ผมกลับมาถึงบ้านเช่าอย่างเหนื่อยล้า เดินไปนั่งพักผ่อนที่หลังบ้าน สูบบุหรี่พ่นควันครุ่นคิดในเรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดอยู่ กำลังผ่านพ้นไป และเกิดขึ้นในอนาคต
เราควรจะทำอย่างไรดี เรารักใครกันแน่ พี่วรรณหรือแบงค์ ทำไมเราสับสนเช่นนี้ สับสนขนาดหนัก สับสนทางเพศเลยทีเดียว ที่สำคัญทั้งพี่วรรณและแบงค์ต่างก็มีใจให้เรา แม้ว่าเราจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเราเลือกใคร แต่เราก็สงสารคนที่เราไม่ได้เลือก เราไม่อยากให้ใครมาหักอกเรา เราก็ไม่อยากหักอกใครเช่นกัน...
เกือบ 4 ทุ่มหมอและแป๊ะกลับมาพร้อมเบียร์ 3 ขวด ทำให้ผมนึกเปรี้ยวปากอยากจะดื่มเพื่อคลายความกลัดกลุ้มภายในหัวใจ
“กูจะรักกับพี่วรรณดีไหมวะหมอ แป๊ะ?” ผมถามด้วยความรู้สึกวิตกกังวล “พวกมึงจะว่าไงบ้าง?”
“กูจะว่าอะไรมึงได้ มึงเองก็ชอบพี่วรรณมาตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วนิ” แป๊ะให้ความคิดเห็น
“เรื่องของมึง ความพยายามของสำเร็จจนได้นะ” หมอบอก
แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกเพื่อนๆ ต้องเห็นดีเห็นงามเพราะคนที่ผมคิดจะคบหาเป็นแฟนคือวรรณ ไม่ใช่แบงค์ เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย หากเป็นแบงค์ ไอพวกเพื่อนเหล่านี้จะรังเกียจผมหรือเปล่า
นับจากนั้นมาผมเดินหน้าความรักเต็มตัวกับวรรณ หันหลังให้กับแบงค์ด้วยการทำเป็นลืมๆ ไม่ให้ความสำคัญ จนในที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผมและแบงค์ก็เป็นเพียงแค่พี่น้องร่วมสาขา แทบจะไม่มีการปฎิสัมพันธ์ใดๆ เสียเลย แม้ในค่ำคืนเฟรชชี่ไนท์ ช่วงท้ายของงานมีการทำบายศรีสู่ขวัญ รุ่นพี่ผูกด้ายสีขาวรับขวัญรุ่นน้อง ผมคาดการณ์ว่าแบงค์จะต้องให้ผมผูกด้าย การมาพบเจอกันในบรรยากาศเช่นนี้ อาจทำให้เขาใจอ่อน เรื่องวุ่นวายต่างๆ อาจจะตามมาภายหลัง ผมจึงเลี่ยงไปนั่งปะปนรวมกับกลุ่มวรรณ เพราะความมืดมิดมีเพียงแสงเทียนสลัวๆ กอปรกับแบงค์ไม่รู้จักกับวรรณ คงจะไม่มาถึงตรงที่กลุ่มของวรรณนั่งอยู่ ทุกๆ อย่างเป็นไปตามที่ผม-หนุ่มเมืองตรังผู้มีใจบางบางเพราะบ้านอยู่บางรักคาดคิดเอาไว้ จนกระทั่งจบงาน ทุกคนแยกย้ายกันกลับ ผมได้มาพบกับแบงค์ที่ลานจอดรถ
“พี่ตงไปอยู่ไหนมาครับ ผมหาพี่ไม่เจอเลย” แบงค์บ่นใส่ตงเป็นยกใหญ่
“มึงตาไม่ดี หากูไม่เจอเอง” ผมทำเสียงดุกลบเกลื่อน
“พี่ยังมีด้ายเหลือไหมครับ ผูกให้ผมสักหน่อย” แบงค์ส่งสายตาอ้อนวอนจนเกือบทำให้ผมใจอ่อนเสียแล้ว
“ไม่มีเหลือเลย” ผมพยายามปฏิเสธ ผมโกหกไปทั้งๆ ที่ในกระเป่ากางเกงยีนส์มีด้ายสีขาวซุกว่อนอยู่จำนวนหนึ่ง
“พี่ช่วยอวยพรอะไรผมก็ได้ จะได้ไหมครับ” แบงค์ใช้ลูกตื้อเซ้าซี้ตงอยู่
ผมคว้ามือแบงค์ขึ้นมา ข้อมือของน้องเต็มไปด้วยด้ายสีขาวผูกพันรัดตรึงไว้ ผมเอ่ยอวยพรว่า “ขอให้แบงค์มีความสุข”
เพียงเท่านี้แหละที่แบงค์ต้องการ เด็กอ้วนใส่แว่นอำลาตงแล้วแยกจากกลับหอในไปพร้อมกับเจฟ ผมนึกภาวนาอยู่ในใจว่า แบงค์อย่าเอาความสุขในชีวิตมาผูกติดไปตามเขาเลย
... ... ...
ด้วยเงื่อนไขแห่งเวลาที่เดินหน้าไปไม่หยุดยั้ง เมื่อกิจกรรมรับน้องจบสิ้นลง ผมแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับรุ่นน้องคนหนึ่งคนใดอีก มีเรียนก็ไปเรียน ไม่มีเรียนก็ยู่บ้านเช่า ออกเดทกับวรรณหากเราสองคนมีเวลาว่างตรงกัน
“เมื่อไหร่ตงจะขอเราเป็นแฟนซักที” วรรณกระเซ้าผมขณะนั่งชมพรรณไม้ร่วมกันในศาลาเล็กกลางสวนหลวงร. 9 หลังสนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
“ต้องขอเป็นทางการด้วยหรือ ในเมื่อคนอื่นเข้าใจกันแล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน”
“แม้แต่คำว่ารัก วรรณก็ไม่เคยได้ยินจากปากของผมเลย” วรรณตัดพ้อแล้วขยับตัวออกห่างจากตง
“ต้องพูดด้วยหรือ แค่ทำอยู่นี่ไม่พอหรือไง?” ผมทำหน้าไขสือแล้วเลื่อนตัวเองไปใกล้ชิดกับวรรณ
“ถ้ารักวรรณ ตงต้องชัดเจน” วรรณสบตากับและด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหมือนว่าวรรณพยายามเร่งรัดให้ตผมทำตามที่ตนเองต้องการ ผู้หญิงและผู้ชายมีวิธีการแสดงออกถึงความรักไม่เหมือนกัน ผู้ชายแสดงออกถึงความรักด้วยการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการได้ใช้เวลาร่วมกัน กินข้าว พูดคุย สัมผัสร่างกาย และเลยเถิดไปถึงการได้เป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน ส่วนผู้หญิงนั้น ต้องการได้ยินคำว่ารักจากปากผู้ชายและจะยินยอมพร้อมใจทำตามเงื่อนไขทุกเงื่อนไขที่ทุกคนต้องการ
“แกตัดสินใจแน่แล้วหรือตง” กระดิ่งถามผม ขณะกำลังเลือกหนังสือไปใช้ทำรายงานวิชา Management Information System หรือ MIS ที่ชั้น 2 หอบรรณสารสนเทศ
“เรื่องอะไรหรือ” ผมทำหน้าไขสือแกล้งไม่รู้เรื่องออะไร“อย่ามาทำไขสือ แกก็มีเรื่องเดียว เรื่องแกกับพี่วรรณ มันยังไง” กระดิ่งเลิกหาหนังสือแล้วมาถกเรื่องส่วนตัวกลั้วความรักของผม
“ใช่แล้ว” ผมตอบสั้นๆ
“ฉันได้ยินมา แกขลุกตัวอยู่กับพี่วรรณ หายหน้าหายตาไปเลย ไม่ค่อยสนใจเพื่อนๆ น้องๆ เลย” กระดิ่งบ่น
“เรารู้นะกระดิ่ง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เรารู้นะว่ากระดิ่งพูดแทนใคร เอาเถอะ กระดิ่งเป็นพี่เทคของมัน ช่วยดูแลมันให้ดีๆ ล่ะ อย่าสร้างเรื่องให้มันยุ่งเหยิง เราน่ะไม่ชอบหรอกนะที่ใครจะมาหักอกเรา เราจึงไม่อยากไปหักอกใคร”
งานวิชาการของมหาวิทยาลัยมาถึงพร้อมกับความวุ่นวายอย่างที่เคยเป็นมา ข่าวเรื่องผมกับวรรณคบหาเป็นแฟนกันแพร่สะพรัดเป็นไฟลามทุ่ง ผมไม่อยากให้ความจริงเข้าหูของแบงค์ ผมกลัวรอยยิ้มอันสดใสราวกับตะวันกลางทะเล กลายเป็นความหม่นหมองประหนึ่งฝนตกในฤดูหนาว ความรู้สึกที่จริงใจ ความห่วงใย ความรักและคิดถึงของแบงค์จะจางหายไป ทว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในค่ำคืนที่ 2 ของงานวิชาการมหาวิทยาลัย ผม วรรณและแบงค์มาโคจรพบเจอกัน แบงค์ประจักษ์ความจริงแก่สายตาของเขา การแสดงออกของผมต่อวรรณก็เป็นไปอย่างคนรักทั่วๆ ไปทำกันเมื่ออยู่ที่สาธารณะ เช่น เดินจับมือกัน พูดคุยหยอกล้อกันเฉพาะเรื่องที่คนสองคนเข้าใจกันเท่านั้น
ในที่สุดแบงค์เป็นฝ่ายหลบลี้ไป เขาเดินหายไปตามเส้นทางเชื่อต่อระหว่างตึกเกือกม้ากับตึกร้าง จะว่าไปผมก็รู้สึกสงสารแบงค์อยู่เหมือนกัน แบงค์จะต้องเข้าใจว่า บางทีความถูกต้องกับความถูกใจสวนทางกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หลังจากงานวิชาการมหาวิทยาลัยผ่านพ้นไป แบงค์ไปตัดผมสั้นเกรียนทรงสกินเฮด สร้างความสงสัยให้แก่ทุกคนที่ได้พบเห็น
“มันบอกว่ามันอกหัก” กระดิ่งตอบข้อสงสัยของผม
“ยังไง เล่ามาละเอียดเลย” ผมอยากรู้ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่เข้าใจว่าทำไมต้องอยากรู้เรื่องของแบงค์
กระดิ่งเลิกพิมพ์รายงานแล้วเริ่มเล่าเรื่องของแบงค์อย่างละเอียด ในค่ำคืนหนึ่ง แบงค์ขึ้นมาพูดคุยกับกระดิ่ง ชิค สปันและอายที่หอวิจัยเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
“คิดยังไง ไปตัดสกินเฮดมา” สปันถามหลังสังเกตเห็นทรงผมที่เปลี่ยนไปของแบงค์
“อกหักมาครับพี่ เลยตัดผมล้างซวยซะหน่อย” แบงค์ตอบอย่างติดตลก
“คนที่แกรักไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหม?” สปันถามต่ออีกคำถามหนึ่ง
“สปันจะอ้อมค้อมไปทำไม ในเมื่อพวกเราทุกคนรู้ดีว่าแบงค์รักตง” ชิคพูดแย้งสปันขึ้นมา
“พวกพี่รู้ได้ไง ใครเป็นคนบอกพวกพี่” แบงค์ทำสีหน้าตกใจแสดงอาการลนลานอย่างชัดเจน
“พวกฉันไม่ได้ตาบอดนะ แกแสดงออกขนาดนี้ ฉันระแคะระคายตั้งแต่แกขอตงเป็นน้องเลิฝแล้ว การที่แกยอมมาขลุกตัวอยู่กับพวกพี่ เพราะต้องการล้วงความเป็นไปของตงใช่ไหม?” กระดิ่งร่ายยาวถึงพฤติกรรมที่แบงค์แสดงออกมา
“ใช่ครับ ผมรักพี่ตง” แบงค์สารภาพความจริง “ผมรักพี่เขาแต่ก็เป็นแค่การแอบรัก ไม่มีโอกาสที่จะสานสัมพันธ์ให้ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้ ในเมื่อพี่ตงรักอยู่กับพี่วรรณ”
“แล้วแบงค์จะทำอย่างไรต่อไป?” อายถาม
“ก็ไม่รู้ครับ ผมขัดแย้งกับใจของผมเอง ใจมันแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกบอกให้ตัดใจซะ อย่างไรก็ตามพี่ตงก็ไม่มีวันที่จะมาชายตาแลคนอย่างผมหรอก ส่วนอีกใจหนึ่งบอกว่า รอต่อไป เพราะพี่ตงเป็นคนดี คนดีๆ อย่างพี่ตงไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เจออีกหรือเปล่า เฮ้อ! ของดีถึงเป็นกากเดน แม้มีด่างดวง แต่ดีมีราคา ของใครไม่เอาหรอกอา ถ้าเลิกเมียบอกมา จะพาไปวัดดวง” แบงค์ตอบตามความรู้สึกภายในใจของตน
“นี่แหละคือเรื่องทั้งหมด” กระดิ่งสาธยายเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังอย่างละเอียดถี่ยิบ “แกนี่ไปทำอะไรให้แบงค์นี่ติดใจถึงบอกว่าแกเป็นคนดี๊ดี ฉันไม่เห็นไม่เห็นมีดีอะไรสักอย่าง ปากก็หมา กินเหล้า สูบบุหรี่”
“นี่ถึงขนาดขอจองไว้ในใจเลยหรือ?” ผมได้ฟังแล้วรู้สึกทึ่ง “แหม! เรานี่ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ”
“แกจะเอาไงต่อ ก. ควงสองไปเลย ข. เลือกพี่วรรณ ค. เลือกอีแบงค์ ง. ไม่เลือกใคร” กระดิ่งถามความคิดเห็นของผมว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร พร้อมทั้งให้ตัวเลือกมาเสร็จสรรพ
“เลือกข้อจ. คือ เราจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แหละ เมื่อถึงเวลาหนึ่ง แบงค์อาจจะถูกใจใคร ก็จะถอนตัวไปจากเราเอง” ผมตอบ แม้ว่าคำตอบอาจจะฟังดูพิกลๆ ความรู้สึกในใจของผมคือกั๊กแบงค์เอาไว้ก่อน ถ้าวันใดวันหนึ่งความรักระหว่างผมกับวรรณมีอันเป็นไปหรือผมมีความกล้ามากพอที่จะคบหากับแบงค์ เขาจะได้คบหากับแบงค์อย่างไร้ข้อกังวลใจ
“นี่นะหรือคนดี ไม่ชอบน้องเขาแต่ก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง หรือว่าแกแอบรู้สึกหวั่นไหวกับแบงค์อยู่เหมือนกัน” กระดิ่งพูดกระทบกระเทียบ แต่ก็เดาใจของผมได้อย่างถูกต้อง
“ทำงานให้เสร็จดีกว่า เอาเวลาคุยแต่เรื่องไร้สาระกัน เดี๋ยวเสร็จงานดึก ไอหมอไม่ไปส่งนะ” ผมเฉไฉไปเรื่องรายงาน และพยายามลืมๆ ทำนิ่งไม่สนใจเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวข้องกับแบงค์อีก”
จบบท
ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังดำเนินมาถึงภาคเรียนที่ 2 มีบางอย่างเปลี่ยนไป บ้านเช่าที่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงทั้ง 4 จองเอาไว้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนย้ายออกมาจากหอวิจัย แป๊ะก็ย้ายมาอยู่คนเดียวที่ห้องข้างๆ กับพวกผู้หญิง ผมย้ายออกมาเช่นกันแต่ก็อยู่บ้านสีเขียวห้องแรกเพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการสะดวกหากวรรณจะมาเยี่ยมมาเยียนใช้เวลาตามประสาคนรักกัน ส่วนหมอยังเช่าบ้านสีเขียวอยู่ห้องเดิม แบงค์ถอยรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกติดตามรุ่นพี่มาเป็นแขกประจำของห้องเช่า แบงค์ยังตั้งชื่อบ้านเช่าตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ทั้งผู้หญิงทั้ง 4 และแป๊ะแห่แหนกันไปเช่าว่า บ้านพิกุลทอง ตามชื่อพรรณไม้ที่ปลูกยืนต้นเรียงรายเป็นแนวรั้วกั้นบ้านกับถนนคอนกรีตในค่ำคืนหนึ่ง บรรยากาศช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ ตงสังเกตได้ เมื่อผมแวะบ้านพิกุลหลังกลับมาจากส่งวรรณเข้าหอวิจัยในจมหาวิทยาลัย ไม่ได้พบเจอแบงค์เหมือนอย่างเคยเป็นมา เลยนึกสงสัย“อีแบงค์ไม่มาเหรอสปัน?” “อะไรของแกยะตง ตอนแบงค์อยู่ไม่คุยอะไรกับมัน พ
แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า “กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?” “ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
นี่ความฝันหรือความจริง... ไม่รู้ว่าแบงค์เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างมึนงง เขาปรับตัวเรียกสติกลับมาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่แบงค์เห็นหลังจากคืนสติเต็มตัวแล้วคือ ห้องเกียรติยศบนชั้นสอง หอบรรณสารสนเทศมืดสนิท เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน “ไฟดับอีกแล้วหรือ?” แบงค์พึมพำกับตนเองแล้วเก็บหนังสือ อุปกรณ์การเขียน ลงใส่กระเป๋าเดินออกจากหอบรรณสารสนเทศอย่างรีบเร่ง ตึกเกือกม้าในภาคเรียนฤดูร้อนเงียบอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องทั้งนักศึกษาและบุคลากรก็ละทิ้งการเรียนและการงานของตน แบงค์ยังอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาเดินไปนั่งทบทวนเหตุการณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในความฝันตรงม้านั่งตึกในลานตึกเกือกม้า ทำไมหนอ... ทำไมให้เราฝันถึงคนที่จากเราไปไกลแสนไกลแล้ว ทำไมให้เรากับพี่
สวัสดีครับผมชื่อพันธศิลป์ หรือชื่อที่พ่อ แม่ พี่น้อง เพื่อนๆ เรียกว่า ตง พี่ตงหรือไอเชี่ยตงตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ผมเกิดวันที่ 4 ตุลาคม ใครๆ ก็ว่าคนเกิดเดือนตุลาเป็นคนตรงๆ ยุติธรรม และโรแมนติค แต่ผมยังไม่รู้ว่าผมเป็นคนโรแมนติคจริงหรือเปล่าเพราะผมยังไม่เคยมีแฟน ได้แต่ชอบคนโน้นคนนี้แล้วก็ต้องมารับประทานแห้วทุกทีเลย หรือว่าผมเป็นคนใจบางๆ เจอใครก็รักไปหมด นี่คงสาเหตุที่ทำให้ผมต้องกินแห้วมาตลอด อย่าไปพูดถึงมันเลยครับ เอาเป็นว่าวันนี้ ผมต้องเดินทางจากบ้านบางรักแห่งเมืองหมูย่างเมืองตรังมาเขตรั้วสีบลูวิทยาเขตเมืองคนดี ตามคำสั่งของเพื่อนแป๊ะ ที่ให้มาร่วมทำกิจกรรมรับน้อง “ไอตง มึงมหาวิทยาลัยก่อนสักอาทิตย์นึงนะ” “อะไรของมึงวะแป๊ะ กูอยากจะอยู่บ้านกูให้สบายๆ ตัวซักหน่อย” “กูอยากจะให้มึงมาดูหน้าน้องๆ ของมึงไง มึงต้องมาดูหน้าน้องรหัส ผูกสายเชลล์ให้น้องของมึง” “เรื่องมาก เออเดี๋ยวกูไป” แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในรถตู้แยงตาผม ทำให้ผมตื่นขึ้นมาแล้วมองออกนอกหน้าต่าง รถแล่นมาถึงซอย 2 อีกนิดใกล้ถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีแล้ว ผมเตรียมตัวลงจ
นี่ความฝันหรือความจริง... ไม่รู้ว่าแบงค์เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างมึนงง เขาปรับตัวเรียกสติกลับมาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่แบงค์เห็นหลังจากคืนสติเต็มตัวแล้วคือ ห้องเกียรติยศบนชั้นสอง หอบรรณสารสนเทศมืดสนิท เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน “ไฟดับอีกแล้วหรือ?” แบงค์พึมพำกับตนเองแล้วเก็บหนังสือ อุปกรณ์การเขียน ลงใส่กระเป๋าเดินออกจากหอบรรณสารสนเทศอย่างรีบเร่ง ตึกเกือกม้าในภาคเรียนฤดูร้อนเงียบอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องทั้งนักศึกษาและบุคลากรก็ละทิ้งการเรียนและการงานของตน แบงค์ยังอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาเดินไปนั่งทบทวนเหตุการณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในความฝันตรงม้านั่งตึกในลานตึกเกือกม้า ทำไมหนอ... ทำไมให้เราฝันถึงคนที่จากเราไปไกลแสนไกลแล้ว ทำไมให้เรากับพี่
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า “กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?” “ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังดำเนินมาถึงภาคเรียนที่ 2 มีบางอย่างเปลี่ยนไป บ้านเช่าที่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงทั้ง 4 จองเอาไว้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนย้ายออกมาจากหอวิจัย แป๊ะก็ย้ายมาอยู่คนเดียวที่ห้องข้างๆ กับพวกผู้หญิง ผมย้ายออกมาเช่นกันแต่ก็อยู่บ้านสีเขียวห้องแรกเพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการสะดวกหากวรรณจะมาเยี่ยมมาเยียนใช้เวลาตามประสาคนรักกัน ส่วนหมอยังเช่าบ้านสีเขียวอยู่ห้องเดิม แบงค์ถอยรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกติดตามรุ่นพี่มาเป็นแขกประจำของห้องเช่า แบงค์ยังตั้งชื่อบ้านเช่าตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ทั้งผู้หญิงทั้ง 4 และแป๊ะแห่แหนกันไปเช่าว่า บ้านพิกุลทอง ตามชื่อพรรณไม้ที่ปลูกยืนต้นเรียงรายเป็นแนวรั้วกั้นบ้านกับถนนคอนกรีตในค่ำคืนหนึ่ง บรรยากาศช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ ตงสังเกตได้ เมื่อผมแวะบ้านพิกุลหลังกลับมาจากส่งวรรณเข้าหอวิจัยในจมหาวิทยาลัย ไม่ได้พบเจอแบงค์เหมือนอย่างเคยเป็นมา เลยนึกสงสัย“อีแบงค์ไม่มาเหรอสปัน?” “อะไรของแกยะตง ตอนแบงค์อยู่ไม่คุยอะไรกับมัน พ
ผมกลับมาถึงบ้านเช่าอย่างเหนื่อยล้า เดินไปนั่งพักผ่อนที่หลังบ้าน สูบบุหรี่พ่นควันครุ่นคิดในเรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดอยู่ กำลังผ่านพ้นไป และเกิดขึ้นในอนาคต เราควรจะทำอย่างไรดี เรารักใครกันแน่ พี่วรรณหรือแบงค์ ทำไมเราสับสนเช่นนี้ สับสนขนาดหนัก สับสนทางเพศเลยทีเดียว ที่สำคัญทั้งพี่วรรณและแบงค์ต่างก็มีใจให้เรา แม้ว่าเราจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเราเลือกใคร แต่เราก็สงสารคนที่เราไม่ได้เลือก เราไม่อยากให้ใครมาหักอกเรา เราก็ไม่อยากหักอกใครเช่นกัน... เกือบ 4 ทุ่มหมอและแป๊ะกลับมาพร้อมเบียร์ 3 ขวด ทำให้ผมนึกเปรี้ยวปากอยากจะดื่มเพื่อคลายความกลัดกลุ้มภายในหัวใจ “กูจะรักกับพี่วรรณดีไหมวะหมอ แป๊ะ?” ผมถามด้วยความรู้สึกวิตกกังวล “พวกมึงจะว่าไงบ้าง?” “กูจะว่าอะไรมึงได้ มึงเองก็ชอบ
ช่วงพักเที่ยงระหว่างรอเรียนวิชา Principle of Accounting 2ในวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ นั่งเล่นพูดคุย มีน้องปี 1 ล่าประวัติและลายเซ็นของรุ่นพี่ตามประเพณีและสำคั่งของพี่ไซโคที่สั่งให้น้องๆ เฟรชชี่แต่ละคนต้องหาประวัติรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่า 100 คน “พี่ครับ พวกพี่มีนิยามของการแอบรักอย่างไรบ้างครับ?” วันนี้แบงค์มาแปลก ไม่ล่าลายเซ็นรุ่นพี่ แต่มาตั้งกระทู้ถามอะไรแปลกๆ “ถามไปทำไมยะ?” กระดิ่งถามกลับ “เอาไปใช้ในวิชา Communication Skills ครับ อาจารย์ตั้งโจทย์ให้พูดโดยฉับพลัน ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะพูดกันแต่เรื่องว่ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มันซ้ำๆ กันจนเกร่อ ผมเลยหาประเด็นที่มันแปลกๆ ฉีกแนวไป” แบงค์อธิบาย “สำหรับพี่การแอบรักคือ เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล” ชิคให้นิยามกา