“เอ๊ย อย่ามาปรักปรำกันสิ ผมฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้เลยนะ...อีกอย่างพวกผมจะเล่นอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณนะ แต่งตัวดีเสียเปล่า แต่เสือกเรื่องคนอื่น...” หนุ่มอายุน้อยกว่าย้อนเสียงขุ่นกร้าวตะวันยกยิ้มอย่างเต็มใจกับคำว่า ‘เสือก’ ของอีกฝ่าย “ปากดี รู้ได้ไงว่าผมคนนอก...น้ำเหนือเคยบอกรึ”เมื่อโดนย้อนกลับมาเช่นนั้น ทำให้กรต้องกลับมาพินิจคนตรงหน้าใหม่อีกครั้ง แม้ไม่คุ้นหน้า แต่การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง บวกกับหน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกละครหลังข่าว ซึ่งมองแล้วไม่น่าเป็นพวกมิจฉาชีพได้ หากแต่เป็นใครที่ตนไม่รู้จัก แต่น้ำเหนืออาจรู้จัก...“แล้วบอกผมได้ไหมว่าคุณเป็นใคร แล้วผมจะยอมให้คุณเอาเพื่อนผมไป เพราะผมเองก็สกปรกเต็มทน...” แล้วก้มมองเสื้อตัวเองที่ตอนนี้เหม็นคลุ้งจนจะอ้วกตามคนเมาไม่ได้สติไปอีกคน“เป็นพี่ชายของเตชิน...”“อ้อ เป็นพี่ชายของเตชินนี่เอง ผมรู้จักเตชินอยู่บ้างตอนอยู่ปีสอง แต่กับน้ำเหนือ เตชินตัวติดกันตลอด...งั้นผมขอโทษพี่ด้วยนะครับ...ยังไงก็ฝากพามันไปส่งบ้านด้วยนะครับ” พูดจบก็โบกไม้โบกมือเดินตรงไปยังรถของตัวเองเจ้าของสายตาคมเข้มมองจนไม่เห็นหลังอีกคน จากนั้นก็ละสายตาก้มมามองคนเมาไม่ได้สต
ตะวันนั่งมองใบหน้าฉาบสีแดงเรื่อที่กระทบแสงไฟจนใจอยู่ไม่เป็นสุข หวนคิดถึงสิ่งที่เคยกระทำกับคนบนเตียง แม้ในตอนนั้นความต้องการเพียงอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดระทมทุกข์เหมือนตายทั้งเป็น แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่อนเบาและจบด้วยการสุขสมด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งความรู้สึกนั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำที่ถูกเก็บไว้ แม้ทุกครั้งที่คิดถึง เป็นตัวเขาที่เจ็บปวด...นายมันร้าย...ตะวันตัดพ้อคนเมาอยู่ในใจ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นกระตุกยิ้มมุมปากเพียงนิด แล้วยกมือขึ้นไปลูบไล้บนใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นอย่างเบามือ และไล่สายตามองไปบนเนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นฉุน แล้วตัดสินใจปลดกระดุมเสื้อ พร้อมกับหยิบมือถือที่เตรียมไว้ออกมา...ทันทีที่ปลดเสื้อตัวบางออก คิ้วดกหนาก็ขมวดยุ่ง ตาหรี่มอง แผลเป็นแผลเป็นตรงหัวไหล่ ซึ่งมันใหญ่พอให้เขาหวาดเสียว เมื่อนึกถึงตอนที่แผลยังใหม่สด คงเจ็บไม่น้อย ซึ่งเมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออกไปจนหมด ก็พบว่าบนร่างกายคนเมาไม่ได้มีแต่แผลแค่จุดเดียวนายไปได้แผลนี่มาได้ยังไง...เกิดคำถามและความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาในทันที สุดท้ายความคิดที่อยากสร้างเรื่องก็ถูกพับเก็บไว้ซึ่งในระหว่างที่นั่งมองรอยแผลเป็นอยู่นั้น
หนึ่งปีก่อน...ข่าวถูกอัปเดตจากเพื่อนในกลุ่มโซเชียล ถึงอุบัติเหตุบนถนนในวันที่หมอกหนา ทัศนวิสัยของถนนสายนั้นเกิดวิกฤต ทำให้รถชนท้ายต่อกันถึงหกคัน ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและหนึ่งในรถพวกนั้น ก็มีรถของภาคินรวมอยู่ด้วย ภาคินโชคดีที่รัดเข็มขัดนิรภัย แต่น้ำเหนือนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาถูกเหวี่ยงกระเด็นออกนอกรถจนได้รับบาดเจ็บสาหัส...และนั่นทำให้พายุรู้ว่าน้ำเหนืออยู่กับภาคินด้วยณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดเลย“ภาคิน นายอยู่ไหน...” พายุวิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกับต่อสายหาภาคินทุกระยะจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล “เออ...รออยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปหาเอง”เมื่อได้คำตอบจากภาคินเป็นที่แน่ชัด พายุก็วางสายและตรงไปยังห้องที่ภาคินอยู่ทันทีเมื่อขึ้นมาถึง พบว่าภาคินเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องไอซียูโดยตามแขนและใบหน้ามีรอยขีดข่วนที่ถูกทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว“ไอ้ภาคินน้องกูล่ะ”“อยู่ในห้อง” แล้วมองไปที่ประตู พายุทำท่าจะถลาไปเปิดประตูบานนั้น แต่ภาคินรั้งเอาไว้ได้ทัน“ยังเข้าไปไม่ได้”“ทำไมวะ กูอยากไปดูน้องกู”“ตั้งสติก่อน ตอนนี้เขาไม่ให้ญาติเข้าไป...”“แต่กู...”“รู้ว่านายห่วง แต่ตอนนี้ถึงเราจะเข้า
หลังจากที่หมอและพยาบาลชุดขาวออกไปจากห้องแล้ว พายุเดินไปเกาะขอบเตียง มองใบหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดูมีสีเลือดฝาดมากขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นไปบีบเบาๆ บนต้นแขนที่อวบใหญ่หลังจากได้น้ำเกลือมาตลอดสองเดือนจนดูผิดหูผิดตา ส่วนสายที่ต่อระโยงระยางก่อนหน้านั้นถูกปลดออกไปหมดแล้ว“น้ำเหนือ พี่หวังว่านายจะไม่ลืมพี่นะ...” พายุเอ่ยสีหน้าเจ็บปวด ภาคินเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาใกล้แล้วบีบไปบนต้นแขนเพื่อนเบาๆ ให้กำลังใจ“น้ำเหนือคงไม่ลืมนายหรอก เพราะหมอบอกว่าแค่ความจำบางส่วนหายไป อาจหายช่วงที่เจอฉันก็ได้” พูดปลอบเพื่อน แต่ตัวเองก็ใจหายเอง...“หากน้ำเหนือจำฉันได้ เรื่องที่น้ำเหนือลืมนายมันก็ไม่ยากเปล่าวะ”“อืม...รอให้รู้สึกตัวแล้วจะได้รู้กัน”ในขณะที่ทั้งคู่นั่งเฝ้ารอด้วยใจกระสับกระส่าย ไม่นานคนบนเตียงก็เริ่มขยับและรู้สึกตัว เปลือกตาที่เคยปิดสนิทปรือขึ้นอย่างช้าๆ“น้ำเหนือ...” พายุเรียกเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายตื่นตัวใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มมาเกือบสองเดือนหันมอง โดยคิ้วดกหนาขมวดมุ่น มองหน้าหนุ่มๆ ข้างเตียงสลับกันไปมา ก่อนจะเค้นเสียงที่แหบแห้งออกมาเบาๆ“พี่...พายุเหรอ...แล้วนี่ใคร”พายุโล่ง หากแต่ภาคินหน้าเจื่อน
ก่อนเกิดอุบัติเหตุ“พอจะเล่าอะไรให้ผมได้กระจ่างบ้างไหมครับ ว่าทำไมเจ้าของไร่อย่างนายตะวัน ที่ชาวบ้านหลายคนพูดถึงว่าใจดี แต่ทำไมกลับทำร้ายคนอย่างคุณได้”“หึ เขาใจดีกับทุกคนจริงนั่นแหละครับ แต่ยกเว้นครอบครัวของผม”ดวงตาคมเข้มหรี่แคบกว่าเดิม น้ำเหนือยิ้มหยันกับสิ่งที่ตัวเองได้ประสบมากับตัวแล้วเอ่ยต่อ“เขาหาว่าพี่ชายผม ทำน้องเขา...อึก” แล้วเสียงสะอื้นก็ดังออกมาอย่างคนเจ็บปวด“ผมขอโทษ...แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่น่าจะมาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ แค่อีกฝ่ายทำผิด ก็ให้กฎหมายตัดสินสิ”“เขาต้องการชีวิตแลกกับชีวิต”ภาคินถึงกับอึ้ง “พี่ชายคุณฆ่าน้องชายเขาเหรอ”“ไม่รู้ไง เพราะน้องชายเขาก็คือเพื่อนรักของผม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายผมจะทำแบบนั้น อีกอย่าง พี่ชายผมรักเพื่อนของผมมาก...แล้วจะทำร้ายคนที่ตัวเองรักถึงตายได้ยังไง” “อย่างนั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ...”“ผมถึงต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาไง ไม่ใช่ว่าเขาจะมาอ้างทั้งที่เราไม่เห็นหลักฐานแบบนี้” พูดไปมือก็ยกปาดน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาภาคินกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้จะพูดปลอบอย่างไรดี เพราะหากเป็นเรื่องจริง ผู้ชายคนนั้นก็น่าสงสารไม่แพ้กัน แต่เมื่อมันมีกฎหมายก็ต้
ณ บ้านธงชัยสิทธิ์แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านหน้าต่าง ทำให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวและรำคาญจึงควานคลำหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เพื่อกรองแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างใส่หน้าแต่ในขณะที่หลับตา น้ำเหนือก็ทำจมูกฟุดฟิดกับกลิ่นหอมที่มาแตะจมูกเพราะรู้สึกไม่คุ้นเคยใครมาเปลี่ยนผ้าห่ม...น้ำเหนือฉุกคิด ตัดสินใจยกผ้าที่คลุมศีรษะออกและปรือตาขึ้นมาสู้แสงดวงตากลมใสหรี่ตามองไปรอบๆ “ห้องใคร...” สลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียง “เฮ้ย ห้องใครเนี่ย ห้องไอ้กรหรอ...แล้วนี่เสื้อ...”“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ” ประตูเปิดพร้อมกับเสียงทักทายน้ำเหนือละสายตาจากเสื้อที่ตัวเองสวมใส่และมองไปยังคนที่เดินเข้ามา “คุณ...คุณอาพงศ์ใช่ไหมครับ” น้ำเหนือถามสีหน้าแปลกใจ“ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีใช่ไหมครับ”“นานเหรอครับ...”“ครับ นานเกือบปีแล้ว” อาพงศ์ย้ำคำพูดเดิม“นานเกือบปีเหรอครับ แล้วนี่ที่ไหน...”“ห้องคุณเตชินไง...”“ห๊ะ ห้องเตชินเหรอ...” สีหน้าดีใจเมื่อได้ยินชื่อของเตชิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเหยเก เมื่อรู้สึกมีเสียงวิ้งอยู่ในหูและปวดศีรษะแปลบขึ้นมา จนต้องยกมือขึ้นบีบและดึงทึ้งศีรษะตัวเอง “อึกๆๆ เตชิน...อือๆ เจ็บอะ
ณ โรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด“ตกลงคุณน้ำเหนือเป็นอะไรครับ” พงศ์ถามทันทีที่เห็นเจ้านายเดินหน้ายุ่งตรงมาหา“ตอนนี้หมอให้ยาแก้ปวด นอนดูอาการ อาจะเข้าไปดูหน่อยไหม เพราะดูเหมือนเขาจะไม่รู้จักผม...”“อ้าว...เหรอครับ...แปลกจัง...” พูดจบตะวันก็เดินนำออกไปยังห้องพักพิเศษทันทีที่เปิดประตูเข้าไป น้ำเหนือก็ขยับเพื่อดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแต่ยังมึนศีรษะอยู่จึงล้มตัวลงนอนต่อ“อาพงศ์...”“ครับ เป็นไงบ้าง...”“ช่วยติดต่อพี่พายุให้หน่อยได้มั้ยครับ ผมต้องกินยาประจำครับ...”“เหรอครับ...ว่าแต่คุณน้ำเหนือรู้จักคนนี้มั้ยครับ” แล้วชี้ไปที่ตะวัน น้ำเหนือส่ายหน้า “นี่พี่ชายคุณเตชินครับ”“เอ่อ...เหรอครับ สวัสดีครับ ต้องขอโทษที่ผมบอกหมอไปว่าไม่รู้จักคุณ แต่ผมก็ไม่รู้จักจริงๆ นี่ครับ แล้วพี่กลับมาจากต่างประเทศนานแล้วหรือครับ”ตะวันมองหน้าพงศ์ กลับมาจากต่างประเทศจะสามปีแล้วนะ แต่ไม่เคยเข้าไปแนะนำตัวเองกับเพื่อนน้องชายอย่างเป็นทางการเลยสักครั้ง...ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเบอร์ที่ไม่ได้รับสายก็โทรเข้ามาอีกครั้ง พงศ์จึงตัดสินใจกดรับ“ครับ...พงศ์ครับ อ้อ ครับ จริงหรือครับ...อยู่ห้องพิเศษ 501 ครับ ครับๆ”“ใครเหรอ”
หลังจากกลับมาบ้าน ตะวันก็เก็บตัวแต่ในห้องนอน อยู่กับเสียงหัวใจที่เต้นแรง...เมื่อคิดถึงเรื่องก่อนหน้านั้นในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครครับ...”คราแรกก็อึ้งไป แต่เห็นสีหน้าแววตาของคนบนเตียงบ่งบอกว่าอยากรู้จริงๆ ตะวันก็เลยเอ่ยลองเชิงไปก่อน “เป็น...” ตะวันหยุดพูด แล้วมองหน้าคนป่วยที่ขาวซีด ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “นี่นายจำไม่ได้จริงๆ หรือเล่นละครหลอกตากันแน่”“ไม่ครับ ไม่ได้หลอกใครจริงๆ ครับ...แต่ถึงไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็ต้องขอบคุณด้วยนะครับที่เอาผมมาส่งโรง’บาล”“แล้วนายไม่สงสัยเหรอ ว่าไปนอนอยู่ที่บ้านเพื่อนนายได้ยังไง”“สงสัยสิครับ แต่ก็อยากกลับไปถามไอ้กรเอง ว่าผมไปนอนอยู่ที่นั่นได้ยังไง”“ก็เพื่อนนายเป็นคนฝากนายกับฉัน เพื่อให้ไปส่งบ้าน แต่ก็ลืมถามว่าบ้านนายอยู่ไหน เลยต้องอุ้มนายกลับไปบ้านฉันก่อน”“อุ้มไปบ้าน บ้านเตชินนี่นะหรือครับ”“ใช่ บ้านเตชินก็คือบ้านฉัน เพราะฉันคือพี่ชายเตชิน”“จริงหรือครับ...” ดวงตากลมโตเปล่งประกายขึ้น “งั้นผมต้องขอบคุณพี่...เอ่อ พี่ชื่ออะไรนะครับ”“ตะวัน...”“ครับ ผมน้ำเหนือ ขอบคุณพี่ตะวันจากใจนะครับ”“อืม...”“ตอนนั้นเตชินพูดถึงพี่ชายบ่อยๆ..