“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”
“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…! “เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วมั้ง…. พรึบ จิ้มๆๆๆๆ “อื้อ…”ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญที่มีมือนิ่มๆของใครสักคนมาจิ้มๆที่แขนของฉันที่นอนฟุบหน้าลงไปกับเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยความเคร่งเครียดและหมดหนทางที่จะไปต่อกับชีวิตต่อจากนี้ พรึบ “พอดีว่า….ผมหิวข้าวน่ะครับ…”เสียงเล็กแหลมของผู้ชายเอ่ยขึ้นเป็นน้ำเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเขาพยายามดัดเสียง ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปเพราะนี้เป็นเวลางานฉัน ฉันจะมาอู้แบบนี้ไม่ได้ พรึบ ฉันขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมทันทีเมื่อพบกับพี่หมีตัวสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีหน้าตาน่ารักและน่ากอดมากๆ ทำให้ฉันเผลออมยิ้มขึ้นมาเมื่อพี่หมียักษ์ตัวนั้นยื่นมือมาลูบศีรษะของฉันอย่างแผ่วเบาทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายลงไปได้เยอะเลย เพราะไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน พรึบ “พี่หมี…หิวข้าวเหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปพลางยิ้มร่าให้เขาไปด้วย ศีรษะใหญ่ยักษ์ของพี่หมีก็พยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบว่าเขาหิวข้าว ด้านในของตุ๊กตาหมีแบร์สีขาวตัวนี้มีคนอยู่ด้านใน แต่ว่าคนคนนั้นเป็นใครกันนะ?ที่มาทำให้ฉันลืมเวลาที่เศร้าที่สุดของชีวิตไปได้น่ะ พรึบ ฉันลุกขึ้นเดินออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์เดินมุ่งหน้าไปยังตู้แช่ของที่เป็นชั้นๆที่จัดโซนเป็นพวกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง “อื้อออ….ที่นี้มีแต่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง…”เมื่อฉันมองสำรวจอาหารดูแล้วก็พบว่ามีแต่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งไม่รู้ว่าพี่หมีจะทานได้รึเปล่า “พี่หมีอยากทานอะไรดีคะ?”ฉันหันกลับมาเอ่ยถามพี่หมีอย่างขอความคิดเห็น ร่างอ้วนท้วมอุ้ยอ้ายของพี่หมีก็ค่อยๆเดินตรงดิ่งมาหาฉันพร้อมกับยืนขนาบข้างฉันและยื่นหน้าเข้าไปดูอาหารพลางยกมือขึ้นมาจิ้มๆที่ปลายคางตัวเองอย่างน่ารักๆท่าทางของพี่หมีทำให้ฉันยิ้มออกมา พรึบ“เอาอันนี้เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปทันทีที่เขาชี้นิ้วอ้วนไปที่กล่องอาหารในตู้แช่ พรึบ พรึบ เขาพยักหน้าตอบฉัน ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปเปิดประตูตู้เเช่เพื่อหยิบกล่องอาหารที่พี่หมีเลือกออกมา “ข้าวหมูทอด^_^”ฉันอ่านชื่ออาหารและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่หมีแล้วยิ้มกริ่มออกมาเขาก็ยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเองทำท่าเขินอายอย่างน่ารักๆพรึบ“สองกล่องเหรอ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีตัวโตน่ารักไปที่เขาทำมือชูสองนิ้วให้ฉันดูพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง“เดี๋ยวฉันเอาไปเวฟให้นะคะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มและเดินหลีกร่างเขามาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์และจัดการใส่กล่องข้าวหมูทอดทั้งสองกล่องเข้าไปในเตาอบไมโครเวฟเพื่อทำให้อาหารสำเร็จแช่แข็งพร้อมกินพรึบ“รอสักครู่นะคะ…”ฉันเงยหน้าจากเตาอบมาบอกพี่หมีตัวใหญ่ เขาก็พยักหน้ารัวๆฉันก็ยิ้มบางๆให้เขาและถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างคนที่หมดหนทางที่จะสู้ต่อแล้วจริงๆพรึบฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาเปิดหน้าจอเข้ากูเกิลเสิร์ชหางานที่ทำแล้วได้เงินไว้ภายในสามวัน แต่จำนวนเงินของฉันมันไม่ใช่
“เป็นอะไรรึเปล่าเอริ!”เสียงตกใจของผู้ชายดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโยนอะไรที่หนักๆทิ้งลงพื้นพร้อมกับแรงสัมผัสที่มาจับมือทั้งสองข้างของฉันไปดูร่องรอยของความร้อนที่ลวกหน้ามือฉันด้วยความตกใจและความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด“ขุนศึก?”ฉันเอ่ยเรียกผู้ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูมือฉันที่เริ่มเป็นรอยแดงที่เกิดจากความร้อนแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาห่วงใย“แปปหนึ่งนะ…เดี๋ยวเราไปเอาของเย็นๆมาประคบให้เธอ….”เขาว่าพร้อมกับพาร่างที่อุ้ยอ้ายในชุดพี่หมีแบร์ยักษ์สีขาวที่ถอดหัวตุ๊กตาหมีออกไปแล้วเดินมุ่งไปเอาอะไรสักอย่างที่ชั้นวางของพร้อมกับผ้าเย็นสีขาวกับน้ำแข็งที่ทางร้านของฉันมีขายเมื่อได้ของครบแล้วเขาก็เดินกลับมาหาฉันพรึบ“มานี้….”เขาว่าพลางจับมือฉันและเดินพาฉันออกไปทางด้านหลังของร้านที่มีทางออกอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ฉันยืนอยู่“ทำไมทำอะไรไม่ระวังเลยอ่ะ…เอริ…”ขุนศึกบ่นอุบขึ้นเมื่อเขาพาฉันมานั่งลงที่โต๊ะม้านั่งไม้ตัวยาวเหมาะสำหรับคนสองคนนั่งได้ เขาก็ถือวิสาสะจับมือทั้งสองข้างของฉันที่โดนลวกไปดูและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขานิ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆให้ฉันแบบยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนก่อนจะก้มหน้าล
00:30น.ร้านก๋วยเตี๋ยวซอยบ้านเอริติดถนนใหญ่เอริ ฐิติมน….พรึบ“ป้าคะ….ขอเป็นเส้นเล็กเป็ดสองชามนะคะ”“จ้า….ไปนั่งรอก่อนนะ…”“ค่ะ^_^”ฉันเอ่ยรับคำป้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร้านประจำที่ฉันมักจะมากินก่อนกลับเข้าแฟลตทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันแต่ที่แปลกไปจากทุกครั้งคือ ครั้งนี้ฉันมีเพื่อนมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยน่ะสิ“คันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปทันทีที่เดินมานั่งลงบนโต๊ะเดียวกับเขาที่นั่งรอฉันที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาและมองว่าเขาเริ่มเอามือเกาไปตามแขนของเขาที่ตอนนี้เขาได้ถอดชุดหมีออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกางเกงผ้าสแล็คสีดำ“ใช่….สงสัยจะแพ้ขนหมีน่ะ…”เขาว่าพลางเงยหน้าหล่อๆของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับมีผื่นขึ้นไปทั่วทั้งใบหน้าและท่อนแขนขาวของเขาที่มองออกง่ายเพราะเขามีผิวที่ขาวใสยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก“เเพ้ขนหมี?”ฉันทวนคำพูดเขาไปอย่างสงสัย“ครับ….พอดีเราแพ้พวกขนน่ะ…”ขุนศึกว่าพลางทำสีหน้าแหยๆ“รู้ว่าแพ้….แต่ก็ยังจะใส่มา?”ฉันพูดสวนกลับไปทันที“ก็….”เขากำลังจะหาข้ออ้าง“ลงทุนมากเลยนะ….กับการจีบฉันเนี่ย?”ฉันว่าอย่างรู้ทันทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันและยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็
“โอเค…”ฉันพยักหน้ารับคำเขาก่อนจะเอาช้อนกลับมาและวางลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของฉันและหันมาปรุงรสให้ชามของขุนศึกพรึบ“อ่ะ….”ฉันว่าพร้อมส่งชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดที่ปรุงแต่งรสชาติเสร็จแล้วยื่นไปตรงหน้าของขุนศึก“ขอบคุณครับ^_^”เขายิ้มให้ฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำของฉัน ฉันก็เลิกสนใจเขาและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวในชามของฉันบ้างเพราะฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ยพรึบ“เธอมากินที่นี้บ่อยเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันกำลังแอบมองใบหน้าหล่อของเขาที่ก้มหน้าซู๊ดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆทำให้ฉันตกใจเลิ่กลั่กรีบก้มหน้ากลับมากินก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อ นี่ฉันเผลอไปแอบมองเขาได้ยังไงกันเนี่ย!!พรึบ“อื้อ….ฉันกินทุกวันก่อนกลับเข้าแฟลต”ฉันตอบเขาไปตามความจริง เขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปมองป้าเจ้าของร้านที่ยืนประจำตำแหน่งหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่กำลังมีควันลอยขึ้นสู่อากาศบ่งบอกได้ว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในหม้อกำลังเดือดปุดๆและส่งกลิ่นหอมยั่วยวนไปทั่วทั้งบริเวณนี้เรียกน้ำย่อยและน้ำลายของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ให้แวะเข้ามากินได้เป็นอย่างดี“คุณป้าครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ
วันต่อมามหาลัยEคลาสเรียน15:30น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน“ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขา
“เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”“อ้อ….เรื่องค่าเทอมน่ะ…เขาแจ้งว่าทางมหาลัยของเพิ่มค่าหน่วยกิต..”“เห้อ…เพิ่มอีกล่ะ…นี่เสี่ยก็บ่นฉันอุบแล้วเนี่ย..”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าหงุดหงิด ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆให้เธอ“เสี่ยให้เงินเดือนเธอ...เดือนละเท่าไหร่เหรอ?”“ก็สองสามแสนอ่ะ…แต่ค่าช้อปปิ้งต่างหากนะ^_^”“อืม…”“ถามทำไม…อย่าบอกนะ…ว่าสนใจจะเป็นอิหนูของเสี่ยแบบฉันบ้างน่ะ?”เพลงขวัญมองหน้าฉันทำแววตาลุกวาว เพราะเธอเคยชวนฉันให้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนเสี่ยๆของเธอแต่ฉันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง“บางที…ฉันก็ควรจะรู้และตัดสินใจได้แล้วถ้ามันอยู่ในเวลาที่ขับขันจริงๆ”ฉันตอบเพลงขวัญไป เธอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าให้กำลังใจเธอเอื้อมมือมาจับมือฉันเพื่อให้กำลังใจฉัน ใช่ฉันควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของฉันต้องเสียไปเพื่อแลกกับอนาคตของตัวฉันเองฉันก็จะไม่เสียใจหรอก…มั้ง…สนามบาสเกตบอล คณะบริหารธุรกิจ…18:30น.พรึบ“ฟิว!”“หะห๊ะ?”ฟิวที่กำลังเดินออกมาจากสนามบาสด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเหงื่อโทรมกายเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่ฉันมายืนรอและดักหน้าเขาทำให้เขาตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงของฉัน“นายรู้ไหมว่าคืนนี้…ขุน
พระเอกชื่อเล่น ขุนศึก ชื่อจริง นาย ขุนณรงค์ ชัชชัยวรรณ อายุ29ปีนักธุรกิจเจ้าของ อสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของบริษัท CEO ห้างสรรพสินค้า KAที่มีสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ บุตรชายเพียงคนเดียวของคุณหญิง นฤมิตร....."ผมมี...ผู้หญิงที่ผมรักอยู่แล้วครับ...""เธอก็ยอมรับแบบที่ผ่านมาไม่ได้เหรอ...เพราะตลอดเวลาที่เราคบกัน...ฉันก็ไม่ได้มีอะไรกับเธอแค่คนเดียว..."นางเอก ชื่อเล่น เอริชื่อจริง นางสาว ฐิติมน ยิ้มมโหทัย อายุ29ปีผู้หญิงที่สวยขยันทำงานเป็นเลขาของเจ้าของบริษัทที่หล่อรวยที่สุดอย่างขุนศึก ที่เธอควบตำแหน่งเพื่อนลูกจ้างและแฟนของเขาในเวลาเดียวกัน แต่เธอต้องอยู่ในสถานะของคนในความลับ"ฉันไม่อยากอยู่ในสถานะนี้อีกแล้ว...ฉันเหนื่อยอ่ะ..""นายก็รู้ว่าเรื่องของเรา...มันไม่มีทางเป็นไปได้...""ฉันไม่อยากเป็นแค่ตัวสำรองอีกแล้ว..."ร่วมด้วยชื่อเล่น จอมพลชื่อจริง ขจรฤิต ชัชชัยวรรณ อายุ30ปีท่านรองประธานบริษัทKAหนุ่มเจ้าสำราญ หล่อเอาใจเก่ง พี่ชายต่างมารดากับขุนศึก ถึงชอบทำตัวกร่างหาเรื่องน้องชาย แต่เขานี่แหละที่ห่วงและหวังดีกับน้องชายหัวดื้อตลอด“พี่ชอบ….เอรินะ…”ชื่อเล่น นามิชื่อจริง นางสาว นาม
มหาลัย E09:00น.พรึบ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อร่างกายของฉันโดนใครสักคนเดินชนเข้าอย่างจังทำให้ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นก้นกลมๆของฉันกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ดีนะที่ฉันใส่รองเท้าผ้าใบน่ะ ถ้าเป็นส้นสูงเหมือนทุกวันมีหวังขาฉันพลิกแพลงแน่พรึบ“เราขอโทษ…เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายในชุดนักศึกษาที่เข้ามานั่งยองๆและช่วยฉันเก็บตำราหนังสือเรียนหลายเล่ม เสื้อนักศึกษาของเขาไม่ได้ผูกเนคไทแสดงว่าเขาไม่ใช่เด็กปีหนึ่งรุ่นน้องของฉันเป็นแน่ อาจจะเป็นรุ่นพี่หรือไม่ก็รุ่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรค่ะ..”ฉันตอบเขาไปเป็นในจังหวะเดียวกับที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตาเข้ากับเขาพอดี ผู้ชายตรงหน้าฉัน โครงหน้ารูปไข่เรียวจมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าที่ฟ้าประทานริมฝีปากหยักสีชมพูดวงตาคู่คมที่หวานและอ่อนโยนไปในขณะเดียวกันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุและไม่เคยเป็นมาก่อน“เราขอโทษนะ…พอดีเราคุยแชทกับแม่อยู่น่ะ..เลยไม่ได้มองทาง…”เขาว่าเสียงอ่อนแววตาของเขาสื่อว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ“อืม…ไม่เป็นไรหรอก..”ฉันตอบเขาไปเสียงแผ่วเบา“เดี๋ยวเราช่วย…”เขาว่าอย่างเป
“เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”“อ้อ….เรื่องค่าเทอมน่ะ…เขาแจ้งว่าทางมหาลัยของเพิ่มค่าหน่วยกิต..”“เห้อ…เพิ่มอีกล่ะ…นี่เสี่ยก็บ่นฉันอุบแล้วเนี่ย..”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าหงุดหงิด ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆให้เธอ“เสี่ยให้เงินเดือนเธอ...เดือนละเท่าไหร่เหรอ?”“ก็สองสามแสนอ่ะ…แต่ค่าช้อปปิ้งต่างหากนะ^_^”“อืม…”“ถามทำไม…อย่าบอกนะ…ว่าสนใจจะเป็นอิหนูของเสี่ยแบบฉันบ้างน่ะ?”เพลงขวัญมองหน้าฉันทำแววตาลุกวาว เพราะเธอเคยชวนฉันให้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนเสี่ยๆของเธอแต่ฉันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง“บางที…ฉันก็ควรจะรู้และตัดสินใจได้แล้วถ้ามันอยู่ในเวลาที่ขับขันจริงๆ”ฉันตอบเพลงขวัญไป เธอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าให้กำลังใจเธอเอื้อมมือมาจับมือฉันเพื่อให้กำลังใจฉัน ใช่ฉันควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของฉันต้องเสียไปเพื่อแลกกับอนาคตของตัวฉันเองฉันก็จะไม่เสียใจหรอก…มั้ง…สนามบาสเกตบอล คณะบริหารธุรกิจ…18:30น.พรึบ“ฟิว!”“หะห๊ะ?”ฟิวที่กำลังเดินออกมาจากสนามบาสด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเหงื่อโทรมกายเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่ฉันมายืนรอและดักหน้าเขาทำให้เขาตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงของฉัน“นายรู้ไหมว่าคืนนี้…ขุน
วันต่อมามหาลัยEคลาสเรียน15:30น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน“ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขา
“โอเค…”ฉันพยักหน้ารับคำเขาก่อนจะเอาช้อนกลับมาและวางลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของฉันและหันมาปรุงรสให้ชามของขุนศึกพรึบ“อ่ะ….”ฉันว่าพร้อมส่งชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดที่ปรุงแต่งรสชาติเสร็จแล้วยื่นไปตรงหน้าของขุนศึก“ขอบคุณครับ^_^”เขายิ้มให้ฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำของฉัน ฉันก็เลิกสนใจเขาและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวในชามของฉันบ้างเพราะฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ยพรึบ“เธอมากินที่นี้บ่อยเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันกำลังแอบมองใบหน้าหล่อของเขาที่ก้มหน้าซู๊ดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆทำให้ฉันตกใจเลิ่กลั่กรีบก้มหน้ากลับมากินก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อ นี่ฉันเผลอไปแอบมองเขาได้ยังไงกันเนี่ย!!พรึบ“อื้อ….ฉันกินทุกวันก่อนกลับเข้าแฟลต”ฉันตอบเขาไปตามความจริง เขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปมองป้าเจ้าของร้านที่ยืนประจำตำแหน่งหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่กำลังมีควันลอยขึ้นสู่อากาศบ่งบอกได้ว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในหม้อกำลังเดือดปุดๆและส่งกลิ่นหอมยั่วยวนไปทั่วทั้งบริเวณนี้เรียกน้ำย่อยและน้ำลายของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ให้แวะเข้ามากินได้เป็นอย่างดี“คุณป้าครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ
00:30น.ร้านก๋วยเตี๋ยวซอยบ้านเอริติดถนนใหญ่เอริ ฐิติมน….พรึบ“ป้าคะ….ขอเป็นเส้นเล็กเป็ดสองชามนะคะ”“จ้า….ไปนั่งรอก่อนนะ…”“ค่ะ^_^”ฉันเอ่ยรับคำป้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร้านประจำที่ฉันมักจะมากินก่อนกลับเข้าแฟลตทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันแต่ที่แปลกไปจากทุกครั้งคือ ครั้งนี้ฉันมีเพื่อนมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยน่ะสิ“คันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปทันทีที่เดินมานั่งลงบนโต๊ะเดียวกับเขาที่นั่งรอฉันที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาและมองว่าเขาเริ่มเอามือเกาไปตามแขนของเขาที่ตอนนี้เขาได้ถอดชุดหมีออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกางเกงผ้าสแล็คสีดำ“ใช่….สงสัยจะแพ้ขนหมีน่ะ…”เขาว่าพลางเงยหน้าหล่อๆของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับมีผื่นขึ้นไปทั่วทั้งใบหน้าและท่อนแขนขาวของเขาที่มองออกง่ายเพราะเขามีผิวที่ขาวใสยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก“เเพ้ขนหมี?”ฉันทวนคำพูดเขาไปอย่างสงสัย“ครับ….พอดีเราแพ้พวกขนน่ะ…”ขุนศึกว่าพลางทำสีหน้าแหยๆ“รู้ว่าแพ้….แต่ก็ยังจะใส่มา?”ฉันพูดสวนกลับไปทันที“ก็….”เขากำลังจะหาข้ออ้าง“ลงทุนมากเลยนะ….กับการจีบฉันเนี่ย?”ฉันว่าอย่างรู้ทันทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันและยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็
“เป็นอะไรรึเปล่าเอริ!”เสียงตกใจของผู้ชายดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโยนอะไรที่หนักๆทิ้งลงพื้นพร้อมกับแรงสัมผัสที่มาจับมือทั้งสองข้างของฉันไปดูร่องรอยของความร้อนที่ลวกหน้ามือฉันด้วยความตกใจและความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด“ขุนศึก?”ฉันเอ่ยเรียกผู้ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูมือฉันที่เริ่มเป็นรอยแดงที่เกิดจากความร้อนแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาห่วงใย“แปปหนึ่งนะ…เดี๋ยวเราไปเอาของเย็นๆมาประคบให้เธอ….”เขาว่าพร้อมกับพาร่างที่อุ้ยอ้ายในชุดพี่หมีแบร์ยักษ์สีขาวที่ถอดหัวตุ๊กตาหมีออกไปแล้วเดินมุ่งไปเอาอะไรสักอย่างที่ชั้นวางของพร้อมกับผ้าเย็นสีขาวกับน้ำแข็งที่ทางร้านของฉันมีขายเมื่อได้ของครบแล้วเขาก็เดินกลับมาหาฉันพรึบ“มานี้….”เขาว่าพลางจับมือฉันและเดินพาฉันออกไปทางด้านหลังของร้านที่มีทางออกอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ฉันยืนอยู่“ทำไมทำอะไรไม่ระวังเลยอ่ะ…เอริ…”ขุนศึกบ่นอุบขึ้นเมื่อเขาพาฉันมานั่งลงที่โต๊ะม้านั่งไม้ตัวยาวเหมาะสำหรับคนสองคนนั่งได้ เขาก็ถือวิสาสะจับมือทั้งสองข้างของฉันที่โดนลวกไปดูและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขานิ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆให้ฉันแบบยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนก่อนจะก้มหน้าล
“เอาอันนี้เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปทันทีที่เขาชี้นิ้วอ้วนไปที่กล่องอาหารในตู้แช่ พรึบ พรึบ เขาพยักหน้าตอบฉัน ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปเปิดประตูตู้เเช่เพื่อหยิบกล่องอาหารที่พี่หมีเลือกออกมา “ข้าวหมูทอด^_^”ฉันอ่านชื่ออาหารและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่หมีแล้วยิ้มกริ่มออกมาเขาก็ยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเองทำท่าเขินอายอย่างน่ารักๆพรึบ“สองกล่องเหรอ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีตัวโตน่ารักไปที่เขาทำมือชูสองนิ้วให้ฉันดูพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง“เดี๋ยวฉันเอาไปเวฟให้นะคะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มและเดินหลีกร่างเขามาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์และจัดการใส่กล่องข้าวหมูทอดทั้งสองกล่องเข้าไปในเตาอบไมโครเวฟเพื่อทำให้อาหารสำเร็จแช่แข็งพร้อมกินพรึบ“รอสักครู่นะคะ…”ฉันเงยหน้าจากเตาอบมาบอกพี่หมีตัวใหญ่ เขาก็พยักหน้ารัวๆฉันก็ยิ้มบางๆให้เขาและถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างคนที่หมดหนทางที่จะสู้ต่อแล้วจริงๆพรึบฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาเปิดหน้าจอเข้ากูเกิลเสิร์ชหางานที่ทำแล้วได้เงินไว้ภายในสามวัน แต่จำนวนเงินของฉันมันไม่ใช่
“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…!“เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วมั้ง….พรึบจิ้มๆๆๆๆ“อื้อ…”ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญที่มีมือนิ่มๆของใครสักคนมาจิ้มๆที่แขนของฉันที่นอนฟุบหน้าลงไปกับเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยความเคร่งเครียดและหมดหนทางที่จะไปต่อกับชีวิตต่อจากนี้พรึบ“พอดีว่า….ผมหิวข้าวน่ะครับ…”เสียงเล็กแหลมของผู้ชายเอ่ยขึ้นเป็นน้ำเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเขาพยายามดัดเสียง ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปเพราะนี้เป็นเวลางานฉัน ฉันจะมาอู้แบบนี้ไม่ได้พรึบฉันขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมทันทีเมื่อพบกับพี่หมีตัวสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีหน้าตาน่
พรึบ“ขอนั่งด้วยคนนะ^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มร่าให้ฉันอย่างคนที่ไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉันหันขวับกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่องที่เมื่อฉันไม่ยอมรับน้ำดื่มจากเขา เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตัวฉันทันทีแถมใกล้ชิดร่างฉันอีกด้วยพรึบฉันขยับหนีเขาเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งเขาก็ไหวไหล่เล็กน้อยกับอาการและท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนของฉันที่มีต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากฉันทั้งๆที่คนอย่างฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เขา“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมา“เห้อ!”และเสียงผ่อนลมหายใจของคนข้างๆก็ตามมาติดๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที เขาก็ทำเป็นยิ้มหวานจนแก้มปริตาปิดให้ฉัน ทำให้ฉันนึกไม่พอใจเขาที่กล้าล้อเลียนอารมณ์ฉันในตอนนี้ ใช่สิคนรวยๆแบบเขาจะไปเข้าใจอะไรกับคนจนๆอย่างฉันล่ะ“ไม่มีเรียนรึไง?”“ถึงได้มานั่งเลียนแบบท่าทางคนอื่นแบบนี้น่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้เลย แต่เขากลับทำท่าทางเลียนแบบอิริยาบถของฉันทุกอย่างแม้กระทั่งการนั่งไขว่ห้าง“แล้วเธอไม่มีเรียนเหรอ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับทำหน้ากวนและถามฉันกลับทำให้ฉันมองหน้าเขาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องตอบนาย..”ฉัน
วันต่อมา16:30น.ห้องพักอาจารย์มหาลัย Eเอริ ฐิติมน….พรึบ“เทอมนี้ทางมหาลัยขอเพิ่มค่าหน่วยกิตนะคะ….นางสาวฐิติมน…”“ค่ะ…อาจารย์”ฉันสบตากับอาจารย์พลางเอ่ยรับคำของท่านไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แต่หนูขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามท่านต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆ“ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ?…นี่เธอคิดว่าเป็นการเล่นขายของอย่างงั้นเหรอ?”อาจารย์เอ่ยถามฉันเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ“นี่มันมหาลัยอินเตอร์นะ!”เสียงตะโกนของอาจารย์ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ“ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทั้งยอดเก่าจากการค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วกับค่าของหน่วยกิตในเทอมนี้..”“ฉันคงต้องให้คุณดรอปเรียนไว้ก่อน…”“แต่อาจารย์คะ…”ฉันกำลังจะเอ่ยแย้งอาจารย์“ฉันให้เวลาเธอสามวัน….ค่อยเข้ามาหาฉันอีกที…”แต่อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเรียบตรึงตอบฉันกลับมาซะก่อน“เชิญ…”อาจารย์เอ่ยบอกฉันพลางยกมือผายไปทางประตูของทางออกห้องพักอาจารย์“ค่ะ…สวัสดีค่ะอาจารย์…”ฉันยกมือไหว้อาจารย์ท่านไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่อย่างใด ก็เป็นอย่างนี้แหละที่คนจนๆอย่างฉันที่ยังจะดื้อดันทุรังตัวเองให้มาเรียนในรั้วมหาลัยอินเตอร์แบบนี้ ที่ฉันเลือกเรียนที่นี้ก็เพื่ออนาคตฉันจ