเลยที่ผมไม่คิดถึงร่างบางที่คอยดูแลผมมาเกือบเดือน ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็เถอะมันทำให้ผมได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ในหลายๆมุม เธอมีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความมั่นใจในตัวเองกล้าได้กล้าเสีย บางทีก็ดูแมนยิ่งกว่าผู้ชายซะอีก ผมชอบที่เธอพูดจาฉะฉานถึงปากบางของเธอจะชอบเถียงผมไม่หยุดก็เถอะ แต่ผมกลับมองว่าเธอมีเสน่ห์สำหรับผมมากจริงๆ รวมถึงใบหน้าคมสวยดุของเธอยังคงตราตรึงใจผมไม่หาย
“หึ” ยิ่งนึกถึงผมก็ยิ่งคิดถึงเธอ
คนอย่างผมถ้ามีแค้นต้องชำระมีบุญคุณต้องทดแทน แต่สำหรับบัวความรู้สึกที่ผมมีให้เธอมันบอกว่าเธอพิเศษสำหรับผมมากกว่าที่อยากจะทดแทนบุญคุณ ผมรู้ใจตัวเองดีว่าตัวเองต้องการอะไร ผมไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้วถึงผมจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องความรักก็เถอะ เมื่อก่อนผมไม่รู้ด้วยว่าความรักมันคืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน แต่ตอนนี้เหมือนผมจะรู้แล้ว...
“ไม่ปกติแล้วว่ะเฮีย”
“ไม่มีอะไรทำรึไง กลับบ้านไปได้แล้วไป” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆเสียงเรียบ
“โอ้โห่! นี่กล้าไล่น้องเลอะ งั้นไม่กลับคืนนี้จีจะนอนกับเฮีย” จีซัสเอ่ยบอกกับผมอย่างทะเล้นตามแบบของมัน
“ก็นอนดิ” ผมเอ่ยบอกกับมันเสียงเรียบ เพราะผมรู้ดีว่ามันเป็นยังไงถึงเราสองคนจะเป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก แต่เราทั้งคู่ก็ต่างมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง และยิ่งมันติดเมียแบบนี้ด้วยแล้วมันไม่มีทางนอนกับผมอย่างที่ปากมันพูดแน่นอน
“โหว่ ไม่สนุกเลยพวกรู้ทัน”
ก็อกๆๆ !!!
“เฮียเบลซ” จีซัสร้องเรียกร่างสูงที่เดินเข้ามาใหม่
“ไงมึง” ไอ้เบลซเพื่อนรักเพียงคนเดียวของผมทักขึ้นทันที ก่อนจะเดินเข้ามานั่งลงยังโซฟาตรงข้ามกับผม
“ขอบใจมึงมากที่ช่วยจัดการเรื่องในบริษัทให้กู” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบพร้อมกับมองไปที่มันนิ่งๆ ผมกับมันรู้จักกันมาตั้งแต่ผมจำความได้ อีกอย่างนอกจากแม่นมผมก็ยังมีครอบครัวของมันช่วยกันเลี้ยงผมกับน้องมาตั้งแต่เด็ก พ่อของผมกับพ่อของไอ้เบลซเป็นเพื่อนรักกัน ตั้งแต่แม่ของผมเสียไปผมกับน้องก็มีม๊าและป๊าของไอ้เบลซนี่แหละที่เป็นเหมือนกับแม่กับพ่อของผมกับจีซัสด้วยอีกคน
“เรื่องแค่นี้ ว่าแต่ร่างกายมึงไม่ไปตรวจหน่อยหรอวะ” มันเอ่ยบอกกับผมออกมาเสียงเรียบ แต่ก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หว่ะ” ผมปฏิเสธมันออกไปเสียงเรียบ
“ร่างกายคงจะไม่เป็นไรแล้วล่ะเฮียเบลซ แต่อย่างอื่นนี่สิ...” จีซัสเอ่ยบอกกับไอ้เบลซอย่างกวนๆ ก่อนจะส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่ผม
“อาการของมันเป็นยังไง หืม...” ไอ้เพื่อนรักของผมก็ยังจะเล่นรับส่งบทกับไอ้น้องชายตัวดีของผมอีก
“ก็ผมไม่เห็นดวงใจที่แข็งดั่งหินผาอยู่ในร่างของเฮียดีนแล้วไงครับ”
“หืม...”
“ตั้งแต่กลับมาถึงก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ใช่เฮียคนเดิมของผมเลยอ่ะ”
“มันขนาดนั้นเลยหรอวะ?” ไอ้เบลซหันมาถามผมนิ่งๆ แต่ใบหน้าของมันแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ เหมือนมันกำลังล้อผมยังไงยังงั้น
“มันขนาดนั้นเลยเฮีย”
“พากันกลับไปกกเมียเลยไป...” ผมเอ่ยไล่มันทั้งสองคนออกไปอย่างไม่ได้จริงจังมากนัก
“เออน่ากูกลับแน่ ว่าแต่เรื่องมึงจะเอาไงต่อ” ไอ้เบลซเอ่ยถามผมเสียงเรียบ ก่อนจะรอมาที่ผมนิ่งๆอย่างรอคำตอบ
“อย่างที่กูบอก...มันจะโผล่หัวออกมาเอง”
“อย่าบอกนะว่าเป็นมัน...งั้นรออะไรวะเฮียจัดการเลยดิ”
“ใจเย็นน้องชาย คนอย่างมันไม่มีทางทำเองคนเดียวได้” ผมเอ่ยบอกกับน้องชายเพียงคนเดียวเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปมองที่เพื่อนสนิทของตัวเองนิ่งๆอย่างรู้กัน
“แต่เฮีย...มันไม่ปลอดภัยถ้ามันรู้ว่าเฮียกลับมาแล้ว” จีซัสเอ่ยบอกกับผมเสียงเครียด ผมเข้าใจว่าน้องเป็นห่วงผมมาก และยิ่งมันเป็นคนเลือดร้อนแบบนี้ผมเองก็ยิ่งเป็นห่วงมันมากกว่าเดิมไปอีก
“เชื่อเฮีย…เรื่องนี้เดี๋ยวเฮียจัดการเอง” ถ้าผมไม่รีบปรากฎตัวตอนนี้อีกไม่นานมันต้องหันมาทำร้ายน้องชายของผมอย่างแน่นอนซึ่งผมปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไม่ได้ แต่ถ้าจะจัดการกับพวกมันผมต้องมีหลักฐานที่จะมัดตัวมันมากพอจะตีงูก็ต้องตีให้ตาย
“ผมอยากช่วย”
“ถ้าอยากช่วยเฮีย จีต้องดูแลตัวเองให้ดี เข้าใจที่เฮียพูดใช่ไหม” ผมเอ่ยบอกกับน้องชายเพียงคนเดียวของผมเสียงเรียบ
“ผมก็ดูแลตัวเองดีอยู่แล้วปะ คนอย่างจีซัสใครจะมาทำไรได้” ร่างสูงข้างๆ เอ่ยบอกกับพวกผมอย่างภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเองซะเหลือเกิน
“แต่เท่าที่เฮียรู้มา มีไม่ใช่หรอคนคนนั้น” ไอ้เบลซพูดขึ้นเสียงเรียบ
“หึ”
“โห่! เฮียมันก็ไม่เหมือนกันปะ”
“จีมีจุดอ่อนดูแลเธอให้ดีล่ะ เพราะถ้าศัตรูมันรู้มันจะทำร้ายจีได้ง่ายขึ้น”
“…”
“มันจัดการดวงใจของจีแค่คนเดียว มันก็เหมือนทำลายจีได้ทั้งคนแล้ว” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆ เสียงเรียบ
“ครับเฮีย ผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรดวงใจของผมแน่นอนครับ”
“…หึ.../...หึ...”
“ว่าแล้วผมก็กลับไปกกเมียดีกว่า พอดีมีเมียให้กกอะครับ” จีซัสเอ่ยบอกกับผมอย่างกวนๆ
“ถ้ามึงต้องการแค่บอกกู พร้อมช่วยเสมอ” ไอ้เบลซเอ่ยบอกกับผม ก่อนที่มันจะยืนขึ้นเต็มความสูง
“ขอบคุณมึงมากเว้ย”
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องขอบคุณ เรามันครอบครัวเดียวกัน” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบ
“กลับกันดีๆเว้ย” ผมพูดจบพวกมันสองคนก็แยกย้ายกันกลับทันที
ก็อกๆๆ !!
“เข้ามา”
“ขออนุญาติครับนาย” ไอ้ริวมือขวาคนสนิทของผมเดินเข้ามา ก่อนจะยื่นไอแพดในมือมาให้ผม
“ข้อมูลทั้งหมดที่นายต้องการอยู่นี่แล้วครับ”
“แล้วอีกเรื่อง”
“ผมส่งคนไปคอยดูแลเรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบใจ...กลับไปพักเถอะ” ผมเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าก่อนจะก้มอ่านเอกสารในมือต่อ
“ครับนาย”
[BUA’S PART]3 วันต่อมา...“โอ้โห่ พ่อเอาขนาดนี้เลยหรอคะ” ฉันถามพ่อออกไปด้วยความตกใจ พ่อของฉันท่านเล่นใหญ่มาก ท่านลงทุนซื้อคอนโดให้เป็นของขวัญสำหรับการเริ่มต้นทำงานครั้งแรกของฉัน ถึงห้องที่พ่อซื้อไว้จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดของที่นี่ก็เถอะ แต่คอนโดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ราคาก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ“เอาขนาดนี้แหละ” พ่อพูดขึ้นก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับฉัน ถึงภายนอกพ่อจะดูดุมากแค่ไหน แต่สำหรับสายตาฉันท่านเป็นสามีที่รักภรรยา เป็นคุณพ่อที่อบอุ่นของลูกสาวอย่างฉันมาก“แม่คะดูพ่อ” ฉันหันไปขอความช่วยเหลือจากหญิงวัยกลางคนที่วันและเวลาไม่สามารถทำให้ความงดงามของท่านจางหายไปเลย ฉันเดินเข้าไปกอดแม่ฉันอย่างอ้อนๆ ถ้าเป็นคำพูดของแม่พ่อต้องเชื่อแน่นอนจริงๆ อยู่ที่นี่มันก็สะดวกสบายดีหรอก แต่มันดูสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับฉัน“แม่ว่าพ่อเค้าทำถูกแล้วนะลูก อยู่ที่นี่ระบบความปลอดภัยก็ดีพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลด้วย”“แม่อ่า...”“อีกอย่างมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของหนูนี่ ถ้ารถติดลูกก็จะได้เดินไปทำงานได้ไม่ต้องรีบร้อน”“เนอะที่รักเนอะ” พ่อเดินมากอดแม่ฉันด้วยอีกคน“อยู่ที่นี่เถอะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน
“เจ้ว่าอะไรนะคะ...”“เอ้า! ก็เมื่อกี้คุณดีโอไง”“หนูไม่ทันมองอะ” ฉันกระซิบบอกกับร่างบางข้างๆเสียงอ่อน ฉันเห็นเพียงรอยสักของเขาเท่านั้นถึงรอยสักนั้นจะเหมือนกับใครอีกคนที่ฉันเคยรู้จักก็เถอะ แต่ก็คงไม่ใช่เขาหรอก เพราะเขาไม่มีทางมาอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน“สวัสดีครับคุณไอรีน คุณบัวชมพู ผมริวนะครับเป็นผู้ช่วยของคุณขจรเดชครับ” ช่วยร่างสูงคนหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำมากมายเดินตรงเข้ามาหาพวกเรา เขาดูสูงสง่ามากกว่าชายคนอื่นบุคลิกท่าทางรวมถึงน้ำเสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก ‘ถ้าขนาดลูกน้องยังน่ากลัวขนาดนี้ เจ้านายของเขาจะขนาดไหนเนี่ย’“ค่ะ/ค่ะ”“เชิญทางนี้ครับ”“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับเจ้ไอรีนเดินตามร่างสูงตรงหน้าไปอย่างงงๆ ตอนนี้ในหัวของฉันมีคำถามเยอะแยะมากมายที่อยากถาม แต่ก็นะร่างสูงตรงหน้าน่ากลัวจนพวกฉันไม่กล้าถามและไม่กล้าชวนเขาคุยเลยด้วยซ้ำ“รอตรงหน้าสักครู่นะครับ” เขาพาฉันกับเจ้ไอรีนมาที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกหรูแห่งนี้“ได้ค่ะ”“ขออนุญาติค่ะ” เสียงป้าแม่บ้านดังมาจากประตูบานใหญ่ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาด้านในทันทีที่ได้รับอนุญาต“คุณผู้หญิงรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ” ป้าแม่บ้านเอ่
วันต่อมา...“บ่ายแล้วนะคะเจ้พักทานข้าวก่อนเถอะนะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำหนังสือสัญญามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เธอแทบจะไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำ“อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้วบัว”“มีอะไรให้บัวช่วยไหมคะเจ้” ฉันเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน“งานที่บัวมีอยู่ตอนนี้ก็ล้มมืออยู่แล้ว พึ่งทำงานได้สองวันก็เจองานใหญ่ซะแล้ว”“บัวไหวค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆให้กับเธอ ตอนเรียนฉันก็ทำงานที่อาจารย์สั่งลืมวันลืมคืนแบบนี้แหละ พอมาทำงานฉันก็เตรียมตัวมาบ้างแล้วล่ะ“ขอบคุณนะบัว”“ด้วยความยินดีค่ะ”“น่ารักที่สุดเลยน้องสาวของเจ้”...30 นาทีต่อมา...“เย้! เสร็จแล้ว” ร่างบางข้างฉันร้องออกมาด้วยความดีใจ“ทานข้าวเลยค่า” ฉันตะโกนบอกร่างบางกลับไปในขณะที่ตัวเองยังคงง่วนอยู่กับงานตรงหน้า“รับทราบค่า”“บัวเย็นนี้ไปเป็นเพื่อนเจ้หน่อยนะ” ร่างบางเอ่ยบอกกับฉัน“ปะ ไป” ฉันชะงักทันทีที่เจ้ไอรีนพูดจบ...เรื่องที่เมื่อวานฉันไปปากเก่งกับเขาเอาไว้ยังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หายเลย ถ้าวันนี้ต้องไปเจอกันอีกฉันจะกล้าสู้หน้าเขาได้ไง“ก็ไปเซ็นต์สัญญาไงคะ และน่าจะทานอาหารร่วมกันนิดหน่อย”“เจ้ไม่ไปกับเฮีย
23.30 น.“เจ้เพลงไม่มานเลยอ่า” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางข้างๆอย่างอารมณ์เสีย มันแบบขัดใจเจ้อะ“นั่นเส่...”“นี้คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะถ้าสองคนนี้เมาจะเป็นแบบนี้ไงครับ” เฮียผาเอ่ยบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างเอือมละอากับภาพตรงหน้า“ดูน่ารักดีนะครับ” ร่างสูงตรงหน้าฉันพูดขึ้น ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องมาที่ฉันก็จะยกยิ้ม ‘ทำไมวันนี้ต้องยิ้มพร่ำเพรื่อด้วยปกติก็ไม่เห็นจะค่อยยิ้มขนาดนี้เลย’“ยิ้มอะไรของนาย?” ฉันเอ็ดร่างสูงตรงหน้าเบาๆ“บัว!” เฮียภูผาดุฉันเบาๆ ฉันหน้างอลงเล็กน้อยตั้งแต่ฉันรู้จักกันมา เฮียไม่เคยดุฉันเลยนะ...“หึ ไม่เป็นไรครับ”“ผมขออนุญาตพาสองคนนี้ไปพักก่อนนะครับ” เฮียภูผาบอกกับร่างสูงข้างๆอย่างนอบน้อม“เชิญครับ นี่คีย์การ์ดครับ” เขาตอบกลับเฮียภูผาเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้เฮียมา 2 ใบ“เดี๋ยวกลับมาครับ”“เรื่องสัญญาเราคุยกันพรุ่งนี้เช้าก็ได้ครับ วันนี้คุณจะได้พักผ่อนด้วย”“ครับ วันนี้ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ” เฮียผาขอโทษร่างสูงข้างๆ อีกครั้ง“บัวเจ่เจ้อยากเข้าห้องน้ำ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างเสียงอ่อนๆ“ไปเข้าที่ห้องไหวไหมที่รัก” เฮียผาอ่ยบอกกับแฟนสาวของเขาเสียงอ่อน“หวายยยยย...”
“ตอบคำถามฉันก่อน” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน“นายเดินไปเอาเบียร์ให้ฉันสองกระป๋อง” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงเรียบ ฉันรู้นะว่าตอนนี้ตัวเองเมามากแล้วแต่สำหรับคำถามของเขาฉันต้องการแอลกอฮอล์มากกว่านี้“เธอดื่มไม่ไหวแล้วน่า พรุ่งนี้ตื่นมาจะปวดหัวเอา” เขาบอกกับฉันอย่างเหนื่อยใจกับความดื้นรั้นของฉัน“ไม่งั้นก็ไม่ตอบ ฮึ่ย!” ฉันกอดอกของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะหันหน้าหนีเขาไปอีกทางอย่างงอลๆ“ถ้าพรุ่งนี้ตื่นมางอแงฉันจะลงโทษเธอ...” ร่างสูงเดินไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นมาสองกระป๋องตามที่ฉันบอกเขายื่นกระป๋องเบียร์ในมือให้กับฉันอย่างว่าง่าย ฉันจึงส่งยิ้มหวานให้เขากลับไป“อันนี้ของนาย ดื่มให้หมดพร้อมกันแล้วฉันจะบอก” ฉันเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้าก่อนจะยื่นเบียร์ให้เขาหนึ่งกระป๋อง“อึกๆๆ!! ชื่นใจจัง” ฉันดื่มเบียร์ทีเดียวจนหมดกระป๋อง ก่อนจะหันไปเห็นสายตาของร่างสูงตรงหน้าที่จ้องมาที่ฉันอย่างไม่ละสายตา“หมดแล้วหรอ?”“อืม”จุ๊บ!!“นี่คือคำตอบของฉัน” มือบางของฉันจับบ่าหนาไว้แน่น ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ร่างสูง ฉันประกบริมฝีปากบางของตัวเองเข้ากับริมฝีปากหนาตรงหน้าเบาๆ ก่อนที่ฉันจะส่งยิ้มหวานๆไปให้เขา“ฝากเธอด้วยนะ
เช้าวันต่อมา...“อืออออ” ใครเอาค้อนทุบหัวฉันรึป่าวนะทำไมมันถึงได้ปวดขนาดนี้นะ และความรู้สึกที่เหมือนจะคลื่นไส้อยากจะอาเจียนตลอดเวลาเลย ‘เมื่อคืนฉันทำอะไรลงไปเนี่ย’“อ๊ะ!!” ฉันร้องออกเบาๆ เพราะความเจ็บปวดบริเวณกึ่งกลาง ‘เดี๋ยวนะ?’ฉันค่อยๆ ขยับเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองขึ้นช้าๆ พร้อมกับพยายามบิดตัวไปด้วย แต่...“ตื่นแล้วหรอ?” เสียงนี้มัน...ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นเสียงที่ฉันคุ้นเคย“ตื่นสิบัว อ๊ายยยย!!” ฉันหยิกตัวเองเบาเพื่อเรียกสติตัวเองให้ตื่นขึ้นมาจากฝัน ก่อนจะร้องออกมาเบาๆ เพราะความเจ็บปวด นี่ฉันไม่ได้ฝันอยู่สินะและเรื่องเมื่อคืนก็คือเรื่องจริงน่ะหรอ“หยิกตัวเองทำไม” เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ พร้อมกับมือหนาลูบลงที่แขนของฉันอย่างอ่อนโยน“…”“ปวดหัวไหม เจ็บตรงนั้นรึป่าว” ร่างสูงที่ยังคงนอนกอดฉันแน่นเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง“ฉันไม่ได้ฝันหรอ?”ฟอด ฟอด !!“…” เขาก้มลงมาหอมแก้มทันสองข้างของฉันเบาๆ ก่อนที่มือหนาจะลูบที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน“มันคือเรื่องจริงทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่เราเป็นของกันและกันด้วย” เขาเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบก่อนจะส่งยิ้มมาให้ฉัน“กันและกันหรอ?” ฉันทวนคำพูดขอ
@คอนโดบัวชมพู10.00 น.“ขอบคุณมากนะบัว เสาร์อาทิตนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่เจอกันวันจันทร์น้องรัก” เฮียภูผาจอดรถยังลาดจอดรถหน้าคอนโดของฉัน ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกจะอย่างเป็นกันเอง“ด้วยความยินดีค่ะ”“วันนี้พี่นอนกับบัวได้ไหว” เจ้ไอรีนเอ่ยถามฉันอย่างร้อนรน พร้อมกับมือบางของเธอที่พยายามจะออกจากรถ แต่ก็มีมือหนาของเฮียผาแฟนหนุ่มของเธอจับแขนเรียวของเธอไว้ก่อน“เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยที่รัก เพราะฉะนั้นไปกับเขาดีๆเถอะนะเด็กน้อยของเขา”“ฉันแก่กว่าเธอตั้งปีนึงนะ”“หืม! อยากเพิ่มข้อหาหรอครับ”“อะ เอ่องั้นหนูขอตัวก่อนนะ เจ่เจ้สู้ๆนะ” ฉันเอ่ยบอกกับทั้งสองคนก่อนจะรีบวิ่งออกจากรถหรูของเฮียทันที ด้วยอากาศด้านในรถกำลังมาคุถ้าขืนฉันยังอยู่ละก็คงต้องได้นั่งเป็นกรรมการฟังทั้งสองเถียงกันไม่จบไม่สิ้น ฉันรู้ดีว่าถ้าทั้งสองตั้งกรรมการเมื่อไหร่เรื่องยาว สู้ฉันปล่อยให้เขาเคลียร์ใจกันเองดีกว่าเนอะวันนี้เป็นวันศุกร์นี่ฉันได้มีเวลาพักตั้ง 3 วันฉันจะนอนให้อืดกันไปข้างนึงเลย เพราะว่าตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไปฉันคงต้องทำงานจนแทบไม่มีเวลาได้พักเป็นแน่ ฉันฟังจากรายละเอียดที่เฮียผาพูดคร่าวๆ ในรถมาบ้างแล้วน่ะแอ๊ดดดดด!!!
21.00 น.“ทำอะไรน่ะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนอยู่กับการต่อสายไฟ เมื่อกี้ตอนที่ฉันหำลังอาบน้ำเหมือนจะได้ยินเสียงออดดัง นี่อย่าบอกนะว่าเขาสั่งของมาอ่ะ ‘ผู้ชายคนนี้มีเรื่องให้ฉันประหลาดใจอยู่ตลอดเวลาเลยจริงๆ’“ติดตั้งโปรเจคเตอร์ไงครับ คืนนี้เราจะนอนดูหนังกันทั้งคืน” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงเรียบ“แล้วพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานหรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล“อ๊ะ!!” ร่างสูงดึงฉันเข้าไปกอดไว้แน่น ก่อนจะดึงฉันไปนั่งทับลงบนตักแกร่งของเขา“หนูจะไปใส่เสื้อผ้า” ฉันบอกกับร่างสูงด้านหลังอย่างเหนื่อยใจกับความหื่นกามของเขา“ใส่แบบนี้ก่อนก็ได้นี่ครับ”“หนูหนาว”“เดี๋ยวพี่กอดหนูไว้” ร่างสูงกอดฉันไว้แน่นอย่างที่เขาบอกก่อนที่ริมฝีปากหนาจะกดจูบลงที่ไหล่บางของฉัน“อือ...ไม่เอาค่ะพี่ยังไม่ตอบคำถามหนูเลยนะ” ฉันพยายามเปลี่ยนเรื่องทันที ฉันต้องรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงนี้เดี๋ยวนี้เลย ถ้าขืนยังอยู่แบบนี้มีหวังไม่ได้ดูหนังแน่ๆ“งานพี่ทำที่ไหนก็ได้ครับ วันหยุดหนูพี่ก็จะหยุดอยู่กับหนูที่นี่นี่แหละครับ”“แบบนั้นจะดีหรอคะ”“พี่ทำงานมาทั้งชีว
@บ้านพักต่างอากาศที่เขาใหญ่...“ถึงแล้ว” ดีแลนที่นั่งอยู่ด้านหลังพูดขึ้นทันทีที่รถหรูของเราจอดลงยังลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน“ลุยเลยครับ” ฉันหันไปบอกกับลูกก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่กำลังจะมาถึงแล้วจริงๆ เราสามคนพ่อ แม่ ลูกมาแคมป์ปิ้งด้วยกันที่นี่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นแทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงเจ้าลูกชายคนเดียวของฉันเลย เพราะเขาชอบที่นี่มากและทุกครั้งที่มีโอกาสเขาก็มักจะขอให้ฉันกับพี่ดีนพามาที่นี่อยู่บ่อย“ที่รัก เดี๋ยวแด๊ดดี๊ยกเองหนูไปเปิดบ้านรอเลยครับ”“จริงด้วยครับ”“ก็ได้ค่ะ” ฉันเดินมาเปิดประบ้านตามที่คุณสามีและเจ้าลูกชายของฉันสั่งอย่างว่าง่าย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามเข้ามาด้านใน“ไหวไหมครับ” ฉันเอ่ยถามดีแลนที่สะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองเข้ามาหาฉัน“แค่นี้สบายมากครับ แต่แม่ครับเมื่อไหร่ดีแลนจะตัวเท่าป๊าหรอครับ” เด็กน้อยตรงหน้าถามฉันด้วยความสงสัย ก่อนจะว่างกระเป๋าที่สะพายมาลง“ถ้าลูกอยากตัวเท่าป๊าก็ต้องกินนมและออกกำลังด้วยเข้าใจไหมคะ”“ตัวเท่าป๊าได้แต่จะหล่อเหมือนป๊าคงจะยากหน่อยนะ”“คุณย่าบอกว่าดีแลนหล่อกว่าป๊านะครับ”“จริงรึป่าว”“คุณย่าไม่โกหกดีแลนแน่นอน ป๊าไม
4 ปีต่อมา...ก๊อกกกกกๆๆ!!หลังจากที่ฉันกับพี่ดีนอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวเข้านอน เสียงเคาะก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล พี่ดีนมองมาที่ฉันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงที่ยังคงดังไม่หยุดก๊อกกกกกๆๆ!!“แด๊ดดี๊ แด๊ดดี๊” ทันทีที่ประตูเปิดออกเสียงน้อยๆ ก็ดังขึ้นมาทันทีเพื่อทักทายร่างสูงที่ยืนบังเขาเอาไว้ไม่ยอมให้เข้ามาด้านใน“เรียก ‘ปะป๊า’...‘แด๊ดดี๊’ เอาไว้ให้เมียป๊าเรียกได้คนเดียว” พี่ดีนเอ่ยบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าเสียงเรียบ พร้อมกับมองไปที่ร่างเล็กของเด็กตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง“แด๊ดดี๊”“ดีแลน”“ปะป๊าก็ได้ครับ” เด็กน้อยเสียงอ่อนลงทันทีที่โดนป๊าของเขาเรียกแบบนั้นดีแลนเป็นลูกชายคนเดียวของฉันกับพี่ดีนที่อายุพึ่งจะ 4 ขวบไปเมื่อสองวันก่อน ฉันจะบอกว่านอกจากลูกจะวาดรูปเก่งเหมือนฉันแล้วดีแลนก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย ขนาดม๊าของพี่ดีนกับแม่ของฉันยังบอกว่าดีแลนถอดแบบพี่ดีนมาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นนิสัยที่ความสุขุมมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ความฉลาดและเขายังมีไหวพริบที่ดีจนหลายๆ ครั้งฉันยังอึ้งกับการกระทำของเจ้าลูกชายของฉันเลยดีแลนมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับพี่ด
“แด๊ดดี๊คะ อ่าส์” ร่างสูงจับฉันคว่ำลงกับที่นอนก่อนที่เขาจะตามลงมาทาบทับฉันไว้ ริมฝีปากหนาจูบลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของฉันเบาๆ อย่างอ่อนโยน“พี่ขอเข้าไปนะครับ” ร่างสูงกระซิบลงที่ข้างหูของฉัน ก่อนที่เขาจะขบเม้นเบาๆที่ติ่งหู ฉันหันไปหาเขาก่อนที่เราจะจูบกันอย่างดูดดื่มมือหนาของเขาประคองใบหน้าเรียวของฉันเอาไว้เพื่อให้เขาจูบฉันได้ง่ายขึ้น“ค่ะ อื้อออออ” หลังจากที่เขาผละริมฝีปากออก ฉันครางออกมาด้วยความเสียงซ่านมือหนายกสะโพกงามของฉันขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเอาท่อนเอ็นอันใหญ่โตของฉันถูขึ้นถูลงเบาๆ ที่กึ่งกลางสาวของฉันสวบบบบบบบ! !!“ซี๊ดดดดดด/ซี๊ดดดดด” ฉันกับพี่ดีนครางออกมาพร้อมกันด้วยความเสียวซ่าน มือหนาจับเอวบางของฉันไว้แน่นก่อนที่สะโพกหนาของเขาจะเริ่มขยับตับ! ตับ! ตับ!!“อ่าส์ อะ อื้อออออ” ฉันครางออกมาไม่เป็นศัพท์ด้วยความเสียงซ่าน ร่างสูงโน้มตัวลงมาจุ๊บที่หัวของฉันอย่างอ่อนโยน ตับ! ตับ! ตับ!!“อ๊ะ อ๊ะ อ่าส์” สะโพกหนาเร่งจังหวะกระแทกเข้ามาใส่ฉันหนักหน่วงขึ้น พร้อมกับมือหนาขย้ำสะโพกงามของฉันอย่างมันมือตับ! ตับ! ตับ!!เพียะ!!!“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายยยย” ฉันครางออกมาพร้อมกับเอวบางของฉันบิดเล้าไปมาท
Christmas Day…@คฤหาสน์วงค์อัครหิรัญวันนี้เป็นวันคริสต์มาสเป็นเหมือนวันรวมพลของหลายๆ ครอบครัว ซึ่งครอบครัวของพวกเราก็มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังนี้เพื่อรับประทานอาหารและได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเราจึงจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนในช่วงสิ้นปีฉันกับพี่ดีนแต่งงานกันมาปีกว่าๆ แล้วเขายังคงเป็นผู้ชายคนเดิมเสมอต้นเสมอปลาย วันแรกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างไรวันนี้เขาก็ยังคงปฏิบัติกับฉันอย่างนั้น เราทั้งคู่ยังไม่มีทายาทหรอนะฉันเคยคุยเรื่องนี้กับพี่เขาแล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยคำพูดแบบเดิม ‘พี่ยังไม่พร้อมครับ’ เขาบอกฉันแบบนี้ทุกครั้งที่เราคุยกันถึงเรื่องนี้“หนูบัวช่วงนี้หนูดูซูบไปนะลูก” ม๊าถามฉันขึ้นมาทันทีที่ฉันเดินตามท่านเข้ามาในห้องนั่งเล่น ในห้องนี้มีแต่ผู้หญิงส่วนพวกผู้ชายแยกไปดื่มกันอีกห้องซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องนี้เท่าไหร่นัก“ช่วงนี้หนูงานเยอะน่ะค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันรีบเคลียร์ให้เสร็จเพราะจะลาพักร้อนเพื่อไปเที่ยวกับคุณสามีของฉันน่ะสิ อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันจึงหักโหมทำงานอย่างหนัก“แอร๊...” เสียงน้องไข่มุกลูกสาวของพี่เบลซกับดาร้องขึ้นมาเบา พร้อมกับทำท่าทางเ
16.00 น.หนุ่มๆ โดนสวดกันไปยกใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะทานอาหารพร้อมกัน จากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ ตอนนี้เหลือเพียงฉันกับพี่ดีนที่จะตามกลับไปทีหลัง เราตกลงกันว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันและแน่นอนว่าฉันได้วันหยุดมาจะเฮียผาอีกแล้วเฮียบอกกับฉันตอนผูกแขนว่า ‘เฮียอยากเลี้ยงหลาน ไม่ต้องรีบกลับเฮียให้วันหยุดเพิ่มเพื่อปั้มหลานเท่านั้น’ เมื่อวานก่อนกลับก็ยังย้ำฉันอีกรอบด้วยนะ“รถพร้อมแล้วไอ้ลูกเขย” เสียงพ่อตะโกนเรียกพี่ดีนมาจากทางหน้าบ้าน เอาอีกแล้วสองคนนี้มีลับลมคมนัยกันอีกแล้ว“ครับพ่อ”“มีอะไรรึป่าวคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงตรงหน้าออกไปด้วยความสงสัย เขากำลังง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ไหนเขาบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้ไง...“ไปกัน” ร่างสูงจูงมือฉันเดินออกไปยังรถโฟวิลที่พ่อของฉันเตรียมไว้รอเรา“ทุกอย่างเรียบร้อย” พ่อบอกกับพี่ดีนก่อนจะยื่นกุญแจรถให้เขา“ขอบคุณครับ”“แด๊ดดี๊ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะคะว่าจะพาไปไหน” ฉันถามร่างสูงออกไปอย่างงอลๆ“โอ๊ๆๆ อย่าพึ่งงอลแด๊ดนะครับ” ร่างสูงบอกกับฉันเสียงอ่อนในขณะที่มือหนาโยกหัวของฉันไปมาอย่างเอ็นดู“ชอบเซอร์ไพรส์หนูตลอด”“แล้วหนูชอบไหมคะ”“ชอบค่ะ” ฉันตอบกลับเขาไปเสียงใสพร
2 วันต่อมา...ซู่! ซู่! ซู่!วันนี้เป็นวันที่ฉันต้องเดินทางกลับแล้วเวลาของความสุขมันมักจะผ่านไปไวเสมอเลยเนอะ ฉันยืนมองออกไปยังท้องทะเลตรงหน้าก่อนจะค่อยๆหลับตาลงเพื่อซึมซับเสียงของคลื่นที่กระทบชายฟังได้ชัดเจนยิ่งขึ้น“หืมมมม” ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมาทันทีที่แขนแกร่งที่คุ้นเคยกอดฉันเอาไว้จากทางด้านหลัง ฉันไม่ตกใจกับการกระทำเขาแล้วล่ะเพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นแหละที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน“แด๊ดดี๊หายไปไหนมาแต่เช้าคะ” ฉันซบลงที่อกแกร่งของเขาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย“แด๊ดดี๊ไปเตรียมอาหารเช้าให้หนูมาครับ” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะก้มลงซุกหน้าของเขาลงกับไหล่มนของฉัน“อะไรนะคะ แด๊ดดี๊ทำอาหารหรอคะ ไปฝึกมาตอนไหนเนี่ย” ฉันรัวคำถามใส่ร่างสูงที่อยู่ด้านหลังเป็นชุด ก็เขาชอบทำให้ฉันประหลาดใจอยู่เรื่อยเลยนี่นา“ความลับครับ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาหารเย็นหมด” พี่ดีนพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะเดินจูงมือของฉันให้เดินตามเขาออกไป“เรากำลังจะไปไหนกันหรอคะ”“…”“แด๊ดดี๊”“เดี๋ยวถึงแล้วหนูก็รู้ครับ”เขาพาฉันเดินมาจากหาดทรายกว้างๆ ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามแนวของต้นไม้ ก่อนที่เราจะมาหยุดอยู่หน้าปากถ้ำ
19.00 น.หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันกลับมายังบ้านพัก ร่างสูงเปิดประตูรั่วเพื่อให้ฉันเดินเข้าไปด้านในก่อน...“นายครับ” เสียงของพี่ริวเรียกพี่ดีนดังขึ้นมาจากด้านหลัง เราทั้งคู่หันกลับไปมองเขาพร้อมกัน“เดี๋ยวหนูเข้าไปรอด้านในนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของบ้านพักทันทีเพื่อให้เขาคุยงานกับพี่ริวได้สะดวก“อาบน้ำก่อนดีกว่า ก่อนอื่นต้องจัดของเข้าที่ก่อน” ฉันเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกล ฉันเลือกที่จะจัดเสื้อผ้าของพี่ดีนแขวนไว้บนตู้เสื้อผ้าก่อนเพราะมีอยู่กี่ตัว ก่อนจะหันมาจัดของของตัวเองด้วยความเป็นผู้หญิงมันก็จะมีของกระจุกกระจิกเต็มไปหมดบางทีฉันก็สงสัยนะว่าตัวเองเอาอะไรมาเยอะแยะ‘เที่ยวให้สนุกนะคะ - กะทิ’ นี่เป็นของฝากจากกะทิพี่ดีนบอกว่าลูกน้องของจีซัสนำมาฝากไว้ให้ฉันก่อนที่เราจะขึ้นเครื่อง“ไหนดูสิกะทิฝากอะไรมา” ฉันอ่านข้อความในโพสอิทก่อนจะเปิดถุงผ้าตรงหน้าออก ในนี้มีบิกินีสองตัวใหม่เอี่ยมป้ายราคายังไม่ทันแกะฉันแค่บ่นให้เธอฟังเองว่าไปหาซื้อไม่ทัน เธอก็จัดหนักมาให้ฉันซะเลยสินะ ‘ทูพีชแบบนี้แด๊ดดี๊จะให้ใส่รึป่าวเนี่ย’ ‘ช่างเถอะพรุ่งนี้แด๊ดดี๊ไ
2 อาทิตย์ต่อมา...“แด๊ดดี๊หนูออกไปเดินเล่นข้างนอกได้ไหมคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้ฉัน“หนูไม่เจ็บแผลแล้วหรอครับ หืมมมม...” ร่างสูงวางไอแพดในมือลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉัน“แด๊ดดี๊หนูไหวคะ ไม่มีแผลแล้วด้วย หนูอยากออกไปเจอแสงแดดบ้าง” ฉันนั่งกอดอกพร้อมกับทำหน้ายู่ใส่เขาอย่างงอลๆฉันออกมาจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้ 1 อาทิตย์แล้ว รวมกับที่ฉันนอนโรงพยาบาลตลอด 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทำได้เพียงกินกับนอนพี่ดีนไม่ให้ฉันทำอะไรเลยส่วนตัวของเขานั้นก็ได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่คอนโดของฉันอย่างเต็มรูบแบบ เขาเฝ้าฉันแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนไม่ออกไปไหนเลย พอฉันขอออกไปทำงานที่บริษัทเฮียผาก็ไม่ให้ไปบอกให้ฉันหยุดไปเลย 1 เดือน เนี่ยทุกคนพร้อมใจกันกักขังฉัน“งั้นเตรียมตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้แด๊ดพาไปเที่ยวทะเล” ร่างสูงบอกกับฉันก่อนจะอุ้มฉันไปนั่งลงบนตักแกร่งของเขา“คะ? ไปทำงานหรอคะ”“ใช่ครับ...”“ฮึ่ย แด๊ดดี้ทำไมพึ่งบอกล่ะคะ”“จริงๆแด๊ดดี้ให้ใครทำงานให้ก็ได้ครับแต่เห็นหนูอยากไปเจอแสงแดดพอดี แด๊ดดี้เลยคิดว่าน
[BUA’S PART]9.00 น.ฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองขึ้นมาช้าๆ ด้วยคำถามที่ว่า ทำไมโลกของฉันมันถึงได้หมุนแบบนี้ล่ะ ‘หรือว่าฉัน...’ ฉันรวบรวมสติของตัวเองและคิดทบทวนตัวเองอีกที ‘ฉันโดนยิงนี่...แล้ว?’ ฉันหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจก่อนจะเห็นร่างสูงที่ฉันคุ้นกำลังเซ็นเอกสารในมืออย่างขะมักเขม้นในขณะที่มืออีกข้างของเขายังคงกุมมือฉันไว้แน่น“แด๊ดดี้ ขา...”“ขา...ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือทันทีที่ได้ยินเสียงของฉัน รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงตรงหน้า“ยังค่ะหนูหลับอยู่” ฉันบอกกับเขาอย่างแกล้งๆ พร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขาไปด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนจุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! !!“หลอกแด๊ดหรอ หืมมมมม” ริมฝีปากหนาจุ๊บลงที่มือบางของฉันอย่างอ่อนโยน“อ๊ะ”“เจ็บมากไหม...ไม่มีหนูอยู่แด๊ดจะอยู่อย่างไง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่เขาจะซุกใบหน้าหล่อเหลาของเขาลงกับมือบางของฉัน“หนูไม่เจ็บเลยค่ะ แด๊ดดี้ไม่ต้องห่วงนะคะ” ฉันบอกกับร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ก่อนจะลูบลงที่แก้มของเขาเบาๆ“…”“แด๊ดเจ็บตรงไหนไหมคะ” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความเป็นห่วงพร้