รักลับสัมพันธ์สวาท
ตอนที่ 6-หมดสภาพ
(อารียา)
"อี๋ ไอ้ผู้ชายบ้า ทำไมฉันต้องมาเจอคนทุเรศ ๆ แบบนี้ด้วยนะ.....คุณท่านไม่น่ามีลูกชายแบบนี้เลย ไอ้บ้า! กล้ามาจูบปากของฉัน เบ้าหน้าอย่างกับเทพบุตร แต่นิสัยนี่เลวสุด ๆ ไปเลย" นึกแล้วก็เจ็บใจกับการที่ผู้ชายคนนั้นกล้าขโมยจูบของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต อยากจะด่าให้หลังคากระเจิง แต่ฉันก็เกรงใจคุณเชรคที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฝากไว้ก่อนแล้ววันหลังฉันจะเอาคืน รู้จักคนอย่างอารียาน้อยไปซะแล้ว
"แล้วถ้าฉันต้องมาอยู่ร่วมชายคากับเขา จะไม่ตีกันตายหรือไงวะเนี่ย...โอ๊ย!! ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ด้วยนะ แถมยังหน้าหม้ออีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณท่านดีกับฉันอุปภัมภ์ส่งฉันเรียนนะ ฉันจะไม่อดทนกับคนแบบนายขนาดนี้หรอก" ฉันก็ได้แต่บ่น ๆ แล้วก็บ่น เพราะคนอย่างฉันจะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ เพิ่งมาถึงวันแรกและไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และนี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนที่จะไปไหนตามอำเภอใจได้ อดทนไว้อารียาอดทนเอาไว้ "เฮ้อ ถ้าฉันเก็บเงินได้มากพอ รับรองเลยว่าฉันจะย้ายไปอยู่ข้างนอก ไอ้แก่ลามก!"
"อาบน้ำดีกว่า จะได้ดับอารมณ์หัวร้อนของฉันลงบ้าง" ฉันคิดได้ดังนั้นอย่างทำใจ แม้จะรู้สึกเหนื่อนอ่อนกับการที่ต้องมาต่อกลอนกับตาแก่บ้ากาม แต่ฉันก็ต้องพยายามอยู่ให้ได้ เพื่อตอบแทนพระคุณที่คุณท่านอุปการะส่งเสียฉันเรียนจนจบขนาดนี้
ฉันถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายด้วยความคุ้นเคย การอยู่คนเดียวจนชินทำให้ฉันไม่อายที่จะแก้ผ้ากลางห้อง จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูที่ขาวสะอาดตา ที่ถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ พันรอบอกแล้วเดินเข้าห้องน้ำ อ่างน้ำใบใหญ่ที่เห็นแล้วทำฉันต้องยกมือกุมหัว ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นอ่างจากุชชี่มาก่อน แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นตรงหน้ามันหรูหราเอามาก ๆ ซึ่งที่ผ่านมาฉันไม่เคยใช้อ่างที่มันมีระบบมากมายแบบนี้ แล้วอีอารียาจะทำไงวะ!
"คนรวยนี่ทำไมต้องใช้อะไรที่มันยุ่งยากด้วยนะ" ฉันยืนมองอ่างจากุชชี่ที่มีปุ่มมากมาย ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ปุ่มมันเยอะแยะไปหมดจนคนฉลาด ๆ แบบฉันไปไม่เป็น ได้แต่ยืนเกาหัวมือเท้าสะเอวอย่างงุนงง "ไม่ลองผิดลองถูกแล้วรู้ได้ไงเนาะยัยรียา" จะให้ฉันเดินออกไปด้วยสภาพนี้เพื่อหาตัวช่วยก็จะกระไรอยู่ เดี๋ยวอีตาแก่หัวงูได้ล้อฉันแน่ ๆ เขายิ่งปากจัดอยู่ด้วย
ฉันเปิดและกดปุ่มที่มันมากมายอย่างคาดเดา กดแม่งให้หมดอันไหนติดก็คงจะเป็นอันนั้นแหละมั้ง พยายามอยู่นานก็ยังไม่เห็นมีน้ำไหลออกจากสักนิด
"มันก็น่าจะเป็นตรงนี้นี่หว่า แล้วทำไม่น้ำมันไม่ออกวะ!....ว้าย!!"
เพล้ง! ด้วยความหงุดหงิดทำให้ฉันจิ้มปุ่มอะไรก็ไม่รู้ และโยกก๊อกที่คิดว่ามันต้องใช่ แต่แล้วมันก็เกินคาด น้ำมากมายพุ่งทะยานอย่างแรงใส่หน้าฉันจนแสบไปหมด เลอะตามพื้นและสุดท้ายฉันที่ตกใจกับการมาของน้ำในก๊อก มันทำให้ฉันลื่นล้มกับพื้น มือก็ไม่รู้ปัดโดนอะไรตกแตก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บร้าวไปถึงแผ่นหลังจนลุกไม่ไหว ไอ้สบู่เหลวกลิ่นหอมกุหลาบก็หกคว่ำขวดแตกกระจาย จนมันเลอะชุ่มไปทั้งตัวของฉัน
"ชะ ช่วยด้วย อ๊ะ!" ฉันที่พยายามจะหยัดตัวลุก ก็ต้องร้องโอดครวญ จะยกคอมองก็ต้องนอนราบกับพื้นอย่างเดิม เหมือนคอจะเคล็ดและขาก็แพลง...รียาผู้หญิงมั่นหน้าอย่างฉันจะมาตายในสภาพนี้ไม่ได้นะ ไม่!! สภาพที่แทบเปลือยโป้ผ้าขนหนูหลุดจากอก นอนหงายขางออย่างทุเรศ
ฉันพยายามยกแขนข้างที่ไม่เจ็บดึงผ้าขนหนูให้ปกคลุมส่วนสงวนไว้ ดึงลงไปปิดให้ได้มากที่สุด
"บ้านก็รวยหาผ้าผืนใหญ่กว่านี้ไม่ได้หรือไงกัน...ปิดบนปิดล่างของฉันแทบไม่มิดอยู่แล้วเนี่ย" ฉันได้แต่นอนบ่น เสียงที่ดังขนาดนี้ทำไมไม่มีใครได้ยินแล้วมาช่วยฉันบ้างล่ะ โอ๊ย! รียานะรียาทำไมต้องมาเจออะไรที่เฮงซวยแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่มามอสโก เพราะนายนั่นที่ทำฉันซวยแบบนี้
"อารียา...อารียาฉันได้ยินเหมือนเสียงของแตก เธอ...!!" เสียงเรียกดังก้องเข้ามา นั่นทำเอาฉันหน้าเสียและเริ่มกังวล เสียงที่คุ้นหูเพิ่งจะฟาดฟันกับฉันไปไม่นาน เขาเข้ามาในนี้ได้ยังไงกัน ทั้งที่ฉันคิดว่าล็อกประตูแล้วนะ
"อย่ามองนะ!" เขาเดินมาหยุดตรงประตูพร้อมสายตาที่จ้องมองมายังฉันที่อยู่แบบหมดสภาพ สายตาเจ้าเล่ห์นั้นจ้องมองฉันไม่วางตา เหมือนเขาตกตะลึงกับฉันที่เป็นตอนนี้ สีหน้าดูหื่นกามอย่างไม่น่าไว้วางใจ "บอกว่าอย่ามองไงเล่า!"
"ไปนอนเล่นอะไรตรงนั้น ทำไมไม่ลงอาบในอ่างดี ๆ อารียา" เขาพูดอย่างยียวนแล้วเดินไปปิดอะไรสักอย่างแถวอ่างน้ำ
"สาบานว่าคุณคิดแบบนั้นจริง ๆ คุณอา"
ดูเขาสิโคตรจะกวนตีนยั่วโมโหฉันเลย คนเจ็บจะตายอยู่แล้วยังมาเอ้อละเหินลอยชายอยู่ได้ ยืนยิ้มไหล่พิงประตูคิดว่าหล่อนักหรือไงวะ ฉันเอือมระอากับผู้ชายตรงหน้าตอนนี้เสียจริง อย่าไม่ติดว่าเจ็บนะ แม่จะฟาดให้จำทำอะไรไม่ถูกเลยเชียว
"อ้าว...ไม่ใช่เหรอ แต่ปากก็ยังดีอยู่นี่ก็นึกว่าอยากลองอาบน้ำแบบใหม่"
"ฉันเจ็บนะคุณ...ยืนพูดมากอยู่ได้ มาช่วยฉันหน่อยเซ่"
เขายังมีหน้ามาพูดเล่น ทั้งที่ฉันเริ่มจะหัวร้อน อายก็อายผ้าขนหนูก็หลุดหลังที่สัมผัสกับกระเบื้องเย็นจนขนลุก อยากจะลุกก็ลุกไม่ไหว ฉันอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริง ๆ เลย
"ขอร้องสิแล้วอาจะช่วย" เขายืนมือกอดอกจ้องมาทางฉันด้วยสีหน้ากะล่อน นั่นทำฉันถึงกับขบฟันแน่น อย่าให้ฉันได้เหนือกว่ารับรองเลยว่าจะเอาคืนเขาให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำตอนนี้
"ช่วยหน่อยฉันเจ็บ" ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดฟอดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องเขาไป
"พูดหวาน ๆ น่าฟังกว่านี้ น้ำเสียงห้วนแบบนี้ใครจะไปอยากช่วย อีกอย่างอาก็เป็นผู้ปกครองของเธอควรจะเคารพกันมากกว่านี้"
"ทำตัวน่าเคารพตายล่ะ" ฉันพูดเป็นภาษาไทยที่คิดว่าเขาคงไม่เข้าใจแน่ จะให้เคารพลงได้ยังไง ฉันมาวันแรกเขาก็ทำเรื่องบัดสีกลางวันแสก ๆ อย่างน่าไม่อาย
"ว่าอะไรนะ พูดภาษาที่ทำให้อาเข้าใจสิ" เขาย้อนถามด้วยสีหน้างุนงง "งั้นไปละ" เขาตั้งท่าจะเดินจากไป
"เดี๋ยว ๆ ....คุณอาขาช่วยหนูหน่อยนะคะ พอดีว่าหนูลื่นล้มขาแพลงคอเคล็ดลุกไม่ไหว" ฉันรีบเรียกเขารั้งไว้ แล้วตัดสินใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วแสนสะอิดสะเอียน ตั้งแต่โตมาจนเรียนจบ ไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้สักครั้ง นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ต้องมาพูดด้วยความออดอ้อนมารยาแบบนี้ มันไม่ใช่อารียาเลยสักนิด
"ค่อยน่าฟังหน่อย...มาครับเดี๋ยวอาช่วยนะ...มองใกล้ ๆ นี่หลานอาก็สวยดีนะ" เขาพูดขึ้นแล้วเดินเข้ามาอุ้มฉันขึ้น สายตาที่เขามองตอนนี้ สายตาที่ดูแล้วมีเสน่ห์แต่คนอย่างฉันไม่หลงเสน่ห์อันแพรวพราวของคนเจ้าชู้หรอกนะ
"ขอบคุณค่ะ...อันนั้นรู้ตัวดี"
"แต่มองอีกทีไม่มองจะดีกว่า"
"นี่! ไอ้เฒ่าหัวงู ไอ้คนปากเสีย ไม่อยากแก่ตายหรือไงห๊ะ"
ความยียวนของเขามันทำเอาฉันหัวร้อนอีกครั้ง ตวาดเสียงดังลั่นด่าเขาเป็นภาษาไทย แต่เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วงุนงงมองหน้าฉันอย่างเป็นคำถาม
"พูดอะไรไม่รู้เรื่อง" ก็ด่านี่นาจะให้พูดแล้วฟังรู้เรื่องเขาก็ด่าฉันคืนสิ จากนั้นเขาก็อุ้มฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้ววางฉันลงบนเตียงดึงผ้าหุมคลุมไว้ให้ แล้วเรียกคนรับใช้เข้ามาดูแลจัดการกับฉัน ก็นึกหวาดหวั่นว่าเขาจะทำอะไร แต่นับว่าดีหน่อยที่เขายังมีความเป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ฉวยโอกาสกับร่างกายฉัน ทั้งที่ภาพลักษณ์แบดบอยของเขาไม่น่าจะปล่อยให้คนสวย ๆ แบบฉันหลุดลอยไป...
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 7(พินัยกรรมชี้ขาด)(นิโคลไล)ยอมรับเลยว่าภาพของอารียาติดตาของผมไม่หาย ร่างกายที่เนียนละเอียดผุดผ่อง มันเหมือนกับผมถูกต้องมนตร์ไปชั่วขณะ แต่ต้องห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปมากกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจับเธอขยี้ให้อยู่ใต้ร่าง แต่เธอไม่เหมือนอย่างใครที่ผมเคยนอนด้วย และอีกอย่างที่มันค้ำคอคือเธอเป็นเด็กในอุปการะของพ่อ ซึ่งมันคงจะล่อยาก แต่ถ้าหากว่าเธอทำให้ผมหัวร้อนไม่พอใจ มันอาจจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้...แต่เด็กอ่อนหัดอย่างอารียา คงไม่มีลีลาอะไรที่จะให้ผมสนใจมากกว่านี้หรอก"ฮึ กูเป็นบ้าอะไรวะ" แล้วก็ทำผมหัวเราะคนเดียว กับการที่นึกถึงอารียาเด็กในอุปการะที่ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก"คุณอารียาเธอคงลงมาทานมื้อเย็นไม่ไหวนะครับ" ผมที่นั่งคิดเพลิน ๆ ต้องหยุดความคิดลง แล้วรอฟังเชรครายงาน"อืม สภาพแบบนั้นคงมาไม่ไหวหรอก ให้แม่บ้านยกอาหารไปให้เธอด้วยแล้วกัน" ผมสั่งเชรคไปจากที่เห็นเธอลื่นล้ม ผมคงไม่ใจร้ายใจดำคะยั้นคะยอให้เธอลงมาหรอก..."ครับ" เชรคตอบรับแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป เพื่อทำตามคำสั่งของผม"แล้วนายจะกินข้าวกับฉันก่อนกลับไหมล่ะ" ยังไม่ทันที่เชรคจะก้าวขาเดินผมก็ทักขึ้น วันนี้ผมรู้สึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 8(ไปแน่!)(อารียา)"คุณหลอกฉันใช่ไหม" ฉันเหมือนกับหยุดหายใจเมื่อคุณนิโคลไลพูดออกมา ถึงผู้อุปการะที่ฉันเฝ้ารอว่าสักวันจะได้มาพบหน้า แต่ว่าวันนี้เหมือนฝันนั้นของฉันสลายไป เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเขาอย่างไม่คิดเชื่อ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินมันดับฝันที่ฉันเฝ้ารอ"พ่อผมเสียแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะมาอยู่ในปกครองผมได้ยังไง" เขาพูดขึ้นอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ใจของฉันมันกำลังเจ็บปวดและโศกเศร้า อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบหยุดหายใจลงตรงนี้"ทำไมคุณไม่บอกฉัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง ฮือ~~คุณมันใจร้าย ฉันรอมานานแค่ไหนไม่รู้หรือไง ฉันหวังว่าสักวันจะได้เจอคุณท่าน ไม่ใช่เพียงเจอกันผ่านตัวหนังสือในอีเมล์ ฮือ..." สุดท้ายฉันก็เก็บกลั้นความเสียใจไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพรั่งพรูอย่างไม่คิดอายผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทุบอกของเขาระบายความเศร้าที่ถาโถมอย่างไม่ทันตั้งตัว"ใจร้ายอะไร ผมแค่เห็นว่าไม่สำคัญขนาดนั้น พ่อผมตายนะไม่ใช่พ่อของคุณตายซะหน่อย"เปี้ยะ!เขาพูดหน้าตาเฉย มันเลยทำให้ฉันเสียยิ่งใจหนักขึ้น จนฟาดฝ่ามือกระแทบใ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 9(ดัดหลัง)(นิโคลไล)"บอริส ฉันมีเรื่องให้นายช่วยหน่อย"(เรื่องอะไรว่ามา ถ้าหากฉันช่วยนายได้ก็จะช่วย)"นายช่วยได้อยู่แล้ว เดี๋ยวเราสองคนนัดเจอกันที่คลับหากวันไหนนายว่าง"(สรุปจะให้ช่วยเรื่องอะไร)หลังจากที่อารียาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านของผมไปด้วยความทุลักทุเล โดยที่ผมก็ไม่คิดจะห้ามเธอใด ๆ สักนิด ก็เธอมันผยองก๋ากั่น จนผมต้องดัดหลังให้เธอหลาบจำ ผมต่อสายหาเพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่สนามบินดามาเดียตดาวา"ฉันส่งข้อมูลเข้าไปในอีเมล์ของนายแล้ว ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอก แค่อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นบินออกนอกประเทศได้ และทำยังไงก็ได้ให้เธอซมซานกลับมาบ้านของฉัน โดยที่ไม่ต้องให้เธอรู้"(เด็กนายเหรอ?)"ไม่ใช่เด็กเลี้ยง แต่เป็นเด็กในปกครองที่พ่อฝากฝังไว้ แต่เธอมันดันจองหองปากดีไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของฉัน ต้องดัดหลังกันหน่อยว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน"ผมจัดการส่งข้อมูลของอารียาที่เชรคมันเคยส่งมาให้ จากนั้นก็ส่งเข้าเมล์ของบอริสเพื่อให้มันจัดการต่อตามที่ผมต้องการ แต่เพื่อนก็ดันปากดีอย่างกับรู้ทัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของผมคิด ผิดพลาดไปนิดเดียวเ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 10(อย่าบอก...)(อารียา)ฉันเดินลากกระเป๋าออกมาทั้งที่ขาก็เจ็บคอก็เคล็ด เรียกแท็กซี่เพื่อตั้งท่าจะไปสนามบิน แต่ฉันลืมนึกไปว่าเงินที่มีติดตัวมันไม่พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย นึกได้อย่างนั้นก็เลยลงจากแท็กซี่กลางทาง คนเดียวที่ฉันจะพึ่งพาได้ตอนนี้คือคุณเชรค เพราะหากจะให้ฉันขอความช่วยเหลือจากผู้ชายไม่มีหัวใจคนนั้นฉันยอมนอนข้างถนนดีกว่า"ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลานี้ แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครจริง ๆ ค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้หลังจากที่คุณเชรคไปรับฉันที่ป้ายรถเมล์ และพามายังห้องพักที่เขาบอกว่าเคยซื้อไว้แต่ไม่ได้มาอยู่ เพราะต้องดูแลคนที่บ้าน ที่นี่มันเลยว่างเปล่า นั่นจึงทำให้ฉันได้มีที่ซุกหัวนอนรอดตายอย่างหวุดหวิด"ไม่เป็นไรครับ...แล้วคุณอารียาต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม ผมจะได้จัดการให้คุณคงไม่สะดวกที่จะออกไปซื้อเอง" คุณเชรคเสนอเขาคนเดียวนี่แหละมั้งที่ดีกับฉันที่สุดในตอนนี้ ถ้าหากเป็นเจ้านายของเขาไม่คิดแยแสฉันแบบนี้หรอก"แค่นี้ก็รบกวนคุณเชรคมากพอแล้วค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะลองหางานพาร์ทไทม์ทำเก็บเงินได้จะหามาคืน" ฉันยกมือไหว้เขารอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ หากไม่มีเขาป
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 11(ขู่ตำรวจ)"เป็นไงบ้างวะ ตามตัวเธอเจอไหมอันเดร?" หลังจากที่รู้ว่าอารียาหายตัวไป เขาก็คอยถามไถ่กับเพื่อนตำรวจที่ให้ช่วยเหลือ"ยังไม่เจอเลย นายแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ออกนอกประเทศไปแล้ว" อันเดรย้อนถามเพื่อน ตั้งแต่ที่ได้รับสายของนิคเขาก็รีบกระจายกำลังในการค้นหา แต่ว่ายังไม่พบร่องรอยของคนที่หายตัวไป"แน่ใจสิเพราะบอริสเช็กให้แล้วอย่างละเอียด ไม่มีชื่อเธอบินในวันนั้น" นิคตอบอย่างมั่นใจ ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายนาทีแต่ยังไม่มีวี่แววของเด็กในปกครอง มันสร้างความกังวลใจแก่เขาไม่น้อย"ทำเด็กหายวุ่นวายเพื่อนไปหมด" อันเดรต่อว่าไม่จริงจัง พูดในเชิงหยอกล้อเสียมากกว่า"ก็ไม่ได้ให้ช่วยฟรี ๆ ปะวะ" นิคย้อนทั้งที่มีอาการหัวเสียและกังวล ก็คนที่พ่อฝากดูแลหายไปทั้งคน โดยไม่รู้ที่มาที่ไปใครจะไม่หัวร้อน"ปกติแกไม่ค่อยสนใจตามหาใครนี่หว่านิค แสดงว่าคนนี้ต้องพิเศษสำหรับแก" อันเดรหันไปแซว ก็ที่แล้วมาเพื่อนคาสโนว่าคนนี้ไม่เคยไยดีกับหญิงใด"พิเศษกับผีอะไรล่ะ...เด็กอุปถัมภ์ของพ่อที่ฝากไว้ให้ฉันดูแลต่อเท่านั้นแหละ" นิคให้เหตุผลซึ่งคนเป็นเพื่อนก็พยักหน้าทำความเข้าใจ"แค่นั้นจริงอะ?" อันเดรย้อนถามอย่า
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 12-หลบหน้า(อารียา)“ผมแอบคุณนิคมา เรามีเวลาไม่มากนะครับ และตอนนี้คุณนิคก็ให้เพื่อนตำรวจออกตามหาตัวคุณ ผมเกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเจอคุณในเร็ววัน” คุณเชรคบอกฉันในขณะที่เราสองคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสุสานของคุณท่าน คนที่ฉันเฝ้ารอคอยตัวเป็น ๆ แต่วันนี้ฉันกับจะได้เจอท่านเพียงแค่เสาที่สลักชื่อเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าที่ฉันจะไม่ได้พบท่านเลย“อย่าเพิ่งอวยพรกันเร็วนักสิคะ ฉันยังไม่อยากจะเจอเขาในเวลานี้” ฉันที่เดินเคียงข้างหันไปพูดกับคุณเชรค ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเจอหน้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองจริง ๆ สิ่งที่เขาพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจกัน มันทำให้ฉันโกรธเคืองเขาอยู่ ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญหรือมีค่าพอที่จะให้ใครนึกถึง แต่สิ่งที่ฉันคำนึงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการได้มาเจอหน้าคุณท่านสักครั้ง มันคือความฝันและสิ่งที่ฉันเฝ้ารอ แต่แล้วเขากับพูดตัดพ้อความรู้สึกของฉันอย่างไม่รักษาน้ำใจ“นี่เป็นสุสานของคุณท่าน คุณรีบไหว้คุณท่านเถอะครับผมจะได้รับกลับไปส่ง ก่อนที่คุณนิคจะสงสัยผมเอาเดี๋ยวความลับของคุณจะแตก ผมยิ่งโกหกไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย” คุณเชรคว่าขึ้นพร้อมอมยิ้มทีเล่นทีจริง
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 13 - แค่ปลายจมูก(นิโคลไล)"ไปเที่ยวไหนมาเหรอ?" ผมที่เห็นผู้หญิงรูปลักษณ์คุ้นตา เพราะความสูงที่มันเอื้ออำนวย ทำให้ผมมั่นใจว่าคนคนนั้นคือคนที่ผมกำลังตามหากันจ้าละหวั่น แต่เธอดันอยู่แค่ปลายจมูกผมรีบวิ่งไปดักทางด้วยความคล่องแคล่ว จนเธอคงคิดไม่ทันว่าผมนั้นจะเห็นเธอเข้าแล้ว ความคุ้นเคยกับเส้นทางคนอย่างเธอไม่มีวันหลบหนีผมได้หรอก สีหน้าของเธอดูตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้า แต่ว่าเธอรีบปรับสีหน้าให้ดูปกติ"....." เธอมองหน้าผมชั่วครู่ ไม่มีคำตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่เธอเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ซึ่งผมก็รีบสาวเท้าวิ่งไปดักหน้าเธอไว้อีกครั้ง ไม่มีทางที่เธอจะหนีผมพ้น แม้จะหนีออกนอกประเทศก็ตาม สุดหล้าฟ้าเขียวผมก็ตามหาเจอ"อาถามไม่ได้ยินหรือไง" ผมเอ่ยขึ้นเสียงขรึม หวังข่มให้เธอหวาดหวั่นเสียบ้าง แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะอารียาเธอดูไม่ได้สะทกสะท้านกับท่าทางและน้ำเสียงของผมเลย เธอเอาแต่เงยหน้ามองผมด้วยสีหน้านิ่งและหยิ่ง แววตาที่เธอมองมันเปล่งประกายความจองหองท้าทาย"ได้ยินแต่ไม่อยากตอบ" เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เฉยชาใส่ผมแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าปฏิเส
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 14 - กลัว(อารียา)สุดท้ายฉันก็หนีเขาไม่พ้น ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นกลกับฉันนัก ขอให้ฉันไม่เจอหน้าเขานานกว่านี้ก็ไม่ได้ ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอคนบัดซบแบบนี้ด้วย!"ขาก็เดี้ยงยังมาทำเก่ง" กัดฉันอย่างกับหมา แขวะได้แขวะดีเขาก็ปากร้ายเหมือนกันนั่นแหละ"ปากแบบนี้ไม่น่าแก่ตาย" ฉันว่าเขาคืนในขณะที่เดินตามตูดเขาเข้าบ้าน คงเพราะวิ่งอย่างลืมเจ็บเมื่อกี้แน่เลย ทำให้ฉันรู้สึกเดินลำบากกว่าเดิม ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา"เธอนั่นแหละยัยตัวแสบที่จะไม่แก่ตาย เพราะปากเธอมันร้ายฉอดเก่งยิ่งกว่าพิทบูล" ไอ้แก่นี่มันด่าฉันอีกแล้ว ฉันกับเขาคงอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้แล้วล่ะ"นี่!! ฉันไม่ใช่หมานะ" ฉันรีบเดินขากะเผกไปดักหน้าแล้วผลักไหล่เขา ถ้าขาไม่เจ็บนะเขาโดนหมัดฉันปากแตกแน่"ยิ่งกว่าหมาอีกเธอน่ะ...หลบไป!""อ๊ะ!"เขาย้อนหน้าตายและผลักไหล่ฉันคืนจนเซ แต่ทำไมฉันผลักเขาแทบไม่ขยับวะ จากนั้นเขาก็เดินหนีไป ทิ้งให้ฉันหัวร้อนอยู่คนเดียว"อย่าเดินหนีนะ ฉันบอกว่าอย่าเดินหนีไม่ได้ยินหรือไง!...โอ๊ย~~""รียา!"ฉันพยายามเดินตามแต่ขาที่เจ็บมันไม่เอื้ออำนวย จนฉันพลาดล้มฟุบกับพื้น นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเจ็บมากกว่า
บทส่งท้าย-มันคือรักที่ยากจะหวนกลับ(อารียา)เวลาผ่านไปหลายเดือน คนที่อยู่ในท้องก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา คำสัญญาที่คนแก่ของฉันเคยให้ไว้ ภาระหน้าที่การงานก็รีบเคลียร์แล้วพาฉันมาเที่ยว...("เรียบร้อยดีใช่ไหม? อืม แล้วนี่นายอยู่ที่บริษัทไหม?...งานที่บริษัทฝากนายด้วย เดี๋ยวสิ้นปีจะตบโบนัสให้อย่างงามเลย...มึงพูดให้มันเคลียร์ ๆ ดิเชรค... ไอ้เชรค!")ประโยคเหล่านี้ฉันนั่งฟังพร้อมกับรอยยิ้มในบางครา และแน่นอนว่าเขากำลังคุยกับเลขาคนสนิท ที่สามารถฝากฝังหน้าที่การงานได้ คำพูดที่หยาบโลนแต่แอบซ่อนด้วยความทะเล้น คนแก่ ๆ ที่ฉันเคยตราหน้าว่า เป็นเหมือนหมาที่เอาไม่เลิกฤดู สุดท้ายจนก็ต้องมาตกม้าตายและกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขา ที่อดีตเคยลั่นไม่คิดจะเอาผู้หญิงอย่างฉันทำเมีย...เสมอกันทั้งฉันและเขาสายลมอ่อนพัดกระทบใบหน้า ทำให้ฉันรู้สึกดี มันสดชื่นจนยากจะบรรยาย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ที่พร้อมดูแลลูกน้อยที่อยู่ในท้อง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ว่าฉันกลับรักมากมาย แม้ถวายชีวิตฉันก็สามารถให้เขาได้ 'ลูก' เพียงเท่านั้นที่ฉันยอมและ และคนแก่ที่นั่งข้างฉันก็คงคิดและรู้สึกแบบเดียวกัน"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ""ขอนั่ง
(อารียา)หลังจากที่ฉันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนแก่ของฉันก็แสดงความโอเวอร์เร้าหรืออยากให้อยู่ใกล้หมอต่อ ให้เหตุผลว่าอยากให้แน่ใจว่าฉันหายดีแล้วจริง ๆ จนฉันต้องเอาลูกที่ยังเท่าเม็ดถั่วมาอ้างว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล เขาถึงได้ยอมให้ฉันกลับมาพักที่บ้าน…เขามันเวอร์ทั้งที่ฉันปกติดีทุกอย่าง“ไม่ต้องประคองหรอก หนูเดินเองได้” ฉันบอกเขาในขณะที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน“ไม่ได้หรอกเผื่อลื่นขึ้นมาจะทำยังไง อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มีอะไรจะได้รับไว้ทัน ทำไมหนูไม่เข้าใจอะ” เหตุผลคนแก่ที่ทำฉันต้องอมยิ้ม แม้บางทีจะดูงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ“ก็ไม่อยากให้อาวุ่นวายไง แล้วนี่งานไม่เยอะเหรอถึงไม่เข้าบริษัท” หันไปถามเขา ทำเอาคนแก่ของฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“นี่ไล่ทางอ้อมใช่ไหม ทำไมอยู่ด้วยกันมันอึดอัดมากหรือไง ใช่สิคนอายุเยอะมันคงไม่กร้าวใจเหมือนคนหนุ่ม ๆ” มีโวยวายเบา ๆ อย่างกับน้อยใจ อะไรวิ่งเข้าหัวสมองทำให้เขาต้องมีอาการวัยรุ่นแบบนี้นะ ทำฉันกลั้นขำแทบไม่ไหวเลยทีเดียว“อะไรของคุณอากันคะเนี้ย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่เป็นห่วงว่างานขอ
(นิโคลไล)“ว่าไงเชรค” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนผมต้องหันไปสนใจ เป็นเชรคที่โทรเข้ามา ผมกลัวว่าอารียาจะตื่นหากคุยอยู่ตรงนั้น จึงเดินออกไปตรงระเบียง เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท“เรื่องที่นายให้ผมไปสืบได้ความแล้วครับ”“ว่ามา”“คุณไมค์กับคุณนาตาลีร่วมมือกันทำร้ายคุณอารียาจริง ๆ ครับ เขาเป็นลูกชายของมิสเตอร์ปาเวลที่ฆ่าตัวตาย หลังจากที่คุณนิคไปเทคโอเวอร์บริษัทนั้นมา แต่คุณไมค์ก็มีธุรกิจที่เรารู้กัน แต่จริงแล้วบริษัทที่พ่อเขาสร้างมากับมือเข้าสู่สภาวะวิกฤตเรื่องการเงิน เพื่อรักษาบริษัทนั้นไว้เขาจึงได้ยอมให้ทางเราเทคโอเวอร์” “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีทายาทอีกคน”“คุณไมค์เป็นลูกภรรยาคนที่สองของมิสเตอร์ปาเวลครับ เขาและพ่อของเขาผูกพันกันมาก เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และผมคิดว่าการที่เขาเข้าใกล้คุณอารียาเพราะว่า.....”“คงเพราะคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาฆ่าตัวตายสินะ”“พ่อเขาเป็นคนขอให้คุณนิคช่วยซื้อบริษัทไว้ เพราะห่วงพนักงานกลัวว่าจะตกงานหากบริษัทปิดตัวลง จุดนี้ผมคิดว่าคุณไมค์คงไม่ทราบถึงเบื้องลึกเหล่านี้”สิ่งที่ผมมอบหมายให้เชรคไปตามสืบ เรื่องราวที่ผมเฝ้ารอ มันทำให้ผมหูผึ่งแ
(อารียา)ฉันตื่นนอนในยามเช้า ข้างเตียงไม่มีเขาที่เฝ้าฉันเมื่อคืน กวาดสายตามองหาจนพบว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เหมือนกับเลี่ยงไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่รู้ว่ากลัวจะรบกวนการนอนหลับของฉัน หรือมันมีเรื่องอะไรที่ปิดบังจนไม่อยากได้ฉันรับรู้ ฉันนอนมองแผ่นของเขาอย่างครุ่นคิด พร้อมกับทบทวนคำพูดและการอ้อนวอนของเขาที่พูดเมื่อคืน...ฉันควรเปิดใจและให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อของลูกดีไหม?“ตื่นแล้วเหรอ...รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตัวไหม?” เขาถามทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่วางสาย ถามรัวจนฉันตั้งตัวที่จะให้คำตอบไม่ทัน สีหน้าของเขาดูห่วงใยฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างนิโคลไลจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังหรือไม่ ฉันไม่อยากจะคาดหวังกับผู้ชายคนนี้เลย...กลัวผิดหวัง“ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูโอเคตอนนี้อยากกลับบ้าน” ฉันบอกเขาในสิ่งที่ต้องการ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยสักนิด“ให้หมอดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนเถอะนะ จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมกับมือเอื้อมมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองหน้าเขาอย่างสังเกต สายตาของเขามองฉันต่างไปจากเดิมใน
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 59-ยอมทุกอย่าง“นายคิดจะทำอะไรกันไมค์ เข้าหาอารียาเพื่ออะไร” จากที่เชรคเล่าให้ฟัง ทำให้ผมนั่งคิดทวนคนเดียวอยู่ในห้อง มีเพียงความมืดสลัวที่อยู่เป็นเพื่อนตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกห่วงอารียามากกว่าเดิม ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจนได้รับอันตรายอีก ผมเดินออกมาตรงระเบียงห้องพักฟื้น ยืนมองทอดไกลไปอย่างไร้จุดหมาย สมองคิดเรื่องราวมากมายที่มันสามารถเชื่อมโยงกัน แต่นึกทวนยังไงผมก็นึกมันไม่ออก ตอนนี้โคตรกลุ้มเลยล่ะผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นของอารียา แล้วนั่งลงข้างเธอ ผมกุมมือของเธอไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าของเธอในความมืดสลัว คิดกลัวและกังวลจนตอนนี้ผมรู้สึกนอนไม่หลับ ห่วงความปลอดภัยของเธอหากผมเผลอหลับไป แล้วใครแอบเข้ามาทำร้ายเธออีก“อา...” เสียงของอารียาที่แผ่วเบาเรียกผมจนต้องตื่นตัวหลุดจากภวังค์ความคิด ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงของเธอที่แหบแห้งชัดเจน“หนูเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม เดี๋ยวอาเรียกหมอให้” ผมรีบถามอาการของเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟหัวเตียงเพื่อให้มีแสงสว่าง“ลูกละคะปลอดภัยใช่ไหม?” เป็นคำถามแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ไม่ได้นึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 58 - กำจัด(ก็คุณพลาดเองช่วยไม่ได้ จะมาโทษผมได้ยังไง...นั่นมันเรื่องของคุณ ผมช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญญาจัดการ.....อืม ค่อยคิดอีกที และคุณก็ควรห่างการติดต่อผมสักพักด้วย...แค่นี้นะ)(เปิดทางให้แล้วยังโง่อีก) "เชรคนายจัดการเรื่องที่อารียาถูกทำร้ายให้เด็ดขาด ฉันไม่มีปล่อยให้อารียาเจ็บฟรีแน่" ผมเดินออกมานอกห้องพักของอารียาหลังจากที่เธอนอนหลับไปแล้ว สั่งการกับเชรคที่รออยู่ด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ผมโมโหมาก และคงยากหากมันไม่ได้รับการคลี่คลายในแบบของผม ผมไม่ได้ใจร้ายหากใครไม่คิดทำลายผมหรือคนที่ผมรักก่อน"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที" เชรคตบปากรับคำ เป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากและรักเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง เราสองคนสนิทสนมกันมานานจนรู้ใจกัน"นาตาลีทำเกินไปและฉันจะไม่เอาไว้ให้รกหูรกตา ถ้าอยู่ไม่เป็นเย็นไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้มีที่ยืน...ฉันเอาจริง!!!" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งนึกภาพที่อารียากำลังจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา มันยิ่งทำให้ผมโกรธเคือง หญิงหรือชายหากสร้างปัญหาให้ผมก็ไม่เอาไว้"ครับ” เชรคก้มหัวตอบรับคำสั่งของผมอย่างที่เขาเคยทำ“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าอา
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 57-ช่วยที(นิโคลไล)สิ่งที่นาตาลีทำกับอารียา วันนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาตำหนิเธอ เพราะชีวิตของอารียา กำลังจมดิ่งลงสู่ก้นสระ"เกินไปจริง ๆ นาตาลีอย่าคิดว่าคุณจะรอดที่ทำร้ายเมียผมขนาดนี้!""ถ้ามันตายฉันคงกินอิ่มนอนหลับสบาย ฮ่าฮ่าฮ่า"พูดจบผมกำลังจะกระโดดลงสระเพื่อไปช่วยอารียา แต่ก็มีคนตัดหน้าแล้วดำน้ำลงไปคว้าตัวอารียามาก่อน ไม่รู้เลยว่าอารียาว่ายน้ำไม่เป็น ตอนที่เห็นเธอตกลงไปใจของผมหล่นวูบไปสู่ปลายเท้า เสียงหัวเราะของนาตาลีที่ดังก้องอย่างสะใจ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คำนึงเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น เป็นการพรากชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย"รียา รียา" ผมดึงอารียาขึ้นมาแล้ววางเธอนอนราบกับพื้นข้างสระ ตบแก้มเธอเบา ๆ หวังให้เธอรู้สึกตัว เพราะตอนนี้อริยาหมดสติ หัวใจของผมสั่นไหวและหวาดกลัว ห่วงทั้งเมียและลูกที่อยู่ในท้องจะได้รับอันตราย"ผายปอดเธอสิครับคุณนิค" เป็นเสียงของคู่แข่งหัวใจ เลยอยากเตือนสติ ทำให้ผมทำตามในสิ่งที่เขาบอก ค่อยๆปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับอารียา ทำ CPR และผายปอดให้เธอวนซ้ำอยู่แบบนั้น แ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 56-คนในความลับที่ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป(นิโคลไล)"เธอคือภรรยาของผม ที่ถูกต้องทางพฤตินัยและก็กำลังจะถูกต้องทางนิตินัยอีกไม่ช้า" ผมประกาศเสียงดังแน่ชัดว่าคนทั้งห้องจัดเลี้ยงต้องได้ยิน สิ่งที่คิดพูดออกไปมันถูกตรองมาอย่างถี่ถ้วน วันนี้ที่ผมให้อารียามางานด้วย ก็เพราะจะประกาศความลับที่ผมไม่อยากปิดบังอีกต่อไป ผมอยากให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเธอคือคนที่ผมรัก และพร้อมจะให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิตนับจากนี้ทุกคำที่ผมพูดออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่อยู่ในงาน บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมสนใจเท่าผู้หญิงตรงหน้า ที่ดวงตาเริ่มสั่นระริกผมไม่รู้ว่าเธอกำลังอายหรือดีใจกันแน่ แต่น้ำตาของเธอมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีมากกว่าด้านลบ"แต่งงานกันนะรียา" ผมพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือเพื่อรอรับ ในใจก็ลุ้นว่าอารียาจะยอมแต่งงานกับผมไหม?"อ๊ะ!" "ไม่มีทาง! มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องเป็นฉันสินิคคนคนนั้นต้องเป็นฉันไม่ใช่นังเด็กนี่" เพียงผมพูดจบจู่ ๆ นาตาลีก็โผล่พรวดเข้ามา แล้วผลักอารียาจนเธอเซถลา ดีที่ผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน และเป็นคุณไมค์ที่รับเธอจากด้านหลัง รองเท้าส้นส
"ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ" ฉันเหมือนจะมือสั่นเมื่อเห็นคุณนิคมุ่งไปยังผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี พูดกับคุณไมค์จบฉันก็หันหลังตั้งท่าจะเดินออกมา"จะไปไหน?" แต่ว่าต้องหยุดก้าวเดิน เมื่อแขนถูกจับรั้งไว้ นั่นจึงทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง".........." คนที่คว้าแขนไว้ทำให้ฉันแน่นิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าเขาชั่วครู่ ไม่สามารถทานทนต่อสายตาของคุณนิคได้ไหว จึงได้เบือนหน้าหลบสายตา ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพียงแค่มองหน้าเขาแล้วภาพทุกอย่างมันก็ถูกมโนไปไกล จนแทบอยากปล่อยให้น้ำตารินไหล มันอ่อนไหวเพียงแค่สบตาเขา "ฉะ ฉันหายใจไม่ค่อยออก เลยว่าจะไปสูดอากาศข้างนอก" ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้เป็นปกติที่สุด"รอก่อนสิ อามีบางอย่างจะบอก" คุณนิคพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ แต่แววตาของเขาย้อนแย้ง มันดูมีประกายฉายวับออกมา ฉันหันไปมองผู้คนโดยรอบ ทุกสายตาจดจ้องมายังฉันกับคุณนิค ที่ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟสาดส่องสว่างจ้า"บ บอกอะไรคะ?" ฉันย้อนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มันประหม่าจนไม่รู้จะเก็บทรงยังไงให้แน่นิ่งและไม่วอกแวกต่อหน้าสาธารณะชนที่รายล้อมตอนนี้"อารู้ว่ามันอาจจะช้าไป และที่ผ่านมาหนูก็คงเสียใจมามากพอสมคว