“หรือว่าเจ้าสัวคือคนที่คุณฟ้ามีนัดด้วย” ภูชิตถามและมองหน้าม่านฟ้า แต่เธอยังไม่ทันที่จะได้ตอบ เสี่ยต้นก็แทรกตอบขึ้นซะก่อน
“ใช่ครับ” เขาตอบแทรก ทำให้ม่านฟ้าถลึงเล็กน้อยด้วยความตกใจ “คนสำคัญ” ภูชิตย้ำคำและมองหน้าม่านฟ้า “ครับคนสำคัญ” เสี่ยต้นก็รีบตอบ แน่นอนล่ะเธอพูดไม่ทันเขาในตอนนี้ “เอ่อ คือ คุณม่านฟ้า” ภูชิตก็ดูจะอึกอัก “เอาไว้พรุ่งนี้ เรามาดื่มกาแฟตอนเช้าด้วยกันก็ได้ค่ะ ฟ้าจะมาแต่เช้า เพื่อจะได้ทันเบรคฟาสต์ของคุณ” ม่านฟ้าตอบเอาใจภูชิต ทำให้ชายหนุ่มยิ่งกว้าง “เอางั้นก็ได้ครับ งั้นพรุ่งนี้เช้าเราเจอกัน ตอนนี้ผมต้องขอตัว ไม่รบกวนเวลามื้อเที่ยงของคุณฟ้าละเจ้าสัวดีกว่า ตามสบายนะครับ” “ค่ะคุณภู” ม่านฟ้าตอบและยิ้มหวาน ภูชิตยกมือไหว้ลาเจ้าสัวตันติวัฒน์และขอตัว ตอนนี้มีแค่เธอและเสี่ยต้นยืนอยู่ด้วยกัน ทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ หุบยิ้มและปรับสีหน้าให้เรียบ ก่อนจะเอี้ยวตัวหันกลับมาหาเขา มองด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่เสี่ยต้นก็ยิ้มสู้จนหนวดกระดิกและเห็นฟันขาวๆ “ใครให้คุณพูดแบบนั้นกับลูกค้าของฉัน” เธอถามเขาอย่างเอาเรื่อง “เฮียพูดอะไร เฮียยังไม่ได้พูดอะไรเลย” เขาแกล้งทำเป็นไขสือ ครั้นเธอจะตอบ ก็ดูจะเป็นการย้ำเหลือเกินถึงคำว่าคนสำคัญ “มาทำไมคะ มีอะไร” “อ้าวก็มีธุระจะคุยกับคุณฟ้า เรามีนัดกันไม่ใช่เหรอ ฟ้าบอกเอง” เขานี่ช่างหน้ามึนซะจริง เธอไม่ได้มีนัดกับเขาซะหน่อย แต่เขาก็มาชุบมือเปิบ “ไม่ได้มีธุระกับคุณ” พูดจบเธอก็เดินหนี “แล้วมีธุระกับใคร” เขาตอแยเดินไปถาม “ไม่มีกับใครทั้งนั้นล่ะค่ะ” เธอก็ตอบสวนกลับมาด้วยความลืมตัวแต่เมื่อได้สติ ก็ชงักฝีเท้า ขณะที่เสี่ยต้นยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ “ผมมาคุยเรื่องที่ดินของคุณฟ้า ที่กำนันอินทนิลเอามาจำนองนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่ นั่นจึงทำให้เธอหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง นี่สินะธุระของเขา ก็ได้เธอจะลองฟัง “สรุปคุณมีนัดกับใครครับคุณฟ้า” “ก็ได้ค่ะฉันมีเวลาให้ 1 ชั่วโมง ในช่วงเที่ยง” สิ้นคำของเธอเขาก็ยิ้มกว้าง ตาแทบจะหยี ถ้าไม่ติดว่าใส่แว่นตาอยู่แล้วก็ “ไม่ต้องมายิ้มค่ะ” เธอว่าให้เขาด้วยความหงุดหงิด “อ้าว ผมเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง” “มันคงเป็นบุคลิกของคนสไตล์นี้มากกว่าค่ะ” “สไลต์นี้ คือ…” “คาสโนว่านะคะ” “หืม” เขาถึงกับอุทานออกมาเลยทีเดียว เรียกเขาว่าคาสโนว่า ฟังแล้วยังดูดีกว่าคำว่า คนเจ้าชู้ และเมื่อพูดให้เขาจบ เธอก็เดินกลับไปยังออฟฟิศโดยที่เขายังคงเดินตามไปแบบติดๆ และแน่นอนว่าช่วงใกล้เที่ยงแบบนี้ คนงานและเจ้าหน้าที่เยอะแยะเต็มไปหมด ทุกคนหันมามองเธอ และเสี่ยต้นเป็นตาเดียว “นั่นใช่เสี่ยต้นไหม” เสียงนึงหันไปซุบซิบกับเพื่อนสาว “ใช่เลยล่ะตัวจริงเสียงจริง ไม่เคยเห็นมาเดินรีแลกซ์แบบนี้เลย นะเนี่ย แถมยังเดินคนเดียวด้วย ปกติมีแต่ลูกน้องห้อมล้อมอย่างกับเจ้าพ่อ” “จริงด้วย วันนี้มาแปลก แถมยังเดินตามหลังคุณม่านฟ้าด้วย หรือจะมาคุยธุระ” “มาคุยธุระก็ต้องมีลูกน้องมาด้วยไหม” สองสาวก้มหน้าซุบซิบ ขณะที่เสี่ยต้นเดินผ่าน เขาก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เล่นเอา 2 สาวถึงกับตื่นเต้นสินี้ กวักมือกันเป็นระวิงเพราะความเท่หล่อสุขุมและแดดดี๊ของเสี่ยต้น แถมยังยิ้มเจ้าเสน่ห์อีกต่างหาก “คุณจะตามฉันเข้ามาทำไมคะ” “เฮียไม่อยากรออยู่ข้างนอกน่ะมันแดด” “ฉันแค่มาเอากระเป๋า คุณเข้ามาแบบนี้คนก็มองกันเต็มไปหมด” “เอาน่ะซ้อมเอาไว้ ตอนที่เป็นแฟนกับเฮียแล้วเดินด้วยกัน คุณฟ้าจะได้ไม่ต้องเขิน” รู้สึกว่าเขาจะรุกเก่งซะแล้วฟังดูพูดเขาเถอะ “พูดจาไม่เข้าหูเลยค่ะ ให้พูดอีกที ถ้าพูดเหมือนเดิมฉันจะไม่ออกไปกับคุณ” ม่านฟ้ายื่นคำขาดกะจะไม่ง้อเขาเลย “เอ่อ จะให้เฮียพูดว่าอะไรล่ะคิดไม่ทันเลยตอนนี้” “แหม ทีพูดเมื่อกี้เลยคิดทันคิดเร็วเหลือเกินนะคะ” ม่านฟ้าว่าให้ “แก้วฟ้ามีแขก ต้องออกไปรับรองในช่วงเที่ยง มีอะไรโทรหานะคะ” “คุณฟ้าไม่ให้แก้วไปด้วยเหรอคะ” ขันแก้วถามเจ้านาย แต่เหลือบมองเจ้าสัวตันติวัฒน์ แล้วก้มหน้ายิ้มเขินเล็กน้อย เสี่ยต้นก็มองและยิ้มด้วยความเอ็นดู “ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าดูแลตัวเองได้ ไม่มีอะไรน่าต้องห่วง” ม่านฟ้าบอกอย่างมั่นใจ ก่อนจะคว้ากระเป๋าถือ ก่อนจะเหลือบมองเสี่ยต้นอย่างไม่ไว้ แต่พอเห็นเธอมองเท่านั้นแหละเขาก็รีบหุบยิ้ม “เชิญจ๊ะ” เสี่ยต้นผายมือเชิญ ให้เธอเดินออกไปจากออฟฟิศก่อนแล้วเขาก็เดินตาม ระหว่างทางเดินผ่านด้วยนิสัยของเขา เขาก็โค้งศีรษะลงและยิ้มบางๆ ให้กับทุกคน ทำเอาม่านฟ้ากระแอมขึ้น จนทำให้เขาสะดุ้งตกใจและรีบหุบยิ้ม เท่านั้นแหละสาวๆ ในออฟฟิศก็พากันหัวเราะคิกคัก เหมือนจะชอบใจ ที่เสี่ยต้นดูมีอาการเกรงใจม่านฟ้าแปลกๆ “ยิ้มทีนี่หนวดกระดิกเลยนะคะ” เธอหันมาแซวให้เขา แล้วนึกหมั่นไส้ชอบกล “ฉันคิดว่าจริงๆ แล้วคุณมาบริหารเสน่ห์ให้สาวๆ ในออฟฟิศของฉันมากกว่า ใช่ไหมคะ ถ้าเป็นผู้หญิงนี้เขาเรียกว่านางงามมิตรภาพ” “เป็นคาสโนว่ามิตรภาพไม่ได้เหรอครับ” เขาบอกแล้วยิ้มกว้างเชียวไม่คิดจะปฏิเสธคำที่เธอพูดเลย กระทั่งเดินมาถึงลานจอดรถ “ไปรถด้วยกันครับ คุณฟ้าจะได้นั่งสบาย” “ฉันสะดวกขับรถไปเอง คุณจะนัดไปที่ร้านไหนก็บอกได้ค่ะ เดี๋ยวขับรถตามไป” “ให้ผู้หญิงขับรถไปเองดูจะเสียมารยาทแย่” “การขับรถไปเองเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด เพราะอยากกลับเมื่อไหร่ก็ได้กลับ ไม่ต้องรอให้ใครมาส่ง”“นะครับ นั่งรถไปกับผม” เขาขอร้องและทำเสียงหวาน แต่เธอก็ไม่ยอมแน่ เพราะนี่คือการไปด้วยการเป็นครั้งแรก ด้วยความจำเป็น จริงๆแล้วเธอก็ปฏิเสธที่จะมากับเขา แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทยังลองดูเหมือนกัน ว่าเขาจะมาไม้ไหน “ให้คนของคุณขับรถตามนะคะ ฉันจะขับนำไปที่คาเฟ่” เธอไม่ตอบรับคำขอของเขา แต่กลับออกคำสั่งแทน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูตัวเอง เสี่ยต้นก็รีบเดินตามไปทันที โดยถือวิสาสะเปิดประตูไปนั่งด้านข้างที่นั่งคนขับ เท่านั้นแหละเธอก็ตกใจ “นี่ เสี่ย อะไรกันคะเนี่ย” “ถ้าคุณฟ้าไม่อยากนั่งไปกับผม ผมนั่งไปกับคุณฟ้าก็ได้ ยอมให้คุณฟ้าเป็นคนขับเลย” เธอจะเถียงอะไรเขาได้ ในเมื่อเขานั่งอยู่บนรถแล้ว แถมยังใส่เข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย เธอก็ได้แต่ถอนหายใจสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนออกไปจากปาง เธอก็เหลือบมองเขาเป็นระยะ เห็นแต่หนวดกระดิกตอนที่เขายิ้ม“หยุดยิ้มซะทีค่ะ” เขาก็หยุดยิ้มทันทีตามที่เธอต้องการเช่นกัน “มันทำให้คุณหวั่นไหวเหรอ” “มันทำให้หงุดหงิดและโมโหค่ะ” “หึหึ” เขาถึงกับหัวเราะลั่น ก่อนจะเม้มปาก เหลือไว้แต่รอยยิ้ม และเหลือบมองเธอ “เฮียแค่อารมณ์ดี นานๆ ทีจะมีคนขับรถให้นั่ง โดยเฉพาะสาวๆ” คำสุดท้ายเขาหลุดปากพูดออกม
“อ้าวคนจีบกันก็ต้องคุยกันตรงๆ นี่แหละ” เสี่ยต้นสรุปเอาเองซะเลย ขณะที่คนฟัง ทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้แรงๆ พร้อมกับเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร 2-3 อย่าง รวมถึงสั่งกาแฟมาให้ตัวเองด้วย เพราะตอนนี้เธอเริ่มปวดหัวแล้ว ระหว่างที่รออาหาร เธออยากจะคุยเรื่องธุระของเขาให้มันจบๆ “ฉันอยากคุยเรื่องธุระของเสี่ยวันนี้ ตอนนี้” “ขอเสี่ยกินข้าวก่อนนะหิว” “คุยตอนนี้ค่ะ และอีกอย่างอาหารยังไม่มาตอนนี้” “ก็ได้ เรื่องที่ดินที่กำนันเอาไปจำนองกับเฮียน่ะ มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร” “อ้าว ไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วเรื่องที่พูดออกไปตอนนั้นคือ” “เฮียแค่อยากคุยกับฟ้านะ ถ้าไม่บอกแบบนี้ฟ้าก็ไม่ออกมา” “แล้วทำไมฉันต้องออกมาด้วยล่ะคะ”“พูดตรงๆก็ได้ เฮียชอบฟ้าน่ะ ขอโอกาสให้เฮียได้ทำความรู้จักกับฟ้าได้ไหม หมายถึงจีบน่ะ” “แต่ฉันรู้จักคุณแล้ว รู้จักดีด้วย” “รู้จักในทางที่ไม่ดี ฟ้าถึงทำท่าจะต่อต้านเฮียอยู่ตลอดเวลาเจอหน้า” “แน่นอนค่ะ รู้สึกเพราะว่าเสี่ยเป็นเจ้าหนี้ด้วย” “แต่กับไอ้หนุ่มที่ชื่ออะไรนะ คุณภู ทำไมฟ้าไม่เห็นทำท่ารังเกียจรังงอนเขา แต่ดูกับเฮียเถอะ” “คุณภูไม่ได้ทำท่าว่ามาจีบฉันค่ะ” “จีบ” เข้าเถียงแล้วเขาก็มองยิ้ม “แล้
เมื่อสจีไปแล้ว พนักงานก็นำอาหารมาเสิร์ฟ แล้วจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนจะปล่อยให้ทั้งคู่นั่งตามลำพัง บรรยากาศเริ่มมาคุ เสี่ยต้นสัมผัสได้ ที่เสี่ยต้นมีสจีมาเกาะแกะแบบนี้ ตอนนี้เรียกได้ว่าคะแนนติดลบกันไปเลย ลบแล้วลบอีก นี่ขนาดบอกว่าจะมาจีบเธอนะเนี่ย ขณะเดียวกันเสี่ยต้นก็ทำทีเป็นเอาอกเอาใจ ตักอาหารใส่จานข้าวของม่านฟ้า แม้เธอจะไม่พูดไม่ยิ้ม แต่ก็ยอมรับไมตรีที่เขามอบให้ เพื่อรักษามารยาท จะว่าไปเธอเป็นคนที่มีมารยาทสูงพอสมควร รู้ว่าสิ่งใดควรตอบรับสิ่งใดควรวางเฉย และถ้าหากอยู่ในสถานการณ์การทำงาน มารยาทย่อมมาก่อนเสมอ แม้อยากจะพูดจาแนบแนบประชดประชันเขามากแค่ไหนก็ตาม“อาหารอร่อยมากใช่ไหม” เสี่ยต้นชวนคุย เธอจึงตวัดสายตามองเขาเล็กน้อย“อร่อยค่ะ ร้านนี้อร่อย” “แต่ดูเหมือนคุณฟ้า จะไม่ค่อยถูกปากอาหารมื้อนี้”“ก็อาจจะเป็นได้ค่ะอาหารอร่อย แต่บรรยากาศบนโต๊ะไม่ให้ มันก็ทำให้ทุกอย่างกล่อยลงไปหมด” “นี่อย่าบอกนะว่าหึงเฮียอีกแล้ว” เขารู้ว่าเธอกำลังซีเรียส เขาก็แกล้งแหย่เพื่อเพิ่มบรรยากาศไปงั้นเองแหละ ทั้งที่ตอนนี้เขากำลังเครียดตามไปด้วยแล้ว“ไม่มีอะไรต้องให้หึงค่ะ แค่กำลังคิดว่า คนนี้เป็นคุณนายคนที่เท่า
ตกเย็นในวันเดียว ม่านฟ้าเลิกงานกลับบ้าน ซึ่งเป็นเวลาที่กำนันอินทนิลรอกินข้าว เธอกลับมาในเวลานี้ เพราะว่ามัวแต่เคลียร์งานที่ออฟฟิศ ดูแลนักท่องเที่ยวชมเพลิน ปล่อยความคิดโดยปราศจากผู้ชายคนนั้น“คุณฟ้าคะกลับมาพอดีเลย กำนันกำลังรอกินข้าว” แม่บ้านเดินมาบอก ขณะที่บ้านฟ้ากำลังเดินเข้ามาในบ้าน “รอฟ้าอีกแล้ว” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ก่อนจะเดินไปที่ห้องอาหาร ให้บิดานั่งรอกินข้าวเพียงลำพัง เธอจึงเดินไปนั่งลงตรงข้าม คนรับใช้ก็ตักข้าวให้ทันที“ฟ้าเคยบอกพ่อหลายครั้งแล้วนะคะ ว่าถ้าฟ้ากลับช้าให้คุณพ่อกินก่อนได้เลย แล้วก็ขึ้นนอนก่อนได้เลย” “คนแก่กินคนเดียวมันก็เหงา ตั้งแต่หนูกลับมาทำงานที่บ้าน พ่อก็อยากมีเวลาอยู่กับหนู งานวันนี้เป็นยังไงบ้างลูก” “ก็ดีค่ะ นักท่องเที่ยวเยอะกว่าจะกลับ ฟ้าก็เลยกลับช้าไปหน่อย” “วันนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า ฟ้าออกไปกับเจ้าสัวตันติวัฒน์ตามลำพัง” บิดาเริ่มยิงคำถามที่ต้องการ นี่คือเหตุผลที่รอกินข้าวสินะ “ค่ะพ่อ เราคุยกันเรื่องงานน่ะ” “ว่ารู้ใช่ไหมว่าพ่อห้ามฟ้าเรื่องอะไร” “ฟ้ารู้ค่ะ แล้วก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองมีความรู้สึกแบบนั้น” “พ่อไม่เคยห้ามถ้าฟ้าจะมีแฟน ไม่เคยห้ามถ้
ประเดิมสิ่งแรก เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของเสี่ยต้นก็คือ เขาขีดเส้นตายในการผ่อนผันการชำระเงินของลูกหนี้ ให้นำมาชำระตามกำหนดแต่ถ้าสัญญาฉบับไหนต้องจ่ายเป็นก้อนก็ต้องทำตามนั้น ส่วนใหญ่แล้วลูกหนี้ของเสี่ยก็มีแต่สาวๆ เข้ามาเกี่ยว และตอนนี้เขาไม่รับข้อเสนออื่น เพื่อเป็นการทดแทนเงินสด หากไม่ทำเช่นนี้เขาจีบม่านฟ้าไม่ติดแน่ๆ สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือเงินสด ไม่เอาคน เรื่องถึงหูของเจ้าหนี้ที่ชอบผิดนัดอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเสี่ยต้น รู้แต่ว่าเขาไม่ใจดีอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้นร้อนถึงสาวๆ ที่มีพ่อเป็นลูกหนี้ ต้องโล่หอบของฝากมาถึงบ้านเสี่ยต้น“เสี่ยไม่อยู่ครับ” นายมิ่งเป็นคนออกมาบอกกับสาวๆ ที่นั่งพร้อมหน้าพร้อมตากัน 5 คน “อะไรนะคะ” ทุกคนถึงกับร้องขึ้นมาพร้อมกัน“เสี่ยไม่อยู่ครับ มีธุระสำคัญกับพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ แล้วพวกคุณมาพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่าครับ” นายมิ่งถามทั้งที่รู้ความจริงอยู่แล้ว จากคำสั่งของเสี่ยต้นที่ถูกถ่ายทอดออกไป แน่นอนว่าไม่มีใครนิ่งเฉยอยู่ได้ “เสี่ยมีธุระสำคัญกับพ่อเลี้ยง แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” สจีเป็นคนถามขึ้นยังร้อนใจ “น่าจะดึกครับ” “ก็แล้
“อะไร” เสี่ยต้นถามเมื่อเห็นนายมิ่งวางเอกสารเอาไว้ตรงตรง “ลูกหนี้ชั้นดีครับ” นายมิ่งและยิ้ม เสี่ยต้นจึงเปิดเอกสารดู“กำนันอิน คุณฟ้าเหรอ” “ใช่ครับ เธอเก่งนะครับว่าไหม ขนาดโดนเสี่ยแกล้งให้จ่ายเงินเร็วขึ้นเธอก็ยังหาเงินทัน” “อั้วะไม่ได้แกล้ง อั้วะให้แจ้งลูกหนี้ทุกคน แล้วมันก็ดันพ่วงไปกับกำนันอินด้วย” “ตอนนี้เธอคงเข้าใจว่าเสี่ยแกล้งเธอแล้วล่ะครับ” “ไม่ได้รู้เรื่องเธอหลายวันเป็นยังไงบ้าง” “ก็เห็นสบายดีครับ ก็คงจะทำงานเครียดๆ เหนื่อยๆน่ะ” “แล้วคนอื่นจ่ายตรงตามที่ฉันสั่งไหมล่ะ” “ไม่ครับเสี่ย บางคนเงียบๆ โดยเฉพาะคุณจี๊ด สงสัยอยากให้เสียทวงหนี้โหด” “อะไรวะเนี่ย” เสี่ยออกปากบ่น “แล้วแผนอะไรของเสี่ยครับเนี่ย ทำไมกระทบกระเทือนถึงคุณฟ้า คนที่เสี่ยอยากจีบล่ะ” “ก็เพราะฉันอยากจะผลักผู้หญิงทุกคนออกไป แล้วแต่ละคนก็ลูกหนี้ทั้งนั้น แต่เรื่องหนี้มันมีเรื่องของฟ้าเข้ามาเกี่ยวเท่านั้นเอง นี่ฉันแสดงความจริงใจนะเนี่ย” “จริงใจมากครับแต่เหมือนโดนกลั่นแกล้ง คุณฟ้าจะรู้หรือเปล่าว่าเสี่ยกำลังทำเพื่อเธอ” “ไม่รู้เดี๋ยวจะไปบอก ดีเลยเดี๋ยวอั้วะจะไปหาที่ปาง” “ไปสภาพนี้เหรอครับ” นายมิ่งบอกและผายมือมาที่เนื
เมื่อเขานั่งอยู่ตรงหน้า นี่แหละที่ทำให้ได้เธอมองหน้าเขาให้ชัดอีกครั้ง เมื่อไม่มีหนวดแล้วใบหน้าของเขาก็เกลี้ยง ขาวค่อนไปทางชมพูเลยเชียว ก็คนไม่ได้ทำงานตากแดดนี่เนาะ เวลาเขายิ้มยังเห็นใบหน้าและแววตาของเขาเต็มๆ นี่คือเหตุผลที่เขาไว้หนวดหรือเปล่า คือปกปิดความเด่นชัดของบางสิ่งบางอย่าง เท่านี้สาวๆ ก็ติดตรึมจะแย่อยู่แล้ว ก็เลยต้องไว้หนวดปกปิดสิ เธอคิดแล้วเอาแต่จ้องหน้าเขาไม่ยอมพูด “โกนหนวดทำไมคะ” เธออดถามไม่ได้ “ก็ฟ้าชอบบอกว่าเวลาเฮียยิ้ม หนวดมันชอบกระตุก ฟ้าหมั่นไส้ เฮียเลยโกนออกซะเลย” จริงๆ แล้ววันนี้ตั้งใจมาให้เธอเห็นลุคใหม่ของเขานี่แหละ “แค่บอกว่ามันกระดิกน่าหมั่นไส้ ไม่ได้บอกให้โกนนี่คะ” “ชอบแบบไหน โกนหรือว่าไม่โกน” แหมแล้วคำตอบให้เข้าทางเขาทั้งสองคำตอบเลยเชียว เธอคิด จังหวะเดียวกันนั้นดวงตาของเธอก็เริ่มมีประกาย“ไม่ชอบเสี่ย” เธอตอบ ทำเอาเขาหน้าเสีย ก่อนจะถอนใจและมองไปด้านข้างแบบเลื่อนลอย จากนั้นเขาก็ก้มหน้าและยิ้มนิดๆ พร้อมกับช้อนสายตามองเธอ ใครจะทนให้เขามองด้วยสายตาแบบนี้ได้ “ถ้าชอบหน้าเกลี้ยงๆ เฮียก็จะไม่ไว้หนวดอีก แต่ถ้าชอบภูมิฐานหน่อยน่าเกรงขามก็จะมีไม่โกน” “ฟ้าไม่ฉันต้องเลื
“คุณจี๊ด” ม่านฟ้าชะงักและมองหน้าสจี พร้อมกับสองสาวและหนึ่งหนุ่มราวกับผู้ติดตาม “เธอนี่เองที่เป็นสาเหตุให้เสี่ยใจร้ายกับพวกเรา” สจีพูดน้ำเสียงไม่พอใจ “ถ้าใจร้ายเหรอคะ แค่มีคำสั่งให้จ่ายตรงเวลา จากที่เมื่อก่อน อะลุ่มอร่อยให้ นี่ไม่ได้เรียกว่าใจร้าย ลูกหนี้ที่ไม่เห็นอกเห็นใจเจ้าหนี้นั่นสิค่ะเรียกว่าใจร้าย ตอนจะยืมก็ดึงดราม่าทั้งหมดของชีวิต เพื่อมาขอความเห็นใจให้เขาปล่อยกู้ แทบกราบตีนก็เอา พอเขาให้จ่ายตรงเวลากลับโกรธเค้าซะนี่ เพราะต้องเป็นลูกหนี้ประเภทไหนคะเนี่ย” ม่านฟ้าเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับบอก และยิ้มเยาะ ทำให้สจีถลึงตาใส่เธอด้วยความไม่พอใจ “นี่หล่อนว่าให้ฉันเหรอ” “ฉันว่าให้คุณ” ม่านฟ้าตอบ “หนอย! คิดว่าตัวเองจะมาเป็นคนใหม่ของเสี่ยเหรอ แล้วอ่อยเสียด้วยวิธีการแบบนี้ คิดหรือว่ามันจะได้ผล” “ฉันไม่ได้อ่อยเขา พยายามหนีเขามาตลอด แต่แปลกที่เขาก็วิ่งตาม” ม่านฟ้ายังคงยิ้มเยาะใส่สจี “ฉันได้ยินทั้งหมด เรื่องที่เสี่ยพูดกับแก” “ดีค่ะจะได้ไม่ต้องอธิบาย” “ก็ดี จะได้รู้กันไป ว่าแกประกาศตัวเป็นศัตรูกับเรา”“ศัตรูอะไรของคุณ ฉันไม่รู้จักคุณด้วยซ้ำ” ม่านฟ้าถามพลางขมวดคิ้ว และมองเมินไปทางอื่น “ศัตรูห
“ต้องขอบคุณเฮียเขา ที่ได้แขกจากโรงแรมของพ่อเลี้ยง” “นานๆ ทีคุณฟ้าจะเอ่ยแบบนี้นะคะ” ขันแก้วยื่นหน้าเข้าไปแซวและยิ้มกล่าว“พูดอย่างกับว่าฟ้าเป็นคนใจแข็งมากอย่างนั้นแหละ” ถ้าตอบกลับแล้วก้มหน้าลงเล็กหน่อย “ใจแข็งมากค่ะ” “อยู่ในเกมของคนเจ้าชู้ จะให้ฟ้าโอนอ่อน ไปกับคารมของคนที่แก่ประสบการณ์ได้ยังไงคะ” “แสดงว่าคุณฟ้าเอาตัวเองลงไปเล่นเกมตั้งแต่แรก” “คงใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” “เป็นแบบนี้คือ แบบไหนคะ แบบเป็นคุณนายเบอร์ 1 ใช่ไหมคะ” ขันแก้วแซวอีกครั้ง“ฟ้าไม่ได้อยากเป็นคุณนายเบอร์ 1” ตำแหน่งนี้เธอแทบจะถอนหายใจ “งั้นเป็นรักสุดท้ายของเฮียนะ” เสี่ยงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ม่านฟ้ายืนนิ่งมองไปข้างหน้า แต่ขันแก้วกลับหันมามองเสี่ยต้นที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือดอกกุหลาบสีขาวมา 1 ดอก ขันแก้วเห็นทั้งนั้น แล้วก็นึกเขินแทนเจ้านาย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบเดินหนีทันที ทิ้งให้ม่านฟ้ากับเสี่ยต้นยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องของเสี่ยต้นก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ด้วยการดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ไม่ต้องมีเบอร์ 1 หรือว่าล่าสุด แต่เป็นรัก
“นี่เหรอคะกำลังทำ ยังทิ้งสายตาหวานให้กันอยู่เลย ฟ้าขอตัวนะคะ จะไปดูคนงานต่อที่ปาง” “ฟ้าจ๋า” เขาเรียกน้ำเสียงอ้อน ทว่าไม่น่าจะได้ผล เพราะเธอเดินออกไปจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับไปแล้วนายมิ่งก็ไม่ได้ตามไป เธอดูแลเขาดีทุกอย่าง เท่าที่ผู้ช่วยคนหนึ่งจะทำได้ เธอใจอ่อนเพราะดูเหมือนอยากจะทำตามใจเขา ในขณะที่ดูเหมือนจะรัก แต่ก็ไม่แคร์ เป็นผู้หญิงแกร่งที่อ่านใจยากมาก หรือนี่จะเป็นจุดจบขอเสี่ยต้น “งานยากแล้วนะครับเสี่ย” นายมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คงเป็นเวรกรรมของฉัน มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่เลือกใครสักคน แต่พอจะจริงจังกับใครสักคน เป็นยังไงล่ะเหมือนกรรมตามสนอง เหมือนจะได้เขาแล้ว แต่เขาก็ไม่แคร์ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ฟ้าเขาได้อั้วะแล้วจะทิ้งไหมวะเนี่ย”“เจอแต่คนเคยเรียกร้องใช่ไหมครับ จะอ้อน จะเอา จะขอมีสิทธิ์ในชีวิต พอเจอคุณฟ้าเข้าหน่อย ไปไม่เป็นเลย” “เสียระบบเลยว่ะ ระบบรวนไปหมด” “สาวๆ ของเสี่ย เมื่อได้เป็นอีหนูของเสี่ยแล้ว เรียกร้อง อยากได้นั่นนี่เต็มไปหมด อยากเป็นตัวจริง อยากอยู่ในบ้านเป็นเบอร์หนึ่ง แทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นหน้ากัน คุณฟ้านี่มาเหนือเลยนะครับ ผมชอบจริงๆ” “ไอ้มิ่ง
“คือ ก้อนเก่าค่ะอาจจะผ่อนผันออกไปอีกสักระยะ ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร พราวก็อาจจะคุยกับเสี่ยตามลำพังได้ค่ะ” หญิงสาวพูด พร้อมกับทำตาเยิ้มหวานใส่เสี่ยต้น “เสี่ยไม่คุยกับใครตามลำพัง ม่านฟ้าฟังเรื่องของเสียได้ทุกเรื่องเพราะเป็นผู้ช่วย ดูแลเรื่องการเงิน และเป็นคนรักที่เสี่ยต้องให้เกียรติ คุยกับผู้หญิงสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ” เสี่ยตัดบทอย่างหนักแน่น“แต่เราคุยเรื่องงานไงคะ” หญิงสาวเถียง “เอาละเฮียให้ผ่อนผันได้อีก 1 อาทิตย์ ไม่เกินนี้ ถ้าไม่ได้ ที่ดินที่นำมาจำนองก็ตกเป็นของเสี่ยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เสี่ย!” ความคิดของพราวคืออยากใช้เสน่ห์เข้ามาต่อรองด้วยการผ่อนผันเงินที่กู้ แต่ติดที่ว่าคนอื่นรับฟังด้วย เสี่ยไม่รับขัดดอกเป็นร่างกายของผู้หญิงแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก พราวคิด“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีปัญหาเรื่องผ่อนผันเงินที่กู้ยืมเสี่ยไปไหมคะ”ม่านฟ้าเอ่ยถามแทรกขึ้น ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในกิริยาอาการที่แสดงออกมาทั้งหมดแล้ว หากเป็นเสี่ยต้นคนเมื่อก่อน เขาอาจจะเรียกสาวๆ ขึ้นห้องไปพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ รับจ่ายหนี้เป็นร่างกาย ตอนนี้เมียคนสุดท้อง รักสุดท้ายของชีวิต นั่งอยู่ตรงนี
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งห้องรับแขก สาวๆ ทั้งห้า เป็นตัวแทนมาเยี่ยมเสี่ยต้น แต่พวกเธอก็มีสัมพันธ์สวาทกับเสี่ยต้นด้วย และคนเจ้าเสน่ห์แถมรวยโสดขนาดนี้ มีหรือสาวๆ จะพลาดให้หลุดมือ และสาวๆ ก็ไม่ได้เป็นมิตรกันด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นอีหนูของเสี่ยทั้งนั้น “คุณฟ้าครับ เสี่ยจะลงมาในอีกสิบนาที” นายมิ่งเดินเข้าไปบอกม่านฟ้า ซึ่งเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มและมื้อเช้าตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม โดยที่เบื้องหน้าคือห้องรับแขกนั่นแหละ เห็นว่ามีแขกห้าคน “สองวันติดเชียว เสน่ห์แรงซะจริงนะเจ้านายมิ่งเนี่ย” เธออดประชดไม่ได้ เขาได้เธอเป็นเมียแล้วอยากดูน้ำหน้านักว่าจะจัดการแม่พวกสาวๆ พวกนี้ให้หลุดพ้นยังไง เพราะถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด เธอก็จะไม่สนไม่แคร์เหมือนกัน “แหม น้ำเสียงเหมือนงอนเลยครับ” “ไม่ต้องแหมค่ะ” เธอสวนกลับ พลางมองไปที่สาวๆ บางคนเธอก็รู้จัก เป็นนางงามเหมือนกัน เสี่ยนี่ก็สอยแต่นางงามจริงๆ เธอคิด พลางส่ายหน้า “แม่นั่นเป็นนางงามเก่านี่น่า ใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบถามขึ้นโน้มตัวเข้าหาคนข้างๆ แต่สายตามองมาที่ม่านฟ้า “ใช่ เคยเห็นออกงานประกวดล่าสุด” อีกคนตอบ “ของใหม่ล่ะสิท่า วันนั้นเห็นท
“ซี๊ดดดด อืม อ๊ะ เฮียขา” เธอร้องครางลั่นเมื่อความเสียวพุ่งทะยานจนแทบไม่อยากรั้งรอ ขณะที่สะโพกกลมกลึงแอ่นเด้งรับจังหวะกระแทกของท่อนกายชายเสียงดังผึบผับ “เมียจ๋า เฮียเสียวจะแตกอยู่แล้ว” เขากระซิบที่ซอกคอหอมกรุ่น เธอก็หลับตาพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งและยกสะโพกเด้งรับ “ฟ้าก็จะ... อ๊ะ! เฮียขา เฮียขาเร่งอีก อื้อ!” เธอบอกเป็นสัญญาณและกระดกเด้งสะโพกรับระรัว เขาก็ยิ่งกระแทกลงแรงๆ เสียวไปทั้งตัวจนขนลุก แทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สาสมกับอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ! โอ๊ย! เฮีย เฮียขาฟ้า... อ๊ะ! อ๊ะ!” สิ้นเสียงครางดังลั่น เธอก็กระตุกเกร็งยกสะโพกขึ้น ปลดปล่อยอารมณ์และความสุขออกมาให้สุด พร้อมกับยกขาขึ้นเกี่ยวเอวเขาไว้ สองมือโอบรัดรอบคอเขาและแหงนหน้าขึ้น “อ๊ะ อื้อ ซี๊ดดดด อืม” เธอยังคงครางอยู่ขณะที่น้ำรักถูกเปล่งปล่อยทะลักทลายออกมา จนร่างกระตุก เม็ดเสียวตอดแรงจนทำให้เขาเร่ง จังหวะกระแทกสะโพกระรัวและถึงจุดสุดยอดไปด้วยกัน “ฟ้าจ๋า ฟ้า ซี๊ดดดด อืม” เขาอดที่จะครางออกมาไม่ได้ พร้อมกับกดสะโพกแนบแน่น ปลดปล่อยน้ำรักให้หลั่งไหลพรั่งพรู ขณะที่ท่อนเนื้อกระตุกดิ้น เขายังคงหายใจหอบโดยที่เธอซุกหน้ากับซอกหูเขาและอ้าปากงับเบ
“เฮีย” เธอเรียกเขาพลางลืมตาขึ้นและผงกศีรษะขึ้นมอง “เฮียจะจูบให้ฟ้าเปียกไปทั้งตัว” สิ้นคำเขาก็ก้มลงพร้อมกับลิ้นที่ส่งออกมาลากเลียกลีบสาว จากล่างขึ้นบนอย่างไม่รีรอ เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว “อ๊ะ! อื้อ! เฮีย” เธอแทบครางลั่นเพราะความเสียวและความร้อนจากเรียวลิ้น เขาโลมเลียขึ้นลงราวกับกินน้ำหวาน เธอก็แอ่นเด้งเนินสวาทขึ้นลงอย่างสุดจะห้ามใจ มือนุ่มก็กดศีรษะเขาเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็จับขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชัน และวางพาดเอาไว้บนหัวไหล่ ปากร้อนก็งับดูดร่องเสียวหนักหน่วงจนเสียงดังจุบจั๊บ พร้อมกับลิ้นร้อนก็ทะลวงสอดแหย่ดุนดันเม็ดเสียวระรัว จนเนินสวาทดีดเด้งขึ้นลงรับจังหวะที่ดูดดึงคำโต “ซี๊ดดดด อ่า เฮีย!” เธอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน “บอกเฮียซิ เสียวไหม” “อื้อ! ค่ะ เสียว ฟ้าเสียว โอ๊ยเฮียขา!” “เฮียอยากทำให้ฟ้ามีความสุขแบบนี้นานแล้ว” เขาพูดไปพลางก็ดูดเลียร่องเสียวไปพลาง จนน้ำเสียวไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เขาก็ดูดเลียจนเกิดเสียง “ซี๊ด! อ่า คุ้มกับที่รอไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงกระเส่า “คุ้มมาก เมียจ๋า” พูดจบเขาเลียร่องสวาทลากขึ้นลงอย่างเอาใจ ปลายลิ้นตวัดดุนดันเม็ดเสียวเป็นจังหว
เขาคิดไปพลางก็ฟังเสียงฝักบัวในห้องน้ำไปพลาง ผ่านไปเพียงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงปิดฝักบัว ตามด้วยการเปิดประตูออกมา ม่านฟ้ายังคงอยู่ในชุดคลุมตามเดิม ขณะที่เขาเหลือบมองนิดหน่อย พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกช้าๆ เหมือนกำลังเครียด จังหวะเดียวกันนั้นม่านฟ้าก็เดินมาหาเขาที่เตียง “นอนได้แล้วค่ะ” ม่านฟ้าบอกอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียงและประคองจับเขาให้ขยับตัวเพื่อจะได้เอนลงไปนอน “ทำอย่างกับเฮียเป็นคนแก่ และใช่ว่าเฮียจะหลับง่ายๆ นะ” “แก่แล้วนอนดึกไม่ดี แล้วก็บาดเจ็บด้วย” “เฮียแก่มากใช่ไหม” เขาถามเสียงหม่นอีกครั้ง เห็นแต่เพียงแววตาของเธอนิดหน่อย ผ่านแสงไฟที่สาดผ่านทางหน้าต่างเข้ามา“ดื้อจัง ทำยังไงถึงจะหลับคะ” ม่านฟ้าไม่ตอบแต่ถามเรื่องอื่นแทน“มีเรื่องให้เฮียเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้า” คำพูดของเขา ทำให้เธอถอนหายใจนิดหน่อย ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืน ทว่าหัวเข่ายังคงชิดอยู่กับขอบเตียง เขาก็ได้แต่เงยหน้ามองตาม“คุณหมกมุ่นเกินไป” “ความรักทำให้เราเป็นทุกข์ได้เหมือนกันนะ” “แล้วทำยังไงถึงจะไม่เป็นทุกข์ล่ะคะ”“เฮียก็ไม่รู้ เฮียรักฟ้า ฟ้าก็รู้” “ความรักมันจะดีไม่ใช่เหรอคะ” “มันดี ถ้าได้
ในขณะที่ม่านฟ้าเคาะประตูห้องนอนเสี่ยต้น ก่อนจะเปิดเข้าไป ก็เห็นเขานั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เสื้อไม่ใส่ มีผ้าห่มคลุมจากเอวลงไป พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยแววตาประหม่าชอบกล แต่ก็มีความงอนเง้าเล็กๆ “ทำไมยังกินอะไรล่ะคะ” ม่านฟ้าถามเสียงเรียบก่อนจะเดินมาที่ข้างเตียง“เอ่อ ปวดแขนมากๆ” เสี่ยต้นตอบเสียงอ้อน พลางทำตาเลิ่กลั่ก“ปวดทั้งสองข้างเลยเหรอคะ ฮืม” ม่านฟ้าแกล้งถามกลับ“ก็ได้ เฮียยังไม่กินยังไม่หิว เจ็บจนไม่หิวเลย” เขาตอบแบบงอนๆ “ก่อนหน้านี้ฟ้ายังเห็นคุณเดินกระฉับกระเฉงอยู่เลย แถมยังออกไปทำธุระทั้งวัน ไหงตอนนี้เดินไม่ไหว” เธอก็แกล้งแซวอีก “ก็อยากเคลียร์ธุระให้เรียบร้อย” “ทายาหรือยังคะ” “ยังเลย คิดว่าเฮียจะลุกไหวไหมล่ะ” “ค่ะ” ม่านฟ้าตอบก่อนจะเดินไปหยิบยาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินกลับมาหาเขา จากนั้นเธอก็นั่งลงที่ขอบเตียง “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ด
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เสี่ยต้นไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย เขาไปเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ม่านฟ้า ในขณะที่เธอเองก็เคลียร์ปัญหาอยู่ที่ปางให้เรียบร้อย แจ้งข่าวนี้ให้กับบิดาทราบว่าเธอปลอดภัย แต่เสี่ยต้นได้รับบาดเจ็บ เธอจึงต้องขอตัวไปดูแลเขา ทว่าช่วงเย็นเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ แทนที่ตัวเองเจ็บแทบจะเดินไม่ไหว กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมง จึงเห็นรถของเขาเข้ามาจอด เห็นเขาเดินกะโหลกกระเผลกเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง “ตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ แทนที่จะรีบกลับบ้าน” เธอตำหนิเขาเล็กน้อย “เฮียไปเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้เสร็จก่อนน่ะจึงจะกลับมา” เขาตอบแล้วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หายใจหนักๆ ดูเหมือนว่าจะมีความเหนื่อย “เฮียอยากกลับขึ้นห้อง ฟ้าพาเฮียขึ้นไปหน่อยนะ” เขาบอกและคว้าแขนเธอเอาไว้ เธอจึงพยักหน้าและช่วยเหลือของเขาขึ้นไปบนห้อง “อาบน้ำก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวให้คนทำอาหารขึ้นมาให้ข้างบน” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง “แล้วฟ้า…” “ฟ้าก็จะลงไปสั่งแม่บ้านไงคะ” “เฮียถอดเสื้อเองไม่ไหว” เขาเกิดอาการงอแงแล้วอยากอ้อนขึ้นมาทันทีเชียว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้า และถอดเสื้อสูทให้กับเขา หาผ้าเช็ดตัวมาให้ เขาก็ได้แต่มองตามและยิ้