คนถูกชมชื่อยกยิ้มน้อยๆ “นานเหมือนกันครับ ที่ไม่ได้มาสถานที่แบบนี้”“นี่อย่าบอกนะคะ ว่าเป็นเพราะระยะทาง...แต่ขวัญข้าวคิดว่าคนอย่างคุณตะวันต้องงานล้นมือแน่ๆ เลยทำให้ไม่สะดวกมานั่งในที่แบบนี้...” เธอแกล้งโยนหินถามทางและเป็นจังหวะเดียวกับที่โต๊ะของกลุ่มจัดงานวันเกิดโห่ดัง ทำให้การสนทนาของตะวันและขวัญข้าวสะดุดลง“ไร้มารยาท...” ขวัญข้าวเปรยขึ้น และนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวไม่น่ารัก จึงปรับตัวใหม่ให้ดูสงบเสงี่ยมกว่าเดิมตะวันเองก็หันไปมองคนกลุ่มนั้นอีกครั้งเช่นกัน ครานี้ตาคมกล้าของเขาลุกวาว ขวัญข้าวมองตามสายตา สลับกลับหันมามองคนข้างๆ ที่เหมือนใจหลุดไปยังคนกลุ่มนั้นไปแล้ว“รู้จักใครในนั้นหรือเปล่าคะ หากรู้จักไปทักทายเขาได้นะ...” เธอบอกเพื่อหยั่งเชิงเขา“ไม่ครับ เห็นเขาสนุกเฮฮาดี ผมล่ะคิดถึงช่วงวัยนั้นเหมือนกัน...” แล้วหันกลับมามองคนร่วมโต๊ะ กลบใจที่รุ่มร้อนเหมือนกองเพลิงไว้“เอ๊ะ แต่ในกลุ่มนั้น ขวัญข้าวรู้จักนะ...” น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยขึ้น แต่ตะวันยังหันหน้าไปทางอื่น เพื่อเก็บใบหน้าที่เครียดเกร็งของตัวเอง จนกระทั่งเธอเอ่ยประโยคต่อมา “น้ำเหนือ...ไม่เจอกันมาเป็นปี ดู Bad Boy ขึ้นเยอะนะเนี่
ตะวันมองหญิงสาวตรงหน้าและพินิจในประโยคคำพูดของเธอ...“แล้วนี่ผมจะได้เจอคุณอีกเมื่อไหร่ครับ” ตะวันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป“ได้ค่ะ ได้ทุกเมื่อ...ว่าแต่ เอาเบอร์มาสิคะ” ขวัญข้าวตอบรับด้วยความดีใจจนลิ้นพัน“ได้สิ...ว่าแต่คุณไม่รู้ชื่อแฟนคนล่าสุดของพายุหรือครับ...”“รู้ เตชินไง” ตอบไปด้วยความมั่นใจ เพราะอยากให้อีกฝ่ายพูดเข้าเรื่องของตัวเองให้ไวที่สุดตะวันได้แต่กำหมัดแน่น ความสับสนล้นเข้ามาในความรู้สึกจนลืมตัวลุกขึ้นเดินออกไป“คุ...คุณ คุณตะวันคะ” เรียกจนเสียงดังแต่อีกฝ่ายก็ไม่หันกลับมา แต่เพราะยังไม่ได้เบอร์โทรเขา เธอจึงรีบลุกก้าวยาวๆ ตามไป“เดี๋ยวคุณตะวัน” เธอไปจับแขนเขาไว้ตะวันที่สติหลุดลอย สะบัดแขนด้วยความตกใจ แล้วหันสายตาดุมองมา แต่เมื่อเห็นว่าเป็นผู้หญิงที่เพิ่งคุยด้วยกันสายตานั้นก็อ่อนลงขวัญข้าวตกใจหน้าเจื่อน แต่ฝืนยิ้มแห้งให้ไป “ขวัญข้าวเองค่ะ”“อ้อ...ขอโทษครับ พอดีนึกได้ว่ามีธุระด่วน...ว่าแต่เราคุยกันถึงไหนแล้วครับ”“อ๋อ เรื่องเบอร์โทรค่ะ แต่หากคุณตะวันไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรค่ะ”“ได้ครับไม่มีปัญหา” คำตอบของตะวัน ทำให้ขวัญข้าวยิ้มกว้าง เธอจึงยื่นมือถือที่เตรียมพร้อมไว้แล้
“เอ๊ย อย่ามาปรักปรำกันสิ ผมฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้เลยนะ...อีกอย่างพวกผมจะเล่นอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณนะ แต่งตัวดีเสียเปล่า แต่เสือกเรื่องคนอื่น...” หนุ่มอายุน้อยกว่าย้อนเสียงขุ่นกร้าวตะวันยกยิ้มอย่างเต็มใจกับคำว่า ‘เสือก’ ของอีกฝ่าย “ปากดี รู้ได้ไงว่าผมคนนอก...น้ำเหนือเคยบอกรึ”เมื่อโดนย้อนกลับมาเช่นนั้น ทำให้กรต้องกลับมาพินิจคนตรงหน้าใหม่อีกครั้ง แม้ไม่คุ้นหน้า แต่การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง บวกกับหน้าตาหล่อเหลาราวกับพระเอกละครหลังข่าว ซึ่งมองแล้วไม่น่าเป็นพวกมิจฉาชีพได้ หากแต่เป็นใครที่ตนไม่รู้จัก แต่น้ำเหนืออาจรู้จัก...“แล้วบอกผมได้ไหมว่าคุณเป็นใคร แล้วผมจะยอมให้คุณเอาเพื่อนผมไป เพราะผมเองก็สกปรกเต็มทน...” แล้วก้มมองเสื้อตัวเองที่ตอนนี้เหม็นคลุ้งจนจะอ้วกตามคนเมาไม่ได้สติไปอีกคน“เป็นพี่ชายของเตชิน...”“อ้อ เป็นพี่ชายของเตชินนี่เอง ผมรู้จักเตชินอยู่บ้างตอนอยู่ปีสอง แต่กับน้ำเหนือ เตชินตัวติดกันตลอด...งั้นผมขอโทษพี่ด้วยนะครับ...ยังไงก็ฝากพามันไปส่งบ้านด้วยนะครับ” พูดจบก็โบกไม้โบกมือเดินตรงไปยังรถของตัวเองเจ้าของสายตาคมเข้มมองจนไม่เห็นหลังอีกคน จากนั้นก็ละสายตาก้มมามองคนเมาไม่ได้สต
ตะวันนั่งมองใบหน้าฉาบสีแดงเรื่อที่กระทบแสงไฟจนใจอยู่ไม่เป็นสุข หวนคิดถึงสิ่งที่เคยกระทำกับคนบนเตียง แม้ในตอนนั้นความต้องการเพียงอยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดระทมทุกข์เหมือนตายทั้งเป็น แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่อนเบาและจบด้วยการสุขสมด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งความรู้สึกนั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำที่ถูกเก็บไว้ แม้ทุกครั้งที่คิดถึง เป็นตัวเขาที่เจ็บปวด...นายมันร้าย...ตะวันตัดพ้อคนเมาอยู่ในใจ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นกระตุกยิ้มมุมปากเพียงนิด แล้วยกมือขึ้นไปลูบไล้บนใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นอย่างเบามือ และไล่สายตามองไปบนเนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อและกลิ่นฉุน แล้วตัดสินใจปลดกระดุมเสื้อ พร้อมกับหยิบมือถือที่เตรียมไว้ออกมา...ทันทีที่ปลดเสื้อตัวบางออก คิ้วดกหนาก็ขมวดยุ่ง ตาหรี่มอง แผลเป็นแผลเป็นตรงหัวไหล่ ซึ่งมันใหญ่พอให้เขาหวาดเสียว เมื่อนึกถึงตอนที่แผลยังใหม่สด คงเจ็บไม่น้อย ซึ่งเมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออกไปจนหมด ก็พบว่าบนร่างกายคนเมาไม่ได้มีแต่แผลแค่จุดเดียวนายไปได้แผลนี่มาได้ยังไง...เกิดคำถามและความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาในทันที สุดท้ายความคิดที่อยากสร้างเรื่องก็ถูกพับเก็บไว้ซึ่งในระหว่างที่นั่งมองรอยแผลเป็นอยู่นั้น
หนึ่งปีก่อน...ข่าวถูกอัปเดตจากเพื่อนในกลุ่มโซเชียล ถึงอุบัติเหตุบนถนนในวันที่หมอกหนา ทัศนวิสัยของถนนสายนั้นเกิดวิกฤต ทำให้รถชนท้ายต่อกันถึงหกคัน ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและหนึ่งในรถพวกนั้น ก็มีรถของภาคินรวมอยู่ด้วย ภาคินโชคดีที่รัดเข็มขัดนิรภัย แต่น้ำเหนือนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาถูกเหวี่ยงกระเด็นออกนอกรถจนได้รับบาดเจ็บสาหัส...และนั่นทำให้พายุรู้ว่าน้ำเหนืออยู่กับภาคินด้วยณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดเลย“ภาคิน นายอยู่ไหน...” พายุวิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกับต่อสายหาภาคินทุกระยะจนกระทั่งถึงโรงพยาบาล “เออ...รออยู่ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปหาเอง”เมื่อได้คำตอบจากภาคินเป็นที่แน่ชัด พายุก็วางสายและตรงไปยังห้องที่ภาคินอยู่ทันทีเมื่อขึ้นมาถึง พบว่าภาคินเดินกระวนกระวายอยู่หน้าห้องไอซียูโดยตามแขนและใบหน้ามีรอยขีดข่วนที่ถูกทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว“ไอ้ภาคินน้องกูล่ะ”“อยู่ในห้อง” แล้วมองไปที่ประตู พายุทำท่าจะถลาไปเปิดประตูบานนั้น แต่ภาคินรั้งเอาไว้ได้ทัน“ยังเข้าไปไม่ได้”“ทำไมวะ กูอยากไปดูน้องกู”“ตั้งสติก่อน ตอนนี้เขาไม่ให้ญาติเข้าไป...”“แต่กู...”“รู้ว่านายห่วง แต่ตอนนี้ถึงเราจะเข้า
หลังจากที่หมอและพยาบาลชุดขาวออกไปจากห้องแล้ว พายุเดินไปเกาะขอบเตียง มองใบหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ดูมีสีเลือดฝาดมากขึ้น ก่อนจะยกมือขึ้นไปบีบเบาๆ บนต้นแขนที่อวบใหญ่หลังจากได้น้ำเกลือมาตลอดสองเดือนจนดูผิดหูผิดตา ส่วนสายที่ต่อระโยงระยางก่อนหน้านั้นถูกปลดออกไปหมดแล้ว“น้ำเหนือ พี่หวังว่านายจะไม่ลืมพี่นะ...” พายุเอ่ยสีหน้าเจ็บปวด ภาคินเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามาใกล้แล้วบีบไปบนต้นแขนเพื่อนเบาๆ ให้กำลังใจ“น้ำเหนือคงไม่ลืมนายหรอก เพราะหมอบอกว่าแค่ความจำบางส่วนหายไป อาจหายช่วงที่เจอฉันก็ได้” พูดปลอบเพื่อน แต่ตัวเองก็ใจหายเอง...“หากน้ำเหนือจำฉันได้ เรื่องที่น้ำเหนือลืมนายมันก็ไม่ยากเปล่าวะ”“อืม...รอให้รู้สึกตัวแล้วจะได้รู้กัน”ในขณะที่ทั้งคู่นั่งเฝ้ารอด้วยใจกระสับกระส่าย ไม่นานคนบนเตียงก็เริ่มขยับและรู้สึกตัว เปลือกตาที่เคยปิดสนิทปรือขึ้นอย่างช้าๆ“น้ำเหนือ...” พายุเรียกเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายตื่นตัวใบหน้าที่ไร้รอยยิ้มมาเกือบสองเดือนหันมอง โดยคิ้วดกหนาขมวดมุ่น มองหน้าหนุ่มๆ ข้างเตียงสลับกันไปมา ก่อนจะเค้นเสียงที่แหบแห้งออกมาเบาๆ“พี่...พายุเหรอ...แล้วนี่ใคร”พายุโล่ง หากแต่ภาคินหน้าเจื่อน
ก่อนเกิดอุบัติเหตุ“พอจะเล่าอะไรให้ผมได้กระจ่างบ้างไหมครับ ว่าทำไมเจ้าของไร่อย่างนายตะวัน ที่ชาวบ้านหลายคนพูดถึงว่าใจดี แต่ทำไมกลับทำร้ายคนอย่างคุณได้”“หึ เขาใจดีกับทุกคนจริงนั่นแหละครับ แต่ยกเว้นครอบครัวของผม”ดวงตาคมเข้มหรี่แคบกว่าเดิม น้ำเหนือยิ้มหยันกับสิ่งที่ตัวเองได้ประสบมากับตัวแล้วเอ่ยต่อ“เขาหาว่าพี่ชายผม ทำน้องเขา...อึก” แล้วเสียงสะอื้นก็ดังออกมาอย่างคนเจ็บปวด“ผมขอโทษ...แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่น่าจะมาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ แค่อีกฝ่ายทำผิด ก็ให้กฎหมายตัดสินสิ”“เขาต้องการชีวิตแลกกับชีวิต”ภาคินถึงกับอึ้ง “พี่ชายคุณฆ่าน้องชายเขาเหรอ”“ไม่รู้ไง เพราะน้องชายเขาก็คือเพื่อนรักของผม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายผมจะทำแบบนั้น อีกอย่าง พี่ชายผมรักเพื่อนของผมมาก...แล้วจะทำร้ายคนที่ตัวเองรักถึงตายได้ยังไง” “อย่างนั้น มันไม่น่าจะเป็นไปได้นะครับ...”“ผมถึงต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาไง ไม่ใช่ว่าเขาจะมาอ้างทั้งที่เราไม่เห็นหลักฐานแบบนี้” พูดไปมือก็ยกปาดน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาภาคินกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้จะพูดปลอบอย่างไรดี เพราะหากเป็นเรื่องจริง ผู้ชายคนนั้นก็น่าสงสารไม่แพ้กัน แต่เมื่อมันมีกฎหมายก็ต้
ณ บ้านธงชัยสิทธิ์แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านหน้าต่าง ทำให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวและรำคาญจึงควานคลำหาผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง เพื่อกรองแสงอาทิตย์ที่ส่องสว่างใส่หน้าแต่ในขณะที่หลับตา น้ำเหนือก็ทำจมูกฟุดฟิดกับกลิ่นหอมที่มาแตะจมูกเพราะรู้สึกไม่คุ้นเคยใครมาเปลี่ยนผ้าห่ม...น้ำเหนือฉุกคิด ตัดสินใจยกผ้าที่คลุมศีรษะออกและปรือตาขึ้นมาสู้แสงดวงตากลมใสหรี่ตามองไปรอบๆ “ห้องใคร...” สลัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกขึ้นจากเตียง “เฮ้ย ห้องใครเนี่ย ห้องไอ้กรหรอ...แล้วนี่เสื้อ...”“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ” ประตูเปิดพร้อมกับเสียงทักทายน้ำเหนือละสายตาจากเสื้อที่ตัวเองสวมใส่และมองไปยังคนที่เดินเข้ามา “คุณ...คุณอาพงศ์ใช่ไหมครับ” น้ำเหนือถามสีหน้าแปลกใจ“ครับ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีใช่ไหมครับ”“นานเหรอครับ...”“ครับ นานเกือบปีแล้ว” อาพงศ์ย้ำคำพูดเดิม“นานเกือบปีเหรอครับ แล้วนี่ที่ไหน...”“ห้องคุณเตชินไง...”“ห๊ะ ห้องเตชินเหรอ...” สีหน้าดีใจเมื่อได้ยินชื่อของเตชิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเหยเก เมื่อรู้สึกมีเสียงวิ้งอยู่ในหูและปวดศีรษะแปลบขึ้นมา จนต้องยกมือขึ้นบีบและดึงทึ้งศีรษะตัวเอง “อึกๆๆ เตชิน...อือๆ เจ็บอะ
ณ ไร่ตะวัน“นี่จะไม่ให้ลุกไปไหนเลยหรือไง” น้ำเหนือถามเสียงเข้ม เพราะพยายามปลดแขนที่กอดรัดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนออกจากตัว แต่อีกฝ่ายก็ขืนไว้ไม่ยอมให้ปลดออก“ผมยังไม่อิ่มเลย”“นี่ฟ้าจะเปลี่ยนสีอยู่แล้ว ลุกขึ้นไปดูคนงานบ้างเถอะ...” ว่าแล้วก็ตีไปบนต้นแขนแข็งแรง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที “ไหนบอกว่าจะพามาดูไร่ นี่อะไร ขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”“ก็คนมันคิดถึง”“คิดถึงหรือเงี่ยน”“โธ่...ปากคอเราะรายขึ้นนะ” ว่าแล้วก็ปล่อยแขนออกจากเอวน้ำเหนือจึงดีดตัวลุกขึ้น มองร่างใหญ่ล่ำที่นอนแผ่โชว์กล้ามเนื้อแน่น ซึ่งน้ำเหนือหน้าเห่อร้อนทุกครั้งที่เห็นและสัมผัส...“ผมอยากไปดูสวนผัก...”“จะเปลี่ยนไปนอนกระท่อมไหมล่ะ บรรยากาศท่าจะดี หรือริมลำธารดีล่ะ...”รู้ว่าตะวันแกล้งพูดยั่ว ซึ่งน้ำเหนือก็ไม่ได้ใส่ใจ หากแต่สนใจกระท่อมไม้ที่ตัวเองเคยซุกหัวนอน“ยังไม่พังอีกเหรอ”ในเมื่อสภาพกระท่อมเป็นเพียงไม้ไผ่สานบางๆ และใบไม้แห้งจะทนแดดทนฝนไปได้นานเท่าไหร่กัน“ผมสั่งให้ลุงมิ่งดูแลอย่างดีเลยนะ”“เพื่อ...”“ความทรงจำผมอยู่ที่นั่นไง”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ผมอยากเห็นแล้ว” พูดพลางก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มเดินตรงไปยังห้อ
ณ ธงชัยสิทธิ์เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินทำเรื่องขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศเรียบร้อย และกำลังจัดกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมตัวเดินทางในอีกสองวัน“แน่ใจนะว่าไปอยู่คนเดียวได้” ตะวันเดินเข้ามาแล้วเอามือวางไปบนไหล่น้องชาย เตชินเงยหน้าขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มให้“อยู่ได้สิครับ ผมน้องพี่ตะวันนะ...” ดวงตากลมใสเป็นประกาย หากแต่ตะวันมองออกว่านั่นคือการพยายามแสดงออกให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ใจร้องไห้...“มันเป็นไปไม่ได้แล้วใช่ไหม...” เพราะสองอาทิตย์ที่ตัวเองนอนเป็นเจ้าชายนิทรา ทางนี้ก็ได้พายุเป็นคนรับหน้าที่ดูแล มันคงมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้บ้าง...คำถามของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน สะท้อนตรงลงมากลางอก เตชินดวงตาอ่อนแสง แล้วตอบเสียงสั่นเครือ “แค่พี่เขาไม่รังเกียจผมก็ดีมากแล้ว”“อืม...อาจจะไม่ใช่เวลาที่ใช่”“แล้วเรื่องพี่ตะวันกับน้ำเหนือล่ะครับ...” เตชินเปลี่ยนเรื่อง“พี่ก็ไม่ท้อหรอก พยายามตามจีบเขาอยู่”“งั้นผมเอาใจช่วยนะครับ” แล้วสองพี่น้องก็สวมกอดส่งกำลังใจให้กันสนามบินสุวรรณภูมิ“น้ำเหนือบอกว่าจะมาส่งเหรอ” ตะวันเอ่ยถามหลังจากที่เห็นน้องชายชะเง้อคอยาวมองไปยังประตูทางเข้า“เห็นบอกว่าจะมา...” น้ำเ
ปัง ปัง ปัง“ไม่ อึก...” น้ำเหนือวิ่งถลาไปหาร่างที่ทรุดลงไปบนพื้นหญ้าอย่างตกใจสุดขีดในขณะที่เตชินทรุดตัวสลบไปพร้อมภาพสุดท้าย คือร่างของพี่ชายที่เต็มไปด้วยเลือด ซึ่งถูกน้ำเหนือประคองกอดไว้ ส่วนพายุวิ่งไปดูเตชินและประคองศีรษะไม่ให้กระแทกลงบนพื้นพายุมองใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดฝาดด้วยความหดหู่ใจ ความโกรธเกลียดก่อนหน้านั้นหายไปหมดสิ้น เมื่อคนที่ตัวเองประคองอยู่นั้น เจอเรื่องหนักหนาเกินกว่าจะซ้ำเติม และตัวเองก็ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตเอามาเป็นทุกข์อีกต่อไป...ช่วงชุลมุนนั้นภาคินระเบิดกระสุนใส่มือของพงศ์จนปืนกระเด็น พงศ์ลงไปนอนกุมมือร้องโอดโอยอยู่ตรงนั้นสองอาทิตย์ต่อมาตะวันเริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่มีอาการโคม่าและผ่าตัดถึงสองครั้ง เพื่อเอากระสุนที่อยู่ใกล้จุดสำคัญออกมา และได้น้ำเหนืออยู่ดูแลไม่ห่างโดยมีเดร์เข้ามาช่วยเป็นบางครั้ง จนพายุและภาคินยอมใจอ่อนไม่ห้ามปรามและปล่อยให้ไปตามใจที่น้องชายต้องการ ส่วนพงศ์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และเข้ารับการรักษาเนื่องจากมีอาการจิตหลอน ในขณะที่เตชินยังมีอาการหวาดผวาก็ได้พายุเป็นคนดูแลในระหว่างที่ตะวันรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล...“ฟื้นแล้ว” น้ำเหนือดีดตัวลุกขึ้
ตั้งแคมป์กันเหรอ...ตะวันคิดสรุป เพราะเห็นว่ามีอุปกรณ์ครบไม่ว่าจะของกินหรือของใช้ อีกทั้งเห็นว่ามีเสื้อผ้าเปียกน้ำผึ่งแดดไว้“ไม่ยักรู้ว่าพี่ภาคินก็แม่นปืนกับเขาด้วย”เสียงคุ้นหูดังระรื่นมาแต่ไกล ทำให้คนได้ยินถึงกับหูอื้อ ใจเต้นแรงทันที“คุณตะวัน...” ภาคินเรียกผ่านริมฝีปาก ส่วนน้ำเหนือหน้าถอดสีแล้วขยับไปจับไหล่ของภาคินไว้ภาคินเหลือบตามองน้ำเหนือด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันมาพูดกับผู้ชายหน้าบอกบุญไม่รับตรงหน้า“ไม่ทราบว่ามีอะไรด่วนหรือเปล่า ถึงได้เดินตัดเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่นแบบนี้.. ระวังเถอะ เจ้าของไร่อาจตาลายนึกว่าเป็นสัตว์ร้ายจะโดนเป่าเอาง่ายๆ นะครับ”“อยากเป่าก็เป่าสิ แต่ต้องเป่าทีเดียวให้ตายนะ” ในขณะที่พูดตาก็มองกร้าวไปยังหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังลูกชายเจ้าของไร่“ผมไม่ใจร้ายใจดำขนาดยิงคนเหมือนกันได้หรอกครับ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า”“ก็ไม่มีอะไร แค่ตกใจเสียงปืนก็เท่านั้น”“อ้อ ครับ ผมไม่ทันคิดว่าผมซ้อมมือที่ไร่ผม แล้วจะไปรบกวนคนอื่น”“ครับ บังเอิญว่าทิศทางลมมันไปทางไร่ผมกับน้องชายพอดีเลยทำให้ตกใจ ที่สำคัญคุณก็รู้ว่าน้องชายผมไปเจออะไรมา หากผมจะหวาดระแวงก็คงไม่แปลกนะครับ...แต่ตอนนี้
สองวันต่อมา ตะวันทนการรบเร้าของเตชินไม่ไหวจึงเล่าเรื่องตนเองกับน้ำเหนือให้ฟังจนหมด“พี่ตะวัน พี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้นได้ไง”เตชินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างน้ำเหนือกับพี่ชายของตัวเองก็รับไม่ได้“พี่ทำแบบนั้นทำไม แล้วนี่พี่จะเอายังไงต่อ...ไม่สิ ผมอยากไปขอโทษน้ำเหนือ” เตชินร้อนใจกลัวความบาดหมางครั้งนี้จะทำให้ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นลงส่วนเรื่องพายุ เตชินเตรียมใจไว้แล้วว่า ความรู้สึกคงไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ โดยเฉพาะพายุ คงยากที่จะกลับมามองหน้าตัวเองได้อีก...“ตอนนี้ พี่ไม่อยากให้เตชินอยู่ห่างพี่เลยนะ”“ผมก็ไม่อยากห่างพี่เหมือนกัน ผมกลัว...”“พี่ขอโทษ...” ดึงตัวน้องชายเข้ามากอดปลอบน้องชายและปลอบใจตัวเอง...“ผมก็ขอโทษพี่เหมือนกัน ที่สร้างเรื่องยุ่งยากมาให้...แต่ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้ำเหนือมาก จะเป็นอะไรบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”“เขาอาจจะเกลียดพี่ไปแล้ว...” ตะวันเปรยขึ้น เสียงเศร้าเตชินรับรู้ได้ว่าพี่ชายตนรู้สึกผิดจริงๆ เพราะคนอย่างนายตะวันไม่เคยทำอะไรฝืนใจตัวเอง“ถึงยังไงผมก็อยากไปเจอน้ำเหนือก่อนจะเดินทาง”เตชินตัดสินใจแล้วว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ต้องรอให้เรื่องทุ
พงศ์เส้นเลือดตรงขมับบวมเต็ง เมื่อเห็นเตชินแสดงสีหน้าเจ็บปวดขณะมองชายอดีตคนรักที่เสมือนหนามยอกอก...เวลาผ่านไป ใจของเตชินก็ยังอยู่กับมันพงศ์คิดอย่างแค้นเคืองเลือดหึงขึ้นหน้า แล้วด้วยความโกรธแค้น จึงคิดหาทางเอาคืนอีกฝ่ายให้สาแก่ใจ ดวงตาคมกล้ามองไปใต้เสื้อแจ็กเก็ตสีดำของชายฉกรรจ์ที่ยืนแนบข้างจดจ้องอยู่ที่บางอย่างตรงเข็มขัด เมื่อได้จังหวะ ก็เข้าไปกระแทกไหล่จนอีกฝ่ายเสียหลักยื่นมือไปคว้าสิ่งที่เล็งไว้มาถือได้สำเร็จอย่างมั่นเหมาะความอลหม่านเกิดขึ้นเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อไปยังพายุ ส่วนลูกน้องอีกคนรีบดึงอาวุธของตัวเองออกมาแล้วเล็งตรงไปยังพงศ์ทันทีทุกคนต่างตะลึงตกใจ พายุหน้าถอดสีแต่ทำใจดีสู้เสือตะวันร้อนใจ กลัวเรื่องบานปลายใหญ่โต โดยที่ไม่อยากให้มีการสูญเสียไม่ว่าเรื่องใด ตัดสินใจเดินตรงไปหาพงศ์ ในขณะที่พายุกำลังพูดโต้“จะยิงผมเหรอ...ผมผิดอะไร ในเมื่อผมแพ้พวกอาพงศ์แล้วนี่ น้องชายของผมก็โดนลากไปแก้แค้นทั้งที่ไม่ผิด แล้วผมกับน้ำเหนือสมควรได้รับสิ่งที่ธงชัยสิทธิ์ทำงั้นเหรอ...”คำพูดของพายุทำให้ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน ส่วนภาคินเดินเข้ามาจับแขนเพื่อนไว้เพื่อส่งกำลังใจให้ หากแต่อาพงศ์ยกยิ้มสะใจ“กู
จากคนเงียบๆ และดูสุขุมของพงศ์ทำให้ป้าปุกที่อยู่ด้วยกันมานานก็สังเกตเห็นอาการหงุดหงิดเช่นนี้มาหลายวัน แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรให้มากความ เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว...“ทำไมไม่กินข้าวอีก” หลังจากที่กลับมาจากดูว่าปุกและอิงนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว พงศ์เห็นว่ากับข้าวที่เขาเป็นคนยกมาให้ยังไม่พร่องไปเลย“ผมกินไม่ลง...อาพงศ์แก้มัดผมเถอะนะ” น้ำเสียงเว้าวอน แต่พงศ์คนใส่ใจและอบอุ่นคนเดิมไม่มีแล้ว“ไม่ รีบกินจะได้ไปกันเสียที” เขาตอบเสียงสะบัดจากที่สีหน้าเศร้าหงอย ก็ตื่นพรืด ร้องถามเสียงหลง “ไปไหน อาพงศ์จะเอาผมไปไหน...ผมไม่ไป ป้าปุก ป้าปุกช่วยผมด้วยป้า...” เตชินตะโกนร้องเรียกพร้อมกับขยับลงจากเตียงตุบเพราะขาทั้งสองถูกมัดไว้จึงร่วงลงมานอนอยู่บนพื้น เตชินกัดริมฝีปากกลั้นความเจ็บเอาไว้จนห้อเลือดพงศ์มองอย่างดูแคลน “อยากเรียกใครก็เชิญ”ประโยคที่ท้าทายและไม่เกรงกลัว ทำให้เตชินเงียบเสียง ตาหรี่มองคนตรงหน้า “ลุงทำอะไรกับพวกเขา”“แค่ไล่ให้กลับบ้าน” สีหน้าราบเรียบไม่แสดงอาการเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเตชินที่หน้าตื่นตกใจ“ไล่กลับบ้าน ไล่ทำไม”“ไม่ต้องถามมาก จะกินไม่กิน”“ไม่ ตอบผมมาสิ ว่าไล่ป้าปุกทำไม”“ไม่ต้องถา
“กว่าจะมาได้...แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนอีก” พอเห็นว่าคนที่ตัวเองตั้งตารอเดินผ่านประตูเข้ามา อีกทั้งแต่งตัวเหมือนเตรียมจะออกข้างนอก ก็ถามเสียงขุ่นสีหน้าไม่พอใจ“อาพงศ์วุ่นวายกับผมเกินไปแล้วนะ...อย่าให้ผมรู้สึกไม่ดีกับอามากไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้อง...” เตชินเอ่ยเสียงเศร้าแกมขอร้อง หากแต่ผู้สูงวัยกว่ากลับยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้สิ่งที่พูด เตชินจึงพูดต่อ “เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรากลับไปแก้ไขไม่ได้ ผมขอให้มันจบไปได้ไหมครับ...ผมไม่อยากให้อาพงศ์มาจมอยู่กับเรื่องที่เราได้ทำผิดพลาดไป อาจจะเป็นผมที่วางตัวไม่ดี ผมขอโทษอาพงศ์ด้วยนะครับ” เตชินเป็นฝ่ายยอมรับผิดเสียเองเพื่อตัดจบทุกปัญหาหากแต่คนสูงวัยกว่ากลับยิ้มร้าย “มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ...ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนั้นเยียบเย็นจนน่ากลัวเตชินขนลุกซู่ ประหวั่นกับอาการและท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาพงศ์ ไม่มีแล้วสายตาและคำพูดที่อบอุ่นใจอย่างเมื่อก่อนเตชินถอยหลัง รู้สึกหวาดกลัวท่าทางแปลกๆ ของอาพงศ์ที่ตอนนี้เหมือนคนไร้สติไปเสียแล้ว“มานี่...มาดูอะไรนี่ อาอุตส่าห์ไปทำมาเลยนะ” มืออาพงศ์คว้าหมับที่ข้อมือเล็กกระชากอย่างแรงจนร่างเตชินเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด“อาพงศ์ปล่อย
เตซินสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม แล้วดึงชายผ้าห่มคลุมใบหน้าอย่างรำคาญเมื่อได้ยินดังอยู่ใกล้ๆ แต่แรงขยับทำให้จากที่ไม่อยากตื่น ตาก็สว่างโร่ เมื่อรับรู้ได้ว่าบนเตียงตัวเอง มีคนอื่นนอนอยู่ด้วย ใจพลันคิด เมื่อคืนพี่พายุไม่ได้กลับไปนอนบ้านเหรอ...ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะแล้วมองไปยังคนข้างๆ“เฮ้ย อาพงศ์” แล้วรีบเลิกผ้าห่มขึ้นเพื่อมองสำรวจร่างกายใต้ผ้าห่มของตัวเองเตชินตกใจแทบสิ้นสติเมื่อเสื้ออาภรณ์ใดๆ บนร่างกายไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว“ใช่ครับ...” พงศ์ตอบสีหน้าราบเรียบ หากแต่เตชินหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แล้วมองสำรวจไปรอบห้องด้วยแววตาตื่นตระหนก และพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองวางกองอยู่บนพื้นอย่างไม่ไยดี และใกล้ๆ กันนั้นก็เป็นเสื้ออีกชุด ซึ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นของใคร...“หมายความว่าไง อาพงศ์ทำอะไรผมเมื่อคืน”ไม่อยากเดา และไม่อยากยอมรับความจริงเสียงทุ้มหนักหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยถาม “ทำไม รับไม่ได้เหรอ เมื่อคืนคุณเตชินยังบอกว่าชอบอยู่เลย” แล้วยกมือถือในมือขึ้นสูงอีกครั้งเตชินหน้าตื่นแล้วค่อยๆ กลายเป็นสีเรื่อ เมื่อจำได้เลือนรางว่ามันรู้สึกดีจริงๆ ในตอนนั้น“นี่อาพงศ์ถ่ายภาพผมเก็บไว้หรือครับ” แล้วรีบเบี่ยงตัวหลบ“ก็เอาไว้ดูต