“เหตุใดมิได้เล่า?”อวิ๋นชิงฮวนกล่าวด้วยสีหน้าสงสัย “ถึงแม้ว่าในนามนางจะเป็นลูกบุญธรรมของจวนอวิ๋น แต่ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ว่านางเป็นเด็กกำพร้าที่โชคชะตามิดี เซียวเหยียนเป็นถึงท่านอ๋องฉู่ใต้ ด้วยฐานะของนางมิคู่ควรจะเป็นถึงชายารอง แค่ได้เป็นอี๋เหนียงก็ถือว่ายกย่องมากแล้ว”อวิ๋นหงเย่พูดมิออก“ท่านอาจจะยังมิรู้ ไท่เฟยฉู่ใต้มิทรงโปรดเจียงเสวี่ยลั่วอย่างมาก หากนางอยากจะเข้าจวน มิต้องพูดถึงการเป็นอี๋เหนียง แค่เป็นนางบำเรอให้เซียวเหยียน ไท่เฟยก็คงมิทรงยอม”อวิ๋นชิงฮวนส่ายหัว “เรื่องนี้ยากนัก”“ไท่เฟยมิทรงโปรดเสวี่ยลั่วงั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” อวิ๋นหงเย่จ้องมองนางด้วยความสงสัย “เจ้าไปพูดอะไรกับไท่เฟยหรือไร?”อวิ๋นชิงฮวนชะงักไปครู่หนึ่งอวิ๋นหงเย่รีบทำหน้าบึ้งตึงทันที “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าทำมิถูกต้อง ถึงแม้ว่าเสวี่ยลั่วจะมิดีอย่างไร นางก็เป็นน้องสาวของเจ้า จะไปพูดเรื่องมิดีของนางต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไร นี่มิเท่ากับทำลายชื่อเสียงของนางหรอกหรือ?”อวิ๋นชิงฮวนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้ายังมิได้พูดอะไรเลย ท่านพ่อก็ตัดสินข้าแล้วงั้นรึ?”“เสวี่ยลั่วเป็นเด็กดีมาตลอด หากมิใช่เพราะเจ้าพูดอะไร ไท่เฟยจะม
นี่เป็นการเปิดโปงความสัมพันธ์ลับระหว่างนางและเซียวเหยียน ตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นใหญ่โตไปแล้ว ในที่สุดเจียงเสวี่ยลั่วก็รู้จักกลัวแล้ว นางมิอยากเป็นอี๋เหนียงเลยแม้แต่น้อยและยิ่งมิอยากเป็นอี๋เหนียงภายใต้อวิ๋นชิงฮวนนั่นมิใช่การทำให้เจียงเสวี่ยลั่วอยู่ภายใต้อวิ๋นชิงฮวนไปตลอดชีวิต และไม่มีวันเงยหน้าขึ้นได้หรอกหรือ?“เสวี่ยลั่ว เจ้ามิต้องกลัว ข้าจะมิทำให้เจ้าต้องอดสูเช่นนี้”เซียวเหยียนรีบปลอบโยนนาง แล้วหันไปมองอวิ๋นชิงฮวน เสียงของเขาเย็นชาอย่างมาก“เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าเสวี่ยลั่วกำลังป่วย แต่ยังพูดจาทำร้ายจิตใจนางอีก เจ้าต้องการให้นางเสียใจและป่วยหนักถึงจะพอใจใช่หรือไม่?”“ข้ามิได้น่าเบื่ออย่างที่เจ้าคิด”อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเย็นชา “ที่หม่อมฉันมา ก็เพราะท่านพ่อให้หม่อมฉันมาถามว่า ท่านจะรับผิดชอบเจียงเสวี่ยลั่วหรือไม่?” “ข้าจะรับผิดชอบเสวี่ยลั่วอย่างแน่นอน!”“เช่นนั้นท่านก็ไปบอกหมู่เฟยเอง แล้วเลือกวันที่จะรับนางเข้าจวนเถิด”“ข้ามิได้หมายถึงความรับผิดชอบเช่นนี้!”“แล้วท่านจะรับผิดชอบอย่างไร?” อวิ๋นชิงฮวนรู้สึกตลกขบขัน “หรือไม่ ก็เข้าวังไปขอฝ่าบาทให้ท่านปลดหม่อมฉันจากตำแหน่งพระชายาเอ
ทุกคนรู้ว่าภัตตาคารหมิงเฟิ่งมีผู้มีอำนาจหนุนหลัง แม้กระทั่งมีข่าวลือว่า เป็นองค์จักรพรรดิที่แอบสั่งให้สร้างขึ้นมา อาหาร ขนม และการแสดงทั้งหมดล้วนมาจากในวัง จึงมีความพิเศษมิเหมือนใครถึงแม้จะเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีหลักฐานทว่าในเมืองหลวงเช่นนี้ ใครกล้าเอาชื่อเสียงของราชวงศ์มาแอบอ้างเพื่อทำการค้าได้ แสดงว่าต้องมีภูมิหลังที่มิธรรมดาสู้เชื่อว่ามี ดีกว่าเชื่อว่าไม่มีดังนั้น นับตั้งแต่เปิดกิจการ ภัตตาคารหมิงเฟิ่งก็มิเคยมีคู่แข่ง ลูกค้าแน่นขนัดทุกวันใครจะไปคิดว่า ที่จริงแล้วนี่คือธุรกิจส่วนตัวของเซียวจื๋อเยี่ยน?เขาช่างกล้านัก…ถึงขั้นกล้าเอาชื่อจักรพรรดิมาใช้!ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องส่วนตัวชั้นบนสุดของภัตตาคารหมิงเฟิ่งเจี่ยงหยวนซิ่งหมอบลงบนราวบันไดด้วยสีหน้ามิพอใจ “ท่านอ๋อง ท่านนี่สุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ แค่จะพบหน้าพระชายาฉู่ใต้ ท่านถึงกับสั่งปิดร้านตั้งหลายชั้น จำเป็นถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”“เหตุใดจะมิจำเป็นเล่า?”“พวกเจ้าอยู่ห้องชั้นบนสุด แขกข้างล่างจะไปรบกวนอะไรพวกเจ้าได้!”เซียวจื๋อเยี่ยนมิสนใจเขา ยืนกอดอกอยู่หน้าต่างเจี่ยงหยวนซิ่งยิ่งมิพอใจมากไปอีก “ท่านสั่งปิดร้านตั้งหลายชั้น
เพราะดวงตาของเขาเย็นชาและคมกริบเกินไปดวงตาเรียวเล็ก ม่านตาสีดำสนิท ขนตายาวงอนที่หางตา เมื่อมองมาให้ความรู้สึกเย็นชาเหมือนคมมีด ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บในใจสตรีส่วนใหญ่มักจะชอบสุภาพบุรุษที่อ่อนโยนและหล่อเหลาใครจะทนถูกเขามองจ้องแบบนี้ได้เล่า?ที่อวิ๋นชิงฮวนมิรู้สึกกลัว ก็เพราะนางเคยเห็นด้านที่น่ากลัวที่สุดของเซียวจื๋อเยี่ยนมาแล้ว ในตอนที่เขาก่อกบฏยึดอำนาจและปลงพระชนม์กษัตริย์เมื่อเทียบกันแล้ว นี่ถือว่าอ่อนโยนแล้ว“โสมหิมะที่ท่านอ๋องตรัสถึงก่อนหน้านี้ หม่อมฉันนำมาให้ท่านในวันนี้แล้ว เชิญท่านทรงดูก่อนเถิดเพคะ”อวิ๋นชิงฮวนเปลี่ยนเรื่อง แล้วเลื่อนกล่องของกำนัลที่แม่นมซุนนำมาให้ไปตรงหน้าเซียวจื๋อเยี่ยนเซียวจื๋อเยี่ยนมิได้รับกล่อง “เจ้าต้องการอะไร?”“หากท่านอ๋องมิรังเกียจ หม่อมฉันอยากได้อารักขาหญิงที่มีฝีมือดีสักคน”เซียวจื๋อเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง“เจ้าต้องการอารักขาไปทำอันใดหรือ?”อวิ๋นชิงฮวนไตร่ตรองถ้อยคำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้ว หม่อมฉันจะปลอดภัยดีหลังจากแต่งเข้าจวนอ๋อง แต่ก็ยังกลัวว่าจะมีเหตุการณ์มิคาดฝันเกิดขึ้น ทั้งหม่อมฉันเองและสาวใช้รอบตัวก็ไม่ม
แต่ความคิดนี้ก็ถูกนางปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วมันมิง่ายขนาดนั้นแม้ว่าในภายภาคหน้าเซียวจื๋อเยี่ยนจะสามารถบีบบังคับขึ้นครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอีกสามปีข้างหน้าแต่เขาในตอนนี้ เขายังเป็นเพียงเซ่อเจิ้งอ๋อง แม้ว่าจะได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิมากเพียงใดทว่าพระราชโองการของจักรพรรดิถือเป็นสัจจะพระราชโองการที่ได้ประกาศไปทั่วหล้าแล้วนั้นเป็นไปมิได้ที่จะเพิกถอนได้ง่าย ๆ แม้ว่าเซียวจื๋อเยี่ยนจะทำได้ เขาก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงมากแม้ว่าโสมหิมะจะมีค่ามาก แต่ก็มิถึงขนาดนั้นบางทีเซียวจื๋อเยี่ยนอาจจะฟังนางพูดแล้วรู้สึกว่านางไร้สาระ น่าขัน และทำให้เขาขุ่นเคืองก็เป็นได้อวิ๋นชิงฮวนก็มิอาจรอจนกว่าเขาจะขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ในอีกสามปีข้างหน้า และยกเลิกพระราชโองการเก่าได้นางเผลอยื่นมือไปลูบท้องน้อยของนางโดยมิรู้ตัวลูกในท้องของนางยังมิถึงเดือน หากปล่อยไว้ถึงห้าเดือน ท้องก็จะเริ่มใหญ่ขึ้นจนยากจะปิดบัง นางต้องรีบหย่ากับเซียวเหยียนก่อนที่ท้องจะใหญ่ขึ้นในชาตินี้ นางจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกของนางใช้สกุลของเซียวเหยียน คนที่เคยฆ่าลูกของนางอีก เขามิคู่ควร“เหตุใดมิ
เซียวจื๋อเยี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแกะมือนางออกแล้วหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว“เดี๋ยวก่อน เซียว… อ้วก” อวิ๋นชิงฮวนร้อนใจจนเริ่มจะอาเจียนอีกครั้งนางพยายามระงับอาการคลื่นไส้พลางคิดอย่างรวดเร็วหากเซียวจื๋อเยี่ยนไปตามหมอมาจริง ๆ นางจะถูกสงสัยหรือไม่หากปฏิเสธมิยอมให้ตรวจชีพจร?หากเขาสงสัยขึ้นมาจริง ๆ นางจะหาเหตุผลอะไรมาอธิบายดี…แต่มินานเซียวจื๋อเยี่ยนก็กลับมาโดยถือแก้วน้ำอุ่นอยู่ในมือเขาประคองนางพิงกับตัว แล้วส่งแก้วน้ำอุ่นมาที่ริมฝีปากนาง ภายใต้สายตาประหลาดใจของอวิ๋นชิงฮวนนางอ้าปากตามสัญชาตญาณ จิบน้ำไปอึกหนึ่งสายน้ำอุ่นไหลผ่าน ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องดูเหมือนจะดีขึ้นบ้างนางจิบน้ำไปอีกหนึ่งอึกหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจิบไปอีกหนึ่งอึก…เซียวจื๋อเยี่ยนมิได้พูดอะไร มองดูนางค่อย ๆ จิบน้ำจนหมดแก้วความรู้สึกคลื่นไส้ถูกระงับลง“จะดื่มอีกหรือไม่?”เซียวจื๋อเยี่ยนถาม“มิดื่มแล้วเพคะ” อวิ๋นชิงฮวนเลื่อนแก้วออกไปด้วยความเขิน แล้วลุกขึ้นนั่งนางพูดเสียงเบา “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”เกิดเรื่องแบบนี้ อวิ๋นชิงฮวนอายจนแทบมิกล้าเงยหน้า เหมือนเมื่อครู่นางท
เมื่อเจียงเสวี่ยลั่วได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองเซียวเหยียนทันทีแน่นอนว่า เมื่อเซียวเหยียนได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเขาก็มิค่อยดีนัก เขาขมวดคิ้วมองสาวใช้“พวกเจ้าพูดว่ากระไรนะ? พระชายาอยู่กับใคร?”สาวใช้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ บ่าวเห็นกับตาตัวเอง”สีหน้าของเซียวเหยียนดูแย่ลง“พวกเจ้าเห็นที่ใด?”“ที่หน้าภัตตาคารหมิงเฟิ่งเพคะ คุณหนูใหญ่ดูเหมือนจะออกมาจากภัตตาคารพร้อมกับเซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ”ภัตตาคารหมิงเฟิ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรือง มิได้อยู่ในแนวเดียวกับจวนอวิ๋นและบ้านตระกูลถังเลยก่อนหน้านี้ อวิ๋นชิงฮวนบอกว่าจะไปบ้านตระกูลถัง ตามหลักแล้ว นางมิน่าจะผ่านภัตตาคารหมิงเฟิ่งเว้นแต่ว่านางนัดกับใครไว้ แล้วตั้งใจอ้อมไปเจียงเสวี่ยลั่วมีแววตาสั่นไหว ถามอย่างจงใจว่า “พวกเจ้าดูผิดหรือไม่? พี่หญิงบอกว่าจะไปเยี่ยมท่านตาที่บ้านตระกูลถัง ไฉนถึงไปอ้อมที่ภัตตาคารหมิงเฟิ่งได้เล่า?”“พวกบ่าวสาบานว่า มิได้ดูผิดแน่นอนเจ้าค่ะ!”สาวใช้สองคนรีบพูด “คุณหนูใหญ่ใส่ชุดสีเขียวน้ำทะเลสาบวันนี้ เด่นมากในฝูงชน พวกบ่าวไม่มีทางดูผิดแน่นอนเจ้าค่ะ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ยังพาแม่นมซ
แม่นมซุนช่วนประคองอวิ๋นชิงฮวนลงจากรถม้า นางเงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่อของตระกูลถัง รู้สึกราวกับว่าได้ผ่านไปทั้งชีวิตวันนี้เป็นวันที่นางจะต้องกลับไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดหลังจากแต่งงานตระกูลถังรู้ว่านางจะต้องมาเยี่ยม ดังนั้นจึงส่งคนไปรอที่ประตูตั้งแต่เช้าอวิ๋นชิงฮวนและเซียวจื๋อเยี่ยนเดินเข้าไปในจวนเสนาบดี เมื่อมาถึงลานบ้าน นายท่านใหญ่ถังลี่หงก็รีบมาต้อนรับ พร้อมกับฮูหยินและลูกชายสองคน“มิทราบว่าเซ่อเจิ้งอ๋องจะเสด็จมา ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”เซียวจื๋อเยี่ยนโบกมือ “วันนี้เป็นการพบปะส่วนตัว ตัวข้าเพิ่งมาถึง มิต้องพูดเรื่องพิธีพวกนี้”“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ถังลี่หงลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปมองอวิ๋นชิงฮวนที่อยู่ข้าง ๆ“ฮวนเอ๋อร์”“ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้…”ทันใดนั้นอวิ๋นชิงฮวนก็ตาแดงก่ำ รีบก้าวไปข้างหน้า คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุ้บถังลี่หงและภรรยาต่างตกใจ รีบยื่นมือไปประคองนาง“ฮวนเอ๋อร์! เจ้าทำอะไร รีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”ฮูหยินใหญ่ถังก็รีบพูดว่า “ไฉนจู่ ๆ ต้องทำพิธีใหญ่โตเช่นนี้? ชิงเอ๋อร์ หมิงเอ๋อร์ รีบพยุงน้องสาวพวกเจ้าขึ้นมาเร็วเข้า”พี่น้องตระกูลถังสองคนก็ตกใจ รีบก้มลงไปพยุงนาง