บรรยากาศในรถม้าเย็นยะเยือกอวิ๋นชิงฮวนเหลือบมองเซียวเหยียนที่หลับตาพักผ่อนตั้งแต่ขึ้นรถม้า ก็ขี้คร้านจะชวนคุย จึงหันไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางจึงเงียบงันจนกระทั่งถึงจวนอวิ๋นเมื่อรถม้าจอดสนิท อวิ๋นชิงฮวนก็ลงจากรถโดยมิสนใจธรรมเนียมที่ภรรยาต้องเดินตามหลังสามีเซียวเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลงตามมาเพื่อต้อนรับที่อวิ๋นชิงฮวนกลับมาเยี่ยมจวน ทั้งภายในและภายนอกจวนอวิ๋นจึงถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน พ่อบ้านพาคนรับใช้มายืนรอที่หน้าประตูอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นเซียวเหยียนและอวิ๋นชิงฮวนกลับมาด้วยกัน ก็พลันยิ้มหน้าบาน“ท่านอ๋องและพระชายากลับมาเยี่ยมจวน นายท่านรอตั้งแต่เช้าแล้ว เชิญเข้าไปข้างในเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวเหยียนพยักหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอวิ๋นชิงฮวนเดินตามหลังไปเมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของจวนอวิ๋น อวิ๋นหงเย่กำลังรออยู่กับเจียงอี๋เหนียงคนรับใช้เหมือนสายน้ำไหล นำของกำนัลสำหรับการกลับจวนมาวางไว้ที่ลานจวน ดูเหมือนจะครบถ้วนตามธรรมเนียมอวิ๋นหงเย่พยักหน้าอย่างพึงพอใจเขาคิดว่า ของกำนัลเหล่านี้ถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องฉู่ใต้ ซึ่งแสดงว่าจวนอ๋องให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้
“แต่ท่านอ๋อง กลับมิกริ้วโกรธเมื่อพระชายาของท่านถูกกล่าวหา แต่เมื่อหม่อมฉันพูดถึงเจียงเสวี่ยลั่ว ท่านก็กริ้วเป็นฟืนเป็นไฟเลยหรือ?”เซียวเหยียนถึงกับพูดมิออกเจียงอี๋เหนียงก็ตกใจเช่นกัน “ฮวนเอ๋อร์… ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่เป็นห่วงเสวี่ยลั่ว เจ้าอย่าเข้าใจผิด!”“เจียงเสวี่ยลั่วเป็นหลานสาวของอี๋เหนียง ดวงกินพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก โชคชะตาอาภัพนัก อี๋เหนียงสงสารจึงพามาอยู่ด้วย แล้วขอให้ท่านพ่อรับเป็นลูกบุญธรรม เลี้ยงดูอย่างคุณหนู ท่านกับนางเป็นญาติสนิทกัน แต่กับข้าไม่มีสายเลือดผูกพัน การที่ท่านเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องธรรมดา”เสียงของอวิ๋นชิงฮวนนุ่มนวล แต่ทุกคำพูดราวกับคมมีดทุกคำเสียดแทงหัวใจ!“อี๋เหนียงมิต้องห่วง ข้าจะเข้าใจผิดได้อย่างไร?”สีหน้าของเจียงอี๋เหนียงซีดเผือด แทบจะเป็นหมดสติไป “เจ้า เจ้าพูดถึงเสวี่ยลั่วอย่างนี้ได้อย่างไร?!”ดวงกินพ่อแม่ โชคชะตาอาภัพนี่มิใช่การด่าว่าเจียงเสวี่ยลั่วเป็นกาลกิณีหรอกหรือ?อีกอย่าง พ่อแม่ที่แท้จริงของเสวี่ยลั่วก็คือ…นางกำลังสาปแช่งพวกเขา!สีหน้าของอวิ๋นหงเย่ก็ดูแย่ลงเช่นกัน “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น? คำพูดสาปแช่งร้ายกาจเช่นนี้ เจ้า
เซียวเหยียนจ้องมองอวิ๋นชิงฮวนด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง“วันนี้เจ้าตั้งใจมาหาเรื่องเสวี่ยลั่วงั้นรึ?”“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ?” อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเรียบเฉย “วันนี้หม่อมฉันกลับมาเยี่ยมจวน มิใช่ว่าท่านพ่อถามถึงเจียงเสวี่ยลั่วก่อน แล้วอี๋เหนียงซ้ำเติมว่าหม่อมฉันมิควรตบนาง หม่อมฉันจึงได้พูดถึงเรื่องนี้หรอกหรือ?”“แล้วที่เจ้าพูดจาหยาบคายพวกนี้ หมายความเยี่ยงไร?”เซียวเหยียนโกรธจัด “เสวี่ยลั่วทำอะไรให้เจ้ามิพอใจรึ? นางยังคอยพูดช่วยเจ้าตลอด เจ้ากลับมาใส่ร้ายนางถึงจวน อวิ๋นชิงฮวน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่!”“ท่านหมายความว่าหม่อมฉันมีเจตนามิดี จงใจใส่ร้ายป้ายสีนางงั้นหรือเพคะ?”อวิ๋นชิงฮวนโต้กลับ “เช่นนั้นท่านบอกมาทีเถิด ประโยคไหนที่หม่อมฉันพูดใส่ร้ายนางบ้าง ประโยคไหนมิเป็นเรื่องจริงบ้าง? หากท่านพูดได้ หม่อมฉันจะรีบถอนคำพูดประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”“เจ้า…”เจียงอี๋เหนียงเห็นพวกเขาทะเลาะกัน ก็ร้อนใจแทบจะแย่อยู่แล้วมิว่าจะเป็นการใส่ร้ายหรือเรื่องจริงท่านอ๋องฉู่ใต้ เจ้าควรจะช่วยเสวี่ยลั่วอธิบายให้ชัดเจนก่อนสิ หรือพูดว่านางมิใช่ตัวซวยก็ยังดี!ทว่าบัดนี้เซียวเหยียนโกรธมากจริง ๆแต่เขาก็เถียงอว
อวิ๋นชิงฮวนคร้านจะฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ชาติที่แล้วนางก็ว่าง่ายเชื่อฟังไปทุกอย่าง แล้วได้อะไรกลับมา?แม้แต่ลูกที่นางคลอดเองยังถูกจับกดน้ำตาย แล้วนางจะต้องรักษาคุณธรรมความดีงามอะไรอีก?นางยกถ้วยชาขึ้นมา พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เจียงเสวี่ยลั่วในคืนแต่งงานของข้า แอบมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเซียวเหยียน แขกเหรื่อทั่วเมืองหลวงก็รู้กันหมดแล้ว ท่านพ่อมีเวลาสั่งสอนข้า มิสู้ไปคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีกว่าหรือ”อวิ๋นหงเย่สีหน้าเปลี่ยน “เจ้ายังพูดถึงเรื่องนี้อีก…”“ข้าเดาว่า หลังจากที่เจียงเสวี่ยลั่วกลับมาต้องไปพูดกับท่านแล้ว เซียวเหยียนจะช่วยนางปกปิดเรื่องนี้ มิให้ชื่อเสียงนางเสียหาย ท่านพ่อถึงได้มิรีบร้อน อีกทั้งยังมีแก่ใจมาอบรมสั่งสอนข้าอีก”อวิ๋นชิงฮวนมิแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น มองฝาถ้วยชาไปเรื่อย ๆ“ข้าพูดไปแล้ว คนที่จับได้ว่านางกับเซียวเหยียนมีความสัมพันธ์ลับคือ เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านคิดว่าเซียวเหยียนมีความสามารถปิดปากเซ่อเจิ้งอ๋องได้หรือ?”เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ แค่มีคนพูดออกไปคนเดียว คนทั่วเมืองหลวงก็จะรู้กันหมดตระกูลอวิ๋นยังต้องการชื่อเสียงอยู่หรือไม่?ในที่สุดอวิ๋นหงเย่ก็เปลี่ยนสีหน
“เหตุใดมิได้เล่า?”อวิ๋นชิงฮวนกล่าวด้วยสีหน้าสงสัย “ถึงแม้ว่าในนามนางจะเป็นลูกบุญธรรมของจวนอวิ๋น แต่ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ว่านางเป็นเด็กกำพร้าที่โชคชะตามิดี เซียวเหยียนเป็นถึงท่านอ๋องฉู่ใต้ ด้วยฐานะของนางมิคู่ควรจะเป็นถึงชายารอง แค่ได้เป็นอี๋เหนียงก็ถือว่ายกย่องมากแล้ว”อวิ๋นหงเย่พูดมิออก“ท่านอาจจะยังมิรู้ ไท่เฟยฉู่ใต้มิทรงโปรดเจียงเสวี่ยลั่วอย่างมาก หากนางอยากจะเข้าจวน มิต้องพูดถึงการเป็นอี๋เหนียง แค่เป็นนางบำเรอให้เซียวเหยียน ไท่เฟยก็คงมิทรงยอม”อวิ๋นชิงฮวนส่ายหัว “เรื่องนี้ยากนัก”“ไท่เฟยมิทรงโปรดเสวี่ยลั่วงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” อวิ๋นหงเย่จ้องมองนางด้วยความสงสัย “เจ้าไปพูดอะไรกับไท่เฟยหรือไร?”อวิ๋นชิงฮวนชะงักไปครู่หนึ่งอวิ๋นหงเย่รีบทำหน้าบึ้งตึงทันที “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าทำมิถูกต้อง ถึงแม้ว่าเสวี่ยลั่วจะมิดีอย่างไร นางก็เป็นน้องสาวของเจ้า จะไปพูดเรื่องมิดีของนางต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไร นี่มิเท่ากับทำลายชื่อเสียงของนางหรอกหรือ?”อวิ๋นชิงฮวนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้ายังมิได้พูดอะไรเลย ท่านพ่อก็ตัดสินข้าแล้วงั้นรึ?”“เสวี่ยลั่วเป็นเด็กดีมาตลอด หากมิใช่เพราะเจ้าพูดอะไร ไท่เฟยจะม
นี่เป็นการเปิดโปงความสัมพันธ์ลับระหว่างนางและเซียวเหยียน ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นใหญ่โตไปแล้ว ในที่สุดเจียงเสวี่ยลั่วก็รู้จักกลัวแล้ว นางมิอยากเป็นอี๋เหนียงเลยแม้แต่น้อยและยิ่งมิอยากเป็นอี๋เหนียงภายใต้อวิ๋นชิงฮวนนั่นมิใช่การทำให้เจียงเสวี่ยลั่วอยู่ภายใต้อวิ๋นชิงฮวนไปตลอดชีวิต และไม่มีวันเงยหน้าขึ้นได้หรอกหรือ?“เสวี่ยลั่ว เจ้ามิต้องกลัว ข้าจะมิทำให้เจ้าต้องอดสูเช่นนี้”เซียวเหยียนรีบปลอบโยนนาง แล้วหันไปมองอวิ๋นชิงฮวน เสียงของเขาเย็นชาอย่างมาก“เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าเสวี่ยลั่วกำลังป่วย แต่ยังพูดจาทำร้ายจิตใจนางอีก เจ้าต้องการให้นางเสียใจและป่วยหนักถึงจะพอใจใช่หรือไม่?”“ข้ามิได้น่าเบื่ออย่างที่เจ้าคิด”อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเย็นชา “ที่หม่อมฉันมา ก็เพราะท่านพ่อให้หม่อมฉันมาถามว่า ท่านจะรับผิดชอบเจียงเสวี่ยลั่วหรือไม่?” “ข้าจะรับผิดชอบเสวี่ยลั่วอย่างแน่นอน!”“เช่นนั้นท่านก็ไปบอกหมู่เฟยเอง แล้วเลือกวันที่จะรับนางเข้าจวนเถิด”“ข้ามิได้หมายถึงความรับผิดชอบเช่นนี้!”“แล้วท่านจะรับผิดชอบอย่างไร?” อวิ๋นชิงฮวนรู้สึกตลกขบขัน “หรือไม่ ก็เข้าวังไปขอฝ่าบาทให้ท่านปลดหม่อมฉันจากตำแหน่งพระชายาเอ
ทุกคนรู้ว่าภัตตาคารหมิงเฟิ่งมีผู้มีอำนาจหนุนหลัง แม้กระทั่งมีข่าวลือว่า เป็นองค์จักรพรรดิที่แอบสั่งให้สร้างขึ้นมา อาหาร ขนม และการแสดงทั้งหมดล้วนมาจากในวัง จึงมีความพิเศษมิเหมือนใครถึงแม้จะเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีหลักฐานทว่าในเมืองหลวงเช่นนี้ ใครกล้าเอาชื่อเสียงของราชวงศ์มาแอบอ้างเพื่อทำการค้าได้ แสดงว่าต้องมีภูมิหลังที่มิธรรมดาสู้เชื่อว่ามี ดีกว่าเชื่อว่าไม่มีดังนั้น นับตั้งแต่เปิดกิจการ ภัตตาคารหมิงเฟิ่งก็มิเคยมีคู่แข่ง ลูกค้าแน่นขนัดทุกวันใครจะไปคิดว่า ที่จริงแล้วนี่คือธุรกิจส่วนตัวของเซียวจื๋อเยี่ยน?เขาช่างกล้านัก…ถึงขั้นกล้าเอาชื่อจักรพรรดิมาใช้!ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องส่วนตัวชั้นบนสุดของภัตตาคารหมิงเฟิ่งเจี่ยงหยวนซิ่งหมอบลงบนราวบันไดด้วยสีหน้ามิพอใจ “ท่านอ๋อง ท่านนี่สุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ แค่จะพบหน้าพระชายาฉู่ใต้ ท่านถึงกับสั่งปิดร้านตั้งหลายชั้น จำเป็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”“เหตุใดจะมิจำเป็นเล่า?”“พวกเจ้าอยู่ห้องชั้นบนสุด แขกข้างล่างจะไปรบกวนอะไรพวกเจ้าได้!”เซียวจื๋อเยี่ยนมิสนใจเขา ยืนกอดอกอยู่หน้าต่างเจี่ยงหยวนซิ่งยิ่งมิพอใจมากไปอีก “ท่านสั่งปิดร้านตั้งหลายชั้น
เพราะดวงตาของเขาเย็นชาและคมกริบเกินไปดวงตาเรียวเล็ก ม่านตาสีดำสนิท ขนตายาวงอนที่หางตา เมื่อมองมาให้ความรู้สึกเย็นชาเหมือนคมมีด ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บในใจสตรีส่วนใหญ่มักจะชอบสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนและหล่อเหลาใครจะทนถูกเขามองจ้องแบบนี้ได้เล่า?ที่อวิ๋นชิงฮวนมิรู้สึกกลัว ก็เพราะนางเคยเห็นด้านที่น่ากลัวที่สุดของเซียวจื๋อเยี่ยนมาแล้ว ในตอนที่เขาก่อกบฏยึดอำนาจและปลงพระชนม์กษัตริย์เมื่อเทียบกันแล้ว นี่ถือว่าอ่อนโยนแล้ว“โสมหิมะที่ท่านอ๋องตรัสถึงก่อนหน้านี้ หม่อมฉันนำมาให้ท่านในวันนี้แล้ว เชิญท่านทรงดูก่อนเถิดเพคะ”อวิ๋นชิงฮวนเปลี่ยนเรื่อง แล้วเลื่อนกล่องของกำนัลที่แม่นมซุนนำมาให้ไปตรงหน้าเซียวจื๋อเยี่ยนเซียวจื๋อเยี่ยนมิได้รับกล่อง “เจ้าต้องการอะไร?”“หากท่านอ๋องมิรังเกียจ หม่อมฉันอยากได้อารักขาหญิงที่มีฝีมือดีสักคน”เซียวจื๋อเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง“เจ้าต้องการอารักขาไปทำอันใดหรือ?”อวิ๋นชิงฮวนไตร่ตรองถ้อยคำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้ว หม่อมฉันจะปลอดภัยดีหลังจากแต่งเข้าจวนอ๋อง แต่ก็ยังกลัวว่าจะมีเหตุการณ์มิคาดฝันเกิดขึ้น ทั้งหม่อมฉันเองและสาวใช้รอบตัวก็ไม่ม