อวิ๋นชิงฮวนมองเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างตลอด นางมิเข้ามาใกล้ ดูเหมือนว่าเขามิอยากทำให้นางตกใจจริง ๆเซียวจื๋อเยี่ยนในชาติที่แล้ว ก่อกบฏบีบบังคับให้จักรพรรดิจนสละบัลลังก์ และขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จคนสนิทที่อยู่ข้างกายเขา คงมิใช่คนธรรมดา“ขอถามหน่อยว่าเจ้านามว่าอันใด?”อวิ๋นชิงฮวนถาม“เจี่ยงหยวนซิ่ง เป็นองครักษ์ประจำตัวของท่านอ๋อง”“องครักษ์เจี่ยง”อวิ๋นชิงฮวนถามอย่างสุภาพ “เจ้ามาที่นี่โดยเฉพาะ ท่านอ๋องมีเรื่องรับสั่งงั้นหรือ?”เจี่ยงหยวนซิ่งเห็นว่าท่าทีของนางมิระแวดระวังแล้ว จึงหยิบตำราเก่าเล่มหนึ่งออกจากอกเสื้อ แล้วเดินเข้ามาส่งให้นาง“ท่านอ๋องได้ตำราแพทย์โบราณมาเล่มหนึ่ง ว่ากันว่าหายากมาก จึงให้ข้าเอามาส่งให้ขอรับ”อวิ๋นชิงฮวนรับมาด้วยความสงสัย“ท่านอ๋องอยากให้ข้าตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือของปลอมงั้นหรือ?”เนื่องจากแม่ของนางมาจากตระกูลแพทย์ นางจึงเริ่มต้นเรียนรู้จากตำราแพทย์ตั้งแต่เด็ก และเติบโตมากับตำราแพทย์ตำรับโอสถเจี่ยงหยวนซิ่งยิ้มแต่มิพูดอะไรตำราเก่าเล่มนั้นดูทรุดโทรม มีรอยไหม้ตามหน้ากระดาษ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับการซ่อมแซมอย่างดีอวิ๋นชิงฮวนค่อย ๆ เปิดตำราออก
“สืบเรื่องอันใดมาบ้าง?”เจี่ยงหยวนซิ่งมิคิดมาก เขาอยากจะเล่าเรื่องซุบซิบนินทาใจจะขาด“มากหลายไปหมดพ่ะย่ะค่ะ เริ่มตั้งแต่วันแต่งเลยแล้วกัน”เขาพูดอย่างตื่นเต้น “วันนั้นหลังจากที่ท่านอ๋องไปแล้ว เซียวเหยียนก็มิได้เข้าหอตลอดคืน หนีไปเจอน้องภรรยาเขาอีก แถมได้ยินว่า กอดกันกลมในสวน แถมโดนพระชายาจับได้คาหนังคาเขา แต่เซียวเหยียนกลับเข้าข้างน้องภรรยา เกือบจะหย่ากับพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเรื่องซุบซิบที่พวกคนรับใช้ในจวนอ๋องพูดกันต่อ ๆ มา แต่งเติมเสริมจนผิดเพี้ยนไปหมด เจี่ยงหยวนซิ่งพูดเสียงดัง “เซียวเหยียนนี่ทำได้ลงคอจริง ๆ คืนแต่งงานยังไปยุ่งกับน้องภรรยา แถมยังทิ้งพระชายาไว้ แล้วไปส่งน้องภรรยากลับบ้านพ่อแม่เองอีกด้วย คิดว่าดึก ๆ ดื่น ๆ คงไม่มีใครรู้ แต่จริง ๆ ข่าวแพร่สะพัดไปหมดแล้ว”“ที่สนุกกว่านั้นอยู่ส่วนหลังพ่ะย่ะค่ะ”“วันต่อมา ในจวนอ๋องฉู่ใต้ก็มีอี๋เหนียงเพิ่มมาอีกคน ได้ยินว่าเป็นของกำนัลจากไท่เฟย พระชายายังมิทันได้เข้าหอ อี๋เหนียงกลับได้ปรนนิบัติก่อน สุดท้ายเซียวเหยียนก็ยังทะเลาะกับอี๋เหนียงอีกด้วย”“หลังจากนั้นมินาน เซียวเหยียนก็ทะเลาะกับไท่เฟยเพราะน้องภรรยาของเขา ตอ
เจี่ยงหยวนซิ่งพูดว่า “องค์รัชทายาททรงคิดที่จะผูกมิตรกับตระกูลถังมิใช่แค่เพียงวันสองวัน หากมิใช่เพราะตำหนักบูรพามีพระชายาอยู่แล้ว และตระกูลถังคงมิยอมให้นางเป็นอนุ ข้าน้อยเห็นว่า องค์รัชทายาทแทบจะอยากแต่งกับนางเอง ยังจำเป็นต้องผ่านมือของเซียวเหยียนอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ตระกูลถังนั้นถือตัวหากองค์รัชทายาทกล้าบังคับหลานสาวของตระกูลถัง แม้ว่าจะเป็นชายารอง ก็เท่ากับเป็นการสร้างศัตรูดังนั้น องค์รัชทายาทจึงไม่มีทางเลือก นอกจากผ่านทางพี่น้องที่ดีอย่างเซียวเหยียน เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลถังทางอ้อมใครให้ตระกูลถังมีหลานสาวเพียงคนเดียวเล่า?สีหน้าของเซียวจื๋อเยี่ยนยิ่งเย็นชาลงไปอีก“ตระกูลถังเคยมีบุญคุณต่อท่านอ๋อง ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้ติดต่อกันอย่างเปิดเผย แต่ก็ยังคงติดต่อกับนายท่านตระกูลถังอยู่ การตอบแทนบุญคุณก็มิจำเป็นต้องทำกับหลานสาวของเขา”ในสายตาของเจี่ยงหยวนซิ่ง ท่านอ๋องของเขาใช้ข้ออ้างในการตอบแทนบุญคุณเพื่อเข้าใกล้หลานสาวของตระกูลถังเหตุผลนี้ฟังมิขึ้นเลยจริง ๆ“หากมิใช่เพื่อองค์รัชทายาท และมิใช่เพื่อตระกูลถัง แล้วท่านอ๋อง... เหตุใดท่านจึงสนใจเรื่องของพระชายาฉู่ใต้มากมายเช่
เจี่ยงหยวนซิ่งลูบหน้าอย่างเขินอาย “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ... ข้าน้อยแค่คิดว่า มิใช่ท่านกำลังตามหาสตรีในวัดร้างวันนั้นหรอกหรือ? ทำไมเพียงแค่หันมา ก็ไปสนใจดอกไม้ในเรือนของคนอื่นแล้วเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ตกลงกันแล้วว่าจะมอบป้ายหยกคู่ให้เป็นของหมั้นหมายแล้ว รอแค่เจอตัวก็จะให้องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรสให้ทันทีมิใช่หรือ?ปากบุรุษนั้นไซร้เชื่อได้ที่ไหนกันเปลี่ยนใจเร็วกว่าพลิกฝ่ามือเจี่ยงหยวนซิ่งได้แต่คิดในใจ มิกล้าพูดออกมาเซียวจื๋อเยี่ยนเงียบไปเขาค่อย ๆ หมุนแหวนหยกบนนิ้วครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “กลิ่นกายบนตัวนาง ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคย”“หืม?”เจี่ยงหยวนซิ่งเงี่ยหู ตั้งใจฟังอย่างสนใจ “กลิ่นอะไรหรือ? กลิ่นตัวของพระชายาฉู่ใต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”เหตุใดเขามิได้กลิ่นเล่า?วันนั้นที่เรือนหอ ท่านอ๋องไปตรงหน้าพระชายาฉู่ใต้ แล้วได้กลิ่นหอมจากตัวนางด้วยหรือ?“พูดยาก”เซียวจื๋อเยี่ยนก็มิแน่ใจเจี่ยงหยวนซิ่งครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องเคยตรัสว่า สตรีที่เจอในวัดร้างวันนั้น มีกลิ่นหอมของยา พระชายาฉู่ใต้เป็นบุตรีของตระกูลถัง อาจจะได้เรียนรู้การแพทย์จากมารดาตั้งแต่เด็ก สัมผัสกับตัวยาเป็นประจำ ตัวนางมีกลิ่นยาติด
บรรยากาศในรถม้าเย็นยะเยือกอวิ๋นชิงฮวนเหลือบมองเซียวเหยียนที่หลับตาพักผ่อนตั้งแต่ขึ้นรถม้า ก็ขี้คร้านจะชวนคุย จึงหันไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางจึงเงียบงันจนกระทั่งถึงจวนอวิ๋นเมื่อรถม้าจอดสนิท อวิ๋นชิงฮวนก็ลงจากรถโดยมิสนใจธรรมเนียมที่ภรรยาต้องเดินตามหลังสามีเซียวเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลงตามมาเพื่อต้อนรับที่อวิ๋นชิงฮวนกลับมาเยี่ยมจวน ทั้งภายในและภายนอกจวนอวิ๋นจึงถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน พ่อบ้านพาคนรับใช้มายืนรอที่หน้าประตูอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นเซียวเหยียนและอวิ๋นชิงฮวนกลับมาด้วยกัน ก็พลันยิ้มหน้าบาน“ท่านอ๋องและพระชายากลับมาเยี่ยมจวน นายท่านรอตั้งแต่เช้าแล้ว เชิญเข้าไปข้างในเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวเหยียนพยักหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอวิ๋นชิงฮวนเดินตามหลังไปเมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของจวนอวิ๋น อวิ๋นหงเย่กำลังรออยู่กับเจียงอี๋เหนียงคนรับใช้เหมือนสายน้ำไหล นำของกำนัลสำหรับการกลับจวนมาวางไว้ที่ลานจวน ดูเหมือนจะครบถ้วนตามธรรมเนียมอวิ๋นหงเย่พยักหน้าอย่างพึงพอใจเขาคิดว่า ของกำนัลเหล่านี้ถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องฉู่ใต้ ซึ่งแสดงว่าจวนอ๋องให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้
“แต่ท่านอ๋อง กลับมิกริ้วโกรธเมื่อพระชายาของท่านถูกกล่าวหา แต่เมื่อหม่อมฉันพูดถึงเจียงเสวี่ยลั่ว ท่านก็กริ้วเป็นฟืนเป็นไฟเลยหรือ?”เซียวเหยียนถึงกับพูดมิออกเจียงอี๋เหนียงก็ตกใจเช่นกัน “ฮวนเอ๋อร์… ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น ข้าแค่เป็นห่วงเสวี่ยลั่ว เจ้าอย่าเข้าใจผิด!”“เจียงเสวี่ยลั่วเป็นหลานสาวของอี๋เหนียง ดวงกินพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก โชคชะตาอาภัพนัก อี๋เหนียงสงสารจึงพามาอยู่ด้วย แล้วขอให้ท่านพ่อรับเป็นลูกบุญธรรม เลี้ยงดูอย่างคุณหนู ท่านกับนางเป็นญาติสนิทกัน แต่กับข้าไม่มีสายเลือดผูกพัน การที่ท่านเป็นห่วงนางก็เป็นเรื่องธรรมดา”เสียงของอวิ๋นชิงฮวนนุ่มนวล แต่ทุกคำพูดราวกับคมมีดทุกคำเสียดแทงหัวใจ!“อี๋เหนียงมิต้องห่วง ข้าจะเข้าใจผิดได้อย่างไร?”สีหน้าของเจียงอี๋เหนียงซีดเผือด แทบจะเป็นหมดสติไป “เจ้า เจ้าพูดถึงเสวี่ยลั่วอย่างนี้ได้อย่างไร?!”ดวงกินพ่อแม่ โชคชะตาอาภัพนี่มิใช่การด่าว่าเจียงเสวี่ยลั่วเป็นกาลกิณีหรอกหรือ?อีกอย่าง พ่อแม่ที่แท้จริงของเสวี่ยลั่วก็คือ…นางกำลังสาปแช่งพวกเขา!สีหน้าของอวิ๋นหงเย่ก็ดูแย่ลงเช่นกัน “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรเช่นนั้น? คำพูดสาปแช่งร้ายกาจเช่นนี้ เจ้า
เซียวเหยียนจ้องมองอวิ๋นชิงฮวนด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคือง“วันนี้เจ้าตั้งใจมาหาเรื่องเสวี่ยลั่วงั้นรึ?”“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ?” อวิ๋นชิงฮวนพูดอย่างเรียบเฉย “วันนี้หม่อมฉันกลับมาเยี่ยมจวน มิใช่ว่าท่านพ่อถามถึงเจียงเสวี่ยลั่วก่อน แล้วอี๋เหนียงซ้ำเติมว่าหม่อมฉันมิควรตบนาง หม่อมฉันจึงได้พูดถึงเรื่องนี้หรอกหรือ?”“แล้วที่เจ้าพูดจาหยาบคายพวกนี้ หมายความเยี่ยงไร?”เซียวเหยียนโกรธจัด “เสวี่ยลั่วทำอะไรให้เจ้ามิพอใจรึ? นางยังคอยพูดช่วยเจ้าตลอด เจ้ากลับมาใส่ร้ายนางถึงจวน อวิ๋นชิงฮวน เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่!”“ท่านหมายความว่าหม่อมฉันมีเจตนามิดี จงใจใส่ร้ายป้ายสีนางงั้นหรือเพคะ?”อวิ๋นชิงฮวนโต้กลับ “เช่นนั้นท่านบอกมาทีเถิด ประโยคไหนที่หม่อมฉันพูดใส่ร้ายนางบ้าง ประโยคไหนมิเป็นเรื่องจริงบ้าง? หากท่านพูดได้ หม่อมฉันจะรีบถอนคำพูดประเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”“เจ้า…”เจียงอี๋เหนียงเห็นพวกเขาทะเลาะกัน ก็ร้อนใจแทบจะแย่อยู่แล้วมิว่าจะเป็นการใส่ร้ายหรือเรื่องจริงท่านอ๋องฉู่ใต้ เจ้าควรจะช่วยเสวี่ยลั่วอธิบายให้ชัดเจนก่อนสิ หรือพูดว่านางมิใช่ตัวซวยก็ยังดี!ทว่าบัดนี้เซียวเหยียนโกรธมากจริง ๆแต่เขาก็เถียงอว
อวิ๋นชิงฮวนคร้านจะฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ชาติที่แล้วนางก็ว่าง่ายเชื่อฟังไปทุกอย่าง แล้วได้อะไรกลับมา?แม้แต่ลูกที่นางคลอดเองยังถูกจับกดน้ำตาย แล้วนางจะต้องรักษาคุณธรรมความดีงามอะไรอีก?นางยกถ้วยชาขึ้นมา พูดอย่างเรียบเฉยว่า “เจียงเสวี่ยลั่วในคืนแต่งงานของข้า แอบมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับเซียวเหยียน แขกเหรื่อทั่วเมืองหลวงก็รู้กันหมดแล้ว ท่านพ่อมีเวลาสั่งสอนข้า มิสู้ไปคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีกว่าหรือ”อวิ๋นหงเย่สีหน้าเปลี่ยน “เจ้ายังพูดถึงเรื่องนี้อีก…”“ข้าเดาว่า หลังจากที่เจียงเสวี่ยลั่วกลับมาต้องไปพูดกับท่านแล้ว เซียวเหยียนจะช่วยนางปกปิดเรื่องนี้ มิให้ชื่อเสียงนางเสียหาย ท่านพ่อถึงได้มิรีบร้อน อีกทั้งยังมีแก่ใจมาอบรมสั่งสอนข้าอีก”อวิ๋นชิงฮวนมิแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น มองฝาถ้วยชาไปเรื่อย ๆ“ข้าพูดไปแล้ว คนที่จับได้ว่านางกับเซียวเหยียนมีความสัมพันธ์ลับคือ เซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านคิดว่าเซียวเหยียนมีความสามารถปิดปากเซ่อเจิ้งอ๋องได้หรือ?”เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ แค่มีคนพูดออกไปคนเดียว คนทั่วเมืองหลวงก็จะรู้กันหมดตระกูลอวิ๋นยังต้องการชื่อเสียงอยู่หรือไม่?ในที่สุดอวิ๋นหงเย่ก็เปลี่ยนสีหน