“แต่ฉันชอบเธอนะ….เอริ…”ผมเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่าไปที่ข้างหูของเธอ เธอก็หันกลับมามองหน้าผมอย่างไวทำให้เราสองคนผสานสายตาเข้าหากัน ผมสบตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอแล้วหัวใจของผมที่มันไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อนก็เต้นโครมครามรัวเร็วขึ้นมาซะดื้อๆแบบนั้น
ตึกตักๆๆ “หึ!….นายมันคาสโนว่า…”เธอว่าผมพลางมองหน้าผม ผมก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น “ถึงเราจะเป็นคาสโนว่าแล้วจะตกหลุมรัก…ใครสักคนไม่ได้หรือไง..” “ตกหลุมรักเพียงชั่วค่ำคืนเดียวน่ะสิ…”เธอย้อนผมกลับอย่างคนที่รู้ทันผมทำให้ผมเผลอยิ้มออกมากับคนที่รู้ทันผมอย่างเธอคนนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้ผมอยากจะจริงจังด้วยแต่ไม่ใช่คนที่จะทำให้ผมหยุดได้ “หึ….บังเอิญว่าฉัน….ไม่เคลิ้มกับความหล่อและไม่อินกับความรวยของนาย..”เอริว่าพลางยกมือของเธอขึ้นมาปัดแขนผมให้ปล่อยทางให้เธอได้ออกไป แต่มีเหรอที่คนอย่างผมเวลาอยากได้อะไรแล้วจะปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้น่ะ พรึบ “ขุนศึก…”เธอเอ่ยเรียกผมเสียงเข้มทันทีที่ผมคว้าเอวคอดที่เปลือยเปล่าของเขาเธอดึงมากอดแนบกายผมอย่างไว แววตาโตๆของเธอจ้องผมเขม้นอย่างเอาเรื่องที่ผมทำยุ่มย่ามกับเธอ “นายอย่ามาเสียเวลากับคนอย่างฉันเลยนะ…” “ฉันไม่ได้มีค่ามากพอจะให้คนรวยๆแบบนายมาสนใจฉันหรอก…” “อ้อ…แล้วถ้านายอยากได้ร่างกายฉัน…” “ฉันตอบตรงนี้เลยว่า…” “ฉันจะยอมมีอะไรกับผู้ชายที่ฉันรักเพียงเท่านั้น…” “โอเคป่ะ…”เธอว่าพลางจ้องเข้ามานัยน์ตาผมด้วยแววตาจริงจัง ผมก็ก็ยิ้มให้เธอและพยักหน้าเข้าใจ เพราะถ้าผมดื้อดึงทำอะไรมากไปกว่านี้ บางทีผมอาจจะเสียโอกาสที่จะได้ครอบครองและเชยชมร่างกายของเธอไปตลอดเลยก็ได้ พรึบ “ครับ….”ผมขานรับเธอพร้อมกับปล่อยร่างของเธอให้เป็นอิสระแม้จะเสียดายที่ยังไม่ได้แอ้มเธอก็เถอะ วันนี้ไม่ได้ วันหน้าต้องไม่รอด! “หึ!”เธอหัวเราะให้ลำคอใส่ผมก่อนจะมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเท้าจรดหัวด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนที่เธอจะเดินหันหลังและเดินจากผมไป ปล่อยให้ผมอมยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่คนเดียวในห้องน้ำผู้หญิงแห่งนี้ “เธอจะยอมมีอะไรกับผู้ชายที่เธอรักงั้นเหรอ….?” “หึ….ฉันจะทำให้เธอรักฉันให้ได้…เอริ…”ผมพูดขึ้นอย่างมีเลศนัยการจะทำให้ผู้หญิงหวั่นไหวเวลาอยู่ใกล้ๆผม มันไม่ใช่เรื่องยากหรอกครับ…ผู้หญิงก็เหมือนกันหมดนั้นแหละ แพ้ผู้ชายเอาใจใส่และเอาใจเก่งหึ…!และอีกอย่างที่พวกเธอแพ้ที่สุด คงจะเป็นเงินที่ซื้อได้ทุกอย่าง....วันต่อมา16:30น.ห้องพักอาจารย์มหาลัย Eเอริ ฐิติมน….พรึบ“เทอมนี้ทางมหาลัยขอเพิ่มค่าหน่วยกิตนะคะ….นางสาวฐิติมน…”“ค่ะ…อาจารย์”ฉันสบตากับอาจารย์พลางเอ่ยรับคำของท่านไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แต่หนูขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามท่านต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆ“ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ?…นี่เธอคิดว่าเป็นการเล่นขายของอย่างงั้นเหรอ?”อาจารย์เอ่ยถามฉันเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ“นี่มันมหาลัยอินเตอร์นะ!”เสียงตะโกนของอาจารย์ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ“ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทั้งยอดเก่าจากการค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วกับค่าของหน่วยกิตในเทอมนี้..”“ฉันคงต้องให้คุณดรอปเรียนไว้ก่อน…”“แต่อาจารย์คะ…”ฉันกำลังจะเอ่ยแย้งอาจารย์“ฉันให้เวลาเธอสามวัน….ค่อยเข้ามาหาฉันอีกที…”แต่อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเรียบตรึงตอบฉันกลับมาซะก่อน“เชิญ…”อาจารย์เอ่ยบอกฉันพลางยกมือผายไปทางประตูของทางออกห้องพักอาจารย์“ค่ะ…สวัสดีค่ะอาจารย์…”ฉันยกมือไหว้อาจารย์ท่านไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่อย่างใด ก็เป็นอย่างนี้แหละที่คนจนๆอย่างฉันที่ยังจะดื้อดันทุรังตัวเองให้มาเรียนในรั้วมหาลัยอินเตอร์แบบนี้ ที่ฉันเลือกเรียนที่นี้ก็เพื่ออนาคตฉันจ
พรึบ“ขอนั่งด้วยคนนะ^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มร่าให้ฉันอย่างคนที่ไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉันหันขวับกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่องที่เมื่อฉันไม่ยอมรับน้ำดื่มจากเขา เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตัวฉันทันทีแถมใกล้ชิดร่างฉันอีกด้วยพรึบฉันขยับหนีเขาเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งเขาก็ไหวไหล่เล็กน้อยกับอาการและท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนของฉันที่มีต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากฉันทั้งๆที่คนอย่างฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เขา“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมา“เห้อ!”และเสียงผ่อนลมหายใจของคนข้างๆก็ตามมาติดๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที เขาก็ทำเป็นยิ้มหวานจนแก้มปริตาปิดให้ฉัน ทำให้ฉันนึกไม่พอใจเขาที่กล้าล้อเลียนอารมณ์ฉันในตอนนี้ ใช่สิคนรวยๆแบบเขาจะไปเข้าใจอะไรกับคนจนๆอย่างฉันล่ะ“ไม่มีเรียนรึไง?”“ถึงได้มานั่งเลียนแบบท่าทางคนอื่นแบบนี้น่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้เลย แต่เขากลับทำท่าทางเลียนแบบอิริยาบถของฉันทุกอย่างแม้กระทั่งการนั่งไขว่ห้าง“แล้วเธอไม่มีเรียนเหรอ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับทำหน้ากวนและถามฉันกลับทำให้ฉันมองหน้าเขาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องตอบนาย..”ฉัน
“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…!“เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วมั้ง….พรึบจิ้มๆๆๆๆ“อื้อ…”ฉันร้องออกมาอย่างรำคาญที่มีมือนิ่มๆของใครสักคนมาจิ้มๆที่แขนของฉันที่นอนฟุบหน้าลงไปกับเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยความเคร่งเครียดและหมดหนทางที่จะไปต่อกับชีวิตต่อจากนี้พรึบ“พอดีว่า….ผมหิวข้าวน่ะครับ…”เสียงเล็กแหลมของผู้ชายเอ่ยขึ้นเป็นน้ำเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเขาพยายามดัดเสียง ฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปเพราะนี้เป็นเวลางานฉัน ฉันจะมาอู้แบบนี้ไม่ได้พรึบฉันขมวดคิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมทันทีเมื่อพบกับพี่หมีตัวสีขาวตัวใหญ่ยักษ์ที่มีหน้าตาน่
“เอาอันนี้เหรอคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีไปทันทีที่เขาชี้นิ้วอ้วนไปที่กล่องอาหารในตู้แช่ พรึบ พรึบ เขาพยักหน้าตอบฉัน ฉันก็ยิ้มและยื่นมือไปเปิดประตูตู้เเช่เพื่อหยิบกล่องอาหารที่พี่หมีเลือกออกมา “ข้าวหมูทอด^_^”ฉันอ่านชื่ออาหารและเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่หมีแล้วยิ้มกริ่มออกมาเขาก็ยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเองทำท่าเขินอายอย่างน่ารักๆพรึบ“สองกล่องเหรอ?”ฉันเอ่ยถามพี่หมีตัวโตน่ารักไปที่เขาทำมือชูสองนิ้วให้ฉันดูพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง“เดี๋ยวฉันเอาไปเวฟให้นะคะ…”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพรึบ พรึบเขาก็พยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันอีกครั้ง ฉันก็ยิ้มและเดินหลีกร่างเขามาเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์และจัดการใส่กล่องข้าวหมูทอดทั้งสองกล่องเข้าไปในเตาอบไมโครเวฟเพื่อทำให้อาหารสำเร็จแช่แข็งพร้อมกินพรึบ“รอสักครู่นะคะ…”ฉันเงยหน้าจากเตาอบมาบอกพี่หมีตัวใหญ่ เขาก็พยักหน้ารัวๆฉันก็ยิ้มบางๆให้เขาและถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างคนที่หมดหนทางที่จะสู้ต่อแล้วจริงๆพรึบฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาเปิดหน้าจอเข้ากูเกิลเสิร์ชหางานที่ทำแล้วได้เงินไว้ภายในสามวัน แต่จำนวนเงินของฉันมันไม่ใช่
“เป็นอะไรรึเปล่าเอริ!”เสียงตกใจของผู้ชายดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงโยนอะไรที่หนักๆทิ้งลงพื้นพร้อมกับแรงสัมผัสที่มาจับมือทั้งสองข้างของฉันไปดูร่องรอยของความร้อนที่ลวกหน้ามือฉันด้วยความตกใจและความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด“ขุนศึก?”ฉันเอ่ยเรียกผู้ชายที่กำลังก้มหน้าก้มตาดูมือฉันที่เริ่มเป็นรอยแดงที่เกิดจากความร้อนแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันด้วยแววตาห่วงใย“แปปหนึ่งนะ…เดี๋ยวเราไปเอาของเย็นๆมาประคบให้เธอ….”เขาว่าพร้อมกับพาร่างที่อุ้ยอ้ายในชุดพี่หมีแบร์ยักษ์สีขาวที่ถอดหัวตุ๊กตาหมีออกไปแล้วเดินมุ่งไปเอาอะไรสักอย่างที่ชั้นวางของพร้อมกับผ้าเย็นสีขาวกับน้ำแข็งที่ทางร้านของฉันมีขายเมื่อได้ของครบแล้วเขาก็เดินกลับมาหาฉันพรึบ“มานี้….”เขาว่าพลางจับมือฉันและเดินพาฉันออกไปทางด้านหลังของร้านที่มีทางออกอยู่ตรงเคาน์เตอร์ที่ฉันยืนอยู่“ทำไมทำอะไรไม่ระวังเลยอ่ะ…เอริ…”ขุนศึกบ่นอุบขึ้นเมื่อเขาพาฉันมานั่งลงที่โต๊ะม้านั่งไม้ตัวยาวเหมาะสำหรับคนสองคนนั่งได้ เขาก็ถือวิสาสะจับมือทั้งสองข้างของฉันที่โดนลวกไปดูและเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขานิ่ง ก่อนที่เขาจะยิ้มบางๆให้ฉันแบบยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนก่อนจะก้มหน้าล
00:30น.ร้านก๋วยเตี๋ยวซอยบ้านเอริติดถนนใหญ่เอริ ฐิติมน….พรึบ“ป้าคะ….ขอเป็นเส้นเล็กเป็ดสองชามนะคะ”“จ้า….ไปนั่งรอก่อนนะ…”“ค่ะ^_^”ฉันเอ่ยรับคำป้าแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวร้านประจำที่ฉันมักจะมากินก่อนกลับเข้าแฟลตทุกวัน วันนี้ก็เช่นกันแต่ที่แปลกไปจากทุกครั้งคือ ครั้งนี้ฉันมีเพื่อนมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยน่ะสิ“คันเหรอ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปทันทีที่เดินมานั่งลงบนโต๊ะเดียวกับเขาที่นั่งรอฉันที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขาและมองว่าเขาเริ่มเอามือเกาไปตามแขนของเขาที่ตอนนี้เขาได้ถอดชุดหมีออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกางเกงผ้าสแล็คสีดำ“ใช่….สงสัยจะแพ้ขนหมีน่ะ…”เขาว่าพลางเงยหน้าหล่อๆของเขาที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับมีผื่นขึ้นไปทั่วทั้งใบหน้าและท่อนแขนขาวของเขาที่มองออกง่ายเพราะเขามีผิวที่ขาวใสยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก“เเพ้ขนหมี?”ฉันทวนคำพูดเขาไปอย่างสงสัย“ครับ….พอดีเราแพ้พวกขนน่ะ…”ขุนศึกว่าพลางทำสีหน้าแหยๆ“รู้ว่าแพ้….แต่ก็ยังจะใส่มา?”ฉันพูดสวนกลับไปทันที“ก็….”เขากำลังจะหาข้ออ้าง“ลงทุนมากเลยนะ….กับการจีบฉันเนี่ย?”ฉันว่าอย่างรู้ทันทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันและยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็
“โอเค…”ฉันพยักหน้ารับคำเขาก่อนจะเอาช้อนกลับมาและวางลงไปในชามก๋วยเตี๋ยวของฉันและหันมาปรุงรสให้ชามของขุนศึกพรึบ“อ่ะ….”ฉันว่าพร้อมส่งชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดรสเด็ดที่ปรุงแต่งรสชาติเสร็จแล้วยื่นไปตรงหน้าของขุนศึก“ขอบคุณครับ^_^”เขายิ้มให้ฉันก่อนจะก้มหน้าลงไปสูดดมกลิ่นหอมๆของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าประจำของฉัน ฉันก็เลิกสนใจเขาและหันกลับมากินก๋วยเตี๋ยวในชามของฉันบ้างเพราะฉันหิวจนไส้จะขาดแล้วเนี่ยพรึบ“เธอมากินที่นี้บ่อยเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่ฉันกำลังแอบมองใบหน้าหล่อของเขาที่ก้มหน้าซู๊ดเส้นก๋วยเตี๋ยวใส่ปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆทำให้ฉันตกใจเลิ่กลั่กรีบก้มหน้ากลับมากินก๋วยเตี๋ยวของฉันต่อ นี่ฉันเผลอไปแอบมองเขาได้ยังไงกันเนี่ย!!พรึบ“อื้อ….ฉันกินทุกวันก่อนกลับเข้าแฟลต”ฉันตอบเขาไปตามความจริง เขาก็พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปมองป้าเจ้าของร้านที่ยืนประจำตำแหน่งหน้าหม้อก๋วยเตี๋ยวที่กำลังมีควันลอยขึ้นสู่อากาศบ่งบอกได้ว่าน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวในหม้อกำลังเดือดปุดๆและส่งกลิ่นหอมยั่วยวนไปทั่วทั้งบริเวณนี้เรียกน้ำย่อยและน้ำลายของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ให้แวะเข้ามากินได้เป็นอย่างดี“คุณป้าครับ…”ขุนศึกเอ่ยขึ
วันต่อมามหาลัยEคลาสเรียน15:30น.เอริ ฐิติมน….พรึบ“เห้อ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะมันนับครั้งไม่ถ้วนแล้วน่ะสิ ฉันไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนในคลาสนี้เลย เพราะฉันเอาแต่คิดเรื่องเงินและงานที่ฉันจะทำเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมยังไง และงานอะไรที่จะได้เงินไวๆและได้เงินเยอะๆเงินหลักแสนสำหรับเด็กกำพร้าที่ต้นทุนชีวิตต่ำแบบฉันมันเป็นเงินที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆแค่งานที่ฉันทำทุกวันนี้เงินก็แทบจะไม่พอแล้วไหนจะค่ากินค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าแฟลตค่า ค่าเทอมค่าอะไรต่างนาๆที่มันเกินตัวของฉันไปมาก เด็กอายุยี่สิบที่ดิ้นรนหาเงินหลักแสน“ได้ข่าวว่าเมื่อคืน…ขุนศึกเดินไปส่งเธอถึงที่แฟลตเลยเหรอ?”เสียงกระซิบเชิงแซวๆฉันดังมาจากเพลงขวัญเพื่อนสนิทที่สุดของฉันในรั้วมหาลัยเอกชนที่อยู่ในเพื่อนแก๊งเดียวกับฉันซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเพื่อนๆของขุนศึกนั้นแหละ ที่เพลงขวัญรู้คงเป็นเพราขุนศึกคงจะบอกเพื่อนๆเขาที่เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน เห็นว่าวันนี้เขามาไม่ไหวเพราะแพ้ขนหมีจนคันเป็นผื่นแดงขึ้นทั้งตัวแล้วไหนจะต้องเดินตากน้ำค้างตอนกลางคืนที่เขาเดินไปส่งฉันที่แฟลตและไหนจะต้องเดินกลับไปที่ร้านสะดวกซื้อที่เขา
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร