“โอเค…”ฉันพยักหน้ารับคำเขาก่อนจะเอาช้อนกลับมาและวางลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของฉันและหันมาปรุงรสให้ชามของขุนศึก
พรึบ “อ่ะ….”ฉันว่าพร้อมส่งชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดที่ปรุงแต่งรสชาติเสร็จแล้วยื่นไปตรงหน้าของขุนศึก “ขอบคุณครับ^_^”เขายิ้มให้ฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำของฉัน ฉันก็เลิกสนใจเขาและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวในชามของฉันบ้างเพราะฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ย พรึบ “เธอมากินที่นี้บ่อยเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันกำลังแอบมองใบหน้าหล่อของเขาที่ก้มหน้าซู๊ดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆทำให้ฉันตกใจเลิ่กลั่กรีบก้มหน้ากลับมากินก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อ นี่ฉันเผลอไปแอบมองเขาได้ยังไงกันเนี่ย!! พรึบ “อื้อ….ฉันกินทุกวันก่อนกลับเข้าแฟลต”ฉันตอบเขาไปตามความจริง เขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปมองป้าเจ้าของร้านที่ยืนประจำตำแหน่งหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่กำลังมีควันลอยขึ้นสู่อากาศบ่งบอกได้ว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในหม้อกำลังเดือดปุดๆและส่งกลิ่นหอมยั่วยวนไปทั่วทั้งบริเวณนี้เรียกน้ำย่อยและน้ำลายของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ให้แวะเข้ามากินได้เป็นอย่างดี “คุณป้าครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและสุภาพ “ครับ?”ป้าเจ้าของร้านหันมาขานรับขุนศึกที่เขายกมือพร้อมกับเรียกป้าเจ้าของร้าน “ผมขอแบบนี้เพิ่มอีกสองครับ^_^”ขุนศึกว่าพร้อมกับชูชามก๋วยเตี๋ยวที่แห้งเหือดไม่หลงเหลือน้ำซุปแม้สักหยดเดียวให้ป้าเจ้าของร้านดู ป้าเจ้าของร้านก็ยิ้มแก้มแทบปริกับการที่ขุนศึกกินก๋วยเตี๋ยวเขาไม่หลงเหลือแบบนี้ กินอย่างกับคนอดอยากแหนะ ฉันที่อดมื้อกินมื้อยังกินไม่หมดถึงแบบเขาเลย “ได้จ้า^_^”ป้าแม่ค้ารับคำก่อนจะหันไปทำก๋วยเตี๋ยวให้ขุนศึก เขาก็หันกลับมาฉีกยิ้มกว้างให้ฉันที่มองหน้าเขาอยู่ ฉันจึงรีบหลบตาเขาและลงมือทานก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อบ้าง โดยมีสายตาของขุนศึกมองฉันอยู่ตลอดเวลา พรึบ “ก๋วยเตี๋ยวเป็ดเส้นเล็กสองมาแล้วจ้า…” “ขอบคุณครับ…^_^”ขุนศึกเอ่ยขึ้นแววตาและน้ำเสียงของเขาเหมือนเด็กน้อยที่ดีใจเวลาได้ของเล่นอย่างงั้นแหละ เวอร์จริงๆ! พรึบ “?”ฉันมองหน้าขุนศึกพลางขมวดคิ้วงุนงงที่เขายื่นชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้ามาให้ฉัน เขาก็ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหู “ปรุงให้เราหน่อย….เอริปรุงน้ำซุปอร่อยที่สุด^_^”เขาว่าเสียงแจ๋ว ฉันก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางช้อนกับตะเกียบลงและเริ่มลงมือปรุงเครื่องปรุงพริกป่นน้ำตาลทรายน้ำปลาน้ำส้มสายชูตามที่ทางร้านจัดมาให้ใส่ลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของขุนศึก พรึบ “ชามนี้ด้วยครับ^_^”ขุนศึกว่าในขณะที่ฉันยื่นชามก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงเครื่องเสร็จแล้วให้เขาไป ฉันก็ปรุงอีกชามให้เขาโดยใส่เครื่องปรุงในปริมาณเท่าเดิม ขุนศึกก็กินก๋วยเตี๋ยวอย่่างเอร็ดอร่อยทั้งสองชาม พรึบ “คิดเงินด้วยค่ะ”ฉันเรียกป้าเจ้าของร้านให้มาคิดเงินเมื่อฉันกินก๋วยเตี๋ยวของฉันหนึ่งชามกับขุนศึกกินก๋วยเตี๋ยวสามชามเสร็จแล้ว “จ้า…”ป้าเจ้าของร้านรับคำและเดินมุ่งมาที่โต๊ะของฉันกับขุนศึกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พรึบ “ก๋วยเตี๋ยวเป็ดชามละห้าสิบบาท…สี่ชามสองร้อยบาทจ๊ะ^_^” พรึบ “เดี๋ยวเราจ่ายเอง…”ขุนศึกว่าอย่างอาสาโชว์ความเป็นป๋าและความรวย ฉันก็ไหวไหล่ให้เขา “มันแน่นอนอยู่แล้ว..”ฉันว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและเดินออกมาจากโต๊ะนั้นเลย โดยที่ขุนศึกยังควักกระเป๋าตังค์จ่ายให้ป้าเจ้าของร้านไม่เสร็จเลย ตึกๆๆๆๆๆๆ “เอริ” “ว่า?”ฉันหันไปมองหน้าขุนศึกที่วิ่งตามหลังฉันมาอย่างไวจนตอนนี้เขามาเดินเสมอกับฉันแล้ว “บ้านเธออยู่ไหน….เดี๋ยวเราไปส่ง^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มหวานแววตาหวานหยดย้อยอย่างหว่านเสน่ห์ฉันเต็มที่ “หึ….ฉันไม่อยากรับความหวังดีจากนาย” “แต่เราอยากไปส่งเธอจริงๆนะ…” “ไม่จำเป็น…นายกลับบ้านนายไปเถอะ..”ฉันบอกเขาและเริ่มเดินเรียบไปตามทางฟุตบาทโดยมีร่างของขุนศึกเดินตามมาด้วย “นี่นายจะไปไหน?” “เดินไปส่งเธอที่บ้านเธอไง…” “อยากเดินก็เรื่องของนาย…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปในขณะที่เราสองคนมากินก๋วยเตี๋ยวเป็ดได้เพราะฉันนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาโดยขุนศึกเองก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาด้วยเหมือนกันแต่คนละคันกับฉันน่ะ “ขากลับ…ไม่มีรถนะดึกๆแบบนี้น่ะ…”ฉันบอกเขาไปตามความจริงแวบหนึ่งฉันแอบเห็นหน้าของขุนศึกเหวอและซีดลงกับคำพูดของฉัน เพราะคนรวยๆแบบเขาคงไม่เคยเดินไกลๆแบบนี้ แต่สำหรับมันชินไปแล้วล่ะ “แล้วเธอเดินกลับดึกๆแบบนี้…ทุกๆวันไม่กลัวหรือไง?”เขาเอ่ยถามฉันพลางใช้แววตาอ่อนโยนมองฉัน ฉันก็ยิ้มให้เขา “ไม่…เพราะปกติฉันกลับเช้ามืด..มีรถวินวิ่งแล้ว..” “อ้าวแล้วทำไมวันนี้เธอถึงกลับตอนนี้ล่ะ?” “งานฉันไม่มีน่ะ” “เธอทำงานอะไรเหรอ?” “ทุกงาน…ที่ได้เงิน”ฉันตอบเขาไปตามความจริง ฉันทำทุกงานไม่หมิ่นเงินน้อยไม่อายทำกิน ฉันทำทุกงานยกเว้นการขายตัวแต่ต่อไปก็อาจจะไม่แน่ถ้าฉันยังอยากมีอนาคตที่ดีกว่านี้เเบบที่ฉันวาดฝันไว้….ฉันคงจะต้องเดินอาชีพที่ได้เงินดีเพื่ออนาคตของฉันแล้วล่ะวันต่อมามหาลัยEคลาสเรียน15:30น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน“ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขา
“เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”“อ้อ….เรื่องค่าเทอมน่ะ…เขาแจ้งว่าทางมหาลัยของเพิ่มค่าหน่วยกิต..”“เห้อ…เพิ่มอีกล่ะ…นี่เสี่ยก็บ่นฉันอุบแล้วเนี่ย..”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าหงุดหงิด ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆให้เธอ“เสี่ยให้เงินเดือนเธอ...เดือนละเท่าไหร่เหรอ?”“ก็สองสามแสนอ่ะ…แต่ค่าช้อปปิ้งต่างหากนะ^_^”“อืม…”“ถามทำไม…อย่าบอกนะ…ว่าสนใจจะเป็นอิหนูของเสี่ยแบบฉันบ้างน่ะ?”เพลงขวัญมองหน้าฉันทำแววตาลุกวาว เพราะเธอเคยชวนฉันให้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนเสี่ยๆของเธอแต่ฉันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง“บางที…ฉันก็ควรจะรู้และตัดสินใจได้แล้วถ้ามันอยู่ในเวลาที่ขับขันจริงๆ”ฉันตอบเพลงขวัญไป เธอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าให้กำลังใจเธอเอื้อมมือมาจับมือฉันเพื่อให้กำลังใจฉัน ใช่ฉันควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของฉันต้องเสียไปเพื่อแลกกับอนาคตของตัวฉันเองฉันก็จะไม่เสียใจหรอก…มั้ง…สนามบาสเกตบอล คณะบริหารธุรกิจ…18:30น.พรึบ“ฟิว!”“หะห๊ะ?”ฟิวที่กำลังเดินออกมาจากสนามบาสด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเหงื่อโทรมกายเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่ฉันมายืนรอและดักหน้าเขาทำให้เขาตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงของฉัน“นายรู้ไหมว่าคืนนี้…ขุน
ผับL 23:00น. เอริ ฐิติมน…. “เห้อ….เอาวะ…”ฉันสูดลมหายใจตัวเองเข้าปอดอึกใหญ่พลางมองสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองในกระจกภายในห้องน้ำของผับแห่งนี้ วันนี้ฉันอยู่ในชุดซีทรูลูกไม้สีขาวที่ปกปิดแค่หน้าอกและเป็นระบายลูกไม้ปิดแค่ท่อนเอวแต่โชว์หน้าท้องที่แบนราบของฉันและเอวคอดเนื้อผ้าตรงลูกไม้เป็นผ้าบางๆทำให้มองเห็นเนื้อสีขาวนวลของฉันได้อย่างชัดเจนขึ้นพร้อมกับสวมใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นสีซีดๆที่สั้นจนเห็นแก้มก้นของฉัน แล้วฉันก็สวมใส่รองเท้าส้นสูงสีขาวเพื่อทำให้คนตัวเล็กๆเตี้ยๆที่สูงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตรแบบฉันได้ดูสูงขึ้นมาอีกหน่อยฉันเลือกที่จะปล่อยผมสีน้ำตาลออ่อนที่ตรงยาวถึงกลางหลังเพื่อทำให้ฉันดูเป็นสาวสายเซ็กซี่เพิ่มขึ้นไปอีก พรึบ ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำมุ่งหน้าไปยังโต๊ะเก้าที่อยู่ชั้นล่างที่มีผู้คนพลุกพล่านกำลังยืนเต้นกระจัดกระจายไปตามหน้าเวทีที่มีดีเจสาวสุดเซ็กซี่แต่งกายด้วยชุดเกาะอกสีดำกำลังยืนเต้นนมกระเพื่อมอยู่อย่างเมามันส์ ฉันมองไปยังคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าก็พบกับผู้ชายที่ฉันกำลังตามหาอยู่ เขากำลังนั่งยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอยู่พลางขยับศีรษะไปตามเสียงเบสของเพลงมันส์ๆที่ดีเจสาวสวยประจำผับแห่ง
“ดะได้ครับ…”ขุนศึกเอ่ยรับรู้เสียงกระตุกถึงแววตาของเขาจะอยากถามฉันแต่เขาก็กลับที่จะไม่ถามฉัน เขาหันกลับไปชงเหล้าให้ฉัน“ขอแบบเข้มๆ”ฉันบอกเขาไป เขาก็หันมามองหน้าฉันและพยักหน้ารับรู้พรึบ“ขอบคุณ…”ฉันบอกเขาไปพลางยื่นมือไปรับแก้วเหล้าที่ขุนศึกส่งมาให้ฉัน ฉันก็กระดกเข้าปากเลย“อึกๆๆๆๆๆ”“เบาๆก็ได้เอริ….เดี๋ยวก็สำลักหรอก”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“อ๊าาาห์”ฉันร้องออกมาอย่างขมคอเพราะรอบนี้เหล้าเข้มตามที่ขอจริงๆพรึบ“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย…”ฉันวางแก้วเหล้าลงเพราะเริ่มสึกมึนๆแล้วและเอ่ยบอกขุนศึกไป ซึ่งรอบนี้เป็นรอบที่สี่แล้วสำหรับเหล้าที่ฉันขอให้ขุนศึกชงให้ฉัน“ไปกับฉันหน่อยได้ไหม?”“อ้อ…ได้สิ^_^”ขุนศึกว่าฉันจึงเม้มปากเป็นเส้นตรงและลุกขึ้นยืนทันทีโดยมีขุนศึกลุกขึ้นยืนบ้าง ฉันเซเล็กน้อยทำให้ขุนศึกรีบเข้ามาประคองร่างฉันไว้อย่างไวพรึบเราสบตากันในขณะที่ร่างของฉันอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของเขาแล้ว พรึบ“เราไม่ได้ตั้งใจจะแต๊ะอั๋งเธอ…”ขุนศึกว่าเสียงแผ่วเบากลัวว่าฉันจะเข้าใจเขาผิด เขาประคองร่างฉันให้ทรงตัวยืนเอง“ฉันเข้าใจ…ขอบคุณนะ…”ฉันว่าพลางยิ้มให้เขา เขาก็ยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเป็นเขาที่ผายมือเช
พรึบ“เอริ…”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงแผ่วเบาในขณะที่ร่างของฉันเข้าไปแนบชิดกับร่างกายของเขาของแล้ว“ฉันขอ…นายแค่…สี่แสน..”ฉันบอกเขาต่อพลางยื่นมือไปจับมือเขาให้มาวางแนบชิดไปกับหน้าอกของฉันที่มันกำลังตั้งชูชันท้าทายสายตาคู่คมของขุนศึกอยู่“สี่แสน?”ขุนศึกไม่ได้ดึงมือออกไปจากหน้าอกของฉัน แต่เขากลับเอ่ยถามฉันกลับมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าสงสัย ฉันก็มองหน้าเขาและขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เขาให้มากขึ้นจนแนบชิดกับริมฝีปากของเขาแต่ฉันเลื่อนไปที่ใบหูของเขาแทนเพื่อจะกระซิบบอกเขา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เริ่มทำงานให้เลือดในร่างกายของฉันสูบฉีดขึ้นใจของฉันเต้นแรงรัวระส่ำระส่ายไม่เป็นจังหวะ“ใช่….แค่ความสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้…แค่คืนเดียว….”ฉันเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ข้างหูของขุนศึกไปพลางจับมือเขาให้บีบคลึงเต้าอวบของฉันที่ฝ่ามือเขายังจับของฉันไม่ทั่วถึงเลย“อ๊าาาาห์…เอริ…”ขุนศึกครางเสียงกระเส่าเมื่อฉันไล่ปลายจมูกไปตามซอกคอของเขาที่มีกลิ่นหอมชวนปลุกใจของฉัน“อื้ออออ….นายตกลงรึเปล่า?”ฉันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“ระเราตกลง….แต่…”ขุนศึกว่าเสียงสั่นกระตุกพลางเว้นวรรคในการพูดทำให้ฉันผละใบหน้าออกมาจากซอกคอของเขาและมองหน้าเขา
“คำสัญญารึไง?”“เปล่าครับ….แต่เราจะทำมันจริงๆ”“และเธอไม่ต้องกังวลนะเรื่องค่าเทอม….เราจะเป็นคนจ่ายให้เธอเอง…”“ส่วนเรื่องงานที่เธอทำ….”“เธอไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อยแล้วนะ…”“เพราะถ้าเธอเป็นแฟนเราแล้ว….แฟนคนเดียว….เราเลี้ยงได้^_^”“หึๆๆ”ฉันหัวเราะแห้งๆออกมาก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง โดยมีสายตาของขุนศึกจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา พอฉันหันไปมองเขา เขาก็ทำแววตาอบอุ่นให้ฉันพร้อมกับยิ้มละมุนให้ฉันอีกด้วย….ฉันหวังว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของฉัน คงจะไม่ผิดหรอกนะถ้าเกิดวันหนึ่งฉันไม่ได้หลงรักคาสโนว่าตัวพ่ออย่างขุนศึกเข้าอย่างจริงๆ….เพราะถ้าฉันรักเขา คงจะเป็นฉันที่ไม่มีความสุขและผู้ชายที่เอาใจเก่งแบบขุนศึกก็คงจะไม่อยากที่ฉันจะเผลอใจไปรักเขาเข้าอย่างจริงๆสักวันวันต่อมา มหาลัยEห้องพักอาจารย์พรึบ“ค่าเทอมที่หนูค้างไว้กับค่าเทอมของเทอมหน้าค่ะ…”ฉันยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับอาจารย์ฝ่ายการเงินที่มีหน้าที่ดูแลจัดการค่าเทอมของนักศึกษาทุกๆคน อาจารย์มองหน้าฉันสลับกับซองสีน้ำตาลอย่างไม่อยากเชื่อว่าฉันจะมีเงินมาจ่ายค่าเทอมได้ครบตามกำหนดที่ท่านวางไว้จริงๆ“ขอบคุณนะจ๊ะ…ที่จ่ายครบพร้อมกับขอ
8ปีต่อมา บริษัท KA ห้องทำงานท่านประธาน… เอริ ฐิติมน.... พรึบ "วันนี้มีนัดทานข้าวกับนักลงทุนรายใหญ่นะคะ.."ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่วางเอกสารลงตรงหน้าของ เจ้านายของฉัน เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยใบหน้าที่อิดโรยเพราะเขานั่งทำงานตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน "เห้อ...." "เหนื่อยเหรอไง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปพลางยิ้มกริ่มให้เขาอย่างเอ็นดูกับท่าทางที่หงิกงอของเขา "เหนื่อยครับ...เหนื่อยมาก…วันๆนั่งอยู่แต่ตรงนี้ไม่ได้ลุกออกไปไหนเลย.." "ยิ้มอะไรครับ...เอริ.."ขุนศึกเอ่ยถามฉันพร้อมกับทำหน้ามุ่ย "ก็ยิ้มขำขุนไง..." "ขำขุน?"ขุนศึกว่าพลางชี้นิ้วไปที่ตัวเขาเองพลางทำสีหน้างงๆ "อืม..."ฉันพยายามกลั้นหัวเราะตอบเขาไป เขาก็มีสีหน้าบึ้งตึงใส่ฉันทันทีที่เห็นว่าฉันแอบหัวเราะกับท่าทางที่เป็นเด็กน้อยขี้อ้อนของเขา พรึบ "อะไรขุนศึก?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างหวาดระแวงกับท่าทางที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงที่พร้อมจะพุ่งตัวเข้ามาหาฉันของเขาและสายตาเจ้าเล่ห์นั่นอีก รอยยิ้มที่มุมปากแบบนี้ "หึๆแม่กวางตัวน้อย"ขุนศึกเอ่ยเสียงทุ้มพลางมองหน้าฉันและร่างกายของฉันด้วยสายต
พรึบและมีเหรอที่ขุนศึกคนเจ้าเล่ห์จะปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เขาประกบริมฝีปากของฉันทันทีและจัดการดูดดื่มริมฝีปากของฉันอย่างอ้อยอิ่งมือหนาของขุนศึกเริ่มซุนซนลูบไล้ไปตามสีข้างทั้งสองข้างของฉัน ฉันก็ใช่ย่อยจูบตอบเขาและยื่นมือไปลูบไล้เรือนร่างที่สุดแสนจะเพอร์เฟคของเขาผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางของเขาเช่นกัน"อื้อออ..."เสียงหวานของฉันครวญครางออกมาเมื่อขุนศึกได้ยื่นมือหนาของเขาไปหาความเป็นสาวของฉันที่อยู่ภายใต้กระโปรงสั้นๆของฉันเรียบร้อยแล้ว "อื้อ...ขุน...อ๊ะ...ตอนนี้ไม่ได้นะ..ขุนต้องกลับไปแต่งตัวอื้อออ.."ฉันพูดไปพลางครางเสียงกระเส่าด้วยความเสียวไปด้วยเมื่อโดนปลายนิ้วเรียวของขุนศึกลูบไล้ใจกลางความเป็นสาวของฉันผ่านจีสตริงตัวจิ๋วเพียงตัวเดียวที่ปกปิดความเป็นสาวของฉันอยู่ เพราะชุดกระโปรงที่ฉันใส่มันเป็นกระโปรงรัดรูปจะใส่กางเกงชั้นในแบบธรรมดาไม่ได้เพราะมันจะเกิดเป็นรอยนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด"จริงเหรอ...แต่HEEของริ...มันพร้อมมากเลยนะ...คะ…คนดีของขุน…”ขุนศึกว่าเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูของฉันพลางเป่าลมรดต้นคอของฉันทำให้ฉันสยิวและทำหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านพรึบ"ขุน!"ฉันเรียกเขาเสียงแข็งเมื่อขุนศึกจั
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร