วันต่อมา
มหาลัยE คลาสเรียน 15:30น. เอริ ฐิติมน…. พรึบ “เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน “ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขาเอารถไปจอดทิ้งไว้อีก ซึ่งระยะทางก็หลายกิโลเมตรอยู่แล้ว แล้วใครใช้ให้เขาทำล่ะ เขาอยากทำมันเองหนิ ฉันไม่ได้บังคับซะหน่อยเขาเลือกเองทั้งนั้น….. “อืม…”ฉันตอบเพลงขวัญไปเสียงแผ่วเบา “เขามองดูชอบเธอมากเลยนะเอริ…”เพลงขวัญบอกฉันอีกพลางยิ้มหวานให้ฉัน ฉันก็ทำหน้าเอือมๆให้เธอไปผู้ชายคาสโนว่าตัวพ่ออย่างขุนศึกก็ชอบผู้หญิงไปทั่ว มั่วไปทั่วนั้นแหละ “เขาก็ชอบผู้หญิงทุกคน….”ฉันแย้งเพลงขวัญไปตามความจริงเพราะขุนศึกชอบผู้หญิงทุกคนจริงๆ ซึ่งฉันก็พอจะได้ยินชื่อเสียงของเขาผ่านหูมาบ้าง ผู้ชายที่หล่อหน้าตาดี รวยขนาดนั้นมีเหรอที่จะไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขาน่ะ “ก็ใช่…แต่เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ”เพลงขวัญตอบฉันกลับมา ฉันก็มองหน้าเธอพลางขมวดคิ้วงุนง งฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆเหรอยังไงกัน ฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ผิดแปลกไปที่ฉันมีรูปร่างและผิวที่ขาวใสที่อมชมพูเกินกว่าผู้หญิงไทยทั่วไปเพราะฉันจะออกไปแนวทางผู้หญิงญี่ปุ่นมากกว่า ผิดก็แค่ที่ตาของฉันเป็นสองชั้น “ไม่เหมือนยังไงเหรอ…?”ฉันถามเพลงขวัญไปอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้วจ้องหน้าเพลงขวัญ เธอก็ยิ้มกริ่มออกมา “ก็เธอไม่ชอบเขาน่ะสิ…”เพลงขวัญว่าพลางยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู ฉันกับเพลงขวัญเราสนิทกันมากเลยล่ะ ฉันรู้จักเธอเมื่อตอนปีหนึ่งตอนรับน้อง เธอมีนิสัยดีเฟรนลี่เลยทำให้เรารู้จักกันและสนิทกันในที่สุด และที่สำคัญเธอมีแฟนแล้ว เธอเป็นเด็กเสี่ยที่ร่ำรวยสุดๆและเธอก็เป็นเด็กยากจนเหมือนฉันนี่แหละ “เธอก็รู้…ว่าขุนศึกเป็นคนยังไง?”ฉันบอกขวัญไปเธอก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเพื่อนๆในกลุ่มและคนอื่นๆรู้จักนิสัยของขุนศึกดีไม่งั้นเขาจะถูกเรียนขานว่าคาสโนว่าตัวพ่อเหรอ?เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตน จีบทิ้งๆขว้างๆพอได้แล้วก็ทิ้ง “ใช่…เธอพูดอีกก็ถูกอีก…”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าคุ้นคิดฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอ “ความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์?”ฉันพึมพำขึ้นอย่างคิดไตร่ตรองความสัมพันธ์นี้ ถึงจะไม่ใช่การขายตัวเหมือนพวกเด็กไซด์ไลน์ที่เด็กๆในมหาลัยของฉันบางคนก็เลือกเดินเส้นทางนี้ เงินดีงานสบายใครๆก็ชอบทั้งนั้น แต่เมื่อก่อนฉันอาจจะเถียงและมั่นคงกับคำตอบของตัวเองมากว่าไม่ใช่ฉันแน่นอนที่เลือกอาชีพสบายๆที่ขายศักดิ์ศรีแบบนั้น แต่มาวันนี้ฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ “เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”เพลงขวัญหันมาเอ่ยถามฉัน ฉันที่ห่วงคิดเรื่องเงินอยู่จึงหันไปมองหน้าเธอด้วยสีหน้าเหวอๆและงุนงงเพลงขวัญเลยเอ่ยถามฉันใหม่อีกรอบ“เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”“อ้อ….เรื่องค่าเทอมน่ะ…เขาแจ้งว่าทางมหาลัยของเพิ่มค่าหน่วยกิต..”“เห้อ…เพิ่มอีกล่ะ…นี่เสี่ยก็บ่นฉันอุบแล้วเนี่ย..”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าหงุดหงิด ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆให้เธอ“เสี่ยให้เงินเดือนเธอ...เดือนละเท่าไหร่เหรอ?”“ก็สองสามแสนอ่ะ…แต่ค่าช้อปปิ้งต่างหากนะ^_^”“อืม…”“ถามทำไม…อย่าบอกนะ…ว่าสนใจจะเป็นอิหนูของเสี่ยแบบฉันบ้างน่ะ?”เพลงขวัญมองหน้าฉันทำแววตาลุกวาว เพราะเธอเคยชวนฉันให้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนเสี่ยๆของเธอแต่ฉันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง“บางที…ฉันก็ควรจะรู้และตัดสินใจได้แล้วถ้ามันอยู่ในเวลาที่ขับขันจริงๆ”ฉันตอบเพลงขวัญไป เธอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าให้กำลังใจเธอเอื้อมมือมาจับมือฉันเพื่อให้กำลังใจฉัน ใช่ฉันควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของฉันต้องเสียไปเพื่อแลกกับอนาคตของตัวฉันเองฉันก็จะไม่เสียใจหรอก…มั้ง…สนามบาสเกตบอล คณะบริหารธุรกิจ…18:30น.พรึบ“ฟิว!”“หะห๊ะ?”ฟิวที่กำลังเดินออกมาจากสนามบาสด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเหงื่อโทรมกายเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่ฉันมายืนรอและดักหน้าเขาทำให้เขาตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงของฉัน“นายรู้ไหมว่าคืนนี้…ขุน
ผับL 23:00น. เอริ ฐิติมน…. “เห้อ….เอาวะ…”ฉันสูดลมหายใจตัวเองเข้าปอดอึกใหญ่พลางมองสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองในกระจกภายในห้องน้ำของผับแห่งนี้ วันนี้ฉันอยู่ในชุดซีทรูลูกไม้สีขาวที่ปกปิดแค่หน้าอกและเป็นระบายลูกไม้ปิดแค่ท่อนเอวแต่โชว์หน้าท้องที่แบนราบของฉันและเอวคอดเนื้อผ้าตรงลูกไม้เป็นผ้าบางๆทำให้มองเห็นเนื้อสีขาวนวลของฉันได้อย่างชัดเจนขึ้นพร้อมกับสวมใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นสีซีดๆที่สั้นจนเห็นแก้มก้นของฉัน แล้วฉันก็สวมใส่รองเท้าส้นสูงสีขาวเพื่อทำให้คนตัวเล็กๆเตี้ยๆที่สูงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตรแบบฉันได้ดูสูงขึ้นมาอีกหน่อยฉันเลือกที่จะปล่อยผมสีน้ำตาลออ่อนที่ตรงยาวถึงกลางหลังเพื่อทำให้ฉันดูเป็นสาวสายเซ็กซี่เพิ่มขึ้นไปอีก พรึบ ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำมุ่งหน้าไปยังโต๊ะเก้าที่อยู่ชั้นล่างที่มีผู้คนพลุกพล่านกำลังยืนเต้นกระจัดกระจายไปตามหน้าเวทีที่มีดีเจสาวสุดเซ็กซี่แต่งกายด้วยชุดเกาะอกสีดำกำลังยืนเต้นนมกระเพื่อมอยู่อย่างเมามันส์ ฉันมองไปยังคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าก็พบกับผู้ชายที่ฉันกำลังตามหาอยู่ เขากำลังนั่งยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอยู่พลางขยับศีรษะไปตามเสียงเบสของเพลงมันส์ๆที่ดีเจสาวสวยประจำผับแห่ง
“ดะได้ครับ…”ขุนศึกเอ่ยรับรู้เสียงกระตุกถึงแววตาของเขาจะอยากถามฉันแต่เขาก็กลับที่จะไม่ถามฉัน เขาหันกลับไปชงเหล้าให้ฉัน“ขอแบบเข้มๆ”ฉันบอกเขาไป เขาก็หันมามองหน้าฉันและพยักหน้ารับรู้พรึบ“ขอบคุณ…”ฉันบอกเขาไปพลางยื่นมือไปรับแก้วเหล้าที่ขุนศึกส่งมาให้ฉัน ฉันก็กระดกเข้าปากเลย“อึกๆๆๆๆๆ”“เบาๆก็ได้เอริ….เดี๋ยวก็สำลักหรอก”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“อ๊าาาห์”ฉันร้องออกมาอย่างขมคอเพราะรอบนี้เหล้าเข้มตามที่ขอจริงๆพรึบ“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย…”ฉันวางแก้วเหล้าลงเพราะเริ่มสึกมึนๆแล้วและเอ่ยบอกขุนศึกไป ซึ่งรอบนี้เป็นรอบที่สี่แล้วสำหรับเหล้าที่ฉันขอให้ขุนศึกชงให้ฉัน“ไปกับฉันหน่อยได้ไหม?”“อ้อ…ได้สิ^_^”ขุนศึกว่าฉันจึงเม้มปากเป็นเส้นตรงและลุกขึ้นยืนทันทีโดยมีขุนศึกลุกขึ้นยืนบ้าง ฉันเซเล็กน้อยทำให้ขุนศึกรีบเข้ามาประคองร่างฉันไว้อย่างไวพรึบเราสบตากันในขณะที่ร่างของฉันอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแล้ว พรึบ“เราไม่ได้ตั้งใจจะแต๊ะอั๋งเธอ…”ขุนศึกว่าเสียงแผ่วเบากลัวว่าฉันจะเข้าใจเขาผิด เขาประคองร่างฉันให้ทรงตัวยืนเอง“ฉันเข้าใจ…ขอบคุณนะ…”ฉันว่าพลางยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเป็นเขาที่ผายมือเช
พรึบ“เอริ…”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบาในขณะที่ร่างของฉันเข้าไปแนบชิดกับร่างกายของเขาของแล้ว“ฉันขอ…นายแค่…สี่แสน..”ฉันบอกเขาต่อพลางยื่นมือไปจับมือเขาให้มาวางแนบชิดไปกับหน้าอกของฉันที่มันกำลังตั้งชูชันท้าทายสายตาคู่คมของขุนศึกอยู่“สี่แสน?”ขุนศึกไม่ได้ดึงมือออกไปจากหน้าอกของฉัน แต่เขากลับเอ่ยถามฉันกลับมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสงสัย ฉันก็มองหน้าเขาและขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เขาให้มากขึ้นจนแนบชิดกับริมฝีปากของเขาแต่ฉันเลื่อนไปที่ใบหูของเขาแทนเพื่อจะกระซิบบอกเขา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงานให้เลือดในร่างกายของฉันสูบฉีดขึ้นใจของฉันเต้นแรงรัวระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ“ใช่….แค่ความสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้…แค่คืนเดียว….”ฉันเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของขุนศึกไปพลางจับมือเขาให้บีบคลึงเต้าอวบของฉันที่ฝ่ามือเขายังจับของฉันไม่ทั่วถึงเลย“อ๊าาาาห์…เอริ…”ขุนศึกครางเสียงกระเส่าเมื่อฉันไล่ปลายจมูกไปตามซอกคอของเขาที่มีกลิ่นหอมชวนปลุกใจของฉัน“อื้ออออ….นายตกลงรึเปล่า?”ฉันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“ระเราตกลง….แต่…”ขุนศึกว่าเสียงสั่นกระตุกพลางเว้นวรรคในการพูดทำให้ฉันผละใบหน้าออกมาจากซอกคอของเขาและมองหน้าเขา
“คำสัญญารึไง?”“เปล่าครับ….แต่เราจะทำมันจริงๆ”“และเธอไม่ต้องกังวลนะเรื่องค่าเทอม….เราจะเป็นคนจ่ายให้เธอเอง…”“ส่วนเรื่องงานที่เธอทำ….”“เธอไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อยแล้วนะ…”“เพราะถ้าเธอเป็นแฟนเราแล้ว….แฟนคนเดียว….เราเลี้ยงได้^_^”“หึๆๆ”ฉันหัวเราะแห้งๆออกมาก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง โดยมีสายตาของขุนศึกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา พอฉันหันไปมองเขา เขาก็ทำแววตาอบอุ่นให้ฉันพร้อมกับยิ้มละมุนให้ฉันอีกด้วย….ฉันหวังว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของฉัน คงจะไม่ผิดหรอกนะถ้าเกิดวันหนึ่งฉันไม่ได้หลงรักคาสโนว่าตัวพ่ออย่างขุนศึกเข้าอย่างจริงๆ….เพราะถ้าฉันรักเขา คงจะเป็นฉันที่ไม่มีความสุขและผู้ชายที่เอาใจเก่งแบบขุนศึกก็คงจะไม่อยากที่ฉันจะเผลอใจไปรักเขาเข้าอย่างจริงๆสักวันวันต่อมา มหาลัยEห้องพักอาจารย์พรึบ“ค่าเทอมที่หนูค้างไว้กับค่าเทอมของเทอมหน้าค่ะ…”ฉันยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับอาจารย์ฝ่ายการเงินที่มีหน้าที่ดูแลจัดการค่าเทอมของนักศึกษาทุกๆคน อาจารย์มองหน้าฉันสลับกับซองสีน้ำตาลอย่างไม่อยากเชื่อว่าฉันจะมีเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ครบตามกำหนดที่ท่านวางไว้จริงๆ“ขอบคุณนะจ๊ะ…ที่จ่ายครบพร้อมกับขอ
8ปีต่อมา บริษัท KA ห้องทำงานท่านประธาน… เอริ ฐิติมน.... พรึบ "วันนี้มีนัดทานข้าวกับนักลงทุนรายใหญ่นะคะ.."ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่วางเอกสารลงตรงหน้าของ เจ้านายของฉัน เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่อิดโรยเพราะเขานั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน "เห้อ...." "เหนื่อยเหรอไง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปพลางยิ้มกริ่มให้เขาอย่างเอ็นดูกับท่าทางที่หงิกงอของเขา "เหนื่อยครับ...เหนื่อยมาก…วันๆนั่งอยู่แต่ตรงนี้ไม่ได้ลุกออกไปไหนเลย.." "ยิ้มอะไรครับ...เอริ.."ขุนศึกเอ่ยถามฉันพร้อมกับทำหน้ามุ่ย "ก็ยิ้มขำขุนไง..." "ขำขุน?"ขุนศึกว่าพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเขาเองพลางทำสีหน้างงๆ "อืม..."ฉันพยายามกลั้นหัวเราะตอบเขาไป เขาก็มีสีหน้าบึ้งตึงใส่ฉันทันทีที่เห็นว่าฉันแอบหัวเราะกับท่าทางที่เป็นเด็กน้อยขี้อ้อนของเขา พรึบ "อะไรขุนศึก?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างหวาดระแวงกับท่าทางที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่พร้อมจะพุ่งตัวเข้ามาหาฉันของเขาและสายตาเจ้าเล่ห์นั่นอีก รอยยิ้มที่มุมปากแบบนี้ "หึๆแม่กวางตัวน้อย"ขุนศึกเอ่ยเสียงทุ้มพลางมองหน้าฉันและร่างกายของฉันด้วยสายต
พรึบและมีเหรอที่ขุนศึกคนเจ้าเล่ห์จะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เขาประกบริมฝีปากของฉันทันทีและจัดการดูดดื่มริมฝีปากของฉันอย่างอ้อยอิ่งมือหนาของขุนศึกเริ่มซุนซนลูบไล้ไปตามสีข้างทั้งสองข้างของฉัน ฉันก็ใช่ย่อยจูบตอบเขาและยื่นมือไปลูบไล้เรือนร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของเขาผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางของเขาเช่นกัน"อื้อออ..."เสียงหวานของฉันครวญครางออกมาเมื่อขุนศึกได้ยื่นมือหนาของเขาไปหาความเป็นสาวของฉันที่อยู่ภายใต้กระโปรงสั้นๆของฉันเรียบร้อยแล้ว "อื้อ...ขุน...อ๊ะ...ตอนนี้ไม่ได้นะ..ขุนต้องกลับไปแต่งตัวอื้อออ.."ฉันพูดไปพลางครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวไปด้วยเมื่อโดนปลายนิ้วเรียวของขุนศึกลูบไล้ใจกลางความเป็นสาวของฉันผ่านจีสตริงตัวจิ๋วเพียงตัวเดียวที่ปกปิดความเป็นสาวของฉันอยู่ เพราะชุดกระโปรงที่ฉันใส่มันเป็นกระโปรงรัดรูปจะใส่กางเกงชั้นในแบบธรรมดาไม่ได้เพราะมันจะเกิดเป็นรอยนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด"จริงเหรอ...แต่HEEของริ...มันพร้อมมากเลยนะ...คะ…คนดีของขุน…”ขุนศึกว่าเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูของฉันพลางเป่าลมรดต้นคอของฉันทำให้ฉันสยิวและทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านพรึบ"ขุน!"ฉันเรียกเขาเสียงแข็งเมื่อขุนศึกจั
19:00น.ภัตตาคารอาหารชื่อดังเอริ ฐิติมน….พรึบ"ขุน!!""อย่างี่เง่าได้ป่ะ!!"ฉันโวยใส่หน้าขุนศึกเสียงดังหลังจากที่ฉันลากเขาออกมาจากห้องอาหารของภัตตาคารหรูหราระดับห้าดาวแห่งนี้แล้วและก็สะบัดร่างเขาอย่างแรง เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวและน้อยใจไปในตัว"งี่เงาเหรอ?"ขุนศึกถามฉันเสียงแผ่วเบา"ขุนงี่เงาเหรอ..ริ?"เขาถามฉันย้ำอีกครั้งพลางมองหน้าฉันอย่างตัดพ้อ เพราะปกติฉันไม่เคยว่าเขางี่เง่าเลยสักครั้ง"ใช่...คุณรณชาติเขาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทเรานะ...ถ้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาแล้วขอถอนหุ้นออกไปจากบริษัทขุนจะว่ายังไง?"ฉันว่าเสียงดังเพื่อย้ำให้ขุนศึกรู้ว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน"ก็ให้มันถอนไปดิ!"ขุนศึกขึ้นเสียงดังใส่ฉันอย่างไม่พอใจพรึบ"ขุนศึก!""นี่ขุนคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล่นๆเหรอ?""แต่ดูที่มันทำกับริดิ..."ขุนศึกแย้งฉันพลางชี้นิ้วกลับเข้าไปในห้องอาหารที่ฉันเพิ่งจะลากเขาออกมาเมื้อกี้นี้ด้วยท่าทางไม่พอ ฉันรู้ว่าคุณรณชาติคิดยังไงกับฉัน เขาเองก็เป็นนักธุรกิจที่ยังหนุ่มยังแน่นไฟแรงพอๆกับขุนศึกนี้แหละ"ขุนเป็นแฟนริน่ะเว้ย!!""เห็นแฟนคุยอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตา..
"ยังมีอีกคน"แก้มหวานว่าพร้อมกับตบมือขึ้นสามครั้ง ฉันก็เงยหน้าไปมองเธอและก็มีผู้ชายผมเผ้ารกรุงรังหัวฟูสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอะไรไม่รู้สีดำฟันของมันดำทุกซี่ หน้าตาเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนมันกำลังเดินมาหาฉันด้วยท่าทางที่เหมือนคนไม่เต็มเต็งอย่าบอกนะว่าเป็นคนสติไม่ดีเป็นคนบ้า"ผัวแกก็มีคนบ้าด้วย..ลูกแกต้องเกิดมาเป็นบ้าแน่เลยฮ่าๆๆๆๆๆ"แก้มหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และโกรธเธอคนนี้คนที่ฉันไม่เคยคิดที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ฉันโกรธเธอและจะไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขากเพราะเธอคิดไม่ดีกับลูกของฉัน ฉันไม่ยอม!!!!!"เจ๊ให้พวกผมก่อน.....ผมไม่อยากใช้ของต่อจากไอ้บ้านี้!!"ชายคนหนึ่งที่จับขาฉันยึดไว้หันไปบอกแก้มหวาน"ได้....ไอ้บ้าแกออกมาก่อน!!"แก้มหวานรับคำชายชุดดำก่อนจะหันไปเอ่ยบอกคนบ้า คนบ้าก็เหมือนจะพูดรู้เรื่องและมันก็หยุดอยู่กับที่"ให้พวกกูก่อน....เสร็จแล้วค่อยคิวมึง"ชายคนที่ถือเข็มฉีดยาเอ่ยขึ้น ตอนนี้มันนำยาไปไว้ในเข็มแล้วและมันก็ดันก้นสปริงออกมานิดหน่อยทำให้ตัวยาที่อยู่ด้านบนพุ่งออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะเดินมาหาฉันพร้อมกับทำส
"เปล่าหรอก......ที่ผู้ชายเขาไม่เลือกเธอมันเป็นเพราะนิสัยของเธอมากกว่าล่ะแก้มหวาน""นิสัยของเธอ.....ลองมองย้อนดูกลับไปว่าอะไรที่เราสองคนไม่เหมือนกัน""นี่แกจะบอกว่านิสัยแกดีกว่าฉันเหรอ?"แก้มหวานกดเสียงต่ำจ้องฉันด้วยแววตาแข็งกร้าวกว่าเดิม เธอพร้อมที่จะประทุอารมณ์ใส่ฉันได้ทุกเมื่อ"ไม่ใช่.....ฉันแค่อยากจะบอกว่าบางทีทัศนคติหรือความชอบความคิดเห็นสองผู้ชายสองคนนั้นไม่ตรงกับเธอ""แต่มาตรงกับฉันมากกว่า"ฉันเอ่ยออกไปอย่างในความคิดฉันจริงๆแต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะทำให้แก้มหวานไม่พอใจฉันเพิ่มขึ้นไปอีกดูจากการจับเส้นผมของฉันดึงก็รู้ได้เพราะว่าเธอดึงมันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่ศีรษะนาทีนี้ฉันไม่ควรจะยั่วโมโหแก้มหวาน เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองและลูกในท้องของฉัน"หึ.....เข้าข้างตัวเองจริงๆนะ.....ถ้าแกไม่ให้ท่าเควินเขาก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก""เขาเชื่อฟังฉันและเอาใจฉันมาตลอดแต่พอมีเเกเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของเขา.....เขาก็เปลี่ยนไป""เขาทำตัวห่างเหินกับฉันไม่เหมือนเมื่อก่อน.....เควินชีวิตของเขาไม่เคยได้รู้จักผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ....เขาเลยไม่รู้ว่าผู้หญิงน่ะมันตอแหล!!!""เหมือนเธอไงเอริ.....ทำตัวใ
ฉันก็มองจ้องเธอเขม่น แววตาสั่นไหวอย่างไม่ไว้ใจเธอ"แกมีผัวอยู่แล้วและยังจะมายุ่งกับผัวคนอื่นอีกทำไม!!"แก้มหวานตะโกนใส่หน้าฉันสีหน้าและแววตาของเธอที่จ้องมองมาที่ฉันเเปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวและไม่พอใจและเธอก็เอื้อมมือมาจับผมของฉันพร้อมกับออกแรงกระชากจนหน้าฉันหงายไปข้าง"โอ้ย!""เธอพูดเรื่องอะไรแก้มหวาน.....ฉันไม่เคยไปยุ่งกับสามีของใคร"ฉันเอ่ยบอกแก้มหวานไปพร้อมกับน้ำตาแอบเล็ดไปด้วยเพราะฉันรู้สีกเจ็บที่หนังศีรษะมาก เพราะแก้มหวานเธอดึงผมฉันแรงมากแรงเหมือนอยากจะดึงมันให้ขาดออกไปจากหนังศีรษะฉันฉันก็ใช้มือของตัวเองมั้งสองข้างมาจับมือของแก้มหวานที่จับผมฉันไว้ให้เธอปล่อยผมฉันแต่เธอก็ยิ่งกำมันและออกแรงดึงมันให้แรงขึ้นแรงขึ้นและแรงขึ้น"ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกเหรอแกนี่มันมารยาสาไถยจริงๆ""ไม่เข้าใจว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงแบบแกลงไปได้ยังไง"แก้มหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาดูถูกฉัน ฉันก็จ้องมองเธอด้วยความงุนงงว่าเธอพูดถึงใครกันและใครกันที่ฉันไปแย่งสามีเขามาเท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเลยนะ ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่ไหน"แกแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปทั้งสองคน......""และก็เป็นแกที่ท
"ไอ้จอม?"ผมหันไปทันทีที่ได้ยินเสียงที่ผมโคตรจะไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องได้ยินเพราะพี่ชายต่างแม่ของผมกำลังยืนมองหน้าผมอยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ หน้าตามันโคตรกวนตีน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งเกลียดมัน "มึงมาทำไม?"ผมถามมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างชัดเจนว่าผมไม่อยากเจอมัน "กูมาหาเอริ..."มันตอบผมมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นกันแต่หน้าตาโคตรกวนประสาท ผมเกลียดชี้หน้ามันชิบหาย เพราะมันพ่อถึงไม่เคยรักผม "แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่หรือว่า....มึงอยู่กับริเหรอ?"มันถามผมมาพลางชี้มาที่ผมด้วยหน้าตาเหมือนหมาสงสัย "เอ่อกูกับริกำลังมีลูกด้วยกัน.....แค่นี้มึงก็ควรจะรู้ได้แล้วนะว่าเลิกยุ่งกับเมียกูสักที"ผมอ่ยบอกไอ้จอมไปเสียงเเข็ง มันก็มองมาที่ผมด้วยสายตาตกใจแต่แวบหนึ่งผมก็เห็นเหมือนสายตาเป็นประกายในดวงตาคู่สวยของมันแต่ผมไม่มั่นใจเพราะเห็นแค่กระพริบตาเดียวเท่านั้น ที่ผมพูดกันท่าแบบนี่ทั้งที่ผมเองก็รู้ตัวดีว่าผมไม่มีสิทธิ์แต่ผมไม่อยากให้เอริคบกับไอ้จอม เพราะไอ้จอมมันก็เจ้าชู้ไม่ต่างจากผม มันน่ะ......เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมไม่อยากให้ริต้องกลับไปเจ็บแบบที่เคยเจ็บมาอีกแล้ว.....ผ
เธอก็บอกว่าจะไม่แก้แค้นอะไรผมอีกแล้ว แต่ขอสู้คดีให้ถึงที่สุด ถ้าผมแพ้ ผมก็ต้องยอมรับชะตากรรม เธอบอกว่าถือเสียว่าผมชดใช้กรรมให้เธอ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมมั่นใจว่าผมจะไม่แพ้คดีนี้แน่ ผมรีบเดินออกมาจากห้องและเดินไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องของเควิน ที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคอนโดนี้เควินเป็นเจ้าของ โดยมันให้เอริอยู่ห้องมันฟรีๆดูก็รู้ว่ามันชอบเอริ และจ้องจะเคลมเธอและที่ผมรู้ไปกว่านั่นอีกคือเควินเป็นลูกชายของผู้ชายที่แก้มหวานแต่งงานด้วยออดดดดดดดดดดดดผมกดออดห้องของเควินอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ผมสักที สงสัยมันจะไม่อยู่จริงๆหรือมันจะออกไปกับเอริ"ขอให้แน่ใจหน่อยจะได้หมดห่วง"ผมพูดออกมาอย่างยอมรับชะตากรรมถ้าเอริจะชอบผู้ชายคนนี้ผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางอะไรเธอ เพราะผมกับเธอมีหน้าที่เป็นพ่อแม่ของลูกเท่านั้น ส่วนสถานะอย่างอื่นเราก็เป็นเพื่อนกันผมเดินเข้าลิฟต์ไปยังชั้นล่างและเดินมุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ของประชาสัมพันธ์ที่มีไว้ต้อนรับลูกค้าและดูแลคนที่อยู่ในคอนโคนี้"ผมขอเบอร์คุณเควินหน่อยได้ไหมครับ""พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะครับ"ผมเอ่ยบอกพนักงานผู้หญิงที่ทำหน้าที่ประ
คอนโดเควินห้องของเอริ19:00น.ขุนศึก ขุนณรงค์...."ริไปไหนเหรอครับป้าบัว....มืดแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย?"ผมเอ่ยถามป้าบัวไปในขณะที่ท่านกำลังเก็บจานข้าวที่ผมเพิ่งกินเสร็จอยู่ที่จริงผมนั่งชะเง้อคอมองเอริมาตั้งแต่ที่เห็นเธอแต่งตัวออกไปตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็นแล้ว กะว่าเธอไปแค่แปปเดียวก็คงจะกลับเพราะไม่เห็นเธอบอกผมว่าเธอจะไปไหน"เห็นว่าออกไปหาเพื่อนนะคะ....คุณขุนศึกมีอะไรหรือเปล่าคะ?""อ้อเปล่าครับ.....ผมเห็นว่ามันเริ่มมืดแล้ว....."ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างเป็นห่วงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาเพราะเอริเป็นผู้หญิงและกำลังท้องอยู่ด้วยไม่น่าจะออกไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้นะหรือว่าเธอจะออกไปหาเพลงขวัญ"ลองโทรหาดูไหมคะ.....""เดี๋ยวผมโทรเองครับป้า....ขอบคุณมากนะครับ""โอเคค่ะงั้นป้าขอตัวไปดูคุณหญิงก่อนนะคะ""ครับป้า.....เดี๋ยวผมรอริสักพักก็จะเข้าไปดูคุณแม่นะครับ""ค่ะ.....เดี๋ยวป้านอนเฝ้าคุณหญิงเองค่ะ....คุณขุนศึกไปนอนพักผ่อนเถอะค่ะ""ครับ....ขอบคุณมากนะครับ"ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างซาบซึ้งใจที่ท่านดีกับผมและคุณแม่ของผมจากใจจริงท่านไม่คิดที่จะทอดทิ้งผมและคุณแม่......ในความโชคร้ายของผมก็ถือว่ายังมีโชคดีอยู่บ้างที
"กะจะเผาทั้งเป็นแม่ของขุนศึกเลยนะ""เธอร้ายกาจมากมากจนฉันอยากรู้ว่าแก้มหวานแค้นอะไรขุนศึกมากมายขนาดที่จะฆ่าจะแกงกันได้"นามิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจและอยากรู้มากๆ"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนในเมื่อก่อนมันจะเป็นต้นเรื่องที่ทำให้แก้มหวานแค้นฉันขนาดนี้ไหม"ฉันเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบามันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องไปเผชิญหน้าและถามแก้มหวานตรงๆว่าสิ่งที่เธอทำงไปในตอนนี้ เพราะอยากจะเอาคืนขุนศึกที่เขาทำกับเธอตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยใช่ไหมเพราะสิ่งที่ขุนศึกไม่ตั้งใจในคราวนั้นแต่กลับทำให้คนที่ถูกกระทำเครียดแค้นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้"ฉันขอตัวก่อน"ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนามิก็ลุกขึ้นพรวดพราดตามฉันมาทันทีด้วยความตื่นตกใจ"เธอจะไปไหนไม่เอาหลักฐานแล้วหรือไง""ไม่แล้วล่ะ....ฉันไม่ต้องการมันแล้ว"ฉันเอ่ยบอกนามิไปก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและจำ้อ้าวเดินออกมาจากร้านอาหารนี้อย่างไวตอลดทางเดินฉันหยิบโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องแพงของตัวเองขึ้นมากดดูบันทึกรายการบันทึกเสียงฉึก"โอ้ย!!"ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นแวบเข้ามาที่ก้านคอของฉันฉันจึงรีบเอามือไปคลำดูก็พ
"ฉันเลยเตรียมของมาให้เธอได้พิสูจน์....ว่าฉันไม่โกงเธออย่างแน่นอน"ฉันก็มองหน้านามิอย่างจ้องเขม็งและสงสัยในสิ่งที่เธอพูด เธอเตรียมอะไรมาให้ฉันพิสูจน์"ในรถฉันมีโน้ตบุ๊กอยู่....เธอจะไปดูมันกับฉันไหมล่ะ?"นามิเอ่ยถามฉันมา ฉันก็จ้องเธออย่างไม่วางใจ"ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรเธอได้.....?"เธอก็เอ่ยออกมาเสียงใสอย่างรู้ทันความคิดของฉัน"ในนั้นมีหลักฐานทั้งหมดจริงๆใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามนามิไป เธอก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉัน"หลักฐานที่แก้มหวานโกงบริษัทของคุณหญิงนฤมิตรจนทำให้ทั้งคุณหญิงและขุนศึกต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนคดโกง""ใช่...."นามิตอบมาเสียงดังฟังชัด ฉันก็ทำหน้านิ่งเฉยและเอ่ยถามเธอต่อไป"แก้มหวานเป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด......ทั้งเรื่องที่โยนความผิดว่าคุณหญิงนฤมิตรฟอกเงินที่ผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน""เป็นคนต้นคิดการเทรดเงิน....โดยใช้การเทรดเงินเป็นเบื้องหน้าให้คุณหญิงนฤมิตรตายใจและให้คุณหญิงเปิดบัญชีเป็นชื่อของท่านเพียงคนเดียวและนำเงินที่ฟอกมาทั้งหมดโอนใส่ไปในบัญชีของคุณหญิง"นามิเอ่ยออกมา ฉันก็จ้องมองหน้าเธอด้วยท่าทางนิ่งเฉย ฉันต้องทำ
"เธอเป็นใคร"ฉันเอ่ยถามปลายสายที่เป็นเสียงผู้หญิงออกไปน้ำเสียงของปลายสายฟังดูคุ้นหูฉันมาก (นามิเอง....) "นามิ....เธอมีอะไรกับฉัน" (ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับขุนศึกอยากปรึกษาเธอ) "เรื่องอะไร?" (หลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่ขุนศึกเจออยู่ในตอนนี้.....ถ้าได้หลักฐานอันนี้ไปเขาพ้นคดีแน่) "แล้วเธอไปเอามาจากไหน?"ฉันเอ่ยถามนามิไป ในใจฉันสงสัยและไม่เข้าใจเธอว่าเธอจะช่วยขุนศึกทำไม ในเมื่อก่อนหน้านี้เรื่องของสองคนนี้จบกันไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะมองหน้ากันไม่ติดถึงขั้นเกลียดขี้หน้ากันเลยก็ได้ (ฉันโดนนังแก้มหวานหักหลัง....มันเป็นคนต้นเรื่องทั้งหมด) (ฉันพูดจริงๆเอริ....ตอนนี้ฉันกับแม่กำลังเดือดร้อน....ฉันขอขายหลักฐานของขุนศึกให้เธอในราคาสิบล้านก็ได้) (ฉันกับแม่จะใช้เงินก้อนนี้เป็นก้อนหลบหนีนังแก้มหวาน) (มันราวีชีวิตของฉันกับแม่ไม่เลิกนะเอรินะ) (นังแก้มหวานมันสั่งให้ฉันเข้าไปตีสนิทก้บขุนศึกมันอยู่เบื้องหลังทุกอย่างทั้งเรื่องที่คุณหญิงโดนฟ้องว่าฟอกเงิน....การเทรดหุ้นที่ไม่เอาเงินไปเทรดแต่เอาไปใช้เอง....ตลาดหุ้นที่ผิดกฏหมาย) (นังแก้มหวานมันเป็นคนวางแผน....ฉันมีคลิปวิดีโอในการคุยของฉันกับมันในตอนที่มัน