ดังนั้นหลังจากได้เกิดใหม่ สิ่งแรกที่อวิ๋นชิงฮวนทำคือการทวงคืนสินเดิมของมารดาที่นำมาเมื่อตอนแต่งงานนี่เป็นสิ่งที่มารดาของนางทิ้งไว้ให้นางนางมิเพียงแต่จะเอาคืนเท่านั้น แต่ยังจะต้องมิขาดแม้แต่ตำลึงเดียวมิว่าจะเป็นเงินทองอัญมณี หรือโฉนดที่ดิน แม้กระทั่งคนรับใช้เก่าแก่ที่ท่านแม่ของนางนำมาจากตระกูลถัง นางจะต้องเอากลับคืนมาทั้งหมดคนที่จวนอ๋องฉู่ใต้มิน่าไว้วางใจ คนที่ออกมาจากจวนอวิ๋นก็มิแน่ว่าจะจงรักภักดี ในใจของอวิ๋นชิงฮวนมีเพียงคนรับใช้เก่าแก่ของตระกูลถังที่ท่านแม่ของนางทิ้งไว้ให้ ซึ่งเป็นคนที่มิเคยทรยศนางในชาติที่แล้วเท่านั้น ที่นางจะวางใจและเชื่อใจได้โดยมีแม่นมซุนเป็นผู้นำ คนรับใช้เก่าแก่ที่ซื่อสัตย์สิบกว่าคนช่วยกันตรวจนับทรัพย์สินอวิ๋นชิงฮวนทุ่มเทจนลืมเวลา โดยมิรู้ตัวก็ถึงเวลาเที่ยงแล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดังโวยวายมาจากข้างนอกไท่เฟยฉู่ใต้เดินเข้ามาด้วยความโมโห เมื่อเข้ามาในห้องก็ต่อว่าทันที “อวิ๋นชิงฮวน ในสายตาของเจ้ายังมีข้าผู้เป็นหมู่เฟยนี้อยู่หรือไม่?!”อวิ๋นชิงฮวนรีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“หมู่เฟยมาได้อย่างไร… ท่านตรัสเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ?”“เจ้าเ
“ไม่เลยเพคะ หมู่เฟยเองก็เป็นห่วงหม่อมฉัน”อวิ๋นชิงฮวนลุกขึ้นยืนไท่เฟยฉู่ใต้ถอนหายใจ “ด้วยนิสัยของเหยียนเอ๋อร์ แม้แต่ข้าก็ยังเอามิอยู่ เจ้าคงต้องลำบากใจแล้ว”“หม่อมฉันหาได้รู้สึกว่าลำบากใจไม่เพคะ”อวิ๋นชิงฮวนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เพียงแต่วันพรุ่งต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด แต่ท่านอ๋องยังคงโกรธอยู่ เกรงว่าคงจะมิยอมไปกับหม่อมฉัน”หลังจากแต่งงานสามวันต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด นี่เป็นธรรมเนียมสามีที่เพิ่งแต่งงานมิยอมไปด้วย สำหรับสตรีที่เพิ่งแต่งงานออกไป ก็เท่ากับเป็นการแสดงออกชัดเจนว่ามิได้รับความโปรดปรานเป็นการเสียหน้าไปถึงบ้านเกิดอย่างไรก็ตาม อวิ๋นชิงฮวนเป็นผู้ที่องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรส ไม่มีทางที่จะเสียหน้าเช่นนี้ไท่เฟยฉู่ใต้รีบพูด “เหยียนเอ๋อร์ยังเด็ก มิเข้าใจธรรมเนียมพวกนี้ เดี๋ยวข้าจะไปพูดกับเขาให้ดี หากวันพรุ่งเขายังดื้อดึง ข้าจะส่งคนไปคุ้มครองเจ้ากลับบ้าน ให้เจ้ากลับไปอย่างสง่างามแน่นอน”อวิ๋นชิงฮวนแสดงความรู้สึกขอบคุณบนใบหน้า“ขอบพระทัยหมู่เฟยเพคะ”นางมิได้สนใจว่าเซียวเหยียนจะกลับบ้านไปกับนางหรือไม่ ขอแค่รักษาหน้าไว้ได้ก็พอแล้วแม้ว่าเซียวเหยียนจะไปกับนาง ก็คง
ไท่เฟยฉู่ใต้รู้สึกเสียดายเช่นกัน หากเหยียนเอ๋อร์ชอบภรรยาของเขา นางก็คงจะเบาใจมากขึ้นอย่างไรก็ดีกว่าเจียงเสวี่ยลั่วคนนั้น“วันพรุ่งเป็นวันกลับบ้านของลูกสะใภ้ ข้าต้องไปคุยกับเหยียนเอ๋อร์ ภรรยาของเขาอย่างไรก็เป็นคนที่องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรสให้ เขาจะเข้มงวดเกินไปก็มิได้ ต้องให้เกียรติตามสมควร”ไท่เฟยฉู่ใต้พูดเช่นนั้น ก็พาสาวใช้ไปยังห้องตำราของเซียวเหยียนเมื่อเดินมาถึงใกล้ห้องตำรา นางก็เห็นคนรับใช้ของเซียวเหยียนวิ่งเข้าไปในห้องตำอย่างเร่งรีบ ดูเหมือนจะมีเรื่องด่วนไท่เฟยฉู่ใต้เกิดความสงสัย จึงหยุดคนรับใช้ไว้ และเดินเข้าไปเองพร้อมกับสาวใช้ เมื่อมาถึงหน้าห้องตำราก็ได้ยินคนรับใช้พูดว่า “ท่านอ๋อง สาวใช้ของคุณหนูเสวี่ยลั่วส่งจดหมายมาบอกว่า คุณหนูถูกลงโทษให้คุกเข่าในหอบรรพบุรุษมาสองวันแล้ว ทนมิไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่ากระไรนะ?”เซียวเหยียนตกใจมาก พลันรีบลุกขึ้นยืน“เหตุใดมิมาบอกข้าให้เร็วกว่านี้? เสวี่ยลั่วถูกลงโทษด้วยเรื่องอันใด?”“ได้ยินมาว่า คุณหนูเสวี่ยลั่วแอบมาพบท่านอ๋องแล้วท่านอ๋องก็ส่งนางกลับ ใต้เท้าอวิ๋นโกรธมากจึงสั่งให้นางคุกเข่าพ่ะย่ะค่ะ”“ไป ไปจวนอวิ๋น!”เซียวเหยียนรีบ
อวิ๋นชิงฮวนมองเขาที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างตลอด นางมิเข้ามาใกล้ ดูเหมือนว่าเขามิอยากทำให้นางตกใจจริง ๆเซียวจื๋อเยี่ยนในชาติที่แล้ว ก่อกบฏบีบบังคับให้จักรพรรดิจนสละบัลลังก์ และขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จคนสนิทที่อยู่ข้างกายเขา คงมิใช่คนธรรมดา“ขอถามหน่อยว่าเจ้านามว่าอันใด?”อวิ๋นชิงฮวนถาม“เจี่ยงหยวนซิ่ง เป็นองครักษ์ประจำตัวของท่านอ๋อง”“องครักษ์เจี่ยง”อวิ๋นชิงฮวนถามอย่างสุภาพ “เจ้ามาที่นี่โดยเฉพาะ ท่านอ๋องมีเรื่องรับสั่งงั้นหรือ?”เจี่ยงหยวนซิ่งเห็นว่าท่าทีของนางมิระแวดระวังแล้ว จึงหยิบตำราเก่าเล่มหนึ่งออกจากอกเสื้อ แล้วเดินเข้ามาส่งให้นาง“ท่านอ๋องได้ตำราแพทย์โบราณมาเล่มหนึ่ง ว่ากันว่าหายากมาก จึงให้ข้าเอามาส่งให้ขอรับ”อวิ๋นชิงฮวนรับมาด้วยความสงสัย“ท่านอ๋องอยากให้ข้าตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือของปลอมงั้นหรือ?”เนื่องจากแม่ของนางมาจากตระกูลแพทย์ นางจึงเริ่มต้นเรียนรู้จากตำราแพทย์ตั้งแต่เด็ก และเติบโตมากับตำราแพทย์ตำรับโอสถเจี่ยงหยวนซิ่งยิ้มแต่มิพูดอะไรตำราเก่าเล่มนั้นดูทรุดโทรม มีรอยไหม้ตามหน้ากระดาษ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าได้รับการซ่อมแซมอย่างดีอวิ๋นชิงฮวนค่อย ๆ เปิดตำราออก
“สืบเรื่องอันใดมาบ้าง?”เจี่ยงหยวนซิ่งมิคิดมาก เขาอยากจะเล่าเรื่องซุบซิบนินทาใจจะขาด“มากหลายไปหมดพ่ะย่ะค่ะ เริ่มตั้งแต่วันแต่งเลยแล้วกัน”เขาพูดอย่างตื่นเต้น “วันนั้นหลังจากที่ท่านอ๋องไปแล้ว เซียวเหยียนก็มิได้เข้าหอตลอดคืน หนีไปเจอน้องภรรยาเขาอีก แถมได้ยินว่า กอดกันกลมในสวน แถมโดนพระชายาจับได้คาหนังคาเขา แต่เซียวเหยียนกลับเข้าข้างน้องภรรยา เกือบจะหย่ากับพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเรื่องซุบซิบที่พวกคนรับใช้ในจวนอ๋องพูดกันต่อ ๆ มา แต่งเติมเสริมจนผิดเพี้ยนไปหมด เจี่ยงหยวนซิ่งพูดเสียงดัง “เซียวเหยียนนี่ทำได้ลงคอจริง ๆ คืนแต่งงานยังไปยุ่งกับน้องภรรยา แถมยังทิ้งพระชายาไว้ แล้วไปส่งน้องภรรยากลับบ้านพ่อแม่เองอีกด้วย คิดว่าดึก ๆ ดื่น ๆ คงไม่มีใครรู้ แต่จริง ๆ ข่าวแพร่สะพัดไปหมดแล้ว”“ที่สนุกกว่านั้นอยู่ส่วนหลังพ่ะย่ะค่ะ”“วันต่อมา ในจวนอ๋องฉู่ใต้ก็มีอี๋เหนียงเพิ่มมาอีกคน ได้ยินว่าเป็นของกำนัลจากไท่เฟย พระชายายังมิทันได้เข้าหอ อี๋เหนียงกลับได้ปรนนิบัติก่อน สุดท้ายเซียวเหยียนก็ยังทะเลาะกับอี๋เหนียงอีกด้วย”“หลังจากนั้นมินาน เซียวเหยียนก็ทะเลาะกับไท่เฟยเพราะน้องภรรยาของเขา ตอ
เจี่ยงหยวนซิ่งพูดว่า “องค์รัชทายาททรงคิดที่จะผูกมิตรกับตระกูลถังมิใช่แค่เพียงวันสองวัน หากมิใช่เพราะตำหนักบูรพามีพระชายาอยู่แล้ว และตระกูลถังคงมิยอมให้นางเป็นอนุ ข้าน้อยเห็นว่า องค์รัชทายาทแทบจะอยากแต่งกับนางเอง ยังจำเป็นต้องผ่านมือของเซียวเหยียนอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ตระกูลถังนั้นถือตัวหากองค์รัชทายาทกล้าบังคับหลานสาวของตระกูลถัง แม้ว่าจะเป็นชายารอง ก็เท่ากับเป็นการสร้างศัตรูดังนั้น องค์รัชทายาทจึงไม่มีทางเลือก นอกจากผ่านทางพี่น้องที่ดีอย่างเซียวเหยียน เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลถังทางอ้อมใครให้ตระกูลถังมีหลานสาวเพียงคนเดียวเล่า?สีหน้าของเซียวจื๋อเยี่ยนยิ่งเย็นชาลงไปอีก“ตระกูลถังเคยมีบุญคุณต่อท่านอ๋อง ถึงแม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้ติดต่อกันอย่างเปิดเผย แต่ก็ยังคงติดต่อกับนายท่านตระกูลถังอยู่ การตอบแทนบุญคุณก็มิจำเป็นต้องทำกับหลานสาวของเขา”ในสายตาของเจี่ยงหยวนซิ่ง ท่านอ๋องของเขาใช้ข้ออ้างในการตอบแทนบุญคุณเพื่อเข้าใกล้หลานสาวของตระกูลถังเหตุผลนี้ฟังมิขึ้นเลยจริง ๆ“หากมิใช่เพื่อองค์รัชทายาท และมิใช่เพื่อตระกูลถัง แล้วท่านอ๋อง... เหตุใดท่านจึงสนใจเรื่องของพระชายาฉู่ใต้มากมายเช่
เจี่ยงหยวนซิ่งลูบหน้าอย่างเขินอาย “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ... ข้าน้อยแค่คิดว่า มิใช่ท่านกำลังตามหาสตรีในวัดร้างวันนั้นหรอกหรือ? ทำไมเพียงแค่หันมา ก็ไปสนใจดอกไม้ในเรือนของคนอื่นแล้วเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ตกลงกันแล้วว่าจะมอบป้ายหยกคู่ให้เป็นของหมั้นหมายแล้ว รอแค่เจอตัวก็จะให้องค์จักรพรรดิพระราชทานสมรสให้ทันทีมิใช่หรือ?ปากบุรุษนั้นไซร้เชื่อได้ที่ไหนกันเปลี่ยนใจเร็วกว่าพลิกฝ่ามือเจี่ยงหยวนซิ่งได้แต่คิดในใจ มิกล้าพูดออกมาเซียวจื๋อเยี่ยนเงียบไปเขาค่อย ๆ หมุนแหวนหยกบนนิ้วครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “กลิ่นกายบนตัวนาง ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคย”“หืม?”เจี่ยงหยวนซิ่งเงี่ยหู ตั้งใจฟังอย่างสนใจ “กลิ่นอะไรหรือ? กลิ่นตัวของพระชายาฉู่ใต้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”เหตุใดเขามิได้กลิ่นเล่า?วันนั้นที่เรือนหอ ท่านอ๋องไปตรงหน้าพระชายาฉู่ใต้ แล้วได้กลิ่นหอมจากตัวนางด้วยหรือ?“พูดยาก”เซียวจื๋อเยี่ยนก็มิแน่ใจเจี่ยงหยวนซิ่งครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้ ท่านอ๋องเคยตรัสว่า สตรีที่เจอในวัดร้างวันนั้น มีกลิ่นหอมของยา พระชายาฉู่ใต้เป็นบุตรีของตระกูลถัง อาจจะได้เรียนรู้การแพทย์จากมารดาตั้งแต่เด็ก สัมผัสกับตัวยาเป็นประจำ ตัวนางมีกลิ่นยาติด
บรรยากาศในรถม้าเย็นยะเยือกอวิ๋นชิงฮวนเหลือบมองเซียวเหยียนที่หลับตาพักผ่อนตั้งแต่ขึ้นรถม้า ก็ขี้คร้านจะชวนคุย จึงหันไปมองนอกหน้าต่างตลอดทางจึงเงียบงันจนกระทั่งถึงจวนอวิ๋นเมื่อรถม้าจอดสนิท อวิ๋นชิงฮวนก็ลงจากรถโดยมิสนใจธรรมเนียมที่ภรรยาต้องเดินตามหลังสามีเซียวเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลงตามมาเพื่อต้อนรับที่อวิ๋นชิงฮวนกลับมาเยี่ยมจวน ทั้งภายในและภายนอกจวนอวิ๋นจึงถูกทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน พ่อบ้านพาคนรับใช้มายืนรอที่หน้าประตูอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นเซียวเหยียนและอวิ๋นชิงฮวนกลับมาด้วยกัน ก็พลันยิ้มหน้าบาน“ท่านอ๋องและพระชายากลับมาเยี่ยมจวน นายท่านรอตั้งแต่เช้าแล้ว เชิญเข้าไปข้างในเร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวเหยียนพยักหน้าอย่างเย็นชา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปอวิ๋นชิงฮวนเดินตามหลังไปเมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของจวนอวิ๋น อวิ๋นหงเย่กำลังรออยู่กับเจียงอี๋เหนียงคนรับใช้เหมือนสายน้ำไหล นำของกำนัลสำหรับการกลับจวนมาวางไว้ที่ลานจวน ดูเหมือนจะครบถ้วนตามธรรมเนียมอวิ๋นหงเย่พยักหน้าอย่างพึงพอใจเขาคิดว่า ของกำนัลเหล่านี้ถูกจัดเตรียมโดยจวนอ๋องฉู่ใต้ ซึ่งแสดงว่าจวนอ๋องให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้