รักลับสัมพันธ์สวาท
ตอนที่ 10
(อย่าบอก...)
(อารียา)
ฉันเดินลากกระเป๋าออกมาทั้งที่ขาก็เจ็บคอก็เคล็ด เรียกแท็กซี่เพื่อตั้งท่าจะไปสนามบิน แต่ฉันลืมนึกไปว่าเงินที่มีติดตัวมันไม่พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย นึกได้อย่างนั้นก็เลยลงจากแท็กซี่กลางทาง คนเดียวที่ฉันจะพึ่งพาได้ตอนนี้คือคุณเชรค เพราะหากจะให้ฉันขอความช่วยเหลือจากผู้ชายไม่มีหัวใจคนนั้นฉันยอมนอนข้างถนนดีกว่า
"ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลานี้ แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครจริง ๆ ค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้หลังจากที่คุณเชรคไปรับฉันที่ป้ายรถเมล์ และพามายังห้องพักที่เขาบอกว่าเคยซื้อไว้แต่ไม่ได้มาอยู่ เพราะต้องดูแลคนที่บ้าน ที่นี่มันเลยว่างเปล่า นั่นจึงทำให้ฉันได้มีที่ซุกหัวนอนรอดตายอย่างหวุดหวิด
"ไม่เป็นไรครับ...แล้วคุณอารียาต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม ผมจะได้จัดการให้คุณคงไม่สะดวกที่จะออกไปซื้อเอง" คุณเชรคเสนอเขาคนเดียวนี่แหละมั้งที่ดีกับฉันที่สุดในตอนนี้ ถ้าหากเป็นเจ้านายของเขาไม่คิดแยแสฉันแบบนี้หรอก
"แค่นี้ก็รบกวนคุณเชรคมากพอแล้วค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะลองหางานพาร์ทไทม์ทำเก็บเงินได้จะหามาคืน" ฉันยกมือไหว้เขารอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ หากไม่มีเขาป่านนี้ฉันคงแย่กว่านี้
"เล็กน้อยครับ...แล้วทำไมคุณอารียาถึงได้ออกมาจากบ้านแบบนั้นล่ะ แถมยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก คุณนิคปล่อยคุณออกมาได้ยังไงกัน" เขายิ้มอ่อนให้ช่างเป็นผู้ชายอบอุ่นเสียจริง จากนั้นเขาก็ถามถึงสาเหตุที่ฉันต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
"ฉันทะเลาะกับเขาค่ะ" ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยอาการอ่อนใจ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง
"ทะเลาะกัน?" คุณเชรคย้อนถาม
"ค่ะ...เขาบอกว่าคุณท่านไม่ใช่พ่อของฉัน ไม่จำเป็นต้องบอกว่าท่านได้จากไปแล้วให้ฉันรับรู้ ฉันเลยโมโหค่ะเราเลยทะเลาะกัน"
ฉันเล่าใจความหลักให้คุณเชรคฟัง เขาก็ฟังอย่างตั้งใจและมองหน้าฉัน คิดแล้วฉันก็เศร้าเมื่อฉันไม่ได้มาแม้กระทั่งวันที่ส่งท่านวันสุดท้ายบนโลกใบนี้ น้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นไว้อย่างเข้มแข็งก็เหมือนจะรื้นขอบตาขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องนี้มันกระทบจิตใจของฉันจริง ๆ ทั้งที่ฉันไม่ใช่คนที่จะเสียน้ำตาได้ง่าย ๆ ถ้าเรื่องนั้นไม่ส่งผลกับความรู้สึกของฉัน
"ผมขอโทษนะครับคุณอารียา คือว่าเรื่องนี้คุณท่านเป็นคนสั่งไว้ว่าไม่อยากบอกให้คุณรับรู้ เพราะท่านห่วงว่าคุณจะเป็นกังวล พอดีมันตรงกับวันที่คุณต้องสอบในเทอมสุดท้าย ท่านกลัวว่าคุณจะไม่มีกระจิตกระใจ ท่านก็เลยขอไว้ครับ" คุณเชรคเล่าให้ฉันฟังในสิ่งที่ฉันไม่รู้ เขาเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า สีหน้าปะปนความรู้สึกผิดมองหน้าฉันด้วยแววตาที่สื่อเป็นนัยว่ากำลังขอโทษฉันทางสายตา
"........." ฉันได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม ท่านนึกถึงฉันตลอดเวลาไม่ต่างไปจากบุพการีแท้ ๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกบกพร่องต่อท่าน ทั้งที่ท่านแสนดีกับฉันขนาดนี้
"อย่ารู้สึกผิดไปเลยครับ ที่ท่านทำเพราะเอ็นดูคุณอารียา ท่านหวังว่าคุณจะใช้ชีวิตที่นี่ให้มีความสุข ท่านสั่งเสียไว้ในพินัยกรรมว่าให้ผมไปรับคุณมาอยู่ที่นี่ ฝากฝังคุณไว้กับคุณนิคและให้ทำงานช่วยเหลือที่บริษัท คุณจะอยู่ในความปกครองของคุณนิคจนกว่าคุณอารียาจะแต่งงานมีคนดูแล...ท่านห่วงคุณมากนะครับ" คุณเชรคเล่าต่อนั่นยิ่งทำให้ฉันซาบซึ้งในบุญคุณของคุณท่าน แม้ว่าจะจากไปท่านก็ยังไม่วายห่วงฉันทั้งที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของท่าน
"อย่างน้อยก็น่าจะบอกให้ฉันรู้บ้าง"
"ขอโทษจริง ๆ นะครับ"
น้ำตาของฉันไม่ไหลรินต่อเนื่องไม่ขาดสาย ยิ่งได้ฟังฉันก็ยิ่งเศร้าใจ เป็นไปได้ฉันอยากจะกอดและกราบแทบเท้าสักครั้ง แต่ตอนนี้มันคงไม่มีวันเป็นไปได้ในเมื่อท่านไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
"ถ้าฉันไม่อยากเป็นคนในปกครองของคุณนิคล่ะคะ?"
"ผมว่าท่านคงไม่สบายใจเพราะห่วงคุณ"
"พาฉันไปหาท่านสักครั้งได้ไหมคะ...ฉันขอได้ไหว้หลุมศพท่านก็ยังดี" ฉันหันไปขอร้องและอ้อนวอนคุณเชรคด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส ที่มันไหลรินรดสองแก้ม
"พรุ่งนี้ผมจะพาไปนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
คุณเชรครับปากนั่นทำให้ฉันคลี่ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาด้วยความซึ้งใจ เขาพยักหน้าให้เป็นการตอบรับ ฉันขอแค่ได้พบท่านสักครั้งแม้จะไม่ได้กอดและสัมผัสท่านตัวจริงก็ตาม อย่างน้อยขอให้ฉันได้สำนึกในใบบุญที่ท่านมอบให้ด้วยความจริงใจก็ได้
"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน...คุณอารียาจะได้พักผ่อนด้วย" คุณเชรคกล่าวลาเพราะคงเห็นว่ามันเริ่มมืดแล้ว
"ฉันเดินไปส่งนะคะ"
"ได้ครับ"
"คุณเชรคคะ?"
"ครับ"
เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีสิ่งที่ฉันอัดอั้นในใจ การได้รับความช่วยเหลือจากคุณเชรคในครั้งนี้ ฉันไม่อยากให้ผู้ชายปากหมาคนนั้นรับรู้ เพราะฉันจะยืนหยันอยู่ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งใบบุญของคนอย่างเขา ที่มันไม่เคยสนใจและเห็นคุณค่าของใคร
"คุณอย่าบอกคุณนิคได้ไหมคะว่าฉันอยู่ที่นี่" ฉันขอร้องเขาในสิ่งที่คิดไว้
"ยากครับ ถึงแม้ผมไม่บอกยังไงคนที่มีอิทธิพลอย่างคุณนิคก็หาคุณเจอในสักวัน" คุณเชรคพูดตอบและคำตอบของเขาก็ทำเอาฉันใจห่อเหี่ยว
"อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่ในเร็ว ๆ นี้ค่ะ...ฉันขอแค่นี้" ฉันตอบคุณเชรคไป เพราะฉันไม่พร้อมที่จะปะทะอารมณ์กับเขาในเร็วนี้ แม้เขาจะตามหาฉันเจอก็ขอให้ยาวนานที่สุด
"ได้ครับผมรับปากว่าจะไม่บอก แต่ถ้าคุณนิคตามหาคุณเจอเองก็อีกเรื่องนะครับ"
"ค่ะ...เดินทางปลอดภัยนะคะ"
"มีอะไรที่จะให้ผมช่วยเหลือ โทรหาผมได้ตลอดเวลานะครับ" ก่อนจะจากไปเขาก็ยังทิ้งท้ายให้ความช่วยเหลือ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม...คุณเชรคเป็นคนดีและอบอุ่นฉันสัมผัสได้ แม้ว่าเราจะเพิ่งเคยเจอหน้ากันจัง ๆ
"ขอบคุณค่ะ"
ฉันคุยตกลงกับคุณเชรคเรียบร้อย ส่งเขาตรงหน้าประตูจนเขาเดินจากไป ฉันกลับเข้ามาในห้องพักที่ไม่กว้างและไม่เล็ก เหมาะกับการที่อยู่คนเดียวได้อย่างสบาย แม้ว่าวันนี้ฉันจะหลบหน้าคนอย่างคุณนิคได้ แต่คงหลบได้ไม่นาน แต่ถ้าวันนั้นมาถึงฉันคงต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 11(ขู่ตำรวจ)"เป็นไงบ้างวะ ตามตัวเธอเจอไหมอันเดร?" หลังจากที่รู้ว่าอารียาหายตัวไป เขาก็คอยถามไถ่กับเพื่อนตำรวจที่ให้ช่วยเหลือ"ยังไม่เจอเลย นายแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ออกนอกประเทศไปแล้ว" อันเดรย้อนถามเพื่อน ตั้งแต่ที่ได้รับสายของนิคเขาก็รีบกระจายกำลังในการค้นหา แต่ว่ายังไม่พบร่องรอยของคนที่หายตัวไป"แน่ใจสิเพราะบอริสเช็กให้แล้วอย่างละเอียด ไม่มีชื่อเธอบินในวันนั้น" นิคตอบอย่างมั่นใจ ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายนาทีแต่ยังไม่มีวี่แววของเด็กในปกครอง มันสร้างความกังวลใจแก่เขาไม่น้อย"ทำเด็กหายวุ่นวายเพื่อนไปหมด" อันเดรต่อว่าไม่จริงจัง พูดในเชิงหยอกล้อเสียมากกว่า"ก็ไม่ได้ให้ช่วยฟรี ๆ ปะวะ" นิคย้อนทั้งที่มีอาการหัวเสียและกังวล ก็คนที่พ่อฝากดูแลหายไปทั้งคน โดยไม่รู้ที่มาที่ไปใครจะไม่หัวร้อน"ปกติแกไม่ค่อยสนใจตามหาใครนี่หว่านิค แสดงว่าคนนี้ต้องพิเศษสำหรับแก" อันเดรหันไปแซว ก็ที่แล้วมาเพื่อนคาสโนว่าคนนี้ไม่เคยไยดีกับหญิงใด"พิเศษกับผีอะไรล่ะ...เด็กอุปถัมภ์ของพ่อที่ฝากไว้ให้ฉันดูแลต่อเท่านั้นแหละ" นิคให้เหตุผลซึ่งคนเป็นเพื่อนก็พยักหน้าทำความเข้าใจ"แค่นั้นจริงอะ?" อันเดรย้อนถามอย่า
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 12-หลบหน้า(อารียา)“ผมแอบคุณนิคมา เรามีเวลาไม่มากนะครับ และตอนนี้คุณนิคก็ให้เพื่อนตำรวจออกตามหาตัวคุณ ผมเกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเจอคุณในเร็ววัน” คุณเชรคบอกฉันในขณะที่เราสองคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสุสานของคุณท่าน คนที่ฉันเฝ้ารอคอยตัวเป็น ๆ แต่วันนี้ฉันกับจะได้เจอท่านเพียงแค่เสาที่สลักชื่อเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าที่ฉันจะไม่ได้พบท่านเลย“อย่าเพิ่งอวยพรกันเร็วนักสิคะ ฉันยังไม่อยากจะเจอเขาในเวลานี้” ฉันที่เดินเคียงข้างหันไปพูดกับคุณเชรค ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเจอหน้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองจริง ๆ สิ่งที่เขาพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจกัน มันทำให้ฉันโกรธเคืองเขาอยู่ ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญหรือมีค่าพอที่จะให้ใครนึกถึง แต่สิ่งที่ฉันคำนึงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการได้มาเจอหน้าคุณท่านสักครั้ง มันคือความฝันและสิ่งที่ฉันเฝ้ารอ แต่แล้วเขากับพูดตัดพ้อความรู้สึกของฉันอย่างไม่รักษาน้ำใจ“นี่เป็นสุสานของคุณท่าน คุณรีบไหว้คุณท่านเถอะครับผมจะได้รับกลับไปส่ง ก่อนที่คุณนิคจะสงสัยผมเอาเดี๋ยวความลับของคุณจะแตก ผมยิ่งโกหกไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย” คุณเชรคว่าขึ้นพร้อมอมยิ้มทีเล่นทีจริง
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 13 - แค่ปลายจมูก(นิโคลไล)"ไปเที่ยวไหนมาเหรอ?" ผมที่เห็นผู้หญิงรูปลักษณ์คุ้นตา เพราะความสูงที่มันเอื้ออำนวย ทำให้ผมมั่นใจว่าคนคนนั้นคือคนที่ผมกำลังตามหากันจ้าละหวั่น แต่เธอดันอยู่แค่ปลายจมูกผมรีบวิ่งไปดักทางด้วยความคล่องแคล่ว จนเธอคงคิดไม่ทันว่าผมนั้นจะเห็นเธอเข้าแล้ว ความคุ้นเคยกับเส้นทางคนอย่างเธอไม่มีวันหลบหนีผมได้หรอก สีหน้าของเธอดูตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้า แต่ว่าเธอรีบปรับสีหน้าให้ดูปกติ"....." เธอมองหน้าผมชั่วครู่ ไม่มีคำตอบในสิ่งที่ผมถาม แต่เธอเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ซึ่งผมก็รีบสาวเท้าวิ่งไปดักหน้าเธอไว้อีกครั้ง ไม่มีทางที่เธอจะหนีผมพ้น แม้จะหนีออกนอกประเทศก็ตาม สุดหล้าฟ้าเขียวผมก็ตามหาเจอ"อาถามไม่ได้ยินหรือไง" ผมเอ่ยขึ้นเสียงขรึม หวังข่มให้เธอหวาดหวั่นเสียบ้าง แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะอารียาเธอดูไม่ได้สะทกสะท้านกับท่าทางและน้ำเสียงของผมเลย เธอเอาแต่เงยหน้ามองผมด้วยสีหน้านิ่งและหยิ่ง แววตาที่เธอมองมันเปล่งประกายความจองหองท้าทาย"ได้ยินแต่ไม่อยากตอบ" เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เฉยชาใส่ผมแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าปฏิเส
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 14 - กลัว(อารียา)สุดท้ายฉันก็หนีเขาไม่พ้น ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นกลกับฉันนัก ขอให้ฉันไม่เจอหน้าเขานานกว่านี้ก็ไม่ได้ ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอคนบัดซบแบบนี้ด้วย!"ขาก็เดี้ยงยังมาทำเก่ง" กัดฉันอย่างกับหมา แขวะได้แขวะดีเขาก็ปากร้ายเหมือนกันนั่นแหละ"ปากแบบนี้ไม่น่าแก่ตาย" ฉันว่าเขาคืนในขณะที่เดินตามตูดเขาเข้าบ้าน คงเพราะวิ่งอย่างลืมเจ็บเมื่อกี้แน่เลย ทำให้ฉันรู้สึกเดินลำบากกว่าเดิม ทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา"เธอนั่นแหละยัยตัวแสบที่จะไม่แก่ตาย เพราะปากเธอมันร้ายฉอดเก่งยิ่งกว่าพิทบูล" ไอ้แก่นี่มันด่าฉันอีกแล้ว ฉันกับเขาคงอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้แล้วล่ะ"นี่!! ฉันไม่ใช่หมานะ" ฉันรีบเดินขากะเผกไปดักหน้าแล้วผลักไหล่เขา ถ้าขาไม่เจ็บนะเขาโดนหมัดฉันปากแตกแน่"ยิ่งกว่าหมาอีกเธอน่ะ...หลบไป!""อ๊ะ!"เขาย้อนหน้าตายและผลักไหล่ฉันคืนจนเซ แต่ทำไมฉันผลักเขาแทบไม่ขยับวะ จากนั้นเขาก็เดินหนีไป ทิ้งให้ฉันหัวร้อนอยู่คนเดียว"อย่าเดินหนีนะ ฉันบอกว่าอย่าเดินหนีไม่ได้ยินหรือไง!...โอ๊ย~~""รียา!"ฉันพยายามเดินตามแต่ขาที่เจ็บมันไม่เอื้ออำนวย จนฉันพลาดล้มฟุบกับพื้น นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเจ็บมากกว่า
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 15 - อย่าให้หมดความอดทน(นิโคลไล)ผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อที่จะแอบขำกับท่าทีของอารียา ที่เธอนั้นพยายามปั้นแต่งขั้นมา ผมสัมผัสได้ว่าคำพูดเหล่านั้นเธอไม่ได้พูดมันออกมาด้วยใจสักนิด จริตที่เป็นเพราะเธอกลัวว่าผมจะพาเธอไปโรงพยาบาลเท่านั้นแหละ ไม่คิดเลยว่าคนมั่นหน้าอย่างเธอจะกลัวหมอ น่าขำให้ฟันร่วงจริง ๆ แต่ผมก็ต้องทำเป็นนิ่งเพื่อให้มันดูน่าเชื่อผมอุ้มเธอขึ้นมาบนห้องนอนแล้วค่อย ๆ วางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ จากนั้นจึงช่วยประคบเย็นข้อเท้าให้เธอ ที่ยอมทำให้แบบนี้นั่นก็เพราะว่าเป็นคนของพ่อหรอกนะ ที่ผมทำไปนั้นแค่ไม่อยากให้พ่อต้องกังวล เดี๋ยวพ่อจะหาว่าผมไม่เชื่อฟัง ฝากฝังอะไรไม่ได้ จึงต้องทำหน้าที่ดูแลอารียาแบบนี้ พอเธอหายดีผมจะใช้งานเธอให้คุ้มค่ากับเงินตราที่พ่อผมส่งเสียอุปการะสิจริงไหม?"เดี๋ยวทำเอง...อ๊ะ! ตีทำไมเจ็บนะ""หางเสียงมันหล่นไปตรงบันไดหรือไงถึงได้พูดกับผู้ใหญ่ห้วน ๆ แบบนี้"อารียาเธอเอื้อมมือจะแย่งเจลประคบเย็นที่แช่ในน้ำแข็ง แต่ผมดักทางตีมือเธอไว้ ชักกลับแทบไม่ทันเลยครับ ผมหันหน้าไปต่อว่าในคำพูดที่แสนห้วนกระด้างของเธอ พลางคอยประคบเจลบนข้อเท้าของเธอไปด้
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 16-ใกล้เสร็จยัง(อารียา)หลังจากที่ฉันได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้านไป นั่นก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ไอ้แก่ปากเสียที่จะมาเป็นผู้ปกครองของฉันต่อจากคุณท่าน จากที่ได้ฟังคุณเชรคบอกถึงเนื้อในพินัยกรรม นึกแล้วก็ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วตอนไหนฉันจะมีคนมาดูแลและแต่งงาน เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องมาอยู่ใต้ชายคาหลังนี้ร่วมกับผู้ชายทุเรศหื่นกามแบบเขา"ทำไมฉันต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยนะ ทำไมต้องพาฉันมาเจอกับคนอุบาท ๆ แบบนายนี่ด้วยก็ไม่รู้ วุ้ย!!" ฉันนั่งบ่นคนเดียวบนเตียง คิดไม่ตกว่าจะหาทางหนีจากที่นี่ได้ยังไง ก็ฉันไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ร่วมกับเขานี่นา แค่จะต้องเจอหน้ากันทุกวันในอนาคตคิดแล้วก็หลอน แถมนี่ยังต้องไปทำงานที่เดียวกัน มีหวังในแต่ละวันกัดกันตายจนวุ่นวายทั้งออฟฟิศละมั้ง"เฮ้อ~~ แล้วจะมีผู้ชายหน้าไหนมาแต่งงานกับฉันล่ะทีนี้ ถึงฉันจะสวยก็ใช่ว่าจะหาผัวได้ง่าย ๆ นะเว้ย" คิดแล้วก็ได้แต่กลุ้มใจ สุดท้ายก็ทิ้งตัวลงนอนมองเพดานมือก่ายหน้าผากอยู่แบบนั้น ไม่รู้ว่าฉันใช้ความคิดไปนานเท่าไหร่ จนสุดท้ายฉันก็ผล็อยหลับไปอากาศที่เริ่มเย็นทำให้ฉันรู้สึกตัว ดึงผ้าห่มคล
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 17-แผลงฤทธิ์เบา ๆ(นิโคลไล)"นิคคะ" ในระหว่างที่ผมกำลังทานมื้อเช้าที่มีอารียานั่งหน้าบึ้งจ้องมองอย่างคนโมโห ก็มีเสียงของคู่ขาที่ผมมาพาเมื่อคืนเอ่ยแทรก นั่นทำให้อารียาหันไปมองทันที"อืม เยลิน่า" ผมตอบรับแต่ไม่ได้สนใจหันไปมองหน้าคู่ขา ที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ตัวผม ได้แต่สนใจอ่านหนังสือพิมพ์ พร้อมกับกินมื้อเช้าไปด้วย จนเยลิน่าเดินมาถึงแล้วเธอกดปลายจมูกหอมแก้มของผมทั้งสองข้าง เห็นแต่อารียานั่งจ้องและคว่ำปากมองบน แล้วผมต้องสนเธอเหรอไม่มีทาง เพราะเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับผมขนาดนั้น"สว่างโล่ขนาดนี้ยังไม่มียางอาย หน้าด้านหน้ามึนจริง ๆ" อารียาเธอก้มหน้าแล้วพูดเป็นภาษาไทย ผมว่าเธอต้องกำลังด่าผมอยู่แน่ ๆ ผมควรไปเรียนภาษาไทยดีไหมวะ เพื่อจะได้ฟังอารียารู้เรื่องแบบนี้ผมถูกเธอหลอกด่าทั้งปีทั้งชาติแน่นอน"นี่เด็กใหม่ของคุณเหรอคะนิค" เยลิน่าถามผมในขณะที่เธอเดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งซ้าย ซึ่งมันอยู่ตรงข้ามกับอารียาที่นั่งขวามือของผม"เปล่า" ผมตอบแบบนิ่ง ๆ สายตาก็ยังคงจ้องอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ วันนี้ผมมีนัดคุยงานกับคู่ค้าที่ถูกเลื่อนในวันที่ตามหาอารียา เพราะเธอเป็นตัวปัญหาเลยทำให้การเจร
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 18 - เจียมตัว(อารียา)วันทั้งวันฉันเอาแต่อยู่ในห้อง มีเดินลงมาข้างล่างบ้างยามหิว พยายามจะหยิบจับช่วยเหลือแม่บ้าน ก็ไม่มีใครให้ฉันช่วยอะไรเลย มันทำให้ฉันเบื่อหน่ายและเซ็งเอามาก ๆ นั่งดูทีวีนอนเล่นจนสันนิบาตจะกินหลังหมดละกว่าจะเย็นก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำให้ฉันเลิกสนใจทีวีที่กำลังฉายซีรี่ส์เรื่องที่ฉันชอบ เดินตรงไปเปิดประตูอย่างไม่ค่อยสะดวกเพราะข้อเท้าที่ยังเจ็บไม่หายดี"มีอะไร?" ฉันถามเสียงห้วนเมื่อเป็นคนที่ฉันเบื่อขี้หน้า ก็ไอ้คุณอาหื่นกามนั่นแหละที่มาเคาะประตูขัดความสุขในการดูซีรี่ส์ของฉัน"สบายดีเนาะมีแต่นอนกับกิน" มาถึงก็ปากหมาแขวะฉันทันที"ไม่มีตามองหรือไงว่าฉันเจ็บขา หรือว่าตาฟ่าฟางเพราะแก่แล้วถึงมองไม่ออกทั้งที่ผ้าพันขนาดนี้" ฉันสวนอย่างไม่ยอมเหมือนกัน จะมาเอาแต่ด่าฉันอยู่ฝ่ายเดียวไม่มีทางซะหรอก"เธอนี่นะ!!""ไม่มีอะไรกับฉันใช่ไหม ถ้าไม่มีธุระก็หลบไปฉันจะเข้าห้องไปดูซีรี่ส์"เขาชี้หน้าตั้งท่าจะด่าฉัน แต่ดันนึกคำพูดไม่ออกละมั้ง ถึงได้ชะงักและขบฟันแน่นแบบนั้น จนฉันระอาและพยายามจะปิดประตูเมื่อเขาไม่ยอมพูดอะไรสักที เสียเวลาดูซีรี่ส์ของฉันจริง ๆ
บทส่งท้าย-มันคือรักที่ยากจะหวนกลับ(อารียา)เวลาผ่านไปหลายเดือน คนที่อยู่ในท้องก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา คำสัญญาที่คนแก่ของฉันเคยให้ไว้ ภาระหน้าที่การงานก็รีบเคลียร์แล้วพาฉันมาเที่ยว...("เรียบร้อยดีใช่ไหม? อืม แล้วนี่นายอยู่ที่บริษัทไหม?...งานที่บริษัทฝากนายด้วย เดี๋ยวสิ้นปีจะตบโบนัสให้อย่างงามเลย...มึงพูดให้มันเคลียร์ ๆ ดิเชรค... ไอ้เชรค!")ประโยคเหล่านี้ฉันนั่งฟังพร้อมกับรอยยิ้มในบางครา และแน่นอนว่าเขากำลังคุยกับเลขาคนสนิท ที่สามารถฝากฝังหน้าที่การงานได้ คำพูดที่หยาบโลนแต่แอบซ่อนด้วยความทะเล้น คนแก่ ๆ ที่ฉันเคยตราหน้าว่า เป็นเหมือนหมาที่เอาไม่เลิกฤดู สุดท้ายจนก็ต้องมาตกม้าตายและกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขา ที่อดีตเคยลั่นไม่คิดจะเอาผู้หญิงอย่างฉันทำเมีย...เสมอกันทั้งฉันและเขาสายลมอ่อนพัดกระทบใบหน้า ทำให้ฉันรู้สึกดี มันสดชื่นจนยากจะบรรยาย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ที่พร้อมดูแลลูกน้อยที่อยู่ในท้อง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ว่าฉันกลับรักมากมาย แม้ถวายชีวิตฉันก็สามารถให้เขาได้ 'ลูก' เพียงเท่านั้นที่ฉันยอมและ และคนแก่ที่นั่งข้างฉันก็คงคิดและรู้สึกแบบเดียวกัน"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ""ขอนั่ง
(อารียา)หลังจากที่ฉันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนแก่ของฉันก็แสดงความโอเวอร์เร้าหรืออยากให้อยู่ใกล้หมอต่อ ให้เหตุผลว่าอยากให้แน่ใจว่าฉันหายดีแล้วจริง ๆ จนฉันต้องเอาลูกที่ยังเท่าเม็ดถั่วมาอ้างว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล เขาถึงได้ยอมให้ฉันกลับมาพักที่บ้าน…เขามันเวอร์ทั้งที่ฉันปกติดีทุกอย่าง“ไม่ต้องประคองหรอก หนูเดินเองได้” ฉันบอกเขาในขณะที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน“ไม่ได้หรอกเผื่อลื่นขึ้นมาจะทำยังไง อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มีอะไรจะได้รับไว้ทัน ทำไมหนูไม่เข้าใจอะ” เหตุผลคนแก่ที่ทำฉันต้องอมยิ้ม แม้บางทีจะดูงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ“ก็ไม่อยากให้อาวุ่นวายไง แล้วนี่งานไม่เยอะเหรอถึงไม่เข้าบริษัท” หันไปถามเขา ทำเอาคนแก่ของฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“นี่ไล่ทางอ้อมใช่ไหม ทำไมอยู่ด้วยกันมันอึดอัดมากหรือไง ใช่สิคนอายุเยอะมันคงไม่กร้าวใจเหมือนคนหนุ่ม ๆ” มีโวยวายเบา ๆ อย่างกับน้อยใจ อะไรวิ่งเข้าหัวสมองทำให้เขาต้องมีอาการวัยรุ่นแบบนี้นะ ทำฉันกลั้นขำแทบไม่ไหวเลยทีเดียว“อะไรของคุณอากันคะเนี้ย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่เป็นห่วงว่างานขอ
(นิโคลไล)“ว่าไงเชรค” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนผมต้องหันไปสนใจ เป็นเชรคที่โทรเข้ามา ผมกลัวว่าอารียาจะตื่นหากคุยอยู่ตรงนั้น จึงเดินออกไปตรงระเบียง เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท“เรื่องที่นายให้ผมไปสืบได้ความแล้วครับ”“ว่ามา”“คุณไมค์กับคุณนาตาลีร่วมมือกันทำร้ายคุณอารียาจริง ๆ ครับ เขาเป็นลูกชายของมิสเตอร์ปาเวลที่ฆ่าตัวตาย หลังจากที่คุณนิคไปเทคโอเวอร์บริษัทนั้นมา แต่คุณไมค์ก็มีธุรกิจที่เรารู้กัน แต่จริงแล้วบริษัทที่พ่อเขาสร้างมากับมือเข้าสู่สภาวะวิกฤตเรื่องการเงิน เพื่อรักษาบริษัทนั้นไว้เขาจึงได้ยอมให้ทางเราเทคโอเวอร์” “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีทายาทอีกคน”“คุณไมค์เป็นลูกภรรยาคนที่สองของมิสเตอร์ปาเวลครับ เขาและพ่อของเขาผูกพันกันมาก เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และผมคิดว่าการที่เขาเข้าใกล้คุณอารียาเพราะว่า.....”“คงเพราะคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาฆ่าตัวตายสินะ”“พ่อเขาเป็นคนขอให้คุณนิคช่วยซื้อบริษัทไว้ เพราะห่วงพนักงานกลัวว่าจะตกงานหากบริษัทปิดตัวลง จุดนี้ผมคิดว่าคุณไมค์คงไม่ทราบถึงเบื้องลึกเหล่านี้”สิ่งที่ผมมอบหมายให้เชรคไปตามสืบ เรื่องราวที่ผมเฝ้ารอ มันทำให้ผมหูผึ่งแ
(อารียา)ฉันตื่นนอนในยามเช้า ข้างเตียงไม่มีเขาที่เฝ้าฉันเมื่อคืน กวาดสายตามองหาจนพบว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เหมือนกับเลี่ยงไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่รู้ว่ากลัวจะรบกวนการนอนหลับของฉัน หรือมันมีเรื่องอะไรที่ปิดบังจนไม่อยากได้ฉันรับรู้ ฉันนอนมองแผ่นของเขาอย่างครุ่นคิด พร้อมกับทบทวนคำพูดและการอ้อนวอนของเขาที่พูดเมื่อคืน...ฉันควรเปิดใจและให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อของลูกดีไหม?“ตื่นแล้วเหรอ...รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตัวไหม?” เขาถามทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่วางสาย ถามรัวจนฉันตั้งตัวที่จะให้คำตอบไม่ทัน สีหน้าของเขาดูห่วงใยฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างนิโคลไลจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังหรือไม่ ฉันไม่อยากจะคาดหวังกับผู้ชายคนนี้เลย...กลัวผิดหวัง“ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูโอเคตอนนี้อยากกลับบ้าน” ฉันบอกเขาในสิ่งที่ต้องการ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยสักนิด“ให้หมอดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนเถอะนะ จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมกับมือเอื้อมมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองหน้าเขาอย่างสังเกต สายตาของเขามองฉันต่างไปจากเดิมใน
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 59-ยอมทุกอย่าง“นายคิดจะทำอะไรกันไมค์ เข้าหาอารียาเพื่ออะไร” จากที่เชรคเล่าให้ฟัง ทำให้ผมนั่งคิดทวนคนเดียวอยู่ในห้อง มีเพียงความมืดสลัวที่อยู่เป็นเพื่อนตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกห่วงอารียามากกว่าเดิม ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจนได้รับอันตรายอีก ผมเดินออกมาตรงระเบียงห้องพักฟื้น ยืนมองทอดไกลไปอย่างไร้จุดหมาย สมองคิดเรื่องราวมากมายที่มันสามารถเชื่อมโยงกัน แต่นึกทวนยังไงผมก็นึกมันไม่ออก ตอนนี้โคตรกลุ้มเลยล่ะผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นของอารียา แล้วนั่งลงข้างเธอ ผมกุมมือของเธอไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าของเธอในความมืดสลัว คิดกลัวและกังวลจนตอนนี้ผมรู้สึกนอนไม่หลับ ห่วงความปลอดภัยของเธอหากผมเผลอหลับไป แล้วใครแอบเข้ามาทำร้ายเธออีก“อา...” เสียงของอารียาที่แผ่วเบาเรียกผมจนต้องตื่นตัวหลุดจากภวังค์ความคิด ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงของเธอที่แหบแห้งชัดเจน“หนูเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม เดี๋ยวอาเรียกหมอให้” ผมรีบถามอาการของเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟหัวเตียงเพื่อให้มีแสงสว่าง“ลูกละคะปลอดภัยใช่ไหม?” เป็นคำถามแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ไม่ได้นึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 58 - กำจัด(ก็คุณพลาดเองช่วยไม่ได้ จะมาโทษผมได้ยังไง...นั่นมันเรื่องของคุณ ผมช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญญาจัดการ.....อืม ค่อยคิดอีกที และคุณก็ควรห่างการติดต่อผมสักพักด้วย...แค่นี้นะ)(เปิดทางให้แล้วยังโง่อีก) "เชรคนายจัดการเรื่องที่อารียาถูกทำร้ายให้เด็ดขาด ฉันไม่มีปล่อยให้อารียาเจ็บฟรีแน่" ผมเดินออกมานอกห้องพักของอารียาหลังจากที่เธอนอนหลับไปแล้ว สั่งการกับเชรคที่รออยู่ด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ผมโมโหมาก และคงยากหากมันไม่ได้รับการคลี่คลายในแบบของผม ผมไม่ได้ใจร้ายหากใครไม่คิดทำลายผมหรือคนที่ผมรักก่อน"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที" เชรคตบปากรับคำ เป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากและรักเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง เราสองคนสนิทสนมกันมานานจนรู้ใจกัน"นาตาลีทำเกินไปและฉันจะไม่เอาไว้ให้รกหูรกตา ถ้าอยู่ไม่เป็นเย็นไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้มีที่ยืน...ฉันเอาจริง!!!" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งนึกภาพที่อารียากำลังจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา มันยิ่งทำให้ผมโกรธเคือง หญิงหรือชายหากสร้างปัญหาให้ผมก็ไม่เอาไว้"ครับ” เชรคก้มหัวตอบรับคำสั่งของผมอย่างที่เขาเคยทำ“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าอา
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 57-ช่วยที(นิโคลไล)สิ่งที่นาตาลีทำกับอารียา วันนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาตำหนิเธอ เพราะชีวิตของอารียา กำลังจมดิ่งลงสู่ก้นสระ"เกินไปจริง ๆ นาตาลีอย่าคิดว่าคุณจะรอดที่ทำร้ายเมียผมขนาดนี้!""ถ้ามันตายฉันคงกินอิ่มนอนหลับสบาย ฮ่าฮ่าฮ่า"พูดจบผมกำลังจะกระโดดลงสระเพื่อไปช่วยอารียา แต่ก็มีคนตัดหน้าแล้วดำน้ำลงไปคว้าตัวอารียามาก่อน ไม่รู้เลยว่าอารียาว่ายน้ำไม่เป็น ตอนที่เห็นเธอตกลงไปใจของผมหล่นวูบไปสู่ปลายเท้า เสียงหัวเราะของนาตาลีที่ดังก้องอย่างสะใจ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คำนึงเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น เป็นการพรากชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย"รียา รียา" ผมดึงอารียาขึ้นมาแล้ววางเธอนอนราบกับพื้นข้างสระ ตบแก้มเธอเบา ๆ หวังให้เธอรู้สึกตัว เพราะตอนนี้อริยาหมดสติ หัวใจของผมสั่นไหวและหวาดกลัว ห่วงทั้งเมียและลูกที่อยู่ในท้องจะได้รับอันตราย"ผายปอดเธอสิครับคุณนิค" เป็นเสียงของคู่แข่งหัวใจ เลยอยากเตือนสติ ทำให้ผมทำตามในสิ่งที่เขาบอก ค่อยๆปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับอารียา ทำ CPR และผายปอดให้เธอวนซ้ำอยู่แบบนั้น แ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 56-คนในความลับที่ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป(นิโคลไล)"เธอคือภรรยาของผม ที่ถูกต้องทางพฤตินัยและก็กำลังจะถูกต้องทางนิตินัยอีกไม่ช้า" ผมประกาศเสียงดังแน่ชัดว่าคนทั้งห้องจัดเลี้ยงต้องได้ยิน สิ่งที่คิดพูดออกไปมันถูกตรองมาอย่างถี่ถ้วน วันนี้ที่ผมให้อารียามางานด้วย ก็เพราะจะประกาศความลับที่ผมไม่อยากปิดบังอีกต่อไป ผมอยากให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเธอคือคนที่ผมรัก และพร้อมจะให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิตนับจากนี้ทุกคำที่ผมพูดออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่อยู่ในงาน บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมสนใจเท่าผู้หญิงตรงหน้า ที่ดวงตาเริ่มสั่นระริกผมไม่รู้ว่าเธอกำลังอายหรือดีใจกันแน่ แต่น้ำตาของเธอมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีมากกว่าด้านลบ"แต่งงานกันนะรียา" ผมพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือเพื่อรอรับ ในใจก็ลุ้นว่าอารียาจะยอมแต่งงานกับผมไหม?"อ๊ะ!" "ไม่มีทาง! มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องเป็นฉันสินิคคนคนนั้นต้องเป็นฉันไม่ใช่นังเด็กนี่" เพียงผมพูดจบจู่ ๆ นาตาลีก็โผล่พรวดเข้ามา แล้วผลักอารียาจนเธอเซถลา ดีที่ผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน และเป็นคุณไมค์ที่รับเธอจากด้านหลัง รองเท้าส้นส
"ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ" ฉันเหมือนจะมือสั่นเมื่อเห็นคุณนิคมุ่งไปยังผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี พูดกับคุณไมค์จบฉันก็หันหลังตั้งท่าจะเดินออกมา"จะไปไหน?" แต่ว่าต้องหยุดก้าวเดิน เมื่อแขนถูกจับรั้งไว้ นั่นจึงทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง".........." คนที่คว้าแขนไว้ทำให้ฉันแน่นิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าเขาชั่วครู่ ไม่สามารถทานทนต่อสายตาของคุณนิคได้ไหว จึงได้เบือนหน้าหลบสายตา ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพียงแค่มองหน้าเขาแล้วภาพทุกอย่างมันก็ถูกมโนไปไกล จนแทบอยากปล่อยให้น้ำตารินไหล มันอ่อนไหวเพียงแค่สบตาเขา "ฉะ ฉันหายใจไม่ค่อยออก เลยว่าจะไปสูดอากาศข้างนอก" ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้เป็นปกติที่สุด"รอก่อนสิ อามีบางอย่างจะบอก" คุณนิคพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ แต่แววตาของเขาย้อนแย้ง มันดูมีประกายฉายวับออกมา ฉันหันไปมองผู้คนโดยรอบ ทุกสายตาจดจ้องมายังฉันกับคุณนิค ที่ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟสาดส่องสว่างจ้า"บ บอกอะไรคะ?" ฉันย้อนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มันประหม่าจนไม่รู้จะเก็บทรงยังไงให้แน่นิ่งและไม่วอกแวกต่อหน้าสาธารณะชนที่รายล้อมตอนนี้"อารู้ว่ามันอาจจะช้าไป และที่ผ่านมาหนูก็คงเสียใจมามากพอสมคว