อินโทร
“นี่นายเด็กแว่นหนาเตอะคนนั้นน่ะ หันมาคุยกับฉันก่อนสิ เฮ้ อย่าหันหน้าหนีกันสิยะ ก็บอกว่า..อย่าเดินหนีไงเล่า”
ฉันคงบ้าไปแล้วจริงๆนั่นล่ะที่ดันเลือกจะสื่อสารกับนายเด็กแว่นหนาเตอะที่เอาแต่หลบอยู่มุมห้องไม่ยอมเปิดหูเปิดตาออกมาดูกันบ้างเลย งี่เง่าชะมัด เมื่อไหร่จะหันมาคุยกับฉันดีๆสักทีนะ น่ารำคาญ
“ขะ..ขอโทษครับ.... ผมผิดไปแล้วที่มายุ่งวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะครับ ได้โปรด ผะ ผมกลัวแล้ววว”
“ฉันไม่ใช่ผีซะหน่อย! บ้าไปแล้วรึไง ฉันออกจะสวยขนาดนี้”
“คะ ครับ...คอมพิวเตอร์บ้านไหนเขาสวยกันล่ะครับ มิหน่ำซ้ำยังพูดกับผมได้อีกด้วย?!”
“หา ก็ฉันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ของนายจริงๆนี่ ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า หยุดพูดจาหยาบคายเดี๋ยวนี้!”
“ก็คุณเป็นคอมพิวเตอร์ของผมจริงๆนี่ครับ! น่ะ นี่ไงล่ะหลักฐาน!”
พูดไม่ทันจบฉันก็ต้องตื่นตลึงทันทีเพราะว่าภาพถ่ายที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ของเขากำลังฉายภาพคอมพิวเตอร์รุ่นเก่ารุ่นเดียวกับที่ฉันหัวฟาดพื้นตรงนั้นเลย!
“ให้ตายสิ ฉันกลายเป็นคอมพิวเตอร์ไปแล้วงั้นเหรอ?”
ไรท์ : อะแฮ่มๆ แค่ก แค่ก! เรื่องเก่ายังไม่จบเรื่องใหม่มาอีกแล้ว555 ทำไว้ก่อนเดี๋ยวลืมพล็อตตัวเอง แน่นอนว่าคนที่ทำให้นางเอกของเราต้องมาติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อืมๆ ไปลุ้นกันในเรื่องเอาเอง (สำหรับคนที่รู้จักเรื่องอื่นของไรท์น่ะนะ) แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อยู่ในหมวดชายหญิงน้า แล้วพบกันใหม่ในเรื่องจ้า ///โดนเรื่องอื่นลากไปเก็บ
ตอนที่ 1 ฉันนี่แหละถูกสาป
ฉันมีชื่อว่า เมดิส อย่างน้อยใครๆก็เรียกฉันว่าแบบนั้น ฉันไม่มีพ่อมีแม่หรอกแค่เกิดมาได้ครบสามสิบสองก็ดีแค่ไหนแล้ว
ฉันถูกส่งเข้าไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลเด็กกำพร้าและตั้งแต่นั้นมาฉันก็ใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด พอเข้าอายุ 13 นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าและได้มาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมาโคร พวกเค้าดีกับฉันมาก และที่สำคัญพวกเค้าไม่มีลูก และก็นั่นแหละจึงเป็นสาเหตุให้ฉันถูกย้ายมาอยู่ที่นี่พอเข้าอายุ 15 ฉันก็พยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อให้ได้รับยอมรับจากทุกคน และก็ดูเหมือนชีวิตจะไม่ได้ถูกทอดทิ้งไปสักทีเดียว พออายุเข้า 20 พวกเขาก็ยอมรับในความสามารถของฉันถึงขนาดที่ยกทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านให้กับฉันเป็นผู้ดูแลแต่เพียงคนเดียว ใช่ ดูดีเลยใช่ไหมล่ะ ฉันก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทยักษ์ของพวกเขา โดยที่มีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นยังไงบรรดาญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ของฉันกลับไม่ยอมรับฉันอยู่ดีโดยพวกเขาให้เหตุผลง่ายๆก็คือ ‘ฉันไม่ใช่สายเลือดของพวกเขา’
อืม ซึ่งฉันก็เข้าใจดี ก็ฉันไม่ใช่ลูกจริงๆของพวกเขานี่น่า ขนาดพ่อแม่ของฉันจริงๆยังไม่เคยคิดจะมาเลียวแลฉันเลย ลำพังแค่พวกเขายอมรับเลี้ยงฉันจนสามารถเรียนจบในเวลาอันรวดเร็วมันก็น่าซึ้งพระคุณจะแย่แล้ว พอคิดได้แบบนั้นฉันก็เป็นฝ่ายที่พูดออกมาเอง ว่าฉันไม่ต้องการทรัพย์สมบัติของพวกท่านเลยสักนิด ขอแค่ได้ดูแลตอบแทนพระคุณของพวกท่านฉันก็มีความสุขดีแล้วล่ะ ใช่ ฉันคิดแบบนั้น แต่ทุกอย่างมันคงเกินกว่าที่เด็กอย่างฉันจะเข้าใจได้ รู้สึกตัวอีกทีพ่อแม่บุตรธรรมของฉันก็ประสบอุบัติเหตุกะทันหัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่กับฉันได้อีกต่อไปแล้ว ฉัน...เสียใจมาก...วันนั้นเมื่อกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของฉันพังสลายลง....ฉันไร้เรียวแรงที่จะยืนต่อไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทำไมคนอย่างฉันถึงได้รับมันล่ะ ฉันก็แค่อยากให้พวกท่านมีชีวิตอยู่มันก็เท่านั้นเอง....
“ทรัพย์สินทั้งหมดของนาย มาริค มาโครและ นาง มีเรีย มาโครของมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่ นางสาว เมเนดิส มาโคร แต่เพียงผู้เดียว”
น้ำเสียงทนายความดังขึ้นท่ามกลางสีใบหน้าผิดหวังของคุณลุง โจเซฟ ป้าเมเลเดีย ในขณะที่ฉันยังคงเศร้าโศกกับความสูญเสียไม่หาย แต่พวกเขากลับใส่ร้ายความรู้สึกของฉันอย่างไม่มีชิ้นดี
“เป็นเพราะแก! แกต้องการจะให้พวกเขาตายสินะ เพื่อจะได้หุบสมบัติพวกนี้ ต้องเป็นแผนของแกแน่ๆเลย!”
“เซ็นต์ยกมรดกทั้งหมดให้กับพวกฉันซะ แกไม่มีแม้แต่สายเลือดของพวกเขาแท้ๆยังจะกล้าหน้าด้านรับของจากพี่สาวของฉันได้อีกนะ!” ปลั่ก! ฉันถูกผลักไปจนเซในขณะที่เสียงโวยวายดังขึ้นท่ามกลางความกลหนคุณปู่ของฉันอย่างน้อยฉันก็คิดว่าเป็นแบบนั้น เขาสั่งให้คนของเขาพาสองสามีภรรยาออกไปจากบ้านหลังใหญ่ก่อนจะหันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไม่ต้องกลัวนะ เมดิส หลานเป็นหลานของปู่ไม่ว่ายังไง ไม่ต้องไปใส่ใจพวกบ้าพวกนั้น ปู่จะจัดการให้เอง หนูแค่ต้องเข้มแข็งนะลูก” ชายชราแห่งตระกูลมาโครสวมกอดฉันที่ร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียง เขานึกสงสารหลานสาวคนนี้จับใจ แต่หากเด็กสาวคนนั้นกลับหน้าตาละหม้ายคล้ายมาร์ตินลูกชายคนเล็กที่เขาที่เคยทิ้งไปไม่มีผิด คงเป็นเวรกรรมของตัวเขาเองสินะ ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะดูยังไงเด็กคนนี้ก็คือลูกสาวของมาร์ตินไม่ผิดแน่ ต่อให้รู้ความจริงเรื่องขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถบอกเธอไปได้ นั่นก็เพราะคนที่เป็นสาเหตุให้เมดิสถูกทิ้งอยู่บ้านเลี้ยงกำพร้านั้นก็คือเขาเอง เพราะเขาบังคับให้มาร์ตินทิ้งผู้หญิงไม่มีสกุลคนนั้นกับลูกไปเพื่อที่จะได้มาแต่งงานกับบุตรสาวของตระกูลที่มีเกียรติเท่าๆ กันทำให้ลูกชายคนเล็กต้องมาตรอมใจตายจากไป ถ้าหากเขารู้ความจริงในข้อนี้ล่ะก็ เขาคงจะไม่มาบังคับฝืนใจใครแน่ๆ …พอคิดได้ดังนั้นชายชราก็หลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสาย “หนูก็แค่...อยากจะมีครอบครัวเท่านั้นเอง...มันผิดมากเลยเหรอคะ...การที่หนูอยู่ตรงนี้...มันผิดมากเลยใช่รึเปล่าคะ....” คนร่างบางกอดชายชราแน่นเธอก่อนที่ชายชราคนนั้นจะค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้กับเธออย่างเบามือ “ไม่ต้องกลัวนะ เมดิสต่อไปนี้ปู่จะเป็นครอบครัวให้หนูเอง ปู่สัญญา...อย่าร้องไห้เลยนะ...” และหลังจากนั้นอีกเพียงไม่นานเขาก็ทิ้งฉันไปอีกคนจนเหลือแค่ฉันคนนี้คนที่ครอบครัวฝ่ายแม่เกลียดฉันอย่างไม่มีชิ้นดีส่วนครอบครัวฝ่ายของพ่อก็ไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตา ใช่แล้ว ฉันกลายเป็นผู้หญิงวัย 24 ปีที่มีมูลค่าสินทรัพย์ในตัวเองสูงถึงห้าร้อยล้านบาทต่อปี บริษัทที่ฉันทำอยู่เป็นบริษัทเกี่ยวกับเกม ฉันคิดว่าการสนับสนุนพวกโลกลำลองต่างๆ จะช่วยให้ฉันหลุดออกจากความเป็นจริงได้บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เลย ฉันยังคงโดดเดียวอยู่เหมือนเดิม เหมือนกับแก้วที่บรรจุเท่าไรมันก็ไม่เติมสักที ต่อให้ฉันจะพยายามเติมเต็มมันยังไง....มันก็ยังคงเป็นแก้วธรรดาที่ไม่เคยเติมเต็มอยู่อย่างนั้น... “เมดิสวันนี้ไปกับผมไหมครับ” ฉันแลสายตามองชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างประเมินเขาใส่สูทผูกไทมาเป็นอย่างดีประกอบกับใบหน้าอันหล่อเหล่าของเขานั่นทำให้ผู้ชายร่างสูงดูมั่นใจในตัวของเขาเป็นอย่างมากว่าฉันจะยอมไปด้วย คงถูกพ่อแม่ดันตัวให้มาเดทกับฉันเพราะอยากได้เงินมันก็คงจะเท่านั้นเองล่ะ... “เท่าไรเหรอ” “เท่าไรอะไรเหรอครับ?” “ฉันต้องจ่ายให้นายเท่าไร นายถึงจะกลับไป” “คือ ผมไม่ตรงสเป็คคุณงั้นเหรอครับ” “เปล่าหรอก ฉันแค่เหนื่อยน่ะ วันนี้แค่ไม่ต้องการความรักการเอาใจใส่ปลอมๆตอนนี้มันก็เท่านั้นเอง” คนนางสวยหยิบเช็คขึ้นมาใบหนึ่งก่อนจะบรรจงเขียนเลขหกหลักลงไปและยื่นมันให้กับคนร่างสูงซึ่งทำหน้าดีใจที่ได้เห็นสิ่งนั้น “รับไปสิ ช่วงนี้ไม่ต้องมาหาฉันแล้วนะ ฉันไม่ต้องการพบใคร” “ครับ ไว้ถ้าเมดิสต้องการผมเมื่อไรก็ทักผมมาได้เสมอเลยนะครับไม่ว่าเมื่อไรผมก็พร้อมที่จะมาหาคุณเสมอ” “ขอบใจนะที่เอาใจใส่ฉันขนาดนี้ถึงมันจะแค่ความรู้สึกจอมปลอมนี่ก็เถอะ” “เมดิส...” “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันไม่อยากฟัง” “ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” “ชิน ส่งแขก” “ครับท่านประธาน เชิญทางนี้เลยครับ” คนร่างสูงเดินตามเลขาร่างเพรียวออกไปจนกระทั่งถึงเวลาเช้าพลบค่ำประธานสาวเลือกที่จะเดินไปยังด่านฟ้าของตึกที่สูงเกือบหกสิบชั้นพลางหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเบาๆ “จะสูบเหรอ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” “คุณเป็นใคร ถึงขึ้นมาด่านฟ้าบริษัทฉันได้ เดี๋ยวนี้พวกยามหละหลวมกันขนาดนี้แล้วเหรอ” คนร่างบางพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะทำท่าสูบบุหรี่ม้วนนั้นถ้าไม่ติดว่าผู้หญิงร่างสวยราวกับเทพธิดาถือวิสาสะดึงมันออกจากฝ่ามือและขยี้มันลงด้วยฝ่าเท้าบาง “นี่คุณ! จะบ้ารึไง เดี๋ยวก็เป็นแผลหรอก ใครสั่งใครสอนให้ใช้ฝ่าเท้าเปล่าดับบุหรี่แบบนั้นห๊ะ!” เมดิสทำหน้าตกใจพลางนั่งลงแล้วจับฝ่าเท้าของอีกคนพลิกดูทันทีแต่ทว่าฝ่าเท้าเปลือยเปล่าน่าทะนุถนอมนั่นกลับไม่มีร่องรอยของการเผาไหม้เลยแม้แต่น้อย “ฮะ ฮะ ฮะ พอเถอะ ฉันจั๊กจี้นะ จุดอ่อนของฉันคือหลังหูกับหลังเท้าไม่รู้รึไง” คนร่างบางทำหน้ามุ่ยก่อนจะดึงฝ่าเท้าของตัวเองออกจากฝ่ามือบางและบรรจงจับเรือนผมสีดำสนิทของอีกคนมาแนบใบหูทำให้เธอหยุดชะงักลงดื้อๆ “ที่ผ่านมาเหนื่อยมากเลยเหรอ แอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆด้วยนี่ ขี้แยจังนะ ประธานสาวเมเนดิส” “คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง” เมดิสถือวิสาสะจับข้อมือของคนร่างบางเอาไว้ทำให้หญิงสาวหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะชี้นิ้วด้านหนึ่งมาที่ตัวเอง “คิดว่าฉันดูเหมือนอะไรล่ะ” “คนบ้า” “อ่ะ นี่คุณ มีตาหามีแววไม่เลยนะ รู้สึกไม่อยากช่วยเลยแหะ คนอะไรเนี่ย มองพระเจ้าเป็นคนบ้าไปซะได้” “พระเจ้างั้นเหรอ? พระเจ้าเดี๋ยวนี้แค่เป็นเด็กอายุไม่น่าจะเกิน 18 ก็มาเป็นพระเจ้าได้แล้วเหรอ งั้นฉันเองก็เป็นพระเจ้าได้น่ะสิ” เมดิสพูดพลางหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย นี่เธอไม่ได้ยิ้มอย่างจริงใจมานานเท่าไรแล้วนะ แต่เรื่องของเด็กผู้หญิงตาสีฟ้าดุจท้องทะเลนี่ก็ทำให้ฉันหยุดที่จะหัวเราะไม่ได้จริงๆ “อุ๊บ!” “นี่คุณขำฉันเหรอ! นี่คุณกล้าขำพระเจ้าอย่างฉันเลยเหรอเนี่ย!” “เมื่อกี้” “อะไรล่ะ!” “ทำไมถึงไม่ชอบให้สูบบุหรี่ล่ะ” คนร่างบางเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาเบาๆก่อนจะดึงอีกคนให้ลุกขึ้นมายืนตามกัน “ก็มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ กลิ่นไม่เห็นจะดี อีกอย่างรุ่นพี่ของฉันก็ไม่ชอบด้วย” “รุ่นพี่? อย่างนั้นเหรอ?” “มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง ถึงเป็นพระเจ้าก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องนะ อย่าทำหน้าเหมือนกำลังฟังคนเพ้อพูดเซ่” “รู้ตัวด้วยสินะ” “ก็แหงสิ ฉันอ่านใจได้นะ” “หื้ม ขี้ตู่รึเปล่า” “ถ้าอย่างนั้นจะลองดูไหมล่ะ ฉันจะอ่านใจเธอเดี๋ยวนี้ล่ะ” “เอาสิ ถ้าคุณทำได้จริง” “ทำไมฉันถึงเหงาได้ขนาดนี้กันนะ ที่ผ่านมาฉันกำลังต้องการอะไรอยู่กันแน่ มันว่างเปล่าซะจนฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี มีแต่ผลประโยชน์ทั้งนั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ฉันก็แค่อยากจะมีครอบครัว-” “พอได้แล้ว” คนร่างบางเบือนหน้าหนีความจริงทำให้คนหน้าสวยหยุดพูดลงตามที่เธอบอก “เชื่อฉันแล้วใช่ไหม” “ต้องการอะไรจากคนอย่างฉันล่ะ” “ต้องการให้คุณรู้จักคำว่าความรัก อย่างน้อยก็ควรรักตัวเองก่อน” “นี่! ฉันไม่มีเวลามาเล่นกับเธอหรอกนะ อ๊ะ!” จุ๊บ.... คนร่างบางประทับริมฝีปากเนียนนุ่มลงบนหน้าผากของอีกคนเบาๆก่อนจะเผยยิ้มออกมา “ต่อจากวินาทีไปพรของฉันจะคุ้มครองคุณเองเพราะฉะนั้นเชื่อมั่นเอาไว้นะว่าพระเจ้าอย่างฉันไม่มีทางทอดทิ้งพวกคุณหรอก” “นี่เดี๋ยวก่อนสิ เธอเป็นพระเจ้าจริงๆน่ะเหรอ” “อื้ม ฉันคือพระเจ้าของคุณ เวลาภาวนาก็คิดถึงหน้าฉันแทนที่จะเป็นเทพองค์อื่นนะเข้าใจไหม ห้ามลืมเด็ดขาดล่ะ” พูดจบคนร่างบางก็เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของเมดิสซึ่งกำลังตกใจกับการมาปรากฎตัวของคนตรงหน้าจนเผลอเอื้อมมือมาสัมผัสกำไลสีดำของคนหน้าสวยที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่โดยรอบ “นี่คุณ! ฉันไม่ได้ให้สัมผัสมันซะหน่อย ซวยแล้วไงล่ะ ฉันจะทำยังไงกับเจ้ากำไลต้องสาปดีเนี่ย!” ยูโรพึมพำกับตัวเองก่อนจะเสกให้หญิงสาวคนนั้นสลบไสลไปในที่สุด ‘ขอโทษนะ แต่สงสัยคุณต้องเจออุปสรรคสักหน่อยแล้วล่ะเมเนดิส’ “นี่ฉันมานอนอะไรอยู่บนด่านฟ้าล่ะเนี่ย...” คนร่างบางค่อยๆยันตัวเองขึ้นช้าๆก่อนจะเดินลงบรรไดไปด้วยความมึนงงประกอบกับมีงานที่ยังต้องสะสางอยู่หญิงสาวจึงต้องขับรถไปรอเอาเอกสารกับบริษัทเล็กๆแห่งซึ่งอยู่ติดกับเจ้าของร้านขายของเก่าไม่ใกล้ไม่ไกลนัก “อ้าวแม่หนู มาหาอาเมสันหรอ เขาไม่อยู่หรอกแต่อีกสักพักคงมานั่นล่ะ สนใจมาดูของในร้านของป้าก่อนก็ได้นะจ๊ะ มาสิ๊ ไม่ต้องเขินอายไปหรอก แม่หนูนี่สวยเหมือนกันนะเนี่ย” “เอ่อ คือ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณป้า คือหนูไม่...” “นี่คอมพิวเตอร์เครื่องเก่ารุ่นคลาสสิคเลยน้า เพื่อแม่หนูจะสนใจเอาไปใช้แบบเก็บสะสมอะไรเทือกนั้น เลือกดูก่อนได้นะจ๊ะ เดี๋ยวป้าไปเอาของแปป” “คะ คือ เดี๋ยวสิคะคุณป้า!” รู้สึกตัวอีกทีคุณป้าคนนั้นก็เดินหายไปจากบริเวณนั้นแล้วและเพราะร้านขายของเก่านี้ค่อนข้างใหญ่จึงทำให้มีบริเวณเดินมากพอดู ‘เพียงสัมผัสแค่คราเดียวเจ้าจะถูกจองจำอยู่ที่นั่นจนกว่าจะเจอรักแท้ รักแท้เท่านั้นที่สามารถถอนคำสาปแห่งความเกลียดชังของข้าได้ เจ้าจงไปสัมผัสมัน เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น’ “คอมพิวเตอร์....อย่างนั้นเหรอ....” คล้ายกับมนต์สะกดจู่ๆร่างกายของเมเนดิสก็ร้อนรุ่มแปลกๆจนกระทั่งหญิงสาวเดินเข้าไปใกล้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมอย่างไม่ทันรู้สึกตัว ‘สัมผัสมันสิ เจ้าต้องสัมผัสมัน สัมผัสคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น...’ คนร่างบางค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัสกับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นอย่างว่าง่ายจนกระทั่งสติของเธอดับวูบไปในที่สุด ตึง! ตึง! ‘อ๊ะ...เสียงอะไรน่ะ....’ เมดิสค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆหลังจากได้ยินเสียงตึงตังมาตั้งแต่เมื่อกี้ “เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลยแหะ...จะเปิดติดไหมล่ะเนี่ย...” เสียงเด็กหนุ่มพึมพำเบาๆก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ หลังจากติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวนี้เสร็จสิ้น ติ้ด! ‘สะ เสียงอะไรน่ะ ทำไมฉันถึงมาอยู่ในห้องเล็กห้องหนึ่งได้ล่ะเนี่ย แล้วเด็กผู้ชายร่างผอมคนนี้เป็นใครทำไมเอาแต่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่ได้’ “เปิดติดแล้วแหะ! เยี่ยมเลย อย่างนี้ก็มีคอมพิวเตอร์ไว้เรียนออนไลน์แล้วสิ ยะฮู้ เงินสองพันของฉันไม่สูญเปล่าจริงๆด้วย! คุ้มค่าที่อดข้าวสลับกันไปมาตั้งหลายมื้อในที่สุด” เด็กหนุ่มร่างบางยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ เขาทำสำเร็จแล้ว ถ้าเขาพยายามอีกนิดครอบครัวที่อยู่บ้านนอกของเขาก็จะต้องไม่ลำบากแน่ๆ “รอก่อนนะครับ ผมจะรีบเรียนให้จบไวๆแล้วรีบหางานทำ ผมจะส่งเงินให้พ่อกับแม่ให้เยอะๆเลย!” ‘ดีใจอะไรขนาดนั้นนะ...คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มันน่าดีใจขนาดนี้เลยเหรอ’ เมดิสได้แต่คิดพลางคิ้วขมวดหนักกว่าเดิมเหมือนเธอพยายามเดินหนีแต่วิญญาณของเธอกับติดอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ซะได้ นี่มันเรื่องอะไรกันแต่ล่ะเนี่ย เธองงไปหมดแล้วนะ เมื่อกี้เธอยังยืนอยู่ที่หน้าร้านขายของเก่าอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาโพล่อยู่ในห้องของเด็กผู้ชายที่เธอไม่รู้จักไปได้ล่ะเนี่ย? “นี่นาย” “หื้ม เมื่อกี้นี้เสียงอะไรน่ะ...” เด็กผู้ชายคนนั้นเกาหัวนิดๆก่อนจะตาเปิดกว้างมากกว่าเดิมเมื่อคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นกำลังส่งเสียงออกมาจากลำโพงที่เขาติดตั้งไว้อยู่ “นี่นาย ฉันพูดด้วยไม่ได้ยินรึไง” “ผะ ผะ....ผีงั้นเหรอ!!” คนร่างสูงรีบเด้งตัวออกจากเก้าอี้ไม้ตัวนั้นพลางวิ่งไปนั่งหลบอยู่มุมห้องทันที “ผะ ผม ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเลยนะ!” “นี่นายเด็กแว่นหนาเตอะคนนั้นน่ะ หันมาคุยกับฉันก่อนสิ เฮ้ อย่าหันหน้าหนีกันสิยะ ก็บอกว่า..อย่าเดินหนีไงเล่า” ฉันคงบ้าไปแล้วจริงๆนั่นล่ะที่ดันเลือกจะสื่อสารกับนายเด็กแว่นหนาเตอะที่เอาแต่หลบอยู่มุมห้องไม่ยอมเปิดหูเปิดตาออกมาดูกันบ้างเลยนะ งี่เง่าชะมัด เมื่อไหร่จะหันมาคุยกับฉันดีๆสักที น่ารำคาญ “ขะ..ขอโทษครับ.... ผมผิดไปแล้วที่มายุ่งวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะครับ ได้โปรด ผะ ผมกลัวแล้ววว” “ฉันไม่ใช่ผีซะหน่อย! บ้าไปแล้วรึไง ฉันออกจะสวยขนาดนี้” “คะ คอมพิวเตอร์บ้านไหนเค้าสวยกันล่ะครับ มิหน่ำซ้ำยังพูดกับผมได้อีกด้วย?!” “หา ฉันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ของนายนะ ก็บอกว่าไงใช่คอมพิวเตอร์ยังไงเล่า หยุดพูดจาหยาบคายเดี๋ยวนี้” “ก็คุณเป็นคอมพิวเตอร์ของผมจริงๆนี่ครับ! น่ะ นี่ไงล่ะหลักฐาน!” พูดไม่ทันจบฉันก็ต้องตื่นตลึงทันทีเพราะว่าภาพถ่ายที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ของเขากำลังฉายภาพคอมพิวเตอร์รุ่นเก่ารุ่นเดียวกับที่ฉันหัวฟาดพื้นตรงนั้นเลย! “ให้ตายสิ ฉันกลายเป็นคอมพิวเตอร์ไปแล้วงั้นเหรอ?”พาร์ท โทสไม่อยากเชื่อแต่ผมต้องเชื่อสินะ คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มันมีชีวิตจริงๆแถมทุกอย่างที่หล่อนเล่ายังเป็นเรื่องจริงอีกต่างหาก หลังจากเรื่องวันนั้นนี่ก็ผ่านไปอีกห้าปีแล้วที่ผมและเธอพยายามหาคนที่ใช่คนที่คิดว่าจะสามารถทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้งแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยพวกเขาหาว่าผมบ้าแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะเมดิสเป็นแค่คนที่หายสาปสูญไปส่วนแฟนของเธอก็ไม่มีใครรักหล่อนจริงเลยสักคนเดียวแม้แต่ตอนนี้เมดิสก็ถอดใจกับการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ไปแล้ว" ปล่อยฉันเถอะ "" นี่คุณอย่ายอมแพ้สิครับ "" นายก็พูดได้นิ โทส นายไม่ได้เป็นเหมือนฉัน นี่มันห้าปีแล้วนะเรื่องราวของฉันมันคงไม่มีความหมาย..."" อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมสาบานแล้วว่าจะช่วยให้คุณเมดิสกลับมาให้ได้ผมก็จะทำครับ ไม่สำคัญอะไรล่ะ เพราะคุณผมถึงได้ทำงานที่นั่นนะครับอย่างน้อยคนที่คุณสามารถเชื่อใจได้ก็คือคุณเลขา "" สำคัญอะไร เขาแต่งงานแล้วเลขาอีไม่มีทางเป็นรักแท้ของฉันได้ มันหมดทางแล้ว "คนร่างสวยพูดอย่างท้อแท้ เธอหมดหนทางแก้ไขมันแล้วจริงๆตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามทำทุกทางแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้รับความรักใดๆกับคืนมาเลย เมดิสทั้งท้
พาร์ท โทสไม่อยากเชื่อแต่ผมต้องเชื่อสินะ คอมพิวเตอร์เครื่องนี้มันมีชีวิตจริงๆแถมทุกอย่างที่หล่อนเล่ายังเป็นเรื่องจริงอีกต่างหาก หลังจากเรื่องวันนั้นนี่ก็ผ่านไปอีกห้าปีแล้วที่ผมและเธอพยายามหาคนที่ใช่คนที่คิดว่าจะสามารถทำให้เธอกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้งแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยพวกเขาหาว่าผมบ้าแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะเมดิสเป็นแค่คนที่หายสาปสูญไปส่วนแฟนของเธอก็ไม่มีใครรักหล่อนจริงเลยสักคนเดียวแม้แต่ตอนนี้เมดิสก็ถอดใจกับการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ไปแล้ว" ปล่อยฉันเถอะ "" นี่คุณอย่ายอมแพ้สิครับ "" นายก็พูดได้นิ โทส นายไม่ได้เป็นเหมือนฉัน นี่มันห้าปีแล้วนะเรื่องราวของฉันมันคงไม่มีความหมาย..."" อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมสาบานแล้วว่าจะช่วยให้คุณเมดิสกลับมาให้ได้ผมก็จะทำครับ ไม่สำคัญอะไรล่ะ เพราะคุณผมถึงได้ทำงานที่นั่นนะครับอย่างน้อยคนที่คุณสามารถเชื่อใจได้ก็คือคุณเลขา "" สำคัญอะไร เขาแต่งงานแล้วเลขาอีไม่มีทางเป็นรักแท้ของฉันได้ มันหมดทางแล้ว "คนร่างสวยพูดอย่างท้อแท้ เธอหมดหนทางแก้ไขมันแล้วจริงๆตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามทำทุกทางแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้รับความรักใดๆกับคืนมาเลย เมดิสทั้งท้
อินโทร“นี่นายเด็กแว่นหนาเตอะคนนั้นน่ะ หันมาคุยกับฉันก่อนสิ เฮ้ อย่าหันหน้าหนีกันสิยะ ก็บอกว่า..อย่าเดินหนีไงเล่า”ฉันคงบ้าไปแล้วจริงๆนั่นล่ะที่ดันเลือกจะสื่อสารกับนายเด็กแว่นหนาเตอะที่เอาแต่หลบอยู่มุมห้องไม่ยอมเปิดหูเปิดตาออกมาดูกันบ้างเลย งี่เง่าชะมัด เมื่อไหร่จะหันมาคุยกับฉันดีๆสักทีนะ น่ารำคาญ“ขะ..ขอโทษครับ.... ผมผิดไปแล้วที่มายุ่งวุ่นวายกับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยนะครับ ได้โปรด ผะ ผมกลัวแล้ววว”“ฉันไม่ใช่ผีซะหน่อย! บ้าไปแล้วรึไง ฉันออกจะสวยขนาดนี้”“คะ ครับ...คอมพิวเตอร์บ้านไหนเขาสวยกันล่ะครับ มิหน่ำซ้ำยังพูดกับผมได้อีกด้วย?!”“หา ก็ฉันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ของนายจริงๆนี่ ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า หยุดพูดจาหยาบคายเดี๋ยวนี้!”“ก็คุณเป็นคอมพิวเตอร์ของผมจริงๆนี่ครับ! น่ะ นี่ไงล่ะหลักฐาน!”พูดไม่ทันจบฉันก็ต้องตื่นตลึงทันทีเพราะว่าภาพถ่ายที่อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ของเขากำลังฉายภาพคอมพิวเตอร์รุ่นเก่ารุ่นเดียวกับที่ฉันหัวฟาดพื้นตรงนั้นเลย!“ให้ตายสิ ฉันกลายเป็นคอมพิวเตอร์ไปแล้วงั้นเหรอ?”ไรท์ : อะแฮ่มๆ แค่ก แค่ก! เรื่องเก่ายังไม่จบเรื่องใหม่มาอีกแล้ว555 ทำไว้ก่อนเดี๋ยวลืมพล็อตตั