แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า
“กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?”
“ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
นี่ความฝันหรือความจริง... ไม่รู้ว่าแบงค์เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างมึนงง เขาปรับตัวเรียกสติกลับมาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่แบงค์เห็นหลังจากคืนสติเต็มตัวแล้วคือ ห้องเกียรติยศบนชั้นสอง หอบรรณสารสนเทศมืดสนิท เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน “ไฟดับอีกแล้วหรือ?” แบงค์พึมพำกับตนเองแล้วเก็บหนังสือ อุปกรณ์การเขียน ลงใส่กระเป๋าเดินออกจากหอบรรณสารสนเทศอย่างรีบเร่ง ตึกเกือกม้าในภาคเรียนฤดูร้อนเงียบอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องทั้งนักศึกษาและบุคลากรก็ละทิ้งการเรียนและการงานของตน แบงค์ยังอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาเดินไปนั่งทบทวนเหตุการณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในความฝันตรงม้านั่งตึกในลานตึกเกือกม้า ทำไมหนอ... ทำไมให้เราฝันถึงคนที่จากเราไปไกลแสนไกลแล้ว ทำไมให้เรากับพี่
สวัสดีครับผมชื่อพันธศิลป์ หรือชื่อที่พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนๆ เรียกว่า ตง พี่ตงหรือไอเชี่ยตงตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ผมเกิดวันที่ 4 ตุลาคม ใครๆ ก็ว่าคนเกิดเดือนตุลาเป็นคนตรงๆ ยุติธรรม และโรแมนติค แต่ผมยังไม่รู้ว่าผมเป็นคนโรแมนติคจริงหรือเปล่าเพราะผมยังไม่เคยมีแฟน ได้แต่ชอบคนโน้นคนนี้แล้วก็ต้องมารับประทานแห้วทุกทีเลย หรือว่าผมเป็นคนใจบางๆ เจอใครก็รักไปหมด นี่คงสาเหตุที่ทำให้ผมต้องกินแห้วมาตลอด อย่าไปพูดถึงมันเลยครับ เอาเป็นว่าวันนี้ ผมต้องเดินทางจากบ้านบางรักแห่งเมืองหมูย่างเมืองตรังมาเขตรั้วสีบลูวิทยาเขตเมืองคนดี ตามคำสั่งของเพื่อนแป๊ะ ที่ให้มาร่วมทำกิจกรรมรับน้อง “ไอตง มึงมหาวิทยาลัยก่อนสักอาทิตย์นึงนะ” “อะไรของมึงวะแป๊ะ กูอยากจะอยู่บ้านกูให้สบายๆ ตัวซักหน่อย” “กูอยากจะให้มึงมาดูหน้าน้องๆ ของมึงไง มึงต้องมาดูหน้าน้องรหัส ผูกสายเชลล์ให้น้องของมึง” “เรื่องมาก เออเดี๋ยวกูไป” แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในรถตู้แยงตาผม ทำให้ผมตื่นขึ้นมาแล้วมองออกนอกหน้าต่าง รถแล่นมาถึงซอย 2 อีกนิดใกล้ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีแล้ว ผมเตรียมตัวลงจ
แน่นอนว่า ก่อนเปิดภาคเรียนจนเปิดภาคเรียนไปเดือนกว่าๆ มีกิจกรรมรับน้องให้ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องได้เหน็ดเหนื่อย ในกรณีนี้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผม หลังจากแป๊ะได้เรียกประชุมระดมความคิดแนวทางในการรับน้องของสาขาวจก. ผมไม่ต้องทำกิจกรรมรับน้องอย่างหนักหน่วงเหมือนอย่างแป๊ะที่เป็นประธานสาขา ต้องดูแลความเป็นอยู่ของรุ่นน้องและรวมไปถึงการฝึกฝนรุ่นน้องให้อยู่ในร่องในรอย เพื่อนโจม เพื่อนเอฟ เพื่อนก๊วยเจ๋ง เพื่อนลิตเติลและคนอื่นๆ ที่รับหน้าที่พี่ไซโคหรือพี่ว้าก กลุ่มไวโคหรือกลุ่มว้ากนี้ ห้ามเพร่งพรายเป็นอันขาดว่าใครเป็นใครให้รุ่นน้องปีหนึ่งทราบ แป๊ะนัดน้องๆ สาขาวจก. ประชุมพบปะรุ่นพี่ปี 2 กึ่งเป็นทางการครั้งแรก ณ ลานหอวิจัยในช่วงค่ำ หลังจากวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศน้องๆ ปีหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเมื่อคืนก่อน พี่ปี 2 ได้รู้ว่าน้องรหัสของตนเป็นใครโดยไปดูจากบอร์ดประกาศรายชื่อนักศึกษาชั้นปีที่ 1 พร้อมรหัสนักศึกษาอย่างเป็นทางการ แต่ผมไม่มีน้องรหัสเพราะรุ่นน้องไม่ได้มามอบตัวยืนยันการเป็นศึกษา “แป๊ะ จะแกล้งอะไรน้อง เพิ่มแบงค์ไปด้วยนะ”อ๊อฟสั่งแป๊ะมาเป็นพิเศษ “ทำไมวะ น้องเขาก็ดี ไปทำไรใ
ช่วงพักเที่ยงระหว่างรอเรียนวิชา Principle of Accounting 2ในวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ นั่งเล่นพูดคุย มีน้องปี 1 ล่าประวัติและลายเซ็นของรุ่นพี่ตามประเพณีและสำคั่งของพี่ไซโคที่สั่งให้น้องๆ เฟรชชี่แต่ละคนต้องหาประวัติรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่า 100 คน “พี่ครับ พวกพี่มีนิยามของการแอบรักอย่างไรบ้างครับ?” วันนี้แบงค์มาแปลก ไม่ล่าลายเซ็นรุ่นพี่ แต่มาตั้งกระทู้ถามอะไรแปลกๆ “ถามไปทำไมยะ?” กระดิ่งถามกลับ “เอาไปใช้ในวิชา Communication Skills ครับ อาจารย์ตั้งโจทย์ให้พูดโดยฉับพลัน ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะพูดกันแต่เรื่องว่ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มันซ้ำๆ กันจนเกร่อ ผมเลยหาประเด็นที่มันแปลกๆ ฉีกแนวไป” แบงค์อธิบาย “สำหรับพี่การแอบรักคือ เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล” ชิคให้นิยามกา
นี่ความฝันหรือความจริง... ไม่รู้ว่าแบงค์เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างมึนงง เขาปรับตัวเรียกสติกลับมาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่แบงค์เห็นหลังจากคืนสติเต็มตัวแล้วคือ ห้องเกียรติยศบนชั้นสอง หอบรรณสารสนเทศมืดสนิท เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน “ไฟดับอีกแล้วหรือ?” แบงค์พึมพำกับตนเองแล้วเก็บหนังสือ อุปกรณ์การเขียน ลงใส่กระเป๋าเดินออกจากหอบรรณสารสนเทศอย่างรีบเร่ง ตึกเกือกม้าในภาคเรียนฤดูร้อนเงียบอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องทั้งนักศึกษาและบุคลากรก็ละทิ้งการเรียนและการงานของตน แบงค์ยังอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาเดินไปนั่งทบทวนเหตุการณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในความฝันตรงม้านั่งตึกในลานตึกเกือกม้า ทำไมหนอ... ทำไมให้เราฝันถึงคนที่จากเราไปไกลแสนไกลแล้ว ทำไมให้เรากับพี่
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า “กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?” “ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังดำเนินมาถึงภาคเรียนที่ 2 มีบางอย่างเปลี่ยนไป บ้านเช่าที่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงทั้ง 4 จองเอาไว้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนย้ายออกมาจากหอวิจัย แป๊ะก็ย้ายมาอยู่คนเดียวที่ห้องข้างๆ กับพวกผู้หญิง ผมย้ายออกมาเช่นกันแต่ก็อยู่บ้านสีเขียวห้องแรกเพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการสะดวกหากวรรณจะมาเยี่ยมมาเยียนใช้เวลาตามประสาคนรักกัน ส่วนหมอยังเช่าบ้านสีเขียวอยู่ห้องเดิม แบงค์ถอยรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกติดตามรุ่นพี่มาเป็นแขกประจำของห้องเช่า แบงค์ยังตั้งชื่อบ้านเช่าตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ทั้งผู้หญิงทั้ง 4 และแป๊ะแห่แหนกันไปเช่าว่า บ้านพิกุลทอง ตามชื่อพรรณไม้ที่ปลูกยืนต้นเรียงรายเป็นแนวรั้วกั้นบ้านกับถนนคอนกรีตในค่ำคืนหนึ่ง บรรยากาศช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ ตงสังเกตได้ เมื่อผมแวะบ้านพิกุลหลังกลับมาจากส่งวรรณเข้าหอวิจัยในจมหาวิทยาลัย ไม่ได้พบเจอแบงค์เหมือนอย่างเคยเป็นมา เลยนึกสงสัย“อีแบงค์ไม่มาเหรอสปัน?” “อะไรของแกยะตง ตอนแบงค์อยู่ไม่คุยอะไรกับมัน พ
ผมกลับมาถึงบ้านเช่าอย่างเหนื่อยล้า เดินไปนั่งพักผ่อนที่หลังบ้าน สูบบุหรี่พ่นควันครุ่นคิดในเรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดอยู่ กำลังผ่านพ้นไป และเกิดขึ้นในอนาคต เราควรจะทำอย่างไรดี เรารักใครกันแน่ พี่วรรณหรือแบงค์ ทำไมเราสับสนเช่นนี้ สับสนขนาดหนัก สับสนทางเพศเลยทีเดียว ที่สำคัญทั้งพี่วรรณและแบงค์ต่างก็มีใจให้เรา แม้ว่าเราจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเราเลือกใคร แต่เราก็สงสารคนที่เราไม่ได้เลือก เราไม่อยากให้ใครมาหักอกเรา เราก็ไม่อยากหักอกใครเช่นกัน... เกือบ 4 ทุ่มหมอและแป๊ะกลับมาพร้อมเบียร์ 3 ขวด ทำให้ผมนึกเปรี้ยวปากอยากจะดื่มเพื่อคลายความกลัดกลุ้มภายในหัวใจ “กูจะรักกับพี่วรรณดีไหมวะหมอ แป๊ะ?” ผมถามด้วยความรู้สึกวิตกกังวล “พวกมึงจะว่าไงบ้าง?” “กูจะว่าอะไรมึงได้ มึงเองก็ชอบ
ช่วงพักเที่ยงระหว่างรอเรียนวิชา Principle of Accounting 2ในวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ นั่งเล่นพูดคุย มีน้องปี 1 ล่าประวัติและลายเซ็นของรุ่นพี่ตามประเพณีและสำคั่งของพี่ไซโคที่สั่งให้น้องๆ เฟรชชี่แต่ละคนต้องหาประวัติรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่า 100 คน “พี่ครับ พวกพี่มีนิยามของการแอบรักอย่างไรบ้างครับ?” วันนี้แบงค์มาแปลก ไม่ล่าลายเซ็นรุ่นพี่ แต่มาตั้งกระทู้ถามอะไรแปลกๆ “ถามไปทำไมยะ?” กระดิ่งถามกลับ “เอาไปใช้ในวิชา Communication Skills ครับ อาจารย์ตั้งโจทย์ให้พูดโดยฉับพลัน ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะพูดกันแต่เรื่องว่ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มันซ้ำๆ กันจนเกร่อ ผมเลยหาประเด็นที่มันแปลกๆ ฉีกแนวไป” แบงค์อธิบาย “สำหรับพี่การแอบรักคือ เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล” ชิคให้นิยามกา