รักลับสัมพันธ์สวาท
ตอนที่ 3 - สิ่งที่ใฝ่ฝัน
(อารียา)
ฉันที่ได้รับคำสั่งจากผู้อุปถัมภ์ ที่ส่งเสียให้ได้เรียนจนจบปริญญาตรี มีคำสั่งให้ฉันเดินทางมาหา ทุกอย่างถูกทางนั้นจัดการให้เรียบร้อย ฉันแค่มีหน้าที่นั่งเครื่องบินเดินทางมาเท่านั้น
ความรู้สึกตื่นเต้นมีมาก ฉันดีใจที่วันนี้ที่สุดแสนจะรอคอยมาถึง เมื่อฉันอยากพบเจอผู้อุปถัมภ์ที่เฝ้าหา เพราะที่ผ่านมาฉันได้รับการติดต่อผ่านอีเมล์เท่านั้น และทุกเทศกาลหรือวันสำคัญ ก็จะมีของขวัญส่งมาให้ โดยที่ฉันไม่เคยได้เห็นหน้าคร่าตาท่านเลย
"ท่านจะมีหน้าตาเป็นยังไงนะ หนูดีใจและตื่นเต้นมาก ๆ เลยค่ะที่จะได้เจอท่านแล้ว"
ฉันนั่งมองอีเมล์ที่มีข้อความอวยพรวันเกิด ข้อความสั้น ๆ ที่อวยพรให้ฉันมีความสุข แค่นี้มันก็ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นแล้ว
เพราะตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยมีใครมาใส่ใจแบบนี้ จนเจอคนใจดีที่เข้ามาอุปถัมป์ ส่งเสียฉันให้มีความเป็นอยู่ที่ดี
"คุณอารียาหรือเปล่าครับ"
เสียงทักเป็นภาษารัสเซียสะกิดให้ฉันหุบยิ้ม แล้วเงยกน้ามองหาเจ้าของเสียง แน่นอนว่าฉันฟังออกเพราะเรียนเสริมภาษารัสเซียมา เผื่อว่าวันหนึ่งวันใดฉันได้เจอกับผู้มีพระคุณ จะได้สนทนากับท่านได้โดยไม่ต้องอาศัยล่ามแปลให้
"ค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบชายตัวสูงที่อยู่ในชุดสูทสีเข้ม
"คุณเชรคให้ผมมารับครับ" ชายตัวสูงที่ยืนตรงหน้าบอกเล่าให้ฉันฟัง
คุณเชรคที่เป็นคนสนิท ฉันรู้จักเขาจากการที่บางครั้งเขาติดต่อมาแทนผู้มีพระคุณของฉัน
"อ่อค่ะ" ฉันตอบรับและรีบลุกยืน
"ทางนี้ครับ"
เขาผายมือเชิญอย่างให้เกียรติ และจัดการเข็นกระเป๋าแล้วเดินนำหน้าฉันไป เพราะถ้าให้ฉันเดินนำคงไม่รู้จักทาง
รถยนต์แล่นมาตามถนนเรื่อย ๆ สองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนสัญจร ตึกมากมายที่เป็นเอกลักษณ์ ฉันมองด้วยความหลงใหล มันดึงดูสายตาของฉันให้มองได้ตลอด เหมือนมันคือความฝันของฉันเลยล่ะ มอสโกที่ฉันอยากจะมาเหยียบสักครั้งในชีวิต ตอนนี้ฝันของฉันเป็นจริงแล้ว
ฉันอยากจะไปหลาย ๆ ที่ของที่นี่ ประติมากรรมที่สวยงาม พระราชวังเครมลิน,จัตุรัสแดง,มหาวิหารเซนต์บาซิล สถานที่เหล่านี้ฉันอยากจะเห็นสักครั้งในชีวิต การมารัสเซียครั้งนี้มันทำให้ฉันตื่นตาและตื่นเต้น หากฉันคุ้นเคยสัญญาเลยว่าฉันจะไปทุกที่ที่ฉันต้องการ เพราะหากฉันได้ทำงาน ฉันก็จะมีเงินเก็บ ฉันจะทำตามสิ่งที่ใฝ่ฝันให้จงได้
"ถึงแล้วครับคุณอารียา" ชายคนเดิมเปิดประตูให้กับฉัน เมื่อถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว บ้านที่มีบริเวณกว้างขวาง รอบล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจีร่มรื่น มันกว้างใหญ่มาก มากเกินกว่าที่ฉันคิดเสียอีก
"ต้องรวยเบอร์ไหนนะ ถึงมีบ้านใหญ่ยิ่งกว่าสนามกอล์ฟขนาดนี้" ฉันตาวาวกับพื้นที่อันแสนกว้างนี้ กวาดสายตามองอย่างคนไม่เคยพบเห็น ก็แน่ล่ะฉันไม่เคยเห็นอยู่แล้ว นี่มันคฤหาสน์กี่ร้อยล้านกันนะ
"เดี๋ยวผมจะพาไปพบคุณเชรคนะครับ"
"ค่ะ"
คำบอกเล่าของคนที่พาฉันมา ทำให้ฉันนั้นหยุดคิดเรื่องราคาของคฤหาสน์หลังนี้ เดินตามหลังของเขาเข้าไปในตัวคฤหาสน์ การตบแต่งที่ทันสมัย ห้องหับที่กว้างขวาง ถ้าให้เดินมาคนเดียวอารียาหลงทางแน่ ๆ
"สวัสดีครับคุณอารียา" นี่คงเป็นคุณเชรคสินะ เขาดูดีมาก ๆ เลยล่ะ
"สวัสดีค่ะ" ฉันทักทายเขาตามภาษาประจำชาติ ฉันไม่ขัดเขินในการพูดอยู่แล้ว และมั่นใจมากว่าฉันใช้ภาษาได้ดี
"เดี๋ยวผมจะพาไปพบกับท่านนะครับ" เขาคงหมายถึงผู้มีพระคุณของฉันสินะ แน่นอนว่าฉันตื่นเต้นมากกับการที่จะได้เจอท่านตัวจริง
"ค่ะ"
คุณเชรคพาฉันเดินขึ้นบันไดไป ราวบันไดสีทองเงาวับ ทุกอย่างที่ตบแต่งดึงดูดให้ฉันมอง มันสวยงามและดูหรูหรามาก เหมือนฉันเป็นบ้านนอกเข้าเมืองยังไงอย่างนั้นเลย ก็ฉันบ้านนอกจริง ๆ นั่นแหละ
"อื้อ อ๊ะ เสียวจังเลยค่ะ อื้ม"
ฉันกับคุณเชรคเดินมาหยุดตรงหน้าห้อง ๆ หนึ่ง ฉันถึงกับมองหน้าคุณเชรคทันที เมื่อเสียงที่แสนสยิวดังลอดออกมา แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกที่จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
"ผมว่าตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะแนะนำ เอาเป็นว่าคุณอารียาไปพักผ่อนก่อนแล้วกันนะครับ ผมได้ให้คนเตรียมห้องไว้ให้แล้ว" คุณเชรคที่ดูเสียหน้า เขาหันมาพูดกับฉันแล้วยิ้ม ซึ่งฉันเข้าใจดีและควรทำตาม
แต่ฉันสงสัยว่าผู้มีพระคุณของฉัน ยังมีแรงทำเรื่องอย่างว่า? เท่าที่ฉันรู้ท่านอายุมากแล้วนะ ไม่น่าที่จะมีแรงมาทำเรื่องบนเตียง จนเสียงดังครวญครางได้ขนาดนี้
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 4-ตาต่อตา(นิโคลไล)ผมระเริงรักกับคู่ขา ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะจบสิ้น เรื่องแบบนี้ผมทำจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว และผมก็ขาดมันไม่ได้ติ่งเสียงข้อความดังขึ้น หน้าจอแจ้งเตือนเป็นของคนสนิทของผมที่ส่งเข้ามา(คุณอารียามาถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วครับ...ตอนนี้เธอนั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นด้านล่าง)"ไอ้เชรค!! ทำไมเพิ่งบอกวะ!"ข้อความที่ส่งมา ที่บ่งบอกว่าเด็กในอุปการะของพ่อมาถึงนานแล้ว มันทำให้ผมอารมณ์เสีย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นเพราะผม เฝ้ารอเจอหน้าเธออย่างใจจดใจจ่อจนเกินไป"อารมณ์เสียอะไรเหรอคะ"นาตาลีที่เดินออกจากห้องน้ำทักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับผมตะเบ็งเสียงหงุดหงิดพอดี"ผมมีธุระต่อ วันนี้พอแล้ว...คุณกลับไปได้ละ เรื่องนั้นเดี๋ยวผมให้คนจัดการให้นะครับ""ค่ะ"ผมหันไปบอกกับคู่ขา ที่เรียกมาบริการถึงที่ และเธอก็รู้ดีว่าคนอย่างผมเป็นแบบไหนเมื่อบอกว่าไม่! นั่นต้องรู้ความหมายและขอบเขตของตัวเอง เพราะหาล้ำเส้นจนผมเกิดรำคาญ ความสัมพันธ์ที่ผมมีให้จะถูกยุติลงทันที จะว่าผมเขี่ยทิ้งก็ย่อมได้(ทำไมเพิ่งบอกวะ!) ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างตำหนิลูกน้อง(ตอนแรกผมจะพ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 5(ไอ้แก่)"นี่คุณ!! ทำบ้าอะไรจู่ ๆ มาจูบปากฉัน ไอ้แก่ตัณหากลับ!" อารียาเธอผลักอกของผมออกห่างด้วยแรงที่มี พร้อมกับชี้หน้าด่าผมอย่างเอาเรื่อง มือหนึ่งก็เช็ดปากที่ผมฝังรอยจูบเอาไว้ เหมือนกับรังเกียจหรือขยะแขยง นี่เธอเป็นคนแรกเลยนะที่มีทีท่ากับคนอย่างผมแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธคนอย่างผมสักครั้ง จากลักษณะแล้วเธอก็ไม่น่าจะสะอาดอะไร ทำไมถึงได้ดูเล่นตัวอย่างกับคนไม่เคยก็ไม่รู้ หรือว่าอาจจะแค่แสดงเพื่ออัปเกรดของตัวเอง...มันก็อาจจะใช่"หึ!" ผมยกยิ้มมุมปาก ยืนจ้องมองเธออย่างไม่คิดเชื่อในท่าทางที่ดูหวงตัว"หึบ้าหึบออะไร...ต้องเป็นคนประเภทไหนกันถึงได้กล้ามาจูบผู้หญิงที่เพิ่งจะเห็นหน้าครั้งแรกแบบนี้" เธอต่อว่าด่าทอเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว แววตาดุนั้นที่จ้องมอง แต่มันทำให้ผมกลับพอใจอย่างกับต้องมนตร์ หรือว่าคนอย่างอารียาเป็นแม่มดกันนะที่สามารถสะกดผมไม่ให้ละสายตาจากเธอได้"มันคือการทักทาย.....ทำไมหลานของอาถึงได้ดูไม่มีมารยาทแบบนี้ล่ะครับ" ผมพูดขึ้นยืนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่นั่นก็แค่วางท่าไม่อยากให้เธอได้ใจ จ้องมองหน้าอารียาที่หน้าแดง
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 6-หมดสภาพ(อารียา)"อี๋ ไอ้ผู้ชายบ้า ทำไมฉันต้องมาเจอคนทุเรศ ๆ แบบนี้ด้วยนะ.....คุณท่านไม่น่ามีลูกชายแบบนี้เลย ไอ้บ้า! กล้ามาจูบปากของฉัน เบ้าหน้าอย่างกับเทพบุตร แต่นิสัยนี่เลวสุด ๆ ไปเลย" นึกแล้วก็เจ็บใจกับการที่ผู้ชายคนนั้นกล้าขโมยจูบของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต อยากจะด่าให้หลังคากระเจิง แต่ฉันก็เกรงใจคุณเชรคที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฝากไว้ก่อนแล้ววันหลังฉันจะเอาคืน รู้จักคนอย่างอารียาน้อยไปซะแล้ว"แล้วถ้าฉันต้องมาอยู่ร่วมชายคากับเขา จะไม่ตีกันตายหรือไงวะเนี่ย...โอ๊ย!! ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ด้วยนะ แถมยังหน้าหม้ออีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณท่านดีกับฉันอุปภัมภ์ส่งฉันเรียนนะ ฉันจะไม่อดทนกับคนแบบนายขนาดนี้หรอก" ฉันก็ได้แต่บ่น ๆ แล้วก็บ่น เพราะคนอย่างฉันจะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ เพิ่งมาถึงวันแรกและไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และนี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนที่จะไปไหนตามอำเภอใจได้ อดทนไว้อารียาอดทนเอาไว้ "เฮ้อ ถ้าฉันเก็บเงินได้มากพอ รับรองเลยว่าฉันจะย้ายไปอยู่ข้างนอก ไอ้แก่ลามก!""อาบน้ำดีกว่า จะได้ดับอารมณ์หัวร้อนของฉันลงบ้าง" ฉันคิดได้ดังนั้นอย่างทำใจ แม้จะรู้สึกเห
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 7(พินัยกรรมชี้ขาด)(นิโคลไล)ยอมรับเลยว่าภาพของอารียาติดตาของผมไม่หาย ร่างกายที่เนียนละเอียดผุดผ่อง มันเหมือนกับผมถูกต้องมนตร์ไปชั่วขณะ แต่ต้องห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปมากกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจับเธอขยี้ให้อยู่ใต้ร่าง แต่เธอไม่เหมือนอย่างใครที่ผมเคยนอนด้วย และอีกอย่างที่มันค้ำคอคือเธอเป็นเด็กในอุปการะของพ่อ ซึ่งมันคงจะล่อยาก แต่ถ้าหากว่าเธอทำให้ผมหัวร้อนไม่พอใจ มันอาจจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้...แต่เด็กอ่อนหัดอย่างอารียา คงไม่มีลีลาอะไรที่จะให้ผมสนใจมากกว่านี้หรอก"ฮึ กูเป็นบ้าอะไรวะ" แล้วก็ทำผมหัวเราะคนเดียว กับการที่นึกถึงอารียาเด็กในอุปการะที่ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก"คุณอารียาเธอคงลงมาทานมื้อเย็นไม่ไหวนะครับ" ผมที่นั่งคิดเพลิน ๆ ต้องหยุดความคิดลง แล้วรอฟังเชรครายงาน"อืม สภาพแบบนั้นคงมาไม่ไหวหรอก ให้แม่บ้านยกอาหารไปให้เธอด้วยแล้วกัน" ผมสั่งเชรคไปจากที่เห็นเธอลื่นล้ม ผมคงไม่ใจร้ายใจดำคะยั้นคะยอให้เธอลงมาหรอก..."ครับ" เชรคตอบรับแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป เพื่อทำตามคำสั่งของผม"แล้วนายจะกินข้าวกับฉันก่อนกลับไหมล่ะ" ยังไม่ทันที่เชรคจะก้าวขาเดินผมก็ทักขึ้น วันนี้ผมรู้สึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 8(ไปแน่!)(อารียา)"คุณหลอกฉันใช่ไหม" ฉันเหมือนกับหยุดหายใจเมื่อคุณนิโคลไลพูดออกมา ถึงผู้อุปการะที่ฉันเฝ้ารอว่าสักวันจะได้มาพบหน้า แต่ว่าวันนี้เหมือนฝันนั้นของฉันสลายไป เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเขาอย่างไม่คิดเชื่อ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินมันดับฝันที่ฉันเฝ้ารอ"พ่อผมเสียแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะมาอยู่ในปกครองผมได้ยังไง" เขาพูดขึ้นอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ใจของฉันมันกำลังเจ็บปวดและโศกเศร้า อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบหยุดหายใจลงตรงนี้"ทำไมคุณไม่บอกฉัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง ฮือ~~คุณมันใจร้าย ฉันรอมานานแค่ไหนไม่รู้หรือไง ฉันหวังว่าสักวันจะได้เจอคุณท่าน ไม่ใช่เพียงเจอกันผ่านตัวหนังสือในอีเมล์ ฮือ..." สุดท้ายฉันก็เก็บกลั้นความเสียใจไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพรั่งพรูอย่างไม่คิดอายผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทุบอกของเขาระบายความเศร้าที่ถาโถมอย่างไม่ทันตั้งตัว"ใจร้ายอะไร ผมแค่เห็นว่าไม่สำคัญขนาดนั้น พ่อผมตายนะไม่ใช่พ่อของคุณตายซะหน่อย"เปี้ยะ!เขาพูดหน้าตาเฉย มันเลยทำให้ฉันเสียยิ่งใจหนักขึ้น จนฟาดฝ่ามือกระแทบใ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 9(ดัดหลัง)(นิโคลไล)"บอริส ฉันมีเรื่องให้นายช่วยหน่อย"(เรื่องอะไรว่ามา ถ้าหากฉันช่วยนายได้ก็จะช่วย)"นายช่วยได้อยู่แล้ว เดี๋ยวเราสองคนนัดเจอกันที่คลับหากวันไหนนายว่าง"(สรุปจะให้ช่วยเรื่องอะไร)หลังจากที่อารียาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านของผมไปด้วยความทุลักทุเล โดยที่ผมก็ไม่คิดจะห้ามเธอใด ๆ สักนิด ก็เธอมันผยองก๋ากั่น จนผมต้องดัดหลังให้เธอหลาบจำ ผมต่อสายหาเพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่สนามบินดามาเดียตดาวา"ฉันส่งข้อมูลเข้าไปในอีเมล์ของนายแล้ว ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอก แค่อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นบินออกนอกประเทศได้ และทำยังไงก็ได้ให้เธอซมซานกลับมาบ้านของฉัน โดยที่ไม่ต้องให้เธอรู้"(เด็กนายเหรอ?)"ไม่ใช่เด็กเลี้ยง แต่เป็นเด็กในปกครองที่พ่อฝากฝังไว้ แต่เธอมันดันจองหองปากดีไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของฉัน ต้องดัดหลังกันหน่อยว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน"ผมจัดการส่งข้อมูลของอารียาที่เชรคมันเคยส่งมาให้ จากนั้นก็ส่งเข้าเมล์ของบอริสเพื่อให้มันจัดการต่อตามที่ผมต้องการ แต่เพื่อนก็ดันปากดีอย่างกับรู้ทัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของผมคิด ผิดพลาดไปนิดเดียวเ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 10(อย่าบอก...)(อารียา)ฉันเดินลากกระเป๋าออกมาทั้งที่ขาก็เจ็บคอก็เคล็ด เรียกแท็กซี่เพื่อตั้งท่าจะไปสนามบิน แต่ฉันลืมนึกไปว่าเงินที่มีติดตัวมันไม่พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย นึกได้อย่างนั้นก็เลยลงจากแท็กซี่กลางทาง คนเดียวที่ฉันจะพึ่งพาได้ตอนนี้คือคุณเชรค เพราะหากจะให้ฉันขอความช่วยเหลือจากผู้ชายไม่มีหัวใจคนนั้นฉันยอมนอนข้างถนนดีกว่า"ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลานี้ แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครจริง ๆ ค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้หลังจากที่คุณเชรคไปรับฉันที่ป้ายรถเมล์ และพามายังห้องพักที่เขาบอกว่าเคยซื้อไว้แต่ไม่ได้มาอยู่ เพราะต้องดูแลคนที่บ้าน ที่นี่มันเลยว่างเปล่า นั่นจึงทำให้ฉันได้มีที่ซุกหัวนอนรอดตายอย่างหวุดหวิด"ไม่เป็นไรครับ...แล้วคุณอารียาต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม ผมจะได้จัดการให้คุณคงไม่สะดวกที่จะออกไปซื้อเอง" คุณเชรคเสนอเขาคนเดียวนี่แหละมั้งที่ดีกับฉันที่สุดในตอนนี้ ถ้าหากเป็นเจ้านายของเขาไม่คิดแยแสฉันแบบนี้หรอก"แค่นี้ก็รบกวนคุณเชรคมากพอแล้วค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะลองหางานพาร์ทไทม์ทำเก็บเงินได้จะหามาคืน" ฉันยกมือไหว้เขารอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ หากไม่มีเขาป
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 11(ขู่ตำรวจ)"เป็นไงบ้างวะ ตามตัวเธอเจอไหมอันเดร?" หลังจากที่รู้ว่าอารียาหายตัวไป เขาก็คอยถามไถ่กับเพื่อนตำรวจที่ให้ช่วยเหลือ"ยังไม่เจอเลย นายแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ออกนอกประเทศไปแล้ว" อันเดรย้อนถามเพื่อน ตั้งแต่ที่ได้รับสายของนิคเขาก็รีบกระจายกำลังในการค้นหา แต่ว่ายังไม่พบร่องรอยของคนที่หายตัวไป"แน่ใจสิเพราะบอริสเช็กให้แล้วอย่างละเอียด ไม่มีชื่อเธอบินในวันนั้น" นิคตอบอย่างมั่นใจ ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายนาทีแต่ยังไม่มีวี่แววของเด็กในปกครอง มันสร้างความกังวลใจแก่เขาไม่น้อย"ทำเด็กหายวุ่นวายเพื่อนไปหมด" อันเดรต่อว่าไม่จริงจัง พูดในเชิงหยอกล้อเสียมากกว่า"ก็ไม่ได้ให้ช่วยฟรี ๆ ปะวะ" นิคย้อนทั้งที่มีอาการหัวเสียและกังวล ก็คนที่พ่อฝากดูแลหายไปทั้งคน โดยไม่รู้ที่มาที่ไปใครจะไม่หัวร้อน"ปกติแกไม่ค่อยสนใจตามหาใครนี่หว่านิค แสดงว่าคนนี้ต้องพิเศษสำหรับแก" อันเดรหันไปแซว ก็ที่แล้วมาเพื่อนคาสโนว่าคนนี้ไม่เคยไยดีกับหญิงใด"พิเศษกับผีอะไรล่ะ...เด็กอุปถัมภ์ของพ่อที่ฝากไว้ให้ฉันดูแลต่อเท่านั้นแหละ" นิคให้เหตุผลซึ่งคนเป็นเพื่อนก็พยักหน้าทำความเข้าใจ"แค่นั้นจริงอะ?" อันเดรย้อนถามอย่า
บทส่งท้าย-มันคือรักที่ยากจะหวนกลับ(อารียา)เวลาผ่านไปหลายเดือน คนที่อยู่ในท้องก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา คำสัญญาที่คนแก่ของฉันเคยให้ไว้ ภาระหน้าที่การงานก็รีบเคลียร์แล้วพาฉันมาเที่ยว...("เรียบร้อยดีใช่ไหม? อืม แล้วนี่นายอยู่ที่บริษัทไหม?...งานที่บริษัทฝากนายด้วย เดี๋ยวสิ้นปีจะตบโบนัสให้อย่างงามเลย...มึงพูดให้มันเคลียร์ ๆ ดิเชรค... ไอ้เชรค!")ประโยคเหล่านี้ฉันนั่งฟังพร้อมกับรอยยิ้มในบางครา และแน่นอนว่าเขากำลังคุยกับเลขาคนสนิท ที่สามารถฝากฝังหน้าที่การงานได้ คำพูดที่หยาบโลนแต่แอบซ่อนด้วยความทะเล้น คนแก่ ๆ ที่ฉันเคยตราหน้าว่า เป็นเหมือนหมาที่เอาไม่เลิกฤดู สุดท้ายจนก็ต้องมาตกม้าตายและกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขา ที่อดีตเคยลั่นไม่คิดจะเอาผู้หญิงอย่างฉันทำเมีย...เสมอกันทั้งฉันและเขาสายลมอ่อนพัดกระทบใบหน้า ทำให้ฉันรู้สึกดี มันสดชื่นจนยากจะบรรยาย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ที่พร้อมดูแลลูกน้อยที่อยู่ในท้อง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ว่าฉันกลับรักมากมาย แม้ถวายชีวิตฉันก็สามารถให้เขาได้ 'ลูก' เพียงเท่านั้นที่ฉันยอมและ และคนแก่ที่นั่งข้างฉันก็คงคิดและรู้สึกแบบเดียวกัน"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ""ขอนั่ง
(อารียา)หลังจากที่ฉันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนแก่ของฉันก็แสดงความโอเวอร์เร้าหรืออยากให้อยู่ใกล้หมอต่อ ให้เหตุผลว่าอยากให้แน่ใจว่าฉันหายดีแล้วจริง ๆ จนฉันต้องเอาลูกที่ยังเท่าเม็ดถั่วมาอ้างว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล เขาถึงได้ยอมให้ฉันกลับมาพักที่บ้าน…เขามันเวอร์ทั้งที่ฉันปกติดีทุกอย่าง“ไม่ต้องประคองหรอก หนูเดินเองได้” ฉันบอกเขาในขณะที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน“ไม่ได้หรอกเผื่อลื่นขึ้นมาจะทำยังไง อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มีอะไรจะได้รับไว้ทัน ทำไมหนูไม่เข้าใจอะ” เหตุผลคนแก่ที่ทำฉันต้องอมยิ้ม แม้บางทีจะดูงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ“ก็ไม่อยากให้อาวุ่นวายไง แล้วนี่งานไม่เยอะเหรอถึงไม่เข้าบริษัท” หันไปถามเขา ทำเอาคนแก่ของฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“นี่ไล่ทางอ้อมใช่ไหม ทำไมอยู่ด้วยกันมันอึดอัดมากหรือไง ใช่สิคนอายุเยอะมันคงไม่กร้าวใจเหมือนคนหนุ่ม ๆ” มีโวยวายเบา ๆ อย่างกับน้อยใจ อะไรวิ่งเข้าหัวสมองทำให้เขาต้องมีอาการวัยรุ่นแบบนี้นะ ทำฉันกลั้นขำแทบไม่ไหวเลยทีเดียว“อะไรของคุณอากันคะเนี้ย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่เป็นห่วงว่างานขอ
(นิโคลไล)“ว่าไงเชรค” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนผมต้องหันไปสนใจ เป็นเชรคที่โทรเข้ามา ผมกลัวว่าอารียาจะตื่นหากคุยอยู่ตรงนั้น จึงเดินออกไปตรงระเบียง เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท“เรื่องที่นายให้ผมไปสืบได้ความแล้วครับ”“ว่ามา”“คุณไมค์กับคุณนาตาลีร่วมมือกันทำร้ายคุณอารียาจริง ๆ ครับ เขาเป็นลูกชายของมิสเตอร์ปาเวลที่ฆ่าตัวตาย หลังจากที่คุณนิคไปเทคโอเวอร์บริษัทนั้นมา แต่คุณไมค์ก็มีธุรกิจที่เรารู้กัน แต่จริงแล้วบริษัทที่พ่อเขาสร้างมากับมือเข้าสู่สภาวะวิกฤตเรื่องการเงิน เพื่อรักษาบริษัทนั้นไว้เขาจึงได้ยอมให้ทางเราเทคโอเวอร์” “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีทายาทอีกคน”“คุณไมค์เป็นลูกภรรยาคนที่สองของมิสเตอร์ปาเวลครับ เขาและพ่อของเขาผูกพันกันมาก เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และผมคิดว่าการที่เขาเข้าใกล้คุณอารียาเพราะว่า.....”“คงเพราะคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาฆ่าตัวตายสินะ”“พ่อเขาเป็นคนขอให้คุณนิคช่วยซื้อบริษัทไว้ เพราะห่วงพนักงานกลัวว่าจะตกงานหากบริษัทปิดตัวลง จุดนี้ผมคิดว่าคุณไมค์คงไม่ทราบถึงเบื้องลึกเหล่านี้”สิ่งที่ผมมอบหมายให้เชรคไปตามสืบ เรื่องราวที่ผมเฝ้ารอ มันทำให้ผมหูผึ่งแ
(อารียา)ฉันตื่นนอนในยามเช้า ข้างเตียงไม่มีเขาที่เฝ้าฉันเมื่อคืน กวาดสายตามองหาจนพบว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เหมือนกับเลี่ยงไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่รู้ว่ากลัวจะรบกวนการนอนหลับของฉัน หรือมันมีเรื่องอะไรที่ปิดบังจนไม่อยากได้ฉันรับรู้ ฉันนอนมองแผ่นของเขาอย่างครุ่นคิด พร้อมกับทบทวนคำพูดและการอ้อนวอนของเขาที่พูดเมื่อคืน...ฉันควรเปิดใจและให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อของลูกดีไหม?“ตื่นแล้วเหรอ...รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตัวไหม?” เขาถามทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่วางสาย ถามรัวจนฉันตั้งตัวที่จะให้คำตอบไม่ทัน สีหน้าของเขาดูห่วงใยฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างนิโคลไลจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังหรือไม่ ฉันไม่อยากจะคาดหวังกับผู้ชายคนนี้เลย...กลัวผิดหวัง“ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูโอเคตอนนี้อยากกลับบ้าน” ฉันบอกเขาในสิ่งที่ต้องการ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยสักนิด“ให้หมอดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนเถอะนะ จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมกับมือเอื้อมมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองหน้าเขาอย่างสังเกต สายตาของเขามองฉันต่างไปจากเดิมใน
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 59-ยอมทุกอย่าง“นายคิดจะทำอะไรกันไมค์ เข้าหาอารียาเพื่ออะไร” จากที่เชรคเล่าให้ฟัง ทำให้ผมนั่งคิดทวนคนเดียวอยู่ในห้อง มีเพียงความมืดสลัวที่อยู่เป็นเพื่อนตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกห่วงอารียามากกว่าเดิม ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจนได้รับอันตรายอีก ผมเดินออกมาตรงระเบียงห้องพักฟื้น ยืนมองทอดไกลไปอย่างไร้จุดหมาย สมองคิดเรื่องราวมากมายที่มันสามารถเชื่อมโยงกัน แต่นึกทวนยังไงผมก็นึกมันไม่ออก ตอนนี้โคตรกลุ้มเลยล่ะผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นของอารียา แล้วนั่งลงข้างเธอ ผมกุมมือของเธอไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าของเธอในความมืดสลัว คิดกลัวและกังวลจนตอนนี้ผมรู้สึกนอนไม่หลับ ห่วงความปลอดภัยของเธอหากผมเผลอหลับไป แล้วใครแอบเข้ามาทำร้ายเธออีก“อา...” เสียงของอารียาที่แผ่วเบาเรียกผมจนต้องตื่นตัวหลุดจากภวังค์ความคิด ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงของเธอที่แหบแห้งชัดเจน“หนูเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม เดี๋ยวอาเรียกหมอให้” ผมรีบถามอาการของเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟหัวเตียงเพื่อให้มีแสงสว่าง“ลูกละคะปลอดภัยใช่ไหม?” เป็นคำถามแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ไม่ได้นึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 58 - กำจัด(ก็คุณพลาดเองช่วยไม่ได้ จะมาโทษผมได้ยังไง...นั่นมันเรื่องของคุณ ผมช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญญาจัดการ.....อืม ค่อยคิดอีกที และคุณก็ควรห่างการติดต่อผมสักพักด้วย...แค่นี้นะ)(เปิดทางให้แล้วยังโง่อีก) "เชรคนายจัดการเรื่องที่อารียาถูกทำร้ายให้เด็ดขาด ฉันไม่มีปล่อยให้อารียาเจ็บฟรีแน่" ผมเดินออกมานอกห้องพักของอารียาหลังจากที่เธอนอนหลับไปแล้ว สั่งการกับเชรคที่รออยู่ด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ผมโมโหมาก และคงยากหากมันไม่ได้รับการคลี่คลายในแบบของผม ผมไม่ได้ใจร้ายหากใครไม่คิดทำลายผมหรือคนที่ผมรักก่อน"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที" เชรคตบปากรับคำ เป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากและรักเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง เราสองคนสนิทสนมกันมานานจนรู้ใจกัน"นาตาลีทำเกินไปและฉันจะไม่เอาไว้ให้รกหูรกตา ถ้าอยู่ไม่เป็นเย็นไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้มีที่ยืน...ฉันเอาจริง!!!" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งนึกภาพที่อารียากำลังจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา มันยิ่งทำให้ผมโกรธเคือง หญิงหรือชายหากสร้างปัญหาให้ผมก็ไม่เอาไว้"ครับ” เชรคก้มหัวตอบรับคำสั่งของผมอย่างที่เขาเคยทำ“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าอา
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 57-ช่วยที(นิโคลไล)สิ่งที่นาตาลีทำกับอารียา วันนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาตำหนิเธอ เพราะชีวิตของอารียา กำลังจมดิ่งลงสู่ก้นสระ"เกินไปจริง ๆ นาตาลีอย่าคิดว่าคุณจะรอดที่ทำร้ายเมียผมขนาดนี้!""ถ้ามันตายฉันคงกินอิ่มนอนหลับสบาย ฮ่าฮ่าฮ่า"พูดจบผมกำลังจะกระโดดลงสระเพื่อไปช่วยอารียา แต่ก็มีคนตัดหน้าแล้วดำน้ำลงไปคว้าตัวอารียามาก่อน ไม่รู้เลยว่าอารียาว่ายน้ำไม่เป็น ตอนที่เห็นเธอตกลงไปใจของผมหล่นวูบไปสู่ปลายเท้า เสียงหัวเราะของนาตาลีที่ดังก้องอย่างสะใจ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คำนึงเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น เป็นการพรากชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย"รียา รียา" ผมดึงอารียาขึ้นมาแล้ววางเธอนอนราบกับพื้นข้างสระ ตบแก้มเธอเบา ๆ หวังให้เธอรู้สึกตัว เพราะตอนนี้อริยาหมดสติ หัวใจของผมสั่นไหวและหวาดกลัว ห่วงทั้งเมียและลูกที่อยู่ในท้องจะได้รับอันตราย"ผายปอดเธอสิครับคุณนิค" เป็นเสียงของคู่แข่งหัวใจ เลยอยากเตือนสติ ทำให้ผมทำตามในสิ่งที่เขาบอก ค่อยๆปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับอารียา ทำ CPR และผายปอดให้เธอวนซ้ำอยู่แบบนั้น แ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 56-คนในความลับที่ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป(นิโคลไล)"เธอคือภรรยาของผม ที่ถูกต้องทางพฤตินัยและก็กำลังจะถูกต้องทางนิตินัยอีกไม่ช้า" ผมประกาศเสียงดังแน่ชัดว่าคนทั้งห้องจัดเลี้ยงต้องได้ยิน สิ่งที่คิดพูดออกไปมันถูกตรองมาอย่างถี่ถ้วน วันนี้ที่ผมให้อารียามางานด้วย ก็เพราะจะประกาศความลับที่ผมไม่อยากปิดบังอีกต่อไป ผมอยากให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเธอคือคนที่ผมรัก และพร้อมจะให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิตนับจากนี้ทุกคำที่ผมพูดออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่อยู่ในงาน บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมสนใจเท่าผู้หญิงตรงหน้า ที่ดวงตาเริ่มสั่นระริกผมไม่รู้ว่าเธอกำลังอายหรือดีใจกันแน่ แต่น้ำตาของเธอมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีมากกว่าด้านลบ"แต่งงานกันนะรียา" ผมพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือเพื่อรอรับ ในใจก็ลุ้นว่าอารียาจะยอมแต่งงานกับผมไหม?"อ๊ะ!" "ไม่มีทาง! มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องเป็นฉันสินิคคนคนนั้นต้องเป็นฉันไม่ใช่นังเด็กนี่" เพียงผมพูดจบจู่ ๆ นาตาลีก็โผล่พรวดเข้ามา แล้วผลักอารียาจนเธอเซถลา ดีที่ผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน และเป็นคุณไมค์ที่รับเธอจากด้านหลัง รองเท้าส้นส
"ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ" ฉันเหมือนจะมือสั่นเมื่อเห็นคุณนิคมุ่งไปยังผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี พูดกับคุณไมค์จบฉันก็หันหลังตั้งท่าจะเดินออกมา"จะไปไหน?" แต่ว่าต้องหยุดก้าวเดิน เมื่อแขนถูกจับรั้งไว้ นั่นจึงทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง".........." คนที่คว้าแขนไว้ทำให้ฉันแน่นิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าเขาชั่วครู่ ไม่สามารถทานทนต่อสายตาของคุณนิคได้ไหว จึงได้เบือนหน้าหลบสายตา ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพียงแค่มองหน้าเขาแล้วภาพทุกอย่างมันก็ถูกมโนไปไกล จนแทบอยากปล่อยให้น้ำตารินไหล มันอ่อนไหวเพียงแค่สบตาเขา "ฉะ ฉันหายใจไม่ค่อยออก เลยว่าจะไปสูดอากาศข้างนอก" ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้เป็นปกติที่สุด"รอก่อนสิ อามีบางอย่างจะบอก" คุณนิคพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ แต่แววตาของเขาย้อนแย้ง มันดูมีประกายฉายวับออกมา ฉันหันไปมองผู้คนโดยรอบ ทุกสายตาจดจ้องมายังฉันกับคุณนิค ที่ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟสาดส่องสว่างจ้า"บ บอกอะไรคะ?" ฉันย้อนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มันประหม่าจนไม่รู้จะเก็บทรงยังไงให้แน่นิ่งและไม่วอกแวกต่อหน้าสาธารณะชนที่รายล้อมตอนนี้"อารู้ว่ามันอาจจะช้าไป และที่ผ่านมาหนูก็คงเสียใจมามากพอสมคว