“คำสัญญารึไง?”“เปล่าครับ….แต่เราจะทำมันจริงๆ”“และเธอไม่ต้องกังวลนะเรื่องค่าเทอม….เราจะเป็นคนจ่ายให้เธอเอง…”“ส่วนเรื่องงานที่เธอทำ….”“เธอไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อยแล้วนะ…”“เพราะถ้าเธอเป็นแฟนเราแล้ว….แฟนคนเดียว….เราเลี้ยงได้^_^”“หึๆๆ”ฉันหัวเราะแห้งๆออกมาก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง โดยมีสายตาของขุนศึกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา พอฉันหันไปมองเขา เขาก็ทำแววตาอบอุ่นให้ฉันพร้อมกับยิ้มละมุนให้ฉันอีกด้วย….ฉันหวังว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของฉัน คงจะไม่ผิดหรอกนะถ้าเกิดวันหนึ่งฉันไม่ได้หลงรักคาสโนว่าตัวพ่ออย่างขุนศึกเข้าอย่างจริงๆ….เพราะถ้าฉันรักเขา คงจะเป็นฉันที่ไม่มีความสุขและผู้ชายที่เอาใจเก่งแบบขุนศึกก็คงจะไม่อยากที่ฉันจะเผลอใจไปรักเขาเข้าอย่างจริงๆสักวันวันต่อมา มหาลัยEห้องพักอาจารย์พรึบ“ค่าเทอมที่หนูค้างไว้กับค่าเทอมของเทอมหน้าค่ะ…”ฉันยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับอาจารย์ฝ่ายการเงินที่มีหน้าที่ดูแลจัดการค่าเทอมของนักศึกษาทุกๆคน อาจารย์มองหน้าฉันสลับกับซองสีน้ำตาลอย่างไม่อยากเชื่อว่าฉันจะมีเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ครบตามกำหนดที่ท่านวางไว้จริงๆ“ขอบคุณนะจ๊ะ…ที่จ่ายครบพร้อมกับขอ
8ปีต่อมา บริษัท KA ห้องทำงานท่านประธาน… เอริ ฐิติมน.... พรึบ "วันนี้มีนัดทานข้าวกับนักลงทุนรายใหญ่นะคะ.."ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่วางเอกสารลงตรงหน้าของ เจ้านายของฉัน เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่อิดโรยเพราะเขานั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน "เห้อ...." "เหนื่อยเหรอไง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปพลางยิ้มกริ่มให้เขาอย่างเอ็นดูกับท่าทางที่หงิกงอของเขา "เหนื่อยครับ...เหนื่อยมาก…วันๆนั่งอยู่แต่ตรงนี้ไม่ได้ลุกออกไปไหนเลย.." "ยิ้มอะไรครับ...เอริ.."ขุนศึกเอ่ยถามฉันพร้อมกับทำหน้ามุ่ย "ก็ยิ้มขำขุนไง..." "ขำขุน?"ขุนศึกว่าพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเขาเองพลางทำสีหน้างงๆ "อืม..."ฉันพยายามกลั้นหัวเราะตอบเขาไป เขาก็มีสีหน้าบึ้งตึงใส่ฉันทันทีที่เห็นว่าฉันแอบหัวเราะกับท่าทางที่เป็นเด็กน้อยขี้อ้อนของเขา พรึบ "อะไรขุนศึก?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างหวาดระแวงกับท่าทางที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่พร้อมจะพุ่งตัวเข้ามาหาฉันของเขาและสายตาเจ้าเล่ห์นั่นอีก รอยยิ้มที่มุมปากแบบนี้ "หึๆแม่กวางตัวน้อย"ขุนศึกเอ่ยเสียงทุ้มพลางมองหน้าฉันและร่างกายของฉันด้วยสายต
พรึบและมีเหรอที่ขุนศึกคนเจ้าเล่ห์จะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เขาประกบริมฝีปากของฉันทันทีและจัดการดูดดื่มริมฝีปากของฉันอย่างอ้อยอิ่งมือหนาของขุนศึกเริ่มซุนซนลูบไล้ไปตามสีข้างทั้งสองข้างของฉัน ฉันก็ใช่ย่อยจูบตอบเขาและยื่นมือไปลูบไล้เรือนร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของเขาผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางของเขาเช่นกัน"อื้อออ..."เสียงหวานของฉันครวญครางออกมาเมื่อขุนศึกได้ยื่นมือหนาของเขาไปหาความเป็นสาวของฉันที่อยู่ภายใต้กระโปรงสั้นๆของฉันเรียบร้อยแล้ว "อื้อ...ขุน...อ๊ะ...ตอนนี้ไม่ได้นะ..ขุนต้องกลับไปแต่งตัวอื้อออ.."ฉันพูดไปพลางครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวไปด้วยเมื่อโดนปลายนิ้วเรียวของขุนศึกลูบไล้ใจกลางความเป็นสาวของฉันผ่านจีสตริงตัวจิ๋วเพียงตัวเดียวที่ปกปิดความเป็นสาวของฉันอยู่ เพราะชุดกระโปรงที่ฉันใส่มันเป็นกระโปรงรัดรูปจะใส่กางเกงชั้นในแบบธรรมดาไม่ได้เพราะมันจะเกิดเป็นรอยนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด"จริงเหรอ...แต่HEEของริ...มันพร้อมมากเลยนะ...คะ…คนดีของขุน…”ขุนศึกว่าเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูของฉันพลางเป่าลมรดต้นคอของฉันทำให้ฉันสยิวและทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านพรึบ"ขุน!"ฉันเรียกเขาเสียงแข็งเมื่อขุนศึกจั
19:00น.ภัตตาคารอาหารชื่อดังเอริ ฐิติมน….พรึบ"ขุน!!""อย่างี่เง่าได้ป่ะ!!"ฉันโวยใส่หน้าขุนศึกเสียงดังหลังจากที่ฉันลากเขาออกมาจากห้องอาหารของภัตตาคารหรูหราระดับห้าดาวแห่งนี้แล้วและก็สะบัดร่างเขาอย่างแรง เขาก็มองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวและน้อยใจไปในตัว"งี่เงาเหรอ?"ขุนศึกถามฉันเสียงแผ่วเบา"ขุนงี่เงาเหรอ..ริ?"เขาถามฉันย้ำอีกครั้งพลางมองหน้าฉันอย่างตัดพ้อ เพราะปกติฉันไม่เคยว่าเขางี่เง่าเลยสักครั้ง"ใช่...คุณรณชาติเขาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทเรานะ...ถ้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาแล้วขอถอนหุ้นออกไปจากบริษัทขุนจะว่ายังไง?"ฉันว่าเสียงดังเพื่อย้ำให้ขุนศึกรู้ว่าอย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน"ก็ให้มันถอนไปดิ!"ขุนศึกขึ้นเสียงดังใส่ฉันอย่างไม่พอใจพรึบ"ขุนศึก!""นี่ขุนคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล่นๆเหรอ?""แต่ดูที่มันทำกับริดิ..."ขุนศึกแย้งฉันพลางชี้นิ้วกลับเข้าไปในห้องอาหารที่ฉันเพิ่งจะลากเขาออกมาเมื้อกี้นี้ด้วยท่าทางไม่พอ ฉันรู้ว่าคุณรณชาติคิดยังไงกับฉัน เขาเองก็เป็นนักธุรกิจที่ยังหนุ่มยังแน่นไฟแรงพอๆกับขุนศึกนี้แหละ"ขุนเป็นแฟนริน่ะเว้ย!!""เห็นแฟนคุยอี๋อ๋อกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตา..
“อาหารที่นี้อร่อย…ผมชอบมากเลยนะครับ^_^” “ค่ะ…”ฉันยิ้มบางๆรับคำไปตามมารยาทและเริ่มทานอาหารในจานของตัวเองอย่างเงียบๆจนสักพักขุนศึกก็เดินเข้ามา พรึบ “อ้าว…เชิญนั่งครับ…”คุณรณชาติผายมือให้ขุนศึกที่เขายืนคล้ำหัวฉันอยู่ให้เขานั่งลงข้างๆฉัน ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาเรามองสบตากันแต่ฉันก็เป็นฉันที่หลบสายตาเขา “ขอบคุณครับ…”ขุนศึกเอ่ยขอบคุณคุณรณชาติไปอย่างเสียไม่ได้โดยเขานั่งที่เดิมนั่นคือข้างๆฉัน “ผมน่ะ…อิจฉาคุณขุนศึกจังเลยนะครับ…ที่มีเลขาที่ทั้งเก่งและสวยแบบคุณเอริอยู่ข้างๆ….” “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ…ริยังต้องเรียนรู้งานอีกมาก…” “อืมครับ…แต่แค่นี้ก็เก่งแล้วนะครับ^_^” “ค่ะ….ขอบคุณค่ะ..”ฉันยิ้มรับคำชมจากคุณรณชาติแล้วฉันก็รับรู้ได้รังสีอำมหิตของคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉัน พรึบ “เป็นอะไรรึเปล่าครับ…?”คุณรณชาติเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยกับกิริยาที่ขุนศึกทำบนโต๊ะอาหารเป็นครั้งที่สองนั่นคือการวางแก้วน้ำที่เขาดื่มแล้วกระแทกกับโต๊ะกระจกจนเกิดเสียงดังจนฉันและคุณรณชาติตกใจ “เปล่าครับ….พอดี…ผมแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย…”ขุนศึกตอบคุณรณชาติไป คุณรณชาติก็พยักหน้าเข้าใจและหันมายิ้มบางๆให้ฉันแทน เราสามค
“มีอะไรใบข้าว?”ป้าบัวหันไปมองหน้าสาวรับใช้ที่ฉันรู้ได้เพราะว่าเธอสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มของแม่บ้านหลังนี้ ที่เหมือนกันกับชุดของป้าบัว “คุณหญิงท่านให้มาบอกป้าบัวว่าให้ยกอาหารออกไปได้แล้วจ๊ะ…คุณขุนศึกมาแล้ว…”สาวใช้ใบข้าวเอ่ยบอกป้าบัวพลางหันมายิ้มและก้มศีรษะให้ฉันเพื่อทำการทักทายฉันก็ยิ้มให้เธอและก้มศีรษะตอบเธอไปเพื่อเป็นการทักทายเธอกลับเช่นกัน“อืมๆอยู่บนโต๊ะ…แกยกออกไปก่อนได้…เดี๋ยวที่เหลือฉันจะยกตามไปเอง…”ป้าบัวเอ่ยสั่งใบข้าวพลางชี้นิ้วไปบนโต๊ะตัวยาวและใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องครัวหรูหรานี้ที่ใหญ่กว่าห้องนอนของฉันอีกนะพรึบใบข้าวเดินไปยกจานเต็มสองมือเธอ ฉันก็หันมามองหน้าป้าบัว“เดี๋ยวเอริยกไปให้เองค่ะ…ป้าบัวไม่ต้องยกหรอก^_^”ฉันบอกป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มและพยักหน้ารับคำฉัน “^_^”ฉันก็ยิ้มบางๆให้ป้าบัวและเดินไปยกถาดอาหารที่เหลือซึ่งมีฝาครอบสแตนเลสปิดอาหารด้านในอยู่ ฉันเดินถือถาดอาหารออกมาโดยมีป้าบัวเดินตามแผ่นหลังของฉันมาติดๆเพื่อคอยไปยืนรับใช้คุณหญิงนฤมิตรพรึบพรึบ“วันนี้มีแต่อาหารที่คุณขุนศึกชอบทั้งนั้นเลยค่ะ^_^”ป้าบัวเอ่ยขึ้นอย่างเอาอกเอาใจขุนศึก “ขอบคุณครับ….ป้าบัว^_^”ขุนศึกตอบป้าบัวไปพล
พรึบ“ตักข้าวสิ!”คุณหญิงนฤมิตรหันมาเอ่ยสั่งฉัน ฉันที่ยืนเหม่ออยู่ต้องถึงกับสะดุ้งตกใจกับน้ำเสียงเข้มของท่าน“เร็วๆ”คุณหญิงนฤมิตรเร่งฉัน“ค่ะ…”ฉันตอบรับคำคุณหญิงนฤมิตรก่อนจะค่อยๆเดินไปถือโถข้าวเซลามิคลายสวยงามราคาแพงมากเพราะเป็นลวยลายที่หายากน่ะพรึบ“ยัยนามิเพิ่งลงเครื่องนะคะ…ฉันก็พาเธอตรงดิ่งมาที่บ้านเธอเลยนะ….นฤมิตร^_^”“จริงเหรอเนี่ย….ฉันดีใจมากเลย…”“นี่หนูก็เรียนจบแล้วสินะ….หนูนามิ^_^”คุณหญิงนฤมิตรหันไปเอ่ยถามนามิ โดยที่ฉันเพิ่งจะตักข้าวสวยที่มีควันลอยขึ้นมาบ่งบอกว่าข้าวเพิ่งหุงสุกและเพิ่งตักออกมาจากหม้อหุงข้าวใส่ลงไปในจานของคุณหญิงนฤมิตร“ค่ะ….”นามิเอ่ยตอบคุณหญิงนฤมิตรไปพลางยิ้มบางๆให้คุณหญิงนฤมิตร“จบที่มหาลัยเเอลลิตร้าเลยนะ^_^”คุณหญิงนวลปรางพูดต่อพลางมองหน้าลูกสาวของท่านด้วยสายตาภาคภูมิใจ“เก่งมากเลยจ๊ะ^_^”คุณหญิงนฤมิตรเอ่ยชมนามิ“เดี๋ยวอีกไม่กี่วันเธอไปงานเลี้ยงฉลองรับปริญญาของนามิที่บ้านฉันนะ…”“ได้เลยไม่มีปัญหา”“นามิ…ชวนพี่ขุนศึกเขาด้วยสิลูก”คุณหญิงนวลปรางหันมาสะกิดไหล่นามิเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันตักข้าวใส่จานของคุณหญิงนวลปรางพอดี“ค่ะ…คุณแม่….”นามิรับคำคุณแม่ของเธอก่อนหัน
“หนูทำความสะอาดเสร็จแล้วคะป้า^_^”ใบข้าวเดินมาบอกป้าบัวในมือของเธอถือผ้าขี้ริ้วเพราะเธอเป็นคนทำความสะอาดข้าวสวยที่ฉันสะบัดลงพื้นเองน่ะ“ขอบคุณนะ…”ฉันเอ่ยขอบคุณใบข้าวไปที่เธออาสาไปทำความสะอาดข้าวที่หกแทนฉัน“ไม่เป็นไรเลยค่ะ…แต่หนูเห็นนะคะ…ว่าคุณผู้หญิงคนนั้น…จงใจตักข้าวใส่มือคุณ”ใบข้าวเอ่ยบอกฉันพลางหันไปมองถลึงตาใส่นามิที่นั่งยิ้มเอียงอายอยู่“หึ!”เสียงหึในลำคอของป้าบัวเอ่ยขึ้นพลางจ้องเขม่นไปที่ใบข้าวทำให้เธอเม้มปากหน้าสลดลงทันที“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…คุณเขาไม่ได้ตั้งใจ…งั้นหนูขอไปหายามาทาแผลก่อนนะคะ”“จ้า…”ป้าบัวพยักหน้าพร้อมตอบรับรู้ ฉันก็ยิ้มบางๆให้ท่านและเดินก้มศีรษะออกมาจากห้องอาหารแห่งนั้น โดยมุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อหายามาทาแผลที่โดนของร้อนลวกพรึบซ่าาาาาาาาาฉันเปิดน้ำที่ซิงค์ล้างจานล้างมือตัวเองข้างที่โดนข้าวสวยลวกมันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยเมื่อได้สัมผัสกับความเย็น พรึบฉันเดินไปหยิบผ้าสะอาดออกมาจากตู้เก็บผ้าและเช็ดไปตามหลังมือที่เปียกน้ำก่อนจะหันมองไปรอบๆเพื่อหากล่องปฐมพยาบาลยาแต่ก็ไม่พบ “สงสัยอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแน่เลย…”ฉันพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ ก่อนจะหันไปยัดผ้าที่ฉันใช้แล้วใ
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข