รักลับสัมพันธ์สวาท
ตอนที่ 4-ตาต่อตา
(นิโคลไล)
ผมระเริงรักกับคู่ขา ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะจบสิ้น เรื่องแบบนี้ผมทำจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว และผมก็ขาดมันไม่ได้
ติ่ง
เสียงข้อความดังขึ้น หน้าจอแจ้งเตือนเป็นของคนสนิทของผมที่ส่งเข้ามา
(คุณอารียามาถึงเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วครับ...ตอนนี้เธอนั่งอ่านหนังสือที่ห้องนั่งเล่นด้านล่าง)
"ไอ้เชรค!! ทำไมเพิ่งบอกวะ!"
ข้อความที่ส่งมา ที่บ่งบอกว่าเด็กในอุปการะของพ่อมาถึงนานแล้ว มันทำให้ผมอารมณ์เสีย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นเพราะผม เฝ้ารอเจอหน้าเธออย่างใจจดใจจ่อจนเกินไป
"อารมณ์เสียอะไรเหรอคะ"
นาตาลีที่เดินออกจากห้องน้ำทักขึ้น เป็นจังหวะเดียวกันกับผมตะเบ็งเสียงหงุดหงิดพอดี
"ผมมีธุระต่อ วันนี้พอแล้ว...คุณกลับไปได้ละ เรื่องนั้นเดี๋ยวผมให้คนจัดการให้นะครับ"
"ค่ะ"
ผมหันไปบอกกับคู่ขา ที่เรียกมาบริการถึงที่ และเธอก็รู้ดีว่าคนอย่างผมเป็นแบบไหน
เมื่อบอกว่าไม่! นั่นต้องรู้ความหมายและขอบเขตของตัวเอง เพราะหาล้ำเส้นจนผมเกิดรำคาญ ความสัมพันธ์ที่ผมมีให้จะถูกยุติลงทันที จะว่าผมเขี่ยทิ้งก็ย่อมได้
(ทำไมเพิ่งบอกวะ!) ผมพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างตำหนิลูกน้อง
(ตอนแรกผมจะพาเธอไปแนะนำแล้วครับ แต่ว่าได้ยินเสียงในห้อง ผมเลยต้องให้เธอไปพักผ่อนรอ)
(เวรเอ๊ย!!")
ลูกน้องคนสนิทของผมพิมพ์กลับมา เมื่อได้อ่านข้อความยาวเหยียด จึงพิมพ์โต้ตอบอย่างหงุดหงิด ก่อนจะปาโทรศัพท์มือถือลงเตียงนอน จนมันเด้งกระดอนตกลงพื้น
ผมรีบเดินไปจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมกับหลุดถ้อยคำหยาบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมต้องการ จึงรีบเดินออกจากห้องส่วนตัว
"ไปก่อนนะคะ..."
พอดีกับที่นาตาลีจัดการตัวเองเสร็จเช่นกัน ผมจึงหันไปมองหน้าเธอ แล้วยิ้มให้บาง ๆ
"ครับ...เรื่องนั้นเดี๋ยวผมบอกเชรคจัดการให้นะ จุ๊บ~"
ผมโอบเอวเธอไว้ แล้วหอมแก้มเธอเบา ๆ เป็นการบอกลา แล้วผมก็เดินลงมาข้างล่างพร้อม ๆ กับเธอ
"เดินทางปลอดภัยครับ"
"ขอบคุณค่ะ...อื้อ"
ผมยืนส่งนาตาลีตรงบันได แล้วอวยพรให้การเดินทางของเธอราบรื่น และจูบปากของเธอทิ้งท้ายอย่างดูดดื่ม ว่าจะไม่ทำแต่ก็อดไม่ได้ เมื่อเธอนั้นมีหลายอย่างดึงดูดผมให้เข้าหา ทั้งใบหน้าและลีลา แค่นึกภาพตอนเธออยู่บนเตียง ก็ทำให้คึกได้แล้ว แต่วันนี้มันหมดเวลาของเธอ
"อุ๊ย!!...ขอโทษค่ะ"
เสียงที่ขัดขึ้นในขณะที่ผมกับนาตาลีเคลิบเคลิ้มต่อรสจูบ ต้องแยกห่างจากกัน ผมจึงหันไปมอง ก็ต้องพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าผมเยอะเลย แน่นอนว่าต้องใช่อารียา เพราะรูปลักษณ์ใบหน้าของเธอมันฝังอยู่ในหัวสมองของผม แต่เธอในตอนนี้ดูดีกว่าในรูปที่เชรคส่งมาซะอีก
"กลับได้แล้วครับ"
"บายค่ะ"
ผมยิ้มให้กับนาตาลีอีกครั้ง แล้วเธอก็เดินจากไป เมื่อพ้นสายตา ผมจึงหันมาสนใจกับอารียา ในใจแอบยิ้มกับรูปลักษณ์ภายนอกของเธอ ไม่คิดว่าเด็กอุปถัมภ์ของพ่อจะมีเสน่ห์ขนาดนี้
แต่ตอนนี้ต้องอยู่ในอาการนิ่งไว้ มองเธอด้วยแววตานิ่ง ๆ ตอนแรกเธอดูตกใจ แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปและจ้องมองผมด้วยแววตาที่ผมเดาไม่ออก มองบางมุมก็เหมือนเหยียด บางมุมก็เหมือนเย็นชา สีหน้าของเธอเรียบนิ่ง เราสองคนต่างจ้องหน้ากัน มองกันแบบตาต่อตา อย่างไม่มีใครยอมหลบสายตากันเลย
"คุณอารียา อยู่นี่เองผมหาคุณอยู่นาน" จนท้ายที่สุด ทั้งผมและเธอต้องหลบสายตา เพราะว่ามีเสียงคนอื่นดังแทรก
"มีอะไรกับฉันเหรอคะ" อารียาเธอหันไปถามเชรคที่เดินมาหยุดยืนข้างเธอ
"พอดีเลยครับ ผมว่าจะพาคุณอารียาไปแนะนำกับคุณนิโคลไล แต่นี่เจอหน้ากันแล้ว...ผมแนะนำตรงนี้เลยแล้วกัน...นี่คุณนิโคลไลเป็นลูกชายของคุณท่านครับ"
เชรคแนะนำผมให้อารียารับรู้ แล้วเธอก็หันหน้ามามองหน้าผม โคตรไม่ชอบสายตาแบบนี้ของเธอเลยครับ สายตาเธอมองผมเหยียด ๆ มองผมด้วยแววตาที่เหมือนกำลังเย้ยหยัน...
อารียาเธอไม่ธรรมดา!
และท่าทางของเธอที่เป็นตอนนี้ ผมรู้เลยว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าของผม ซึ่งมันท้าทายคนอย่างผมซะเหลือเกิน...
"สวัสดีค่ะ" อารียาทักทาย พร้อมกับยกมือขึ้นแนบอก ก้มหัวลงเล็กน้อย เป็นการทักทายแบบไทยที่มีเสน่ห์จริง ๆ
ผมยกยิ้มแล้วมองสบตาเธอ ผมนิ่งยังไม่ตอบโต้อะไร เดินเข้าไปใกล้หยุดยืนตรงหน้าของเธอ แล้วโน้มตัวลง เหยียดยิ้มให้ในระยะใกล้อย่างท้าทาย ก่อนจะจับปลายคางของเธอให้เชิดขึ้น แล้วแตะริมฝีปากลงสัมผัสกับปากของเธอ
"เฮือก!" เธอสะดุ้งเล็กน้อยกับสิ่งที่ผมทำ และผมต้องการให้เธอจำว่าอย่าท้าทายคนอย่าง 'นิโคลไล'
"....ยินดีต้อนรับนะ 'อารียา' หลานสาวคนใหม่ของอา"
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 5(ไอ้แก่)"นี่คุณ!! ทำบ้าอะไรจู่ ๆ มาจูบปากฉัน ไอ้แก่ตัณหากลับ!" อารียาเธอผลักอกของผมออกห่างด้วยแรงที่มี พร้อมกับชี้หน้าด่าผมอย่างเอาเรื่อง มือหนึ่งก็เช็ดปากที่ผมฝังรอยจูบเอาไว้ เหมือนกับรังเกียจหรือขยะแขยง นี่เธอเป็นคนแรกเลยนะที่มีทีท่ากับคนอย่างผมแบบนี้ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธคนอย่างผมสักครั้ง จากลักษณะแล้วเธอก็ไม่น่าจะสะอาดอะไร ทำไมถึงได้ดูเล่นตัวอย่างกับคนไม่เคยก็ไม่รู้ หรือว่าอาจจะแค่แสดงเพื่ออัปเกรดของตัวเอง...มันก็อาจจะใช่"หึ!" ผมยกยิ้มมุมปาก ยืนจ้องมองเธออย่างไม่คิดเชื่อในท่าทางที่ดูหวงตัว"หึบ้าหึบออะไร...ต้องเป็นคนประเภทไหนกันถึงได้กล้ามาจูบผู้หญิงที่เพิ่งจะเห็นหน้าครั้งแรกแบบนี้" เธอต่อว่าด่าทอเป็นภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว แววตาดุนั้นที่จ้องมอง แต่มันทำให้ผมกลับพอใจอย่างกับต้องมนตร์ หรือว่าคนอย่างอารียาเป็นแม่มดกันนะที่สามารถสะกดผมไม่ให้ละสายตาจากเธอได้"มันคือการทักทาย.....ทำไมหลานของอาถึงได้ดูไม่มีมารยาทแบบนี้ล่ะครับ" ผมพูดขึ้นยืนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่นั่นก็แค่วางท่าไม่อยากให้เธอได้ใจ จ้องมองหน้าอารียาที่หน้าแดง
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 6-หมดสภาพ(อารียา)"อี๋ ไอ้ผู้ชายบ้า ทำไมฉันต้องมาเจอคนทุเรศ ๆ แบบนี้ด้วยนะ.....คุณท่านไม่น่ามีลูกชายแบบนี้เลย ไอ้บ้า! กล้ามาจูบปากของฉัน เบ้าหน้าอย่างกับเทพบุตร แต่นิสัยนี่เลวสุด ๆ ไปเลย" นึกแล้วก็เจ็บใจกับการที่ผู้ชายคนนั้นกล้าขโมยจูบของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต อยากจะด่าให้หลังคากระเจิง แต่ฉันก็เกรงใจคุณเชรคที่ยืนอยู่ตรงนั้น ฝากไว้ก่อนแล้ววันหลังฉันจะเอาคืน รู้จักคนอย่างอารียาน้อยไปซะแล้ว"แล้วถ้าฉันต้องมาอยู่ร่วมชายคากับเขา จะไม่ตีกันตายหรือไงวะเนี่ย...โอ๊ย!! ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับผู้ชายเฮงซวยแบบนี้ด้วยนะ แถมยังหน้าหม้ออีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าคุณท่านดีกับฉันอุปภัมภ์ส่งฉันเรียนนะ ฉันจะไม่อดทนกับคนแบบนายขนาดนี้หรอก" ฉันก็ได้แต่บ่น ๆ แล้วก็บ่น เพราะคนอย่างฉันจะไปทำอะไรได้ในตอนนี้ เพิ่งมาถึงวันแรกและไม่คุ้นเคยกับสถานที่ และนี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนที่จะไปไหนตามอำเภอใจได้ อดทนไว้อารียาอดทนเอาไว้ "เฮ้อ ถ้าฉันเก็บเงินได้มากพอ รับรองเลยว่าฉันจะย้ายไปอยู่ข้างนอก ไอ้แก่ลามก!""อาบน้ำดีกว่า จะได้ดับอารมณ์หัวร้อนของฉันลงบ้าง" ฉันคิดได้ดังนั้นอย่างทำใจ แม้จะรู้สึกเห
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 7(พินัยกรรมชี้ขาด)(นิโคลไล)ยอมรับเลยว่าภาพของอารียาติดตาของผมไม่หาย ร่างกายที่เนียนละเอียดผุดผ่อง มันเหมือนกับผมถูกต้องมนตร์ไปชั่วขณะ แต่ต้องห้ามใจไม่ให้เผลอไผลไปมากกว่านี้ ทั้งที่อยากจะจับเธอขยี้ให้อยู่ใต้ร่าง แต่เธอไม่เหมือนอย่างใครที่ผมเคยนอนด้วย และอีกอย่างที่มันค้ำคอคือเธอเป็นเด็กในอุปการะของพ่อ ซึ่งมันคงจะล่อยาก แต่ถ้าหากว่าเธอทำให้ผมหัวร้อนไม่พอใจ มันอาจจะมีอะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้...แต่เด็กอ่อนหัดอย่างอารียา คงไม่มีลีลาอะไรที่จะให้ผมสนใจมากกว่านี้หรอก"ฮึ กูเป็นบ้าอะไรวะ" แล้วก็ทำผมหัวเราะคนเดียว กับการที่นึกถึงอารียาเด็กในอุปการะที่ผมเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก"คุณอารียาเธอคงลงมาทานมื้อเย็นไม่ไหวนะครับ" ผมที่นั่งคิดเพลิน ๆ ต้องหยุดความคิดลง แล้วรอฟังเชรครายงาน"อืม สภาพแบบนั้นคงมาไม่ไหวหรอก ให้แม่บ้านยกอาหารไปให้เธอด้วยแล้วกัน" ผมสั่งเชรคไปจากที่เห็นเธอลื่นล้ม ผมคงไม่ใจร้ายใจดำคะยั้นคะยอให้เธอลงมาหรอก..."ครับ" เชรคตอบรับแล้วตั้งท่าจะเดินจากไป เพื่อทำตามคำสั่งของผม"แล้วนายจะกินข้าวกับฉันก่อนกลับไหมล่ะ" ยังไม่ทันที่เชรคจะก้าวขาเดินผมก็ทักขึ้น วันนี้ผมรู้สึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 8(ไปแน่!)(อารียา)"คุณหลอกฉันใช่ไหม" ฉันเหมือนกับหยุดหายใจเมื่อคุณนิโคลไลพูดออกมา ถึงผู้อุปการะที่ฉันเฝ้ารอว่าสักวันจะได้มาพบหน้า แต่ว่าวันนี้เหมือนฝันนั้นของฉันสลายไป เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน ฉันได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าเขาอย่างไม่คิดเชื่อ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินมันดับฝันที่ฉันเฝ้ารอ"พ่อผมเสียแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคุณจะมาอยู่ในปกครองผมได้ยังไง" เขาพูดขึ้นอย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ใจของฉันมันกำลังเจ็บปวดและโศกเศร้า อึ้งกับสิ่งที่ได้ยินจนแทบหยุดหายใจลงตรงนี้"ทำไมคุณไม่บอกฉัน ทำไมไม่มีใครบอกฉันบ้าง ฮือ~~คุณมันใจร้าย ฉันรอมานานแค่ไหนไม่รู้หรือไง ฉันหวังว่าสักวันจะได้เจอคุณท่าน ไม่ใช่เพียงเจอกันผ่านตัวหนังสือในอีเมล์ ฮือ..." สุดท้ายฉันก็เก็บกลั้นความเสียใจไม่ไหว ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพรั่งพรูอย่างไม่คิดอายผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทุบอกของเขาระบายความเศร้าที่ถาโถมอย่างไม่ทันตั้งตัว"ใจร้ายอะไร ผมแค่เห็นว่าไม่สำคัญขนาดนั้น พ่อผมตายนะไม่ใช่พ่อของคุณตายซะหน่อย"เปี้ยะ!เขาพูดหน้าตาเฉย มันเลยทำให้ฉันเสียยิ่งใจหนักขึ้น จนฟาดฝ่ามือกระแทบใ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 9(ดัดหลัง)(นิโคลไล)"บอริส ฉันมีเรื่องให้นายช่วยหน่อย"(เรื่องอะไรว่ามา ถ้าหากฉันช่วยนายได้ก็จะช่วย)"นายช่วยได้อยู่แล้ว เดี๋ยวเราสองคนนัดเจอกันที่คลับหากวันไหนนายว่าง"(สรุปจะให้ช่วยเรื่องอะไร)หลังจากที่อารียาเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้านของผมไปด้วยความทุลักทุเล โดยที่ผมก็ไม่คิดจะห้ามเธอใด ๆ สักนิด ก็เธอมันผยองก๋ากั่น จนผมต้องดัดหลังให้เธอหลาบจำ ผมต่อสายหาเพื่อนสนิทที่เป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ที่สนามบินดามาเดียตดาวา"ฉันส่งข้อมูลเข้าไปในอีเมล์ของนายแล้ว ไม่ได้ยุ่งยากอะไรนักหรอก แค่อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นบินออกนอกประเทศได้ และทำยังไงก็ได้ให้เธอซมซานกลับมาบ้านของฉัน โดยที่ไม่ต้องให้เธอรู้"(เด็กนายเหรอ?)"ไม่ใช่เด็กเลี้ยง แต่เป็นเด็กในปกครองที่พ่อฝากฝังไว้ แต่เธอมันดันจองหองปากดีไม่ยอมอยู่ภายใต้คำสั่งของฉัน ต้องดัดหลังกันหน่อยว่าอย่ามาเล่นกับคนอย่างฉัน"ผมจัดการส่งข้อมูลของอารียาที่เชรคมันเคยส่งมาให้ จากนั้นก็ส่งเข้าเมล์ของบอริสเพื่อให้มันจัดการต่อตามที่ผมต้องการ แต่เพื่อนก็ดันปากดีอย่างกับรู้ทัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของผมคิด ผิดพลาดไปนิดเดียวเ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 10(อย่าบอก...)(อารียา)ฉันเดินลากกระเป๋าออกมาทั้งที่ขาก็เจ็บคอก็เคล็ด เรียกแท็กซี่เพื่อตั้งท่าจะไปสนามบิน แต่ฉันลืมนึกไปว่าเงินที่มีติดตัวมันไม่พอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทย นึกได้อย่างนั้นก็เลยลงจากแท็กซี่กลางทาง คนเดียวที่ฉันจะพึ่งพาได้ตอนนี้คือคุณเชรค เพราะหากจะให้ฉันขอความช่วยเหลือจากผู้ชายไม่มีหัวใจคนนั้นฉันยอมนอนข้างถนนดีกว่า"ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลานี้ แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งใครจริง ๆ ค่ะ" ฉันรีบยกมือไหว้หลังจากที่คุณเชรคไปรับฉันที่ป้ายรถเมล์ และพามายังห้องพักที่เขาบอกว่าเคยซื้อไว้แต่ไม่ได้มาอยู่ เพราะต้องดูแลคนที่บ้าน ที่นี่มันเลยว่างเปล่า นั่นจึงทำให้ฉันได้มีที่ซุกหัวนอนรอดตายอย่างหวุดหวิด"ไม่เป็นไรครับ...แล้วคุณอารียาต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม ผมจะได้จัดการให้คุณคงไม่สะดวกที่จะออกไปซื้อเอง" คุณเชรคเสนอเขาคนเดียวนี่แหละมั้งที่ดีกับฉันที่สุดในตอนนี้ ถ้าหากเป็นเจ้านายของเขาไม่คิดแยแสฉันแบบนี้หรอก"แค่นี้ก็รบกวนคุณเชรคมากพอแล้วค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ เดี๋ยวฉันจะลองหางานพาร์ทไทม์ทำเก็บเงินได้จะหามาคืน" ฉันยกมือไหว้เขารอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ หากไม่มีเขาป
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 11(ขู่ตำรวจ)"เป็นไงบ้างวะ ตามตัวเธอเจอไหมอันเดร?" หลังจากที่รู้ว่าอารียาหายตัวไป เขาก็คอยถามไถ่กับเพื่อนตำรวจที่ให้ช่วยเหลือ"ยังไม่เจอเลย นายแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้ออกนอกประเทศไปแล้ว" อันเดรย้อนถามเพื่อน ตั้งแต่ที่ได้รับสายของนิคเขาก็รีบกระจายกำลังในการค้นหา แต่ว่ายังไม่พบร่องรอยของคนที่หายตัวไป"แน่ใจสิเพราะบอริสเช็กให้แล้วอย่างละเอียด ไม่มีชื่อเธอบินในวันนั้น" นิคตอบอย่างมั่นใจ ตอนนี้ก็ผ่านไปหลายนาทีแต่ยังไม่มีวี่แววของเด็กในปกครอง มันสร้างความกังวลใจแก่เขาไม่น้อย"ทำเด็กหายวุ่นวายเพื่อนไปหมด" อันเดรต่อว่าไม่จริงจัง พูดในเชิงหยอกล้อเสียมากกว่า"ก็ไม่ได้ให้ช่วยฟรี ๆ ปะวะ" นิคย้อนทั้งที่มีอาการหัวเสียและกังวล ก็คนที่พ่อฝากดูแลหายไปทั้งคน โดยไม่รู้ที่มาที่ไปใครจะไม่หัวร้อน"ปกติแกไม่ค่อยสนใจตามหาใครนี่หว่านิค แสดงว่าคนนี้ต้องพิเศษสำหรับแก" อันเดรหันไปแซว ก็ที่แล้วมาเพื่อนคาสโนว่าคนนี้ไม่เคยไยดีกับหญิงใด"พิเศษกับผีอะไรล่ะ...เด็กอุปถัมภ์ของพ่อที่ฝากไว้ให้ฉันดูแลต่อเท่านั้นแหละ" นิคให้เหตุผลซึ่งคนเป็นเพื่อนก็พยักหน้าทำความเข้าใจ"แค่นั้นจริงอะ?" อันเดรย้อนถามอย่า
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 12-หลบหน้า(อารียา)“ผมแอบคุณนิคมา เรามีเวลาไม่มากนะครับ และตอนนี้คุณนิคก็ให้เพื่อนตำรวจออกตามหาตัวคุณ ผมเกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาจะเจอคุณในเร็ววัน” คุณเชรคบอกฉันในขณะที่เราสองคนกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสุสานของคุณท่าน คนที่ฉันเฝ้ารอคอยตัวเป็น ๆ แต่วันนี้ฉันกับจะได้เจอท่านเพียงแค่เสาที่สลักชื่อเท่านั้น แต่มันก็ยังดีกว่าที่ฉันจะไม่ได้พบท่านเลย“อย่าเพิ่งอวยพรกันเร็วนักสิคะ ฉันยังไม่อยากจะเจอเขาในเวลานี้” ฉันที่เดินเคียงข้างหันไปพูดกับคุณเชรค ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเจอหน้าผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครองจริง ๆ สิ่งที่เขาพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจกัน มันทำให้ฉันโกรธเคืองเขาอยู่ ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ได้สำคัญหรือมีค่าพอที่จะให้ใครนึกถึง แต่สิ่งที่ฉันคำนึงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการได้มาเจอหน้าคุณท่านสักครั้ง มันคือความฝันและสิ่งที่ฉันเฝ้ารอ แต่แล้วเขากับพูดตัดพ้อความรู้สึกของฉันอย่างไม่รักษาน้ำใจ“นี่เป็นสุสานของคุณท่าน คุณรีบไหว้คุณท่านเถอะครับผมจะได้รับกลับไปส่ง ก่อนที่คุณนิคจะสงสัยผมเอาเดี๋ยวความลับของคุณจะแตก ผมยิ่งโกหกไม่ค่อยเนียนอยู่ด้วย” คุณเชรคว่าขึ้นพร้อมอมยิ้มทีเล่นทีจริง
บทส่งท้าย-มันคือรักที่ยากจะหวนกลับ(อารียา)เวลาผ่านไปหลายเดือน คนที่อยู่ในท้องก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา คำสัญญาที่คนแก่ของฉันเคยให้ไว้ ภาระหน้าที่การงานก็รีบเคลียร์แล้วพาฉันมาเที่ยว...("เรียบร้อยดีใช่ไหม? อืม แล้วนี่นายอยู่ที่บริษัทไหม?...งานที่บริษัทฝากนายด้วย เดี๋ยวสิ้นปีจะตบโบนัสให้อย่างงามเลย...มึงพูดให้มันเคลียร์ ๆ ดิเชรค... ไอ้เชรค!")ประโยคเหล่านี้ฉันนั่งฟังพร้อมกับรอยยิ้มในบางครา และแน่นอนว่าเขากำลังคุยกับเลขาคนสนิท ที่สามารถฝากฝังหน้าที่การงานได้ คำพูดที่หยาบโลนแต่แอบซ่อนด้วยความทะเล้น คนแก่ ๆ ที่ฉันเคยตราหน้าว่า เป็นเหมือนหมาที่เอาไม่เลิกฤดู สุดท้ายจนก็ต้องมาตกม้าตายและกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขา ที่อดีตเคยลั่นไม่คิดจะเอาผู้หญิงอย่างฉันทำเมีย...เสมอกันทั้งฉันและเขาสายลมอ่อนพัดกระทบใบหน้า ทำให้ฉันรู้สึกดี มันสดชื่นจนยากจะบรรยาย ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่ที่พร้อมดูแลลูกน้อยที่อยู่ในท้อง คนที่ไม่เคยเห็นหน้าแต่ว่าฉันกลับรักมากมาย แม้ถวายชีวิตฉันก็สามารถให้เขาได้ 'ลูก' เพียงเท่านั้นที่ฉันยอมและ และคนแก่ที่นั่งข้างฉันก็คงคิดและรู้สึกแบบเดียวกัน"อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ""ขอนั่ง
(อารียา)หลังจากที่ฉันรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาอยู่บ้านแล้ว เพราะอาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่คนแก่ของฉันก็แสดงความโอเวอร์เร้าหรืออยากให้อยู่ใกล้หมอต่อ ให้เหตุผลว่าอยากให้แน่ใจว่าฉันหายดีแล้วจริง ๆ จนฉันต้องเอาลูกที่ยังเท่าเม็ดถั่วมาอ้างว่าไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาล เขาถึงได้ยอมให้ฉันกลับมาพักที่บ้าน…เขามันเวอร์ทั้งที่ฉันปกติดีทุกอย่าง“ไม่ต้องประคองหรอก หนูเดินเองได้” ฉันบอกเขาในขณะที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน“ไม่ได้หรอกเผื่อลื่นขึ้นมาจะทำยังไง อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้มีอะไรจะได้รับไว้ทัน ทำไมหนูไม่เข้าใจอะ” เหตุผลคนแก่ที่ทำฉันต้องอมยิ้ม แม้บางทีจะดูงี่เง่าไปบ้างก็เถอะ“ก็ไม่อยากให้อาวุ่นวายไง แล้วนี่งานไม่เยอะเหรอถึงไม่เข้าบริษัท” หันไปถามเขา ทำเอาคนแก่ของฉันถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“นี่ไล่ทางอ้อมใช่ไหม ทำไมอยู่ด้วยกันมันอึดอัดมากหรือไง ใช่สิคนอายุเยอะมันคงไม่กร้าวใจเหมือนคนหนุ่ม ๆ” มีโวยวายเบา ๆ อย่างกับน้อยใจ อะไรวิ่งเข้าหัวสมองทำให้เขาต้องมีอาการวัยรุ่นแบบนี้นะ ทำฉันกลั้นขำแทบไม่ไหวเลยทีเดียว“อะไรของคุณอากันคะเนี้ย หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย แค่เป็นห่วงว่างานขอ
(นิโคลไล)“ว่าไงเชรค” โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจนผมต้องหันไปสนใจ เป็นเชรคที่โทรเข้ามา ผมกลัวว่าอารียาจะตื่นหากคุยอยู่ตรงนั้น จึงเดินออกไปตรงระเบียง เพราะตอนนี้เธอกำลังนอนหลับสนิท“เรื่องที่นายให้ผมไปสืบได้ความแล้วครับ”“ว่ามา”“คุณไมค์กับคุณนาตาลีร่วมมือกันทำร้ายคุณอารียาจริง ๆ ครับ เขาเป็นลูกชายของมิสเตอร์ปาเวลที่ฆ่าตัวตาย หลังจากที่คุณนิคไปเทคโอเวอร์บริษัทนั้นมา แต่คุณไมค์ก็มีธุรกิจที่เรารู้กัน แต่จริงแล้วบริษัทที่พ่อเขาสร้างมากับมือเข้าสู่สภาวะวิกฤตเรื่องการเงิน เพื่อรักษาบริษัทนั้นไว้เขาจึงได้ยอมให้ทางเราเทคโอเวอร์” “ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขามีทายาทอีกคน”“คุณไมค์เป็นลูกภรรยาคนที่สองของมิสเตอร์ปาเวลครับ เขาและพ่อของเขาผูกพันกันมาก เขาเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน และผมคิดว่าการที่เขาเข้าใกล้คุณอารียาเพราะว่า.....”“คงเพราะคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุให้พ่อเขาฆ่าตัวตายสินะ”“พ่อเขาเป็นคนขอให้คุณนิคช่วยซื้อบริษัทไว้ เพราะห่วงพนักงานกลัวว่าจะตกงานหากบริษัทปิดตัวลง จุดนี้ผมคิดว่าคุณไมค์คงไม่ทราบถึงเบื้องลึกเหล่านี้”สิ่งที่ผมมอบหมายให้เชรคไปตามสืบ เรื่องราวที่ผมเฝ้ารอ มันทำให้ผมหูผึ่งแ
(อารียา)ฉันตื่นนอนในยามเช้า ข้างเตียงไม่มีเขาที่เฝ้าฉันเมื่อคืน กวาดสายตามองหาจนพบว่าเขายืนคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง เหมือนกับเลี่ยงไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่รู้ว่ากลัวจะรบกวนการนอนหลับของฉัน หรือมันมีเรื่องอะไรที่ปิดบังจนไม่อยากได้ฉันรับรู้ ฉันนอนมองแผ่นของเขาอย่างครุ่นคิด พร้อมกับทบทวนคำพูดและการอ้อนวอนของเขาที่พูดเมื่อคืน...ฉันควรเปิดใจและให้โอกาสเขาได้เป็นพ่อของลูกดีไหม?“ตื่นแล้วเหรอ...รู้สึกยังไงบ้าง ปวดหัวหรือรู้สึกไม่สบายตัวไหม?” เขาถามทันทีเมื่อเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่วางสาย ถามรัวจนฉันตั้งตัวที่จะให้คำตอบไม่ทัน สีหน้าของเขาดูห่วงใยฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกดี แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอย่างนิโคลไลจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ไม่แน่ใจว่าเขาจะจริงจังหรือไม่ ฉันไม่อยากจะคาดหวังกับผู้ชายคนนี้เลย...กลัวผิดหวัง“ไม่เป็นอะไรแล้ว หนูโอเคตอนนี้อยากกลับบ้าน” ฉันบอกเขาในสิ่งที่ต้องการ ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลยสักนิด“ให้หมอดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนเถอะนะ จะได้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ” เขาคะยั้นคะยอ พร้อมกับมือเอื้อมมาลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน ฉันมองหน้าเขาอย่างสังเกต สายตาของเขามองฉันต่างไปจากเดิมใน
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 59-ยอมทุกอย่าง“นายคิดจะทำอะไรกันไมค์ เข้าหาอารียาเพื่ออะไร” จากที่เชรคเล่าให้ฟัง ทำให้ผมนั่งคิดทวนคนเดียวอยู่ในห้อง มีเพียงความมืดสลัวที่อยู่เป็นเพื่อนตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกห่วงอารียามากกว่าเดิม ผมกลัวว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจนได้รับอันตรายอีก ผมเดินออกมาตรงระเบียงห้องพักฟื้น ยืนมองทอดไกลไปอย่างไร้จุดหมาย สมองคิดเรื่องราวมากมายที่มันสามารถเชื่อมโยงกัน แต่นึกทวนยังไงผมก็นึกมันไม่ออก ตอนนี้โคตรกลุ้มเลยล่ะผมเดินกลับเข้ามาในห้องพักฟื้นของอารียา แล้วนั่งลงข้างเธอ ผมกุมมือของเธอไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าของเธอในความมืดสลัว คิดกลัวและกังวลจนตอนนี้ผมรู้สึกนอนไม่หลับ ห่วงความปลอดภัยของเธอหากผมเผลอหลับไป แล้วใครแอบเข้ามาทำร้ายเธออีก“อา...” เสียงของอารียาที่แผ่วเบาเรียกผมจนต้องตื่นตัวหลุดจากภวังค์ความคิด ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงของเธอที่แหบแห้งชัดเจน“หนูเป็นยังไงบ้าง รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม เดี๋ยวอาเรียกหมอให้” ผมรีบถามอาการของเธอทันที ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟหัวเตียงเพื่อให้มีแสงสว่าง“ลูกละคะปลอดภัยใช่ไหม?” เป็นคำถามแรกที่เธอเอ่ยขึ้น ไม่ได้นึก
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 58 - กำจัด(ก็คุณพลาดเองช่วยไม่ได้ จะมาโทษผมได้ยังไง...นั่นมันเรื่องของคุณ ผมช่วยขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญญาจัดการ.....อืม ค่อยคิดอีกที และคุณก็ควรห่างการติดต่อผมสักพักด้วย...แค่นี้นะ)(เปิดทางให้แล้วยังโง่อีก) "เชรคนายจัดการเรื่องที่อารียาถูกทำร้ายให้เด็ดขาด ฉันไม่มีปล่อยให้อารียาเจ็บฟรีแน่" ผมเดินออกมานอกห้องพักของอารียาหลังจากที่เธอนอนหลับไปแล้ว สั่งการกับเชรคที่รออยู่ด้านนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ผมโมโหมาก และคงยากหากมันไม่ได้รับการคลี่คลายในแบบของผม ผมไม่ได้ใจร้ายหากใครไม่คิดทำลายผมหรือคนที่ผมรักก่อน"ครับนาย ผมจะรีบจัดการให้ทันที" เชรคตบปากรับคำ เป็นคนสนิทที่ผมไว้ใจมากและรักเหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง เราสองคนสนิทสนมกันมานานจนรู้ใจกัน"นาตาลีทำเกินไปและฉันจะไม่เอาไว้ให้รกหูรกตา ถ้าอยู่ไม่เป็นเย็นไม่ได้ก็อย่าคิดว่าจะได้มีที่ยืน...ฉันเอาจริง!!!" ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ยิ่งนึกภาพที่อารียากำลังจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา มันยิ่งทำให้ผมโกรธเคือง หญิงหรือชายหากสร้างปัญหาให้ผมก็ไม่เอาไว้"ครับ” เชรคก้มหัวตอบรับคำสั่งของผมอย่างที่เขาเคยทำ“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าอา
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 57-ช่วยที(นิโคลไล)สิ่งที่นาตาลีทำกับอารียา วันนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาตำหนิเธอ เพราะชีวิตของอารียา กำลังจมดิ่งลงสู่ก้นสระ"เกินไปจริง ๆ นาตาลีอย่าคิดว่าคุณจะรอดที่ทำร้ายเมียผมขนาดนี้!""ถ้ามันตายฉันคงกินอิ่มนอนหลับสบาย ฮ่าฮ่าฮ่า"พูดจบผมกำลังจะกระโดดลงสระเพื่อไปช่วยอารียา แต่ก็มีคนตัดหน้าแล้วดำน้ำลงไปคว้าตัวอารียามาก่อน ไม่รู้เลยว่าอารียาว่ายน้ำไม่เป็น ตอนที่เห็นเธอตกลงไปใจของผมหล่นวูบไปสู่ปลายเท้า เสียงหัวเราะของนาตาลีที่ดังก้องอย่างสะใจ ตอนนี้เธอเหมือนกับคนเสียสติไปแล้ว ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่คำนึงเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้น เป็นการพรากชีวิตคนคนหนึ่งได้เลย"รียา รียา" ผมดึงอารียาขึ้นมาแล้ววางเธอนอนราบกับพื้นข้างสระ ตบแก้มเธอเบา ๆ หวังให้เธอรู้สึกตัว เพราะตอนนี้อริยาหมดสติ หัวใจของผมสั่นไหวและหวาดกลัว ห่วงทั้งเมียและลูกที่อยู่ในท้องจะได้รับอันตราย"ผายปอดเธอสิครับคุณนิค" เป็นเสียงของคู่แข่งหัวใจ เลยอยากเตือนสติ ทำให้ผมทำตามในสิ่งที่เขาบอก ค่อยๆปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับอารียา ทำ CPR และผายปอดให้เธอวนซ้ำอยู่แบบนั้น แ
รักลับสัมพันธ์สวาทตอนที่ 56-คนในความลับที่ไม่ต้องปกปิดอีกต่อไป(นิโคลไล)"เธอคือภรรยาของผม ที่ถูกต้องทางพฤตินัยและก็กำลังจะถูกต้องทางนิตินัยอีกไม่ช้า" ผมประกาศเสียงดังแน่ชัดว่าคนทั้งห้องจัดเลี้ยงต้องได้ยิน สิ่งที่คิดพูดออกไปมันถูกตรองมาอย่างถี่ถ้วน วันนี้ที่ผมให้อารียามางานด้วย ก็เพราะจะประกาศความลับที่ผมไม่อยากปิดบังอีกต่อไป ผมอยากให้ใครต่อใครรับรู้ว่าเธอคือคนที่ผมรัก และพร้อมจะให้เธอก้าวเข้ามาในชีวิตนับจากนี้ทุกคำที่ผมพูดออกไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับคนที่อยู่ในงาน บางคนหันไปกระซิบกระซาบกัน แต่มันก็ไม่ทำให้ผมสนใจเท่าผู้หญิงตรงหน้า ที่ดวงตาเริ่มสั่นระริกผมไม่รู้ว่าเธอกำลังอายหรือดีใจกันแน่ แต่น้ำตาของเธอมันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีมากกว่าด้านลบ"แต่งงานกันนะรียา" ผมพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือเพื่อรอรับ ในใจก็ลุ้นว่าอารียาจะยอมแต่งงานกับผมไหม?"อ๊ะ!" "ไม่มีทาง! มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ต้องเป็นฉันสินิคคนคนนั้นต้องเป็นฉันไม่ใช่นังเด็กนี่" เพียงผมพูดจบจู่ ๆ นาตาลีก็โผล่พรวดเข้ามา แล้วผลักอารียาจนเธอเซถลา ดีที่ผมคว้ามือเธอไว้ได้ทัน และเป็นคุณไมค์ที่รับเธอจากด้านหลัง รองเท้าส้นส
"ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ" ฉันเหมือนจะมือสั่นเมื่อเห็นคุณนิคมุ่งไปยังผู้หญิงที่ชื่อนาตาลี พูดกับคุณไมค์จบฉันก็หันหลังตั้งท่าจะเดินออกมา"จะไปไหน?" แต่ว่าต้องหยุดก้าวเดิน เมื่อแขนถูกจับรั้งไว้ นั่นจึงทำให้ฉันหันหลังกลับไปมอง".........." คนที่คว้าแขนไว้ทำให้ฉันแน่นิ่ง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่มองหน้าเขาชั่วครู่ ไม่สามารถทานทนต่อสายตาของคุณนิคได้ไหว จึงได้เบือนหน้าหลบสายตา ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพียงแค่มองหน้าเขาแล้วภาพทุกอย่างมันก็ถูกมโนไปไกล จนแทบอยากปล่อยให้น้ำตารินไหล มันอ่อนไหวเพียงแค่สบตาเขา "ฉะ ฉันหายใจไม่ค่อยออก เลยว่าจะไปสูดอากาศข้างนอก" ฉันตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้เป็นปกติที่สุด"รอก่อนสิ อามีบางอย่างจะบอก" คุณนิคพูดด้วยใบหน้าราบเรียบ แต่แววตาของเขาย้อนแย้ง มันดูมีประกายฉายวับออกมา ฉันหันไปมองผู้คนโดยรอบ ทุกสายตาจดจ้องมายังฉันกับคุณนิค ที่ยืนอยู่ภายใต้แสงไฟสาดส่องสว่างจ้า"บ บอกอะไรคะ?" ฉันย้อนถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มันประหม่าจนไม่รู้จะเก็บทรงยังไงให้แน่นิ่งและไม่วอกแวกต่อหน้าสาธารณะชนที่รายล้อมตอนนี้"อารู้ว่ามันอาจจะช้าไป และที่ผ่านมาหนูก็คงเสียใจมามากพอสมคว