วันต่อมา
16:30น. ห้องพักอาจารย์ มหาลัย E เอริ ฐิติมน…. พรึบ “เทอมนี้ทางมหาลัยขอเพิ่มค่าหน่วยกิตนะคะ….นางสาวฐิติมน…” “ค่ะ…อาจารย์”ฉันสบตากับอาจารย์พลางเอ่ยรับคำของท่านไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แต่หนูขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามท่านต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆ “ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ?…นี่เธอคิดว่าเป็นการเล่นขายของอย่างงั้นเหรอ?”อาจารย์เอ่ยถามฉันเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ “นี่มันมหาลัยอินเตอร์นะ!”เสียงตะโกนของอาจารย์ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ “ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทั้งยอดเก่าจากการค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วกับค่าของหน่วยกิตในเทอมนี้..” “ฉันคงต้องให้คุณดรอปเรียนไว้ก่อน…” “แต่อาจารย์คะ…”ฉันกำลังจะเอ่ยแย้งอาจารย์ “ฉันให้เวลาเธอสามวัน….ค่อยเข้ามาหาฉันอีกที…”แต่อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเรียบตรึงตอบฉันกลับมาซะก่อน “เชิญ…”อาจารย์เอ่ยบอกฉันพลางยกมือผายไปทางประตูของทางออกห้องพักอาจารย์ “ค่ะ…สวัสดีค่ะอาจารย์…”ฉันยกมือไหว้อาจารย์ท่านไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่อย่างใด ก็เป็นอย่างนี้แหละที่คนจนๆอย่างฉันที่ยังจะดื้อดันทุรังตัวเองให้มาเรียนในรั้วมหาลัยอินเตอร์แบบนี้ ที่ฉันเลือกเรียนที่นี้ก็เพื่ออนาคตฉันจะได้มีงานดีๆทำมีเงินเดือนหกหลักอัพแต่กว่าจะไปถึงวันนั้นฉันคงจะหมดแรงหรือไม่ก็หมดกำลังใจที่จะเดินต่อสู้กับค่าเทอมต่อไปแล้วล่ะ พรึบ ฉันหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้นั่งด้านข้างของสวนในรั้วมหาลัยอินเตอร์อย่างคนที่หมดแรงและหมดหนทางที่จะไปต่อ “เห้อ….ถ้าทำงานมากกว่านี้…มีหวังฉันไม่มีเวลานอนแน่…”ฉันพึมพำขึ้นเมื่อหยิบสมุดโน้ตของตัวเองออกมาเพื่อดูตารางงานของฉันในแต่ละวันว่าคิวงานพาร์ทไทม์ของฉันทำที่ไหนเวลาไหนถึงเวลาไหนและค่าจ้างในแต่ละวันที่ฉันจะได้รับเอามาคิดคำนวณกับเงินรวมทั้งหมดว่าจะพอจ่ายค่าเทอมไหม พรึบ “อ่ะ….” “?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือที่ถือขวดน้ำเปล่าเย็นๆที่ยื่นมาให้ฉันด้วยท่าทางสงสัยก่อนจะมองสูงขึ้นไปเพื่อมองหน้าของคนคนนั้น “ขุนศึก?” “ใช่…ดีใจนะที่เธอจำเราได้ด้วย^_^”เขาว่าพลางหมุนเปิดฝาขวดน้ำเปล่าพร้อมกับใส่หลอดดูดเสร็จสรรพและยื่นมาให้ฉันอีกครั้ง “มองเธอดูเหนื่อยๆดื่มน้ำก่อนดิ…เผื่อจะทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง”ขุนศึกว่าพลางยิ้มละมุนให้ฉันอย่างหว่านเสน่ห์เพราะฉันไม่ยอมยื่นมือไปรับขวดน้ำเปล่ามาจากเขา เป็นอันแสดงว่าฉันไม่ยินดีรับไมตรีที่เขายื่นให้ “ไม่อ่ะ…นายดื่มเองเถอะ..”ฉันบอกเขาและละสายตาจากร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยออกจากกางเกงสแลคสีดำขาเต่อผ้าเนื้อดีแถมปลดกระดุมสองเม็ดบนอวดหน้าอกสีขาวรองเท้าก็รองเท้าผ้าใบรุ่นดังที่เป็นของแบรนด์เนมสีดำผมเผ้าเซตขึ้นเป็นทรงเท่ๆรับกลับโครงหน้าหล่อของเขาให้ดูแบดขึ้นไปอีก ที่หูข้างซ้ายของเขาก็ใส่ต่างหูห่วงสามอันเรียงตัวกันที่ติ่งหูขึ้นไปพรึบ“ขอนั่งด้วยคนนะ^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มร่าให้ฉันอย่างคนที่ไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉันหันขวับกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่องที่เมื่อฉันไม่ยอมรับน้ำดื่มจากเขา เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตัวฉันทันทีแถมใกล้ชิดร่างฉันอีกด้วยพรึบฉันขยับหนีเขาเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งเขาก็ไหวไหล่เล็กน้อยกับอาการและท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนของฉันที่มีต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากฉันทั้งๆที่คนอย่างฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เขา“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมา“เห้อ!”และเสียงผ่อนลมหายใจของคนข้างๆก็ตามมาติดๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที เขาก็ทำเป็นยิ้มหวานจนแก้มปริตาปิดให้ฉัน ทำให้ฉันนึกไม่พอใจเขาที่กล้าล้อเลียนอารมณ์ฉันในตอนนี้ ใช่สิคนรวยๆแบบเขาจะไปเข้าใจอะไรกับคนจนๆอย่างฉันล่ะ“ไม่มีเรียนรึไง?”“ถึงได้มานั่งเลียนแบบท่าทางคนอื่นแบบนี้น่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้เลย แต่เขากลับทำท่าทางเลียนแบบอิริยาบถของฉันทุกอย่างแม้กระทั่งการนั่งไขว่ห้าง“แล้วเธอไม่มีเรียนเหรอ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับทำหน้ากวนและถามฉันกลับทำให้ฉันมองหน้าเขาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องตอบนาย..”ฉัน
“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…!“เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วมั้ง….พรึบจิ้มๆๆๆๆ“อื้อ…”ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญที่มีมือนิ่มๆของใครสักคนมาจิ้มๆที่แขนของฉันที่นอนฟุบหน้าลงไปกับเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยความเคร่งเครียดและหมดหนทางที่จะไปต่อกับชีวิตต่อจากนี้พรึบ“พอดีว่า….ผมหิวข้าวน่ะครับ…”เสียงเล็กแหลมของผู้ชายเอ่ยขึ้นเป็นน้ำเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเขาพยายามดัดเสียง ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปเพราะนี้เป็นเวลางานฉัน ฉันจะมาอู้แบบนี้ไม่ได้พรึบฉันขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมทันทีเมื่อพบกับพี่หมีตัวสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีหน้าตาน่
“เอาอันนี้เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปทันทีที่เขาชี้นิ้วอ้วนไปที่กล่องอาหารในตู้แช่ พรึบ พรึบ เขาพยักหน้าตอบฉัน ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปเปิดประตูตู้เเช่เพื่อหยิบกล่องอาหารที่พี่หมีเลือกออกมา “ข้าวหมูทอด^_^”ฉันอ่านชื่ออาหารและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่หมีแล้วยิ้มกริ่มออกมาเขาก็ยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเองทำท่าเขินอายอย่างน่ารักๆพรึบ“สองกล่องเหรอ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีตัวโตน่ารักไปที่เขาทำมือชูสองนิ้วให้ฉันดูพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง“เดี๋ยวฉันเอาไปเวฟให้นะคะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มและเดินหลีกร่างเขามาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์และจัดการใส่กล่องข้าวหมูทอดทั้งสองกล่องเข้าไปในเตาอบไมโครเวฟเพื่อทำให้อาหารสำเร็จแช่แข็งพร้อมกินพรึบ“รอสักครู่นะคะ…”ฉันเงยหน้าจากเตาอบมาบอกพี่หมีตัวใหญ่ เขาก็พยักหน้ารัวๆฉันก็ยิ้มบางๆให้เขาและถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างคนที่หมดหนทางที่จะสู้ต่อแล้วจริงๆพรึบฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาเปิดหน้าจอเข้ากูเกิลเสิร์ชหางานที่ทำแล้วได้เงินไว้ภายในสามวัน แต่จำนวนเงินของฉันมันไม่ใช่
“เป็นอะไรรึเปล่าเอริ!”เสียงตกใจของผู้ชายดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโยนอะไรที่หนักๆทิ้งลงพื้นพร้อมกับแรงสัมผัสที่มาจับมือทั้งสองข้างของฉันไปดูร่องรอยของความร้อนที่ลวกหน้ามือฉันด้วยความตกใจและความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด“ขุนศึก?”ฉันเอ่ยเรียกผู้ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูมือฉันที่เริ่มเป็นรอยแดงที่เกิดจากความร้อนแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาห่วงใย“แปปหนึ่งนะ…เดี๋ยวเราไปเอาของเย็นๆมาประคบให้เธอ….”เขาว่าพร้อมกับพาร่างที่อุ้ยอ้ายในชุดพี่หมีแบร์ยักษ์สีขาวที่ถอดหัวตุ๊กตาหมีออกไปแล้วเดินมุ่งไปเอาอะไรสักอย่างที่ชั้นวางของพร้อมกับผ้าเย็นสีขาวกับน้ำแข็งที่ทางร้านของฉันมีขายเมื่อได้ของครบแล้วเขาก็เดินกลับมาหาฉันพรึบ“มานี้….”เขาว่าพลางจับมือฉันและเดินพาฉันออกไปทางด้านหลังของร้านที่มีทางออกอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ฉันยืนอยู่“ทำไมทำอะไรไม่ระวังเลยอ่ะ…เอริ…”ขุนศึกบ่นอุบขึ้นเมื่อเขาพาฉันมานั่งลงที่โต๊ะม้านั่งไม้ตัวยาวเหมาะสำหรับคนสองคนนั่งได้ เขาก็ถือวิสาสะจับมือทั้งสองข้างของฉันที่โดนลวกไปดูและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขานิ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆให้ฉันแบบยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนก่อนจะก้มหน้าล
00:30น.ร้านก๋วยเตี๋ยวซอยบ้านเอริติดถนนใหญ่เอริ ฐิติมน….พรึบ“ป้าคะ….ขอเป็นเส้นเล็กเป็ดสองชามนะคะ”“จ้า….ไปนั่งรอก่อนนะ…”“ค่ะ^_^”ฉันเอ่ยรับคำป้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร้านประจำที่ฉันมักจะมากินก่อนกลับเข้าแฟลตทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันแต่ที่แปลกไปจากทุกครั้งคือ ครั้งนี้ฉันมีเพื่อนมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยน่ะสิ“คันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปทันทีที่เดินมานั่งลงบนโต๊ะเดียวกับเขาที่นั่งรอฉันที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาและมองว่าเขาเริ่มเอามือเกาไปตามแขนของเขาที่ตอนนี้เขาได้ถอดชุดหมีออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกางเกงผ้าสแล็คสีดำ“ใช่….สงสัยจะแพ้ขนหมีน่ะ…”เขาว่าพลางเงยหน้าหล่อๆของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับมีผื่นขึ้นไปทั่วทั้งใบหน้าและท่อนแขนขาวของเขาที่มองออกง่ายเพราะเขามีผิวที่ขาวใสยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก“เเพ้ขนหมี?”ฉันทวนคำพูดเขาไปอย่างสงสัย“ครับ….พอดีเราแพ้พวกขนน่ะ…”ขุนศึกว่าพลางทำสีหน้าแหยๆ“รู้ว่าแพ้….แต่ก็ยังจะใส่มา?”ฉันพูดสวนกลับไปทันที“ก็….”เขากำลังจะหาข้ออ้าง“ลงทุนมากเลยนะ….กับการจีบฉันเนี่ย?”ฉันว่าอย่างรู้ทันทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันและยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็
“โอเค…”ฉันพยักหน้ารับคำเขาก่อนจะเอาช้อนกลับมาและวางลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของฉันและหันมาปรุงรสให้ชามของขุนศึกพรึบ“อ่ะ….”ฉันว่าพร้อมส่งชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดที่ปรุงแต่งรสชาติเสร็จแล้วยื่นไปตรงหน้าของขุนศึก“ขอบคุณครับ^_^”เขายิ้มให้ฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำของฉัน ฉันก็เลิกสนใจเขาและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวในชามของฉันบ้างเพราะฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ยพรึบ“เธอมากินที่นี้บ่อยเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันกำลังแอบมองใบหน้าหล่อของเขาที่ก้มหน้าซู๊ดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆทำให้ฉันตกใจเลิ่กลั่กรีบก้มหน้ากลับมากินก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อ นี่ฉันเผลอไปแอบมองเขาได้ยังไงกันเนี่ย!!พรึบ“อื้อ….ฉันกินทุกวันก่อนกลับเข้าแฟลต”ฉันตอบเขาไปตามความจริง เขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปมองป้าเจ้าของร้านที่ยืนประจำตำแหน่งหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่กำลังมีควันลอยขึ้นสู่อากาศบ่งบอกได้ว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในหม้อกำลังเดือดปุดๆและส่งกลิ่นหอมยั่วยวนไปทั่วทั้งบริเวณนี้เรียกน้ำย่อยและน้ำลายของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ให้แวะเข้ามากินได้เป็นอย่างดี“คุณป้าครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ
วันต่อมามหาลัยEคลาสเรียน15:30น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน“ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขา
“เมื่อวานอาจารย์เรียกเธอไปทำไมเหรอ?”“อ้อ….เรื่องค่าเทอมน่ะ…เขาแจ้งว่าทางมหาลัยของเพิ่มค่าหน่วยกิต..”“เห้อ…เพิ่มอีกล่ะ…นี่เสี่ยก็บ่นฉันอุบแล้วเนี่ย..”เพลงขวัญว่าพลางทำสีหน้าหงุดหงิด ฉันก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มบางๆให้เธอ“เสี่ยให้เงินเดือนเธอ...เดือนละเท่าไหร่เหรอ?”“ก็สองสามแสนอ่ะ…แต่ค่าช้อปปิ้งต่างหากนะ^_^”“อืม…”“ถามทำไม…อย่าบอกนะ…ว่าสนใจจะเป็นอิหนูของเสี่ยแบบฉันบ้างน่ะ?”เพลงขวัญมองหน้าฉันทำแววตาลุกวาว เพราะเธอเคยชวนฉันให้ไปทำความรู้จักกับเพื่อนเสี่ยๆของเธอแต่ฉันก็ปฏิเสธเธอไปทุกครั้ง“บางที…ฉันก็ควรจะรู้และตัดสินใจได้แล้วถ้ามันอยู่ในเวลาที่ขับขันจริงๆ”ฉันตอบเพลงขวัญไป เธอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าให้กำลังใจเธอเอื้อมมือมาจับมือฉันเพื่อให้กำลังใจฉัน ใช่ฉันควรจะตัดสินใจได้แล้ว เพราะศักดิ์ศรีของฉันต้องเสียไปเพื่อแลกกับอนาคตของตัวฉันเองฉันก็จะไม่เสียใจหรอก…มั้ง…สนามบาสเกตบอล คณะบริหารธุรกิจ…18:30น.พรึบ“ฟิว!”“หะห๊ะ?”ฟิวที่กำลังเดินออกมาจากสนามบาสด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเหงื่อโทรมกายเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่ฉันมายืนรอและดักหน้าเขาทำให้เขาตกใจกับการมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงของฉัน“นายรู้ไหมว่าคืนนี้…ขุน
"ยังมีอีกคน"แก้มหวานว่าพร้อมกับตบมือขึ้นสามครั้ง ฉันก็เงยหน้าไปมองเธอและก็มีผู้ชายผมเผ้ารกรุงรังหัวฟูสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอะไรไม่รู้สีดำฟันของมันดำทุกซี่ หน้าตาเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนมันกำลังเดินมาหาฉันด้วยท่าทางที่เหมือนคนไม่เต็มเต็งอย่าบอกนะว่าเป็นคนสติไม่ดีเป็นคนบ้า"ผัวแกก็มีคนบ้าด้วย..ลูกแกต้องเกิดมาเป็นบ้าแน่เลยฮ่าๆๆๆๆๆ"แก้มหวานเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจฉันก็กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และโกรธเธอคนนี้คนที่ฉันไม่เคยคิดที่จะโกรธ แต่ครั้งนี้ฉันโกรธเธอและจะไม่มีวันให้อภัยเธอเด็ดขากเพราะเธอคิดไม่ดีกับลูกของฉัน ฉันไม่ยอม!!!!!"เจ๊ให้พวกผมก่อน.....ผมไม่อยากใช้ของต่อจากไอ้บ้านี้!!"ชายคนหนึ่งที่จับขาฉันยึดไว้หันไปบอกแก้มหวาน"ได้....ไอ้บ้าแกออกมาก่อน!!"แก้มหวานรับคำชายชุดดำก่อนจะหันไปเอ่ยบอกคนบ้า คนบ้าก็เหมือนจะพูดรู้เรื่องและมันก็หยุดอยู่กับที่"ให้พวกกูก่อน....เสร็จแล้วค่อยคิวมึง"ชายคนที่ถือเข็มฉีดยาเอ่ยขึ้น ตอนนี้มันนำยาไปไว้ในเข็มแล้วและมันก็ดันก้นสปริงออกมานิดหน่อยทำให้ตัวยาที่อยู่ด้านบนพุ่งออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะเดินมาหาฉันพร้อมกับทำส
"เปล่าหรอก......ที่ผู้ชายเขาไม่เลือกเธอมันเป็นเพราะนิสัยของเธอมากกว่าล่ะแก้มหวาน""นิสัยของเธอ.....ลองมองย้อนดูกลับไปว่าอะไรที่เราสองคนไม่เหมือนกัน""นี่แกจะบอกว่านิสัยแกดีกว่าฉันเหรอ?"แก้มหวานกดเสียงต่ำจ้องฉันด้วยแววตาแข็งกร้าวกว่าเดิม เธอพร้อมที่จะประทุอารมณ์ใส่ฉันได้ทุกเมื่อ"ไม่ใช่.....ฉันแค่อยากจะบอกว่าบางทีทัศนคติหรือความชอบความคิดเห็นสองผู้ชายสองคนนั้นไม่ตรงกับเธอ""แต่มาตรงกับฉันมากกว่า"ฉันเอ่ยออกไปอย่างในความคิดฉันจริงๆแต่ดูเหมือนคำพูดของฉันจะทำให้แก้มหวานไม่พอใจฉันเพิ่มขึ้นไปอีกดูจากการจับเส้นผมของฉันดึงก็รู้ได้เพราะว่าเธอดึงมันแรงขึ้นจนฉันรู้สึกเจ็บจี๊ดไปที่ศีรษะนาทีนี้ฉันไม่ควรจะยั่วโมโหแก้มหวาน เพื่อความปลอดภัยของตัวฉันเองและลูกในท้องของฉัน"หึ.....เข้าข้างตัวเองจริงๆนะ.....ถ้าแกไม่ให้ท่าเควินเขาก็ไม่มีวันสนใจแกหรอก""เขาเชื่อฟังฉันและเอาใจฉันมาตลอดแต่พอมีเเกเข้ามายุ่มย่ามในชีวิตของเขา.....เขาก็เปลี่ยนไป""เขาทำตัวห่างเหินกับฉันไม่เหมือนเมื่อก่อน.....เควินชีวิตของเขาไม่เคยได้รู้จักผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ....เขาเลยไม่รู้ว่าผู้หญิงน่ะมันตอแหล!!!""เหมือนเธอไงเอริ.....ทำตัวใ
ฉันก็มองจ้องเธอเขม่น แววตาสั่นไหวอย่างไม่ไว้ใจเธอ"แกมีผัวอยู่แล้วและยังจะมายุ่งกับผัวคนอื่นอีกทำไม!!"แก้มหวานตะโกนใส่หน้าฉันสีหน้าและแววตาของเธอที่จ้องมองมาที่ฉันเเปรเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวและไม่พอใจและเธอก็เอื้อมมือมาจับผมของฉันพร้อมกับออกแรงกระชากจนหน้าฉันหงายไปข้าง"โอ้ย!""เธอพูดเรื่องอะไรแก้มหวาน.....ฉันไม่เคยไปยุ่งกับสามีของใคร"ฉันเอ่ยบอกแก้มหวานไปพร้อมกับน้ำตาแอบเล็ดไปด้วยเพราะฉันรู้สีกเจ็บที่หนังศีรษะมาก เพราะแก้มหวานเธอดึงผมฉันแรงมากแรงเหมือนอยากจะดึงมันให้ขาดออกไปจากหนังศีรษะฉันฉันก็ใช้มือของตัวเองมั้งสองข้างมาจับมือของแก้มหวานที่จับผมฉันไว้ให้เธอปล่อยผมฉันแต่เธอก็ยิ่งกำมันและออกแรงดึงมันให้แรงขึ้นแรงขึ้นและแรงขึ้น"ยังจะมาตีหน้าซื่ออีกเหรอแกนี่มันมารยาสาไถยจริงๆ""ไม่เข้าใจว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงแบบแกลงไปได้ยังไง"แก้มหวานเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาดูถูกฉัน ฉันก็จ้องมองเธอด้วยความงุนงงว่าเธอพูดถึงใครกันและใครกันที่ฉันไปแย่งสามีเขามาเท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนเลยนะ ไม่ว่าจะที่ทำงานหรือที่ไหน"แกแย่งผู้ชายที่ฉันรักไปทั้งสองคน......""และก็เป็นแกที่ท
"ไอ้จอม?"ผมหันไปทันทีที่ได้ยินเสียงที่ผมโคตรจะไม่อยากได้ยิน แต่ก็ต้องได้ยินเพราะพี่ชายต่างแม่ของผมกำลังยืนมองหน้าผมอยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ หน้าตามันโคตรกวนตีน ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งหงุดหงิด ยิ่งหงุดหงิดก็ยิ่งเกลียดมัน "มึงมาทำไม?"ผมถามมันไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างชัดเจนว่าผมไม่อยากเจอมัน "กูมาหาเอริ..."มันตอบผมมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นกันแต่หน้าตาโคตรกวนประสาท ผมเกลียดชี้หน้ามันชิบหาย เพราะมันพ่อถึงไม่เคยรักผม "แล้วมึงมาทำอะไรที่นี่หรือว่า....มึงอยู่กับริเหรอ?"มันถามผมมาพลางชี้มาที่ผมด้วยหน้าตาเหมือนหมาสงสัย "เอ่อกูกับริกำลังมีลูกด้วยกัน.....แค่นี้มึงก็ควรจะรู้ได้แล้วนะว่าเลิกยุ่งกับเมียกูสักที"ผมอ่ยบอกไอ้จอมไปเสียงเเข็ง มันก็มองมาที่ผมด้วยสายตาตกใจแต่แวบหนึ่งผมก็เห็นเหมือนสายตาเป็นประกายในดวงตาคู่สวยของมันแต่ผมไม่มั่นใจเพราะเห็นแค่กระพริบตาเดียวเท่านั้น ที่ผมพูดกันท่าแบบนี่ทั้งที่ผมเองก็รู้ตัวดีว่าผมไม่มีสิทธิ์แต่ผมไม่อยากให้เอริคบกับไอ้จอม เพราะไอ้จอมมันก็เจ้าชู้ไม่ต่างจากผม มันน่ะ......เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมไม่อยากให้ริต้องกลับไปเจ็บแบบที่เคยเจ็บมาอีกแล้ว.....ผ
เธอก็บอกว่าจะไม่แก้แค้นอะไรผมอีกแล้ว แต่ขอสู้คดีให้ถึงที่สุด ถ้าผมแพ้ ผมก็ต้องยอมรับชะตากรรม เธอบอกว่าถือเสียว่าผมชดใช้กรรมให้เธอ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผมมั่นใจว่าผมจะไม่แพ้คดีนี้แน่ ผมรีบเดินออกมาจากห้องและเดินไปยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องของเควิน ที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าคอนโดนี้เควินเป็นเจ้าของ โดยมันให้เอริอยู่ห้องมันฟรีๆดูก็รู้ว่ามันชอบเอริ และจ้องจะเคลมเธอและที่ผมรู้ไปกว่านั่นอีกคือเควินเป็นลูกชายของผู้ชายที่แก้มหวานแต่งงานด้วยออดดดดดดดดดดดดผมกดออดห้องของเควินอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้ผมสักที สงสัยมันจะไม่อยู่จริงๆหรือมันจะออกไปกับเอริ"ขอให้แน่ใจหน่อยจะได้หมดห่วง"ผมพูดออกมาอย่างยอมรับชะตากรรมถ้าเอริจะชอบผู้ชายคนนี้ผมก็คงจะไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางอะไรเธอ เพราะผมกับเธอมีหน้าที่เป็นพ่อแม่ของลูกเท่านั้น ส่วนสถานะอย่างอื่นเราก็เป็นเพื่อนกันผมเดินเข้าลิฟต์ไปยังชั้นล่างและเดินมุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์ของประชาสัมพันธ์ที่มีไว้ต้อนรับลูกค้าและดูแลคนที่อยู่ในคอนโคนี้"ผมขอเบอร์คุณเควินหน่อยได้ไหมครับ""พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับเขาน่ะครับ"ผมเอ่ยบอกพนักงานผู้หญิงที่ทำหน้าที่ประ
คอนโดเควินห้องของเอริ19:00น.ขุนศึก ขุนณรงค์...."ริไปไหนเหรอครับป้าบัว....มืดแล้วยังไม่เห็นกลับมาเลย?"ผมเอ่ยถามป้าบัวไปในขณะที่ท่านกำลังเก็บจานข้าวที่ผมเพิ่งกินเสร็จอยู่ที่จริงผมนั่งชะเง้อคอมองเอริมาตั้งแต่ที่เห็นเธอแต่งตัวออกไปตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็นแล้ว กะว่าเธอไปแค่แปปเดียวก็คงจะกลับเพราะไม่เห็นเธอบอกผมว่าเธอจะไปไหน"เห็นว่าออกไปหาเพื่อนนะคะ....คุณขุนศึกมีอะไรหรือเปล่าคะ?""อ้อเปล่าครับ.....ผมเห็นว่ามันเริ่มมืดแล้ว....."ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างเป็นห่วงสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาเพราะเอริเป็นผู้หญิงและกำลังท้องอยู่ด้วยไม่น่าจะออกไปข้างนอกคนเดียวแบบนี้นะหรือว่าเธอจะออกไปหาเพลงขวัญ"ลองโทรหาดูไหมคะ.....""เดี๋ยวผมโทรเองครับป้า....ขอบคุณมากนะครับ""โอเคค่ะงั้นป้าขอตัวไปดูคุณหญิงก่อนนะคะ""ครับป้า.....เดี๋ยวผมรอริสักพักก็จะเข้าไปดูคุณแม่นะครับ""ค่ะ.....เดี๋ยวป้านอนเฝ้าคุณหญิงเองค่ะ....คุณขุนศึกไปนอนพักผ่อนเถอะค่ะ""ครับ....ขอบคุณมากนะครับ"ผมเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างซาบซึ้งใจที่ท่านดีกับผมและคุณแม่ของผมจากใจจริงท่านไม่คิดที่จะทอดทิ้งผมและคุณแม่......ในความโชคร้ายของผมก็ถือว่ายังมีโชคดีอยู่บ้างที
"กะจะเผาทั้งเป็นแม่ของขุนศึกเลยนะ""เธอร้ายกาจมากมากจนฉันอยากรู้ว่าแก้มหวานแค้นอะไรขุนศึกมากมายขนาดที่จะฆ่าจะแกงกันได้"นามิเอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจและอยากรู้มากๆ"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทั้งสามคนในเมื่อก่อนมันจะเป็นต้นเรื่องที่ทำให้แก้มหวานแค้นฉันขนาดนี้ไหม"ฉันเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบามันถึงเวลาแล้ว ที่ฉันจะต้องไปเผชิญหน้าและถามแก้มหวานตรงๆว่าสิ่งที่เธอทำงไปในตอนนี้ เพราะอยากจะเอาคืนขุนศึกที่เขาทำกับเธอตอนที่เธอเรียนอยู่มหาลัยใช่ไหมเพราะสิ่งที่ขุนศึกไม่ตั้งใจในคราวนั้นแต่กลับทำให้คนที่ถูกกระทำเครียดแค้นเอาเป็นเอาตายขนาดนี้"ฉันขอตัวก่อน"ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงนามิก็ลุกขึ้นพรวดพราดตามฉันมาทันทีด้วยความตื่นตกใจ"เธอจะไปไหนไม่เอาหลักฐานแล้วหรือไง""ไม่แล้วล่ะ....ฉันไม่ต้องการมันแล้ว"ฉันเอ่ยบอกนามิไปก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินและจำ้อ้าวเดินออกมาจากร้านอาหารนี้อย่างไวตอลดทางเดินฉันหยิบโทรศัพท์ไอโฟนเครื่องแพงของตัวเองขึ้นมากดดูบันทึกรายการบันทึกเสียงฉึก"โอ้ย!!"ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและความเจ็บปวดที่แล่นแวบเข้ามาที่ก้านคอของฉันฉันจึงรีบเอามือไปคลำดูก็พ
"ฉันเลยเตรียมของมาให้เธอได้พิสูจน์....ว่าฉันไม่โกงเธออย่างแน่นอน"ฉันก็มองหน้านามิอย่างจ้องเขม็งและสงสัยในสิ่งที่เธอพูด เธอเตรียมอะไรมาให้ฉันพิสูจน์"ในรถฉันมีโน้ตบุ๊กอยู่....เธอจะไปดูมันกับฉันไหมล่ะ?"นามิเอ่ยถามฉันมา ฉันก็จ้องเธออย่างไม่วางใจ"ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจะไปทำอะไรเธอได้.....?"เธอก็เอ่ยออกมาเสียงใสอย่างรู้ทันความคิดของฉัน"ในนั้นมีหลักฐานทั้งหมดจริงๆใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามนามิไป เธอก็ยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉัน"หลักฐานที่แก้มหวานโกงบริษัทของคุณหญิงนฤมิตรจนทำให้ทั้งคุณหญิงและขุนศึกต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นคนคดโกง""ใช่...."นามิตอบมาเสียงดังฟังชัด ฉันก็ทำหน้านิ่งเฉยและเอ่ยถามเธอต่อไป"แก้มหวานเป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด......ทั้งเรื่องที่โยนความผิดว่าคุณหญิงนฤมิตรฟอกเงินที่ผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน""เป็นคนต้นคิดการเทรดเงิน....โดยใช้การเทรดเงินเป็นเบื้องหน้าให้คุณหญิงนฤมิตรตายใจและให้คุณหญิงเปิดบัญชีเป็นชื่อของท่านเพียงคนเดียวและนำเงินที่ฟอกมาทั้งหมดโอนใส่ไปในบัญชีของคุณหญิง"นามิเอ่ยออกมา ฉันก็จ้องมองหน้าเธอด้วยท่าทางนิ่งเฉย ฉันต้องทำ
"เธอเป็นใคร"ฉันเอ่ยถามปลายสายที่เป็นเสียงผู้หญิงออกไปน้ำเสียงของปลายสายฟังดูคุ้นหูฉันมาก (นามิเอง....) "นามิ....เธอมีอะไรกับฉัน" (ฉันมีเรื่องเกี่ยวกับขุนศึกอยากปรึกษาเธอ) "เรื่องอะไร?" (หลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีที่ขุนศึกเจออยู่ในตอนนี้.....ถ้าได้หลักฐานอันนี้ไปเขาพ้นคดีแน่) "แล้วเธอไปเอามาจากไหน?"ฉันเอ่ยถามนามิไป ในใจฉันสงสัยและไม่เข้าใจเธอว่าเธอจะช่วยขุนศึกทำไม ในเมื่อก่อนหน้านี้เรื่องของสองคนนี้จบกันไม่ดีเท่าไหร่ อาจจะมองหน้ากันไม่ติดถึงขั้นเกลียดขี้หน้ากันเลยก็ได้ (ฉันโดนนังแก้มหวานหักหลัง....มันเป็นคนต้นเรื่องทั้งหมด) (ฉันพูดจริงๆเอริ....ตอนนี้ฉันกับแม่กำลังเดือดร้อน....ฉันขอขายหลักฐานของขุนศึกให้เธอในราคาสิบล้านก็ได้) (ฉันกับแม่จะใช้เงินก้อนนี้เป็นก้อนหลบหนีนังแก้มหวาน) (มันราวีชีวิตของฉันกับแม่ไม่เลิกนะเอรินะ) (นังแก้มหวานมันสั่งให้ฉันเข้าไปตีสนิทก้บขุนศึกมันอยู่เบื้องหลังทุกอย่างทั้งเรื่องที่คุณหญิงโดนฟ้องว่าฟอกเงิน....การเทรดหุ้นที่ไม่เอาเงินไปเทรดแต่เอาไปใช้เอง....ตลาดหุ้นที่ผิดกฏหมาย) (นังแก้มหวานมันเป็นคนวางแผน....ฉันมีคลิปวิดีโอในการคุยของฉันกับมันในตอนที่มัน