แน่นอนว่า ก่อนเปิดภาคเรียนจนเปิดภาคเรียนไปเดือนกว่าๆ มีกิจกรรมรับน้องให้ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องได้เหน็ดเหนื่อย ในกรณีนี้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผม หลังจากแป๊ะได้เรียกประชุมระดมความคิดแนวทางในการรับน้องของสาขาวจก. ผมไม่ต้องทำกิจกรรมรับน้องอย่างหนักหน่วงเหมือนอย่างแป๊ะที่เป็นประธานสาขา ต้องดูแลความเป็นอยู่ของรุ่นน้องและรวมไปถึงการฝึกฝนรุ่นน้องให้อยู่ในร่องในรอย เพื่อนโจม เพื่อนเอฟ เพื่อนก๊วยเจ๋ง เพื่อนลิตเติลและคนอื่นๆ ที่รับหน้าที่พี่ไซโคหรือพี่ว้าก กลุ่มไวโคหรือกลุ่มว้ากนี้ ห้ามเพร่งพรายเป็นอันขาดว่าใครเป็นใครให้รุ่นน้องปีหนึ่งทราบ
แป๊ะนัดน้องๆ สาขาวจก. ประชุมพบปะรุ่นพี่ปี 2 กึ่งเป็นทางการครั้งแรก ณ ลานหอวิจัยในช่วงค่ำ หลังจากวันนี้เป็นวันปฐมนิเทศน้องๆ ปีหนึ่ง ก่อนหน้านั้นเมื่อคืนก่อน พี่ปี 2 ได้รู้ว่าน้องรหัสของตนเป็นใครโดยไปดูจากบอร์ดประกาศรายชื่อนักศึกษาชั้นปีที่ 1 พร้อมรหัสนักศึกษาอย่างเป็นทางการ แต่ผมไม่มีน้องรหัสเพราะรุ่นน้องไม่ได้มามอบตัวยืนยันการเป็นศึกษา
“แป๊ะ จะแกล้งอะไรน้อง เพิ่มแบงค์ไปด้วยนะ”อ๊อฟสั่งแป๊ะมาเป็นพิเศษ
“ทำไมวะ น้องเขาก็ดี ไปทำไรให้อ๊อฟไม่พอใจเหรอ”
“ก็มันรู้มากไป มันรู้ว่าเราเป็นพี่รหัสโดยบังเอิญ เราไปดูชื่อน้องรหัส แล้วเผลอพูดไปเพราะความดีใจ เลยต้องปิดปากมันหน่อยนะแป๊ะ” อ๊อฟเล่าเหตุการณ์
ผมรู้สึกเป็นห่วงแบงค์ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้นำข่าวไปเตือนแบงค์ ผมคิดว่าคงจะเป็นการแกล้งเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ปะให้ผมและเพื่อนๆ จับสลากหาน้องรหัสบุญธรรม จากนั้นให้รุ่นน้องแต่ละคนแนะนำตนเองให้รุ่นพี่ได้รู้จักว่าใครเป็นใคร ใครเป็นน้องรหัสของตนเอง โดยที่รุ่นน้องยังไม่ทราบว่าใครเป็นพี่รหัสยกเว้นแบงค์ ส่วนน้องรหัสของผมคือ น้องหญิงจากจังหวัดตรัง คนบ้านเดียวกันกับตงและเป็นน้องโรงเรียนของหมอ
“รักกันจริงนะวจก. ปีนี้ แบงค์กับเจฟออกมาเลย บีเตรียมของ ที่ต้องเรียกสองคนนี้ออกมาเพราะ เจฟเป็นประสาขาจะต้องเสียสละตนเอง อะไรที่ดีต้องให้เพื่อนๆ ก่อน อะไรที่ร้ายๆ ก็ต้องรับไว้เอง ส่วนแบงค์พี่รหัสเขารีเควสท์มา แบงค์เอ๋ยแบงค์ แกนี่โชคดีหรือโชคร้ายวะที่เป็นน้องรหัสของมัน เขาฝากบอกมาว่าแกเป็นผู้ชายแกต้องรับแทนฝนมันด้วย” มาถึงช่วงเวลากลั่นแกล้งรุ่นน้องเข้า เหตุการณ์ทั้งหมดออกมาเป็นแบบนี้ซึ่งเป็นไปตามที่แป๊ะคาดการณ์เอาไว้ เด็กปี 1 ต่างคนต่างจากกันมาคนละที่คนละทางยังอยู่ในกระบวนการหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน บีเด็กปีที่ได้รับคำสั่งจากแป๊ะให้เป็นไส้ศึกรายงานความเคลื่อนไหวกำลังเตรียมคุกกี้อยู่ แป๊ะเรียกแบงค์และเจฟออกมาพร้อมชี้แจงเหตุผล ถือโอกาสเรียกขิง และเป้ออกมาด้วยเพราะขิงไปก่อคดีแซวอายแบงค์ เจฟ ขิงและเป้ยืนเรียงหน้ากระดาน แบงค์รับคุกกี้จากบีมาอมแล้วอมคายส่งให้เป้ เป้อมแล้วคายส่งให้ขิง ขิงอมแล้วคายให้เจฟ เจฟรับมาอมไว้
“เพื่อไม่ให้มีการเสียเปรียบ เจฟส่งคืนให้แบงค์มันกิน” แบงค์โดนจัดหนักสมใจอยากวุธแล้ว อ๊อฟคงสะใจพิลึกที่การกลั่นแกล้งน้องรหัสของตนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ แบงค์หน้าถอดสี ขณะที่เขากำลังเลอยู่ว่าจะเอาคุกกี้ชิ้นนี้ใส่ปากก็มีวีรบุรุษขี่ม้าขาวมาช่วย เจฟยอมกินคุกกี้ชุ่มน้ำลายนั้นแทน เรื่องราวจึงจบลงแบบพลิกความคาดหมาย หลังจากนั้นต๋องแต๋งมาสอนน้องๆ ร้องเพลงสายใยรักสายใยม่วงแดงให้น้องๆ ได้ร้องจนคล่อง แล้วแยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย
… … …
มีกิจกรรมหลากหลายกิจกรรมหลังจากปฐมนิเทศนักศึกษาปีที่ 1 ทั้งค่ายพัฒนาบุคลิกภาพตั้งแต่วันอังคาร-วันพฤหัสบดี จนมาถึงกิจกรรมรับน้องแบบเล็กๆ หรือวอล์คแรลลี่ ทีมของผมมีกระดิ่ง หมอ ต๋องแต๋ง สปัน ชิคและอายจัดที่โรงอาหารใต้ตึกเกือกม้าฝั่งตรงข้ามกับลานตึกเกือกม้า ต๋องแต๋งเป็นคนคิดชื่อ กติกาการเล่นและบทลงโทษไว้พร้อม ส่วนปัจจัยสนับสนุนได้มาจากกระดิ่งและเงินจากกระเป๋าแต่ละคนเล็กๆ น้อยๆ เกมที่ต๋องแต๋งตั้งขื่อไว้มีชื่อว่า โมคกิ้งเกม ฐานของผมมีขนมและน้ำหวานให้น้องๆ ได้รับประทานกันเพื่อเป็นการพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยเล่นเกมกัน กลุ่มรุ่นน้องแต่ละกลุ่มเวียนมาทำกิจกรรมในฐาน ในที่สุดกลุ่มยังเพที่มีแบงค์เป็นสมาชิกเวียนมาเยี่ยมเยียนฐานนี้จนได้
“ฐานนี้นะคะให้น้องสบายๆ กับการเล่นเกมง่ายๆ ลูกโป่งพิษ น้องๆ ต้องส่งลูกโป่งไปให้เพื่อนๆ ต่อๆ กันไปเรื่อยๆ ไม่ให้ลูกโป่งอยู่ไนมือของตนเอง เมื่อเพลงหยุด ลูกโป่งอยู่ในมือของใคร คนนั้นต้องโดนทำโทษ” กระดิ่งอธิบายกติกาของเกมที่เล่นในฐานนี้ให้น้องๆ กลุ่มยังเพทั้งหลายฟังหลังจากรับประทานขนมและน้ำหวานเสร็จสิ้น เกมเริ่มต้นด้วยการที่ผมเปิดเพลงจังหวะเร็ว ลูกโป่งที่อยู่ในมือของเจฟถูกส่งเป็นทอดๆ ไปเมื่อให้สัญญาเริ่ม น้องปีหนึ่งแต่ละคนมีอาการลนลานเพราะกลัวการโดนทำโทษ เพลงหยุดลงลูกโป่งเจ้าปัญหามาอยู่ในมือของแบงค์พอดิบพอดี แบงค์มองมาที่ตงอย่างฉุนๆ เขาส่งสายตากับผมประมาณว่า
“ทำไมต้องแกล้งกัน?”
ผมทำหน้าเหรอหราเหมือนบอกให้แบงค์รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นความบังเอิญ
“แบงค์ต้องถูกทำโทษ” กระดิ่งสั่ง “ต๋องแต๋งเตรียมของ”
การทำโทษทำโดยต๋องแต๋ง นางเอาผ้ามาผูกตาแบงค์ไว้ แล้วเอากล้วยหอม 1 ลูกจุ่มนมข้นจนชุ่มแล้วสั่งให้แบงค์อ้าปาก นำกล้วยหอมชุ่มนมขันเข้าปากแบงค์รูดเข้ารูดออก ผมเห็นแล้วเบือนหน้าหนี ไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตงรู้สึกสยิวพิกลๆ คงส่ายหน้าหนีพร้อมตั้งคำถามขึ้นภายในใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา?” ภาพสัปดนที่แบงค์ถูกทำอยู่ เราต้องรู้สึกขยะแขยงสิ ไม่ใช่รู้สึกหัวใจเต้นแรงเช่นนี้...
กิจกรรมวอล์คแรลลี่ผ่านไปพร้อมกับข่าวเพื่อนลิตเติ้ลสวมบทนางยักษ์แผลงฤทธิ์ตรงหน้าหอประชุม รุ่นน้องหลายเจอฤทธิ์ของนางเข้าไป คงจะนึกแช่งชักหักกระดูก โดยเฉพาะแบงค์คงจะแค้นนางน่าดูเลยทีเดียว เพราะนางบังคับแบงค์ทางอ้อมให้ดื่มน้ำล้างรองเท้าเข้าไป จนท้องเสียเข้าโรงพยาบาลไป จะว่าไปผมก็อดห่วงน้องเขาไม่ได้เลยทีเดียว แต่ต้องช่วยแป๊ะทำซุ้มรับน้องใหญ่ เรื่องการไปเยี่ยมแบงค์ที่โรงพยาบาลมีอันเป็นหมันไป
หลังผ่านพ้นกิจกรรมรับน้องใหญ่อันแสนหฤโหด วันต่อมาเป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรก มีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ให้ตงทำคือ ผูกไทค์ให้รุ่นน้องผู้ชาย ส่วนผู้หญิงไปปักเข็มตรามหาวิทยาลัยหน้าอกเสื้อให้รุ่นน้องผู้หญิงเช่นเดียวกัน รุ่นพี่ปี 2 ตั้งแถวหน้ากระดานแยกเป็นสองฝังตามเพศสภาพตรงสนามหญ้าหน้าตึกเกือกม้าเพื่อต้อนรับรุ่นน้องปี 1 แม้ว่าการตื่นตั้งแต่เช้ามาชื่นชมธรรมชาติและน้องๆ ปีหนึ่ง จะขัดกับจริตของผม แต่เมื่อเป็นหน้าที่ผมก็ต้องมา รุ่นพี่หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาผูกไทค์และปักเข็มตรามหาวิทยาลัย เรื่องบังเอิญของผมเกิดขึ้นอีกเมื่อรุ่นน้องที่ผมต้องผูกไทค์ให้คือแบงค์
“เจอกันอีกแล้วนะครับ” แบงค์ทักทาย
“เออ” ผมตอบสั้นๆ “มึงหายดีแล้วหรือ?”
“คร้าบ ผมหายดีแล้ว”
เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดผมและแบงค์ไม่ได้พูดอะไรมากมาย จนตกเย็นรุ่นน้องเข้ากิจกรรมประชุมเชียร์ ผมและพวกปี 2 ต้องไปร่วมสังเกตการณ์ นี่เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของพวกพี่ไซโค เด็กปี 1 ถูกขังไว้ในห้องประชุมให้นั่งก้มหน้า เปิดไฟสลัวๆ บางคนแสดงอาการอย่างชัดเจนว่ากลัว ผมนึกฉงนว่าเมื่อครั้งเขาอยู่ปี 1 ทำไมผมรู้สึกกลัวหนักหนากับพี่ไซโคหรือพี่ว้าก แต่เมื่อขึ้นปี 2 และมาอยู่ในเหตุการณ์ที่คล้ายกัน เผมไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย นั่งดูเพื่อนๆ ของผมข่มขู่น้องๆ ด้วยวิธีการต่างๆ ราวกับดูละครเรื่องหนึ่งเท่านั้น
ผมกวาดสายตามองดูน้องๆ เผื่อว่ามีใครเจ็บใครป่วยอะไรได้นำตัวออกมาให้รุ่นพี่ฝ่ายพยาบาลทำการปฐมพยาบาลรักษาไปตามอาการอย่างทันท่วงที ดูเหมือนว่าแบงค์จะมีปัญหาอะไรบางอย่าง
“หมอไปดูแบงค์ให้หน่อยสิ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้”
“มึงเห็นน้อง มึงก็ไปเอาออกมาเองได้นิตง ทำไมต้องให้กูไปเอาออกมาแทนด้วยวะ” หมอสงสัย
“กูมีเหตุผลของกู” ผมเดินหนีออกมาสู่ห้องโถงหน้าห้องประชุมจนมีพิรุธให้สังเกตได้ หมอทำหน้างงๆ ก่อนไปรับตัวแบงค์ออกมาพักปฐมพยาบาลข้างนอก แบงค์มีอาการหน้ามืดเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ทันเพราะนั่งก้มหน้าไม่เปลี่ยนท่าอยู่นาน กระดิ่งเอาแอมโมเนียชุบสำลีมาให้ดมกว่าจะจบกิจกรรมประชุมเชียร์ในค่ำคืนนี้ มีน้องๆ ไม่สบายกันเป็นทิวแถว อาการหนักบ้างเบาบ้าง กิจกรรมประชุมเชียร์จบลงพวกรุ่นพี่ที่มีรถจักรยายนต์ต้องไปรุ่นน้องชนกลุ่มน้อยคือรุ่นน้องที่มีอาการไม่สบาย ส่วนรุ่นน้องชนกลุ่มใหญ่เดินขึ้นเขากลับหอกันไปเอง
“ไอตง กูลากแบงค์ออกมาแล้ว มึงก็ต้องไปส่งน้องมันด้วย” หมอเป็นฝ่ายสั่งผมบ้าง
“เออ เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมเดินมารับแบงค์ที่นั่งรออยู่ เขาสอดส่ายสายตาดูว่าใครจะรับเขาไปส่ง
“ไปกับกู” ผมคว้ามือของแบงค์ฉุดเขาลุกขึ้นยืน “กูจะไปส่งมึงที่หอเอง”
ผมอยากให้เส้นทางขึ้นเขาท่าเพชรยาวไกลเหมือนเส้นทางสุราษฎร์-ตรัง ผมจะได้มีเวลาอยู่กับแบงค์ได้นานขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าทำไมผมคิดเช่นนี้ ตงจอดรถส่งแบงค์จนถึงประตูหอพัก แบงค์ไม่ลืมที่จะไหว้ขอบคุณ
“ไม่ต้องไหว้หรอก กูไปก่อนนะ”
“ขับรถดีๆ นะครับพี่” ก่อนผมจะกลับลงจากหอ แบงค์เอ่ยอำลาเขาผมไม่อยากจะไปแต่ก็ต้องไปผมงุนงงกับใจตนเองเหลือล้น ทำไมใจมันเป็นไปเช่นนี้หนอ
เช้าวันต่อมา... ด้วยคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์ของแป๊ะปลุกให้ผมแหกขี้ตาตื่น แป๊ะนำเด็กปี 1 วิ่งออกกำลังรอบมหาวิทยาลัยตามประเพณีนิยมของสาขาวิทยาการจัดการที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด ผมรับหน้าที่ปลุกผู้ชายที่หอ 5 เขานึกได้ว่าแบงค์อยู่ห้อง 5413 เลยไปเคาะเรียกก่อนใคร
“เหมือนฝัน...” อะไรของแบงค์ หลังจากที่ผมเคาะประตูห้อง แบงค์เปิดประตูพรวดพราดแล้วอุทานขึ้น ทำให้ตงตกใจ
“ไปล้างหน้าแปรงฟันซะ พี่แป๊ะสั่งมาเด็กวจก. ต้องไปวิ่งออกกำลังกายไปรวมตัวกันหลังหอ 3 “ผมออกคำสั่งเสียงแข็งกลบเกลื่อน
“ครับพี่”
ผมลงมาจากหอ 5 มาสมทบกับเพื่อนๆ ที่ถนนหลังหอ 3 รุ่นน้องปี 1 ทยอยกันลงมารอและเตรียมที่จะวิ่งออกกำลังกายกัน รวมไปถึงแบงค์
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตง” แบงค์เอ่ยทักทาย
“ทักทายไอตงเป็นคนเดียวหรือยะ ฉันยืนอยู่นี่ไม่คิดจะทักทายกันบ้างหรือไง?” กระดิ่งประชด
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่กระดิ่ง พี่หมอ ผมสบายดี เมื่อคืนนอนหลับฝันดี แล้วพี่ล่ะฝันดีเหมือนกับผมไหมครับ?” แบงค์ทักทายกระดิ่งและหมอ แต่สายของเขาจ้องมองมาที่ตงราวกับว่าแบงค์กำลังพูดคุยอยู่กับผม
“ฉันสบายดี หมอก็สบายดี ยิ่งไอตงแล้วยิ่งสบายดีเข้าไปใหญ่”
“เออนี่แบงค์ กูสงสัยว่าทำไมตอนที่กูไปปลุกมึง แล้วมึงพูดว่าเหมือนฝัน ยังไงอะไรหรือ?” ผมถาม
“ผมฝันว่า...” ทั้งผม กระดิ่งและหมอ ขยับตัวใกล้แบงค์ “อุ๊ย! ไม่เอาดีกว่าเขิน”
“เฮ้อ! “ เราทั้งสามถอนหายใจพร้อมกัน “เล่าหน่อยดิ อยากรู้” กระดิ่งยังไม่ละความพยายามให้รู้ความฝันของแบงค์ให้ได้
“ผมฝันว่า... อย่าดีกว่าผมเขิน”
“วุ้ย! กระดิ่งหมอ ไปเถอะ เรารำคาญแล้ว ทำให้เสียวแล้วจากไป” ผมตัดพ้อและเริ่มหงุดหงิดแล้ว
“ผมฝันว่างูรัด” อะไรกันแบงค์ฝันแบบนี้ได้อย่างไรกัน ผมรู้สึกฉงน
“ก็เท่านี้แหละ ว่าแต่มึงคิดมากไปหรือเปล่า เขาท่าเพชรงูชุกชุมจะตาย มึงอาจจะเห็นงูข้างทางเลยเก็บเอาไปฝัน” ผมพยายามเชื่อแบงค์และวิพากษ์วิจารณ์ “แต่ถ้ามึงมีแฟน กูไม่ยอมนะ”
“ทำไมล่ะครับ? ”
“ก็กูยังไม่มีแฟน มึงจะมีแฟนแซงหน้ากูได้ไงกันล่ะ” แบงค์จะชิงมีแฟนก่อนผม เป็นเรื่องที่เขาไม่อยากจะให้เกิดขึ้น พอผมพูดเสร็จแบงค์ยืนบิดตัวไปมา “แบงค์เป็นไรเปล่า ไม่สบายตรงไหน เห็นยืนบิดตัวเป็นเลขแปดซะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าขี้จะแตก”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ดีใจ ไม่เอาไม่พูดแล้ว ไปเตรียมตัววิ่งดีกว่า” แบงค์ชิ่งหนีจากกลุ่มผมมากลับไปอยู่กับเจฟและเพื่อนๆ ปล่อยให้ผมลอบมองอยู่เรื่อยๆ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ที่ทำให้แบงค์เอาใจใส่ผมเพิ่มเติมขึ้นไปกว่าเดิม
หลังจากวจก. ปี 1 และ 2 ออกวิ่งกันรอบมหาวิทยาลัยจนเรียกเหงื่อเผาผลาญไขมันและกำลังจะกลับขึ้นหอในกัน แบงค์เป็นตะคริวร้องดังลั่น ผมรีบรุดเข้าไปช่วยเป็นคนแรกด้วยเพราะอะไรก็ตามแต่
“เดินไหวมั้ย? กูจะพามึงไปนั่งตรงม้าหินนั่น” ผมพยายามพยุงแบงค์ไปนั่งตรงม้าหินอ่อนระหว่างสนามเทนนิสกับสนามตระกร้อ แม้ว่ารางกายที่ใหญ่และน้ำหนักตัวที่มากของแบงค์ ทำให้ผมทุลักทุเลไปบ้าง
“ให้ผมช่วยนะครับพี่” เจฟยื่นมือเข้ามาช่วยเป็นอีกแรง นำพแบงค์ไปนั่ง
“ขอบใจมากนะเจฟ พี่ดูแลแบงค์ต่อได้ หมอขี่มอเตอร์ไซค์กูลงมาจอดที่นี่ เดี๋ยวกูขี่รถเครื่องขึ้นไปส่งแบงค์เอง” ผมยื่นกุญแจรถให้หมอ เวลานี้เหลือเพียงแต่เราสองคน ผมถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าของแบงค์ใช้แรงนวดที่ฝ่าเท้าของแบงค์ “มึงน่ะดื่มน้ำน้อยใช่ไหมแบงค์ กลับไปก็ดื่มให้มากๆ ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่จึงทำให้เป็นตะคริวได้ง่าย ระวังด้วยล่ะ”
“ขอบคุณนะครับ พี่ช่างดีกับผมจริงๆ” แบงค์เอ่ยคำขอบคุณต่อผม ผมกำลังนวดเท้าให้อยู่นานสองนาน โลกใบนี้ ที่แห่งนี้มีเพียงแค่เราสองคนเท่านั้น ผมอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แต่ก็ทำไม่ได้เพราะหมอขี่รถจักรยานยนต์ของผมลงมาจากเนินเขาท่าเพชร พี่หมอจอดรถไว้ริมถนนแล้วเดินเอากุญแจรถมาคืน กระดิ่งขี่รถจักรยานยนต์สีแดงของแกลงจากเนินเขาตามมาติดๆ เพื่อมารับหมอไปส่งที่บ้านเช่าข้างนอกมหาวิทยาลัย ผมขับรถขึ้นไปส่งแบงค์ที่หอ 5 เจฟยืนคอยแบงค์ตรงทางเข้าหอ
“ผมขอรับช่วงดูแลแบงค์ต่อเองครับ” เจฟบอกกับผม หลังจากผมจอดรถจักรยานยนต์สนิทแล้ว หน้าของเขาบ่งบอกถึงความกังวล
“อาการของแบงค์ดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” พี่ตงบอกกับเจฟเพื่อคลายความกังวล
“เราหายดีแล้ว” เจฟบอกกับเจฟขณะก้าวลงจากรถจักรยานยนต์ “ขอบคุณนะครับพี่ ผมอยากจะอาบน้ำจนแย่อยู่แล้ว”
“งั้น! กูไปก่อนนะ” ผมหันหัวรถจักรยานยนต์กลับ ผมไม่ลืมที่จะไหว้ลา
“ขับรถดีๆ นะครับ” แบงค์ยืนส่งผมจนลับตา นี่คงเป็นจุดเริ่มให้แบงค์สนใจผมมากขึ้นกว่าเดิม
ตกเย็นนั้น กิจกรรมประชุมเชียร์ยังคงสนุกสนานสลับกับความเข้มข้น แม้แต่ผมที่ไปสังเกตการณ์ด้วยยังรู้สึกสนุกสนานกับเพลงเชียร์ใหม่ๆ ที่ฝ่ายสันทนาการแต่งขึ้นมา
แมคโครคันใหญ่ๆ
จอดเอาไว้ที่ตึกร้าง
รปภ. เดินผ่านมาเห็น
รปภ. เดินผ่านมาเห็น
ผีบนตึกร้างโดดใส่รปภ.
ชักแหง่ก... แหง่ก...แหง่ก...แหง่ก... แหง่ก...
พอถึงเวลาออกโรงของพี่ไซโคผมออกมาพักผ่อนข้างนอก เด็กปีหนึ่งที่เป็นชนกลุ่มน้อยออกมาจากห้องประชุม รวมทั้งแบงค์ ผมลงนอนเล่นบนเสื่อโดยมีหมอ กระดิ่ง สปัน ชิคนั่งเรียงรายใกล้ๆ กัน
“พี่กระดิ่ง พี่กับพี่หมอรักกันได้ยังไง?” จู่ๆ แบงค์ถามเรื่องนี้กับกระดิ่ง แม้ว่าผมนอนหลับตา ผมก็ยังได้ยินคนที่อยู่รายรอบพูดคุยกัน
“โอ๊ย! ไอพี่หมอของแกเนี่ย เห็นหน้าตาซื่อบื้ออย่างนี้ ร้ายไม่เบาเลย เหตุการณ์ตอนนั้นมันปลายปี 1 แล้ว พี่หมอแอบปีนขึ้นหอ 3 ในวันวาเลนไทน์พร้อมทั้งหอบช่อกุหลาบแดงพร้อมคำสารภาพรัก มันห่ามไหมล่ะแบงค์ รู้อยู่ว่ากฎเขาห้ามผู้ชายขึ้นหอหญิงมันก็ยังกล้า นี่แหละคือจุดเริ่มต้นความรักของฉัน แล้วแกถามฉันทำไม?”
นั่นนะสิ แบงค์ถามไปทำไม ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน
“ผมถามไว้ประดับความรู้ครับ”
“ไม่จริงมั้ง? ฉันมองออกนะว่าแกกำลังมีความรัก”กระดิ่งกำลังจะล้วงความจริงจากแบงค์
“ไม่ใช่หรอกพี่ ผมแค่อยากรู้เฉยๆ จริงๆ นะ ไม่พูดแล้วเหนื่อย นอนดีกว่า” แบงค์เอาศีรษะชนกับผม
เมื่อกิจกรรมประชุมเชียร์เสร็จ ผมมีหน้าที่ไปส่งแบงค์ที่หอเหมือนเคยๆ ระยะทางจากหอ แบงค์นั่งนิ่งเกร็งตัวจนผมนึกอยากแกล้ง คอยเบรกรถเป็นระยะๆ ให้แบงค์มาชนตัวผม
“พี่แกล้งผมหรือเปล่า” แบงค์ถามแล้วกระเถิบห่างจากหลังผม
“เปล๊า กูไม่ได้แกล้งมึง กูจะแกล้งมึงหาพระแสงของ้าวอะไร” ผมแกล้งไขสือ กวนประสาทแบงค์เล่นๆ
“เบรกอีกที ผมจับลากเข้าป่ายางเลยนะ” แบงค์เอาคืนบ้าง ผมไม่กล้าแกล้งมันอีก เพราะถ้ามันเอาจริง ผมแพ้มันอย่างราบคาบ เพราะแบงค์ตัวใหญ่กว่าผม ถ้ามันใช้กำลังกับผม ผมเสียเอกราชอย่างไร้ความปราณีแน่ๆ จนถึงหอ 5 ผมจอดส่งแบงค์
“เดี๋ยวครับพี่ รอผมแป๊บนึงก่อน ผมมีอะไรจะให้พี่ ผมขึ้นไปเอาที่ห้องก่อน”
“เออ กูจะรออยู่ตรงนี้ล่ะ” ผมยืนรอแบงค์อยู่ตรงลานดินระหว่างหอ 4 และหอ 5 พร้อมทั้งสูบบุหรี่เป็นการฆ่าเวลา แบงค์กลับมาหาพร้อมถุงลิ้นจี่ 1 ถุง
“วันนี้พี่ชายมาเยี่ยม ซื้อลิ้นจี่มาให้ผม ผมเลยแบ่งมาให้พี่ตงส่วนหนึ่ง แทนคำขอบใจที่พี่ดีกับผม” แบงค์ส่งถุงลิ้นจี่ให้ผม
“ขอบใจนะ ผู้ชายที่มาส่งแบงค์นั้นเป็นพี่ชายเหรอ”
“ครับพี่ตง”
“กูไปก่อนล่ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มึงก็เหมือนกัน พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้กูมาปลุกมึงให้ไปวิ่งอีก” ผมรับถุงลิ้นจี่แล้วขี่รถจักรยานยนต์แยกจากแบงค์กลับบ้านเขียว
จบบท
ช่วงพักเที่ยงระหว่างรอเรียนวิชา Principle of Accounting 2ในวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ นั่งเล่นพูดคุย มีน้องปี 1 ล่าประวัติและลายเซ็นของรุ่นพี่ตามประเพณีและสำคั่งของพี่ไซโคที่สั่งให้น้องๆ เฟรชชี่แต่ละคนต้องหาประวัติรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่า 100 คน “พี่ครับ พวกพี่มีนิยามของการแอบรักอย่างไรบ้างครับ?” วันนี้แบงค์มาแปลก ไม่ล่าลายเซ็นรุ่นพี่ แต่มาตั้งกระทู้ถามอะไรแปลกๆ “ถามไปทำไมยะ?” กระดิ่งถามกลับ “เอาไปใช้ในวิชา Communication Skills ครับ อาจารย์ตั้งโจทย์ให้พูดโดยฉับพลัน ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะพูดกันแต่เรื่องว่ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มันซ้ำๆ กันจนเกร่อ ผมเลยหาประเด็นที่มันแปลกๆ ฉีกแนวไป” แบงค์อธิบาย “สำหรับพี่การแอบรักคือ เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล” ชิคให้นิยามกา
ผมกลับมาถึงบ้านเช่าอย่างเหนื่อยล้า เดินไปนั่งพักผ่อนที่หลังบ้าน สูบบุหรี่พ่นควันครุ่นคิดในเรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดอยู่ กำลังผ่านพ้นไป และเกิดขึ้นในอนาคต เราควรจะทำอย่างไรดี เรารักใครกันแน่ พี่วรรณหรือแบงค์ ทำไมเราสับสนเช่นนี้ สับสนขนาดหนัก สับสนทางเพศเลยทีเดียว ที่สำคัญทั้งพี่วรรณและแบงค์ต่างก็มีใจให้เรา แม้ว่าเราจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเราเลือกใคร แต่เราก็สงสารคนที่เราไม่ได้เลือก เราไม่อยากให้ใครมาหักอกเรา เราก็ไม่อยากหักอกใครเช่นกัน... เกือบ 4 ทุ่มหมอและแป๊ะกลับมาพร้อมเบียร์ 3 ขวด ทำให้ผมนึกเปรี้ยวปากอยากจะดื่มเพื่อคลายความกลัดกลุ้มภายในหัวใจ “กูจะรักกับพี่วรรณดีไหมวะหมอ แป๊ะ?” ผมถามด้วยความรู้สึกวิตกกังวล “พวกมึงจะว่าไงบ้าง?” “กูจะว่าอะไรมึงได้ มึงเองก็ชอบ
ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังดำเนินมาถึงภาคเรียนที่ 2 มีบางอย่างเปลี่ยนไป บ้านเช่าที่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงทั้ง 4 จองเอาไว้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนย้ายออกมาจากหอวิจัย แป๊ะก็ย้ายมาอยู่คนเดียวที่ห้องข้างๆ กับพวกผู้หญิง ผมย้ายออกมาเช่นกันแต่ก็อยู่บ้านสีเขียวห้องแรกเพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการสะดวกหากวรรณจะมาเยี่ยมมาเยียนใช้เวลาตามประสาคนรักกัน ส่วนหมอยังเช่าบ้านสีเขียวอยู่ห้องเดิม แบงค์ถอยรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกติดตามรุ่นพี่มาเป็นแขกประจำของห้องเช่า แบงค์ยังตั้งชื่อบ้านเช่าตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ทั้งผู้หญิงทั้ง 4 และแป๊ะแห่แหนกันไปเช่าว่า บ้านพิกุลทอง ตามชื่อพรรณไม้ที่ปลูกยืนต้นเรียงรายเป็นแนวรั้วกั้นบ้านกับถนนคอนกรีตในค่ำคืนหนึ่ง บรรยากาศช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ ตงสังเกตได้ เมื่อผมแวะบ้านพิกุลหลังกลับมาจากส่งวรรณเข้าหอวิจัยในจมหาวิทยาลัย ไม่ได้พบเจอแบงค์เหมือนอย่างเคยเป็นมา เลยนึกสงสัย“อีแบงค์ไม่มาเหรอสปัน?” “อะไรของแกยะตง ตอนแบงค์อยู่ไม่คุยอะไรกับมัน พ
แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า “กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?” “ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
นี่ความฝันหรือความจริง... ไม่รู้ว่าแบงค์เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ เขาสะดุ้งตื่นขึ้นอย่างมึนงง เขาปรับตัวเรียกสติกลับมาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่แบงค์เห็นหลังจากคืนสติเต็มตัวแล้วคือ ห้องเกียรติยศบนชั้นสอง หอบรรณสารสนเทศมืดสนิท เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน “ไฟดับอีกแล้วหรือ?” แบงค์พึมพำกับตนเองแล้วเก็บหนังสือ อุปกรณ์การเขียน ลงใส่กระเป๋าเดินออกจากหอบรรณสารสนเทศอย่างรีบเร่ง ตึกเกือกม้าในภาคเรียนฤดูร้อนเงียบอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องทั้งนักศึกษาและบุคลากรก็ละทิ้งการเรียนและการงานของตน แบงค์ยังอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว เขาเดินไปนั่งทบทวนเหตุการณ์ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลในความฝันตรงม้านั่งตึกในลานตึกเกือกม้า ทำไมหนอ... ทำไมให้เราฝันถึงคนที่จากเราไปไกลแสนไกลแล้ว ทำไมให้เรากับพี่
“ตง... วรรณมีอะไรจะบอก” จู่ๆ วรรณโทรศัพท์มาหาผมในขณะที่ผมกำลังตรวจสินค้าเข้าร้านอยู่ “ว่ามาสิ ตงฟังอยู่” “เราเลิกกันเถอะตง” ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมหูฝาดไปหรือเปล่านี่ “เดี๋ยวๆๆๆ พูดว่าอะไรนะ ล้อเราเล่นใช่ไหมวรรณ” ผมหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟังวรรณพูดทวนอีกครั้ง “ไม่ได้ล้อเล่นเลยตง เราพูดจริงๆ เราเลิกกันเถอะ เราสองคนอาจจะเคยรักกัน แต่วันนี้ไม่แล้วล่ะ วรรณเจอใครที่ดีกว่าตง ส่วนตงเองก็รักใครอีกคนอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ” วรรณพูดถึงเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเอ่ยคำว่าเลิกกันกับผม “ก็ได้วรรณ เราขอโทษ เราเสียใจที่นอกใจวรรณ” ผมออดอ้อน ยอมรับความผิดที่ได้ก่อไว้ &
ความสารเลวของผมกำลังทำร้ายคนสองคนอย่างเจ็บแสบ ผมวางตัวห่างเหินจากวรรณ เราสองคนได้พบเจอกันเฉพาะรับประทานอาหารมื้อเย็นเท่านั้น ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ เหมือนเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น พอไปส่งวรรณเสร็จ ผมแวะเวียนไปรอพบเจอแบงค์ที่บ้านพิกุลทอง เหมือนอย่างที่แบงค์รอคอยได้เห็นหน้าผม ชะรอยว่าเป็นเวรเป็นกรรมของผม แบงค์ไม่ได้มาบ้านพิกุลทองทุกค่ำคืนเหมือนอย่างเมื่อก่อน แบงค์วางตัวกับแบบเดิมๆ คือ ไม่เหินห่างแต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เพราะอย่างที่แบงค์ได้ลั่นวาจาไป ถ้าผมไม่เลิกรากับวรรรอย่างเป็นทางการ สัมพันธภาพระหว่างเราสองคนจะเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ “ตง” วรรณเรียกผมระหว่างรับประทานอาหารเย็นในร้านกุ๊กสิทธิ์ด้วยกัน “หือ” ผมขานรับ “มีอะไรเหรอ” “ช่วงนี้ตงเรียนหนักมากเลยหรือไง เลยไม่ค่อยเวลาให้วรรณบ้างเลย”&n
“เมารึเปล่าพี่ตง กล้าจังเนอะ” “มึงเชื่อแล้วใช่ป่ะ ว่ากูรักกมึงจริงๆ” “ไม่เชื่ออ่ะ” “แล้วจะให้ทำยังไง มึงจะได้เชื่อ” ผมจนใจแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างการกระทำต่างๆ ล้วนมาจากใจ ใจของผมสั่งให้ทำตามหัวใจต้องการ “หลับตาลงสิครับพี่ตง อยู่เฉยๆ นะ” แบงค์สั่งผมด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม เขาเอามือสัมผัสลูบไล้ร่างกายของผม มือของแบงค์นุ่มนวลอย่าน่าประหลาดราวกับมือของผู้หญิง มันเสียวซ่านอ่ะ เสียวสะท้านไปทั้งตัว “เชี่ยแล้วไง ก็เสียวนะเว้ย” “เสียวจริงหรือว่ารังเกียจ”
ผมขับรถพาแบงค์ตระเวนเล่นไปทั่วซอยพิเศษ เข้ามหาวิทยาลัย วิ่งไปตามถนนช้าบ้างเร็วบ้างสลับกัน ลมเย็นๆ เดือนมกราคมพัดผ่านมา อาจทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน “เป็นไงสร่างเมายัง” ผมถามแบงค์ “หายแล้วพี่ จอดตรงนี้ได้ไหม วิวสวยดี” แบงค์บอก ผมจอดรถไว้ริมถนนเส้นรอบนอกของมหาวิทยาลัย “สวยจริงว่ะ” อย่างที่แบงค์บอกมันสวยจริงๆ ตึกเกือกม้าตามไฟไว้สว่างเรื่อเรือง เบื้องหลังเป็นเขาท่าเพชรดำทะมึน ไฟสีส้มจากเสาไฟตัดกับหลังคาสีฟ้าของตึกเกือกม้าขับให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงาม “มองดาวตรงนี้ก็สวยไม่แพ้กับศาลาจานบินเลย” แบงค์ลงไปนอนนับดาวบนท้องฟ้าเสียแล้ว “เฮ้ย! แบงค์ มึงลงไปนอนกับพื้นถนนเลยหรือวะ”
แบงค์ช่างแสนดี เขาทำตามที่พูดไว้ว่า จะไม่วุ่นวายกับผม ขอแค่ได้แอบรักอยู่ในใจ เราสองคนก็เป็นไปตามครรลองรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จัก เมื่อผมอยู่กับวรรณแล้วมีแบงค์แวดล้อมอยู่ เขาไม่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าแบงค์เข้าเมืองไปหาอะไรกินกับพวกเพื่อนๆ ของผม เขาจะแวะเอาของกินที่ผมชอบมาฝากสม่ำเสมอ เวลาผ่านไปล่วงเลย ผ่านพ้นปีใหม่มา เรื่องเศร้าๆ ประเดประดังเข้ามา ทั้งเกิดสึนามิ จังหวัดตรังบ้านเกิดผมก็โดนคลื่นยักษ์ แม้ผมไม่ใช่ผู้ประสบภัยแต่ก็ได้เห็นภาพแสนเศร้า ชายหาดที่สวยงามต้องมาพังพินาศ และเรื่องบี-บุหงา รุ่นน้องเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ที่สตูล แป๊ะเดินทางไปเยี่ยมศพบีพร้อมคณาจารย์และนักศึกษาจำนวนหนึ่งเพราะว่าบีเป็นน้องเลิฝ แต่เรื่องเศร้าๆ เหล่ายังดูไกลตัวผมนัก เมื่อเทียบกับเรื่องของแบงค์ เรื่องมันมีอยู่ว่า “กระดิ่ง อีแบงค์ไม่มาเหรอ?” “ถามหามันอีกแระ” กระดิ่งบ่น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้เจอมันตั้งหลายวันอีกแล้ว ส
ความสัมพันธ์ที่คาราคาซังดำเนินมาถึงภาคเรียนที่ 2 มีบางอย่างเปลี่ยนไป บ้านเช่าที่พวกเพื่อนๆ ผู้หญิงทั้ง 4 จองเอาไว้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกหล่อนย้ายออกมาจากหอวิจัย แป๊ะก็ย้ายมาอยู่คนเดียวที่ห้องข้างๆ กับพวกผู้หญิง ผมย้ายออกมาเช่นกันแต่ก็อยู่บ้านสีเขียวห้องแรกเพียงแค่คนเดียวเพื่อเป็นการสะดวกหากวรรณจะมาเยี่ยมมาเยียนใช้เวลาตามประสาคนรักกัน ส่วนหมอยังเช่าบ้านสีเขียวอยู่ห้องเดิม แบงค์ถอยรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกติดตามรุ่นพี่มาเป็นแขกประจำของห้องเช่า แบงค์ยังตั้งชื่อบ้านเช่าตรงหน้ามหาวิทยาลัยที่ทั้งผู้หญิงทั้ง 4 และแป๊ะแห่แหนกันไปเช่าว่า บ้านพิกุลทอง ตามชื่อพรรณไม้ที่ปลูกยืนต้นเรียงรายเป็นแนวรั้วกั้นบ้านกับถนนคอนกรีตในค่ำคืนหนึ่ง บรรยากาศช่างดูเงียบเหงากว่าปกติ ตงสังเกตได้ เมื่อผมแวะบ้านพิกุลหลังกลับมาจากส่งวรรณเข้าหอวิจัยในจมหาวิทยาลัย ไม่ได้พบเจอแบงค์เหมือนอย่างเคยเป็นมา เลยนึกสงสัย“อีแบงค์ไม่มาเหรอสปัน?” “อะไรของแกยะตง ตอนแบงค์อยู่ไม่คุยอะไรกับมัน พ
ผมกลับมาถึงบ้านเช่าอย่างเหนื่อยล้า เดินไปนั่งพักผ่อนที่หลังบ้าน สูบบุหรี่พ่นควันครุ่นคิดในเรื่องปัญหาหัวใจที่เกิดอยู่ กำลังผ่านพ้นไป และเกิดขึ้นในอนาคต เราควรจะทำอย่างไรดี เรารักใครกันแน่ พี่วรรณหรือแบงค์ ทำไมเราสับสนเช่นนี้ สับสนขนาดหนัก สับสนทางเพศเลยทีเดียว ที่สำคัญทั้งพี่วรรณและแบงค์ต่างก็มีใจให้เรา แม้ว่าเราจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเราเลือกใคร แต่เราก็สงสารคนที่เราไม่ได้เลือก เราไม่อยากให้ใครมาหักอกเรา เราก็ไม่อยากหักอกใครเช่นกัน... เกือบ 4 ทุ่มหมอและแป๊ะกลับมาพร้อมเบียร์ 3 ขวด ทำให้ผมนึกเปรี้ยวปากอยากจะดื่มเพื่อคลายความกลัดกลุ้มภายในหัวใจ “กูจะรักกับพี่วรรณดีไหมวะหมอ แป๊ะ?” ผมถามด้วยความรู้สึกวิตกกังวล “พวกมึงจะว่าไงบ้าง?” “กูจะว่าอะไรมึงได้ มึงเองก็ชอบ
ช่วงพักเที่ยงระหว่างรอเรียนวิชา Principle of Accounting 2ในวันหนึ่ง ผมและเพื่อนๆ นั่งเล่นพูดคุย มีน้องปี 1 ล่าประวัติและลายเซ็นของรุ่นพี่ตามประเพณีและสำคั่งของพี่ไซโคที่สั่งให้น้องๆ เฟรชชี่แต่ละคนต้องหาประวัติรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่า 100 คน “พี่ครับ พวกพี่มีนิยามของการแอบรักอย่างไรบ้างครับ?” วันนี้แบงค์มาแปลก ไม่ล่าลายเซ็นรุ่นพี่ แต่มาตั้งกระทู้ถามอะไรแปลกๆ “ถามไปทำไมยะ?” กระดิ่งถามกลับ “เอาไปใช้ในวิชา Communication Skills ครับ อาจารย์ตั้งโจทย์ให้พูดโดยฉับพลัน ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะพูดกันแต่เรื่องว่ามาอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง มันซ้ำๆ กันจนเกร่อ ผมเลยหาประเด็นที่มันแปลกๆ ฉีกแนวไป” แบงค์อธิบาย “สำหรับพี่การแอบรักคือ เป็นความชื่นชอบส่วนบุคคล” ชิคให้นิยามกา