หลายวันต่อมา_
ณ ประเทศอังกฤษ"เหนื่อยไหมริน พักก่อนดีไหมไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ไหนว่าจะมาเที่ยวไง" เป็นผู้จัดการคนสนิทต้องเอ่ยถาม รีบวิ่งไปช่วยจับชายกระโปรงตัวยาว ยามนางแบบสาวลงจากเวทีแฟชั่นโชว์ชื่อดัง
เธอเล่นโหมรับงานแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ใบหน้าสวยแอบหมองคล้ำไปเล็กน้อยจนอดห่วงไม่ได้"เที่ยวไปด้วยหาเงินไปด้วยไม่ดีหรอพี่นาถ คืนนี้เราเหลืออีกงานนี่ อยู่ต่างประเทศเงินดีจะตายไป" ด้วยความที่เธอเป็นสาวลูกครึ่ง เค้าโครงใบหน้าคมแบบโซนเอเชียแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ชาวโซนตะวันตก เลยสร้างชื่อเสียงผ่านความสามารถแบรนด์เสื้อผ้าดังๆรีบคว้าตัวไว้
"จะรวยก่อนหรือจะตายก่อนเอาดีๆนะริน แล้วช่วยเลิกดื่มด้วยนะคืนนี้ พี่ไม่แบกกลับคอนโดนะเราอยู่ตั้งไกล"
"จ้าคุณผู้จัดการ ดุกว่าแม่แท้ๆอีก" ร่างบางทิ้งกายบนเก้าอี้ก้มลงถอดส้นสูงกว่าห้านิ้วแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะธรรมดา รอยแดงช้ำรอบข้อเท้าไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออาชีพเธอเลย
"เซไฮ..รินเซ่! เราเบนจามินยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า" ทว่าชายหนุ่มเชื้อชาติตะวันตกดันรีบวิ่งมาทักทาย ตอนนางแบบสาวกำลังจะลุกเดินเพื่อกลับที่พัก ชุดสูทดีประหนึ่งไฮโซจนทำให้สองหญิงสาวเหลียวมองหน้าปรึกษากัน
"คนที่จ้างงานรินที่ไทยหรือเปล่า งานโชว์รถแข่งหน่ะ" นาถเอียงมากระซิบบอก เขาร่ำรวยมหาศาลจากการออกแบบรถแข่ง เคยติดต่อจ้างงานรินเซ่ไปเดินแบบก่อนเปิดงาน
"อ้อ...โทษทีนะช่วงนี้เจอคนเยอะเลยลืมๆไป" เธอไม่ได้ถือตัวยอมยื่นมือไปจับอีกฝ่ายตามสไตล์ทักทายทั่วไป
"ยูเก่งมากเลยนะ มาร่วมนี้ได้ต้องไม่ธรรมดาซะแล้ว" เบนจามินยังพูดต่อ ไล่สายตาสำรวจเรือนร่างบาง ไม่ว่าการแต่งตัวสไตล์ไหนเธอสวมใส่ได้ดูดีทุกชุด
"ขอบใจแต่ก็มีคนอื่นด้วยนะ" พอตอนช่างภาพตามเก็บถ่ายรูปในงาน นาถเลยสะกิดให้รินเซ่เอียงตัวหันไปก่อน จนลืมไปว่าเบนจามินก็ยืนอยู่ด้วย เขามีชื่อเสียงในประเทศไทยยิ่งกว่าไฮโซ
"งั้นเราไปก่อนนะพอดีมีงานต่อ" เธอไม่ลืมหันบอกอีกฝ่ายตอนช่างภาพถ่ายรูปเก็บงานเสร็จ รับควงผู้จัดการสาวมุ่งเดินออกจากโซนด้านข้างไป
ชั่วโมงต่อมา_
ณ บรรยากาศกลางดึก ร่างบางแอบยืนเงียบๆตรงริมระเบียง ในมือบางยังถือแก้วไวน์สีเข้มเขย่าวน ในห้วงสมองกลับนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนมาคลินไปหาที่คอนโด เขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำกับเธอเช่นนั้น เพราะเรื่องหมาดหมางกับเอเดนแล้วอยากเอาชนะ หรือเขาโกรธที่ถูกต่อว่าทั้งที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์อะไรในร่างกายเธอเลย"....เมื่อไหร่เราจะลืมไปให้หมดได้สักทีนะริน" แม้แต่อดีตคนรักที่หายเงียบไป ไม่มีข่าวใดใดในโทรทัศน์มาให้เห็น
ถึงเธอจะไม่เหลือเพื่อนสักคน เธอก็จะพยามรับงานหนักๆให้มันยุ่งจนไม่มีเวลาเหลือตลอดวัน ปล่อยใจดวงน้อยซ่อมแซมเองเมื่อไม่นึกถึงใครแล้วบริษัท MAKIN
"นึกยังไงว่ะมึง อยู่ดีๆอยากลงมากินข้าวกับพนักงาน" ฟรานนึงถามอย่างไม่เข้าใจ ตำแหน่งที่พวกเขาทำงานอยู่มีอาหารจากร้านดังบริการมากมาย แถมโซนข้างล่างตึกพวกพนักงานต่างวุ่นวาย อากาศช่วงเที่ยงร้อนจัดมีเหงื่อไหลพาลอารมณ์เสีย"กูก็อยากรู้ไงว่ะ เป็นถึงระดับเจ้านายแต่ไม่มีเวลาดูแลลูกน้อง แล้วเขาจะตั้งใจทำงานดีๆยังไงว่ะ" รองประธานบริษัทบอก แม้จะมีเหงื่อเม็ดใสใสผุดเต็มขมับ ที่รอบข้างพวกพนักงานต่างซุบซิบกันหนาหู มองดูการกระทำพวกเขาราวน่าสนใจ
"สุดยอดเลยว่ะเพื่อน แต่ทีหลังไม่ต้องเรียกกูมานะ นั่งตากแอร์เย็นในตึกกูสบายซะกว่า" เขาพูดทีเล่นทีจริง แต่ไม่กล้าจะออกความเห็นมากนัก เพราะตัวเองยังรับตำแหน่งต่ำต้อยกว่า
"อีกหน่อยกูจะออกนโยบาย ปิดแอร์ลดโลกร้อนช่วงเที่ยงด้วย" ร่างสูงสง่าเลือกไปทิ้งกายตรงหน้าร้านอาหารข้าวแกง พอป้าคนขายเห็นรีบวิ่งถือจานเปล่ากับทัพพีมารับ
"ของผมเอาแบบคนอื่นเลย ตักราดๆมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ" มาคลินเอ่ยบอกอย่างสุภาพ ตอนอยู่มหาลัยใช่ว่าจะเลือกกินได้มากนัก หากร้านไหนคนเยอะตอนเที่ยง เขาจะยอมกินร้านอื่นไม่ให้พวกเพื่อนรอนาน
"จ๊ะๆ ป้าจะรีบเอามานะคะ" หญิงแม่ค้ามีอายุไม่ทันได้เอ่ยถามชายหนุ่มอีกคน ฟรานดันโบกมือปฏิเสธไปแล้วท่าทางหยิ่งกว่าผู้บริหารอีก แต่มาคลินไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสแลคดำมาอ่านฆ่าเวลา โดยที่รอบข้างมีเสียงรายการข่าวซุบซิบในโทรทัศน์ดัง"กูพึ่งรู้นะเว้ย ว่ารินมีชื่อเสียงในต่างประเทศกว่าที่นี่อีก" เป็นเสียงของฟรานพูดดึงความสนใจ ชี้ไปยังโทรทัศน์จอใหญ่กลางโรงอาหาร เขาพอมองออกเวลาเห็นเพื่อนชายเจอนางแบบสาว แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงได้ตัดความสัมพันธ์ชนิดชิดเชื้อยิ่งกว่ารังเกียจกัน
"อืม" ใบหน้าหล่อเหลาแงนมองนิดหน่อย ก่อนหันไปรับจานอาหารจากแม่ค้า จับเนคไทราคาแพงเบี่ยงข้าง ด้วยร่างกำยำเลยดูคับแน่นเวลาขยับ
ใจแกร่งพยามไม่สั่นเอนไหวตอนเห็นหญิงสาวในทีวี ความนึกคิดหวังปิดกลั้นที่ผ่านมาละลายลง ความรู้สึกเหมือนเดิมเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น"แล้วมึงดูดิ ไอเบนจามินนี่เสนอหน้าไปทุกอย่างเลยเนอะ ตอนมันขอแบรนด์เราไปเป็นสปอนเซอร์หน้าอย่างหงอยเลย" ฟรานยังพูดต่อ เขาไม่ได้ทานอาหารเลยมีเวลาสนใจข่าววงการระหว่างรอเพื่อนชาย และแอบกระตุ้นให้คนข้างๆทรมานเล่น
"มึงดูชอบเนอะเรื่องคนอื่น?" หัวคิ้วหนาเลิกขึ้นถาม เอียงใบหน้าหันใส่อย่างเอาเรื่อง จนลืมไปว่าจะทำความคุ้นเคยกับพนักงาน เพราะจะทำโปรเจคใหม่ที่ให้ทุกคนได้โบนัสเพิ่ม
"ก็กูว่างนี่หว่า มึงรีบกินเถอะกูยังต้องเคลียร์งานบนโต๊ะ ทีหลังมีเปรยๆกับยัยป้าแว่นหน่อยนะ ส่งมาได้ให้กูเช็คโลจิสติกส์ส่งออก" พอเห็นเหตุการณ์เริ่มไม่ดี เขาเลยเปลี่ยนคำพูดใหม่
"หน้าที่มึงไง เงียบปากซะกูรำคาญ!" นัยน์ตาคมเป็นประกายเปลวไฟ เปิดเผยให้คนมองสั่นกลัว สองมือหนากำช้อนแสตนเลสแทบหัก นิสัยอีกด้านนึงกำลังจะเผยออกอย่างไม่อาจกลั้น
...............................................
ลองมองเฮียในมาดนักธุรกิจคือเพอร์เฟค
บ้านมาคลิน.........ช่วงค่ำ ขณะร่างสูงกำลังนั่งพิมพ์บางอย่างตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภายในห้องปิดไฟมืดสนิทราวกับต้องการสนใจตรงจุดเดียว ผ่านแว่นตากรอบสีดำหนากันแสงสีฟ้าทำลายระบบสายตา หลังจากพยามกู้ไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองมาหลายเดือน"มึงน่าจะเชื่อกูก่อนไหมไอเวรเอ้ย!!" มาคลินสบถด่าอดีตเพื่อนชายทันที เพราะดันฉายให้เห็นว่าเขาฟุบล้มลงก่อนที่รินเซ่ล้มตาม แต่ต้องตกใจกว่าตอนมีชายนิรนามแต่งกายคล้ายบอดี้การ์ดเอเดนมาลากพวกเขาเข้าห้องข้างๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการทำไปเพื่ออะไรและหวังจุดประสงค์ใด เอเดนมีคู่อริมากมายในแวดวงการมาเฟียเขากับรินเซ่เลยรับเคราะห์แทน ถึงยังไงไฟล์ภาพนี้จะไม่ถูกส่งไปอธิบายให้คู่กรณีรู้ เขาอยากสืบต่อไปอีกหน่อย ให้เรื่องมันแน่ชัดค่อยเปิดเผยไปเลย"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะริน เธอลืมเรื่องคืนนั้นไปได้ง่ายๆเชียวหรือ..." น้ำเสียงเข้มเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับนางแบบสาวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ส่งข้อความไป ปลายทางย่อมไม่สนใจตอบอะไรกลับมา ฝ่ามือหนาล้วงเอาขวดเหล้านอกในลิ้นชักออก จับเปิดฝากระดกดื่มยิ่งกว่ากระหายน้ำเปล่า รสชาติข
ผับ ADEN "เอ้า...ชนแก้วกันดิว่ะ" มาคลินส่งเสียงบอกอย่างครึกครื้น เมื่อวันที่รอคอย ของทุกคนมาถึง นั่นก็คือการเลี้ยงฉลองรับปริญญาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาและเอเดนรวมถึงรินเซ่ทั้งสามคนต่างยกแก้วเครื่องดื่มชนฉลอง ความสัมพันธ์สนิทกันตั้งแต่สมัยรั้วมัธยม จึงทำให้พวกเขาผูกพันธ์กัน ปานพี่น้องร่วมสายเลือด "เดนอย่ากินเยอะสิ เดี๋ยวขับรถไปส่งรินไม่ไหวนะ" รินเซ่เอ่ยบอกกับแฟนหนุ่ม พลางเอื้อมมือรั้งแขนแกร่งไว้ ท่ามกลางดวงตาคมของมาคลินชำเรืองมอง พร้อมซ่อนข้อความบางอย่างในใจแกร่งเธอตกลงคบกับเอเดนได้ไม่ถึงสองปีดีด้วยซ้ำ เพราะความสนิทสนมกันเนิ่นนาน จึงเกิดความรู้สึกรักกันและกัน ส่วนมาคลินคือเพื่อนชายแสนดีในกลุ่มคนนึง คอยดูแลเธอเรื่องเรียนเสมอมา "ไม่ต้องห่วงเดนหรอก นู้น..ดูไอคลินดิขนาดมันไม่ค่อยเที่ยวยังไม่เห็นเมาเลย" เอเดนพูดบอก เขาเป็นถึงเจ้าของผับจะคออ่อนก่อนคนอื่นได้ไง"ก็คนละคนกันไหมล่ะ" นางแบบสาวพึมพำราวน้อยใจเพียงไม่ถึงนาที ก็ฉีกยิ้มกว้าง จับแก้วตัวเองกระดกตามแม้ไม่ใช่คนคอแข็งเท่าไหร่นัก ไม่อยากให้ดูแตกต่างเพื่อนฝูง"เออดี...แมร่งเมาให้หมด แล้วมึงสั่งลูกน้องด้วยนะไอเดน ส่ง
ไม่กี่นาทีต่อมา_ "กูบอกให้ดูแลรินกับเพื่อนกูดีๆไง พวกมึงนี่นะแมร่งน่าโดนถีบฉิบหาย!" เอเดนเริ่มหัวเสียตอนกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่พบใครสักคนเดียว หลังไปเคลียร์สินค้าคู่กับเบนไม่ถึงชั่วโมงดี แม้อาการมึนเมาเริ่มมีพอประปราย เขายังอยากนั่งดื่มพูดคุยสนุกต่อ"เห็นพนักงานบอกว่าเดินไปที่ห้องนายนะครับ" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงบอก ก่อนหน้านี้เจอลูกค้าโต๊ะข้างๆดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยเข้าห้ามระงับเหตุ"เออๆ...รอบหน้าให้ไอเบนตัดเงินเดือนแมร่งเลย" ร่างสูงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ โบกมือไล่ในอากาศไปมา ก่อนสาวเท้ายาวไปตามทางห้องทำงาน จะมีเส้นทางพิเศษสำหรับเขาใช้คนเดียวไม่ปนกับลูกค้า"เดี๋ยวนี้ต้องมีมารยาทขนาดนี้ไหมว่ะ" เอเดนนึกหัวเราะเบาๆ เขายังเดินไม่ถึงห้องทำงานด้วยซ้ำ แต่ดันมีรองเท้าสองคู่วางเรียงกันหน้าห้องพักสำหรับพวกลูกค้าวีไอพี ทว่าใจแกร่งกลับรู้สึกตะหงิดถึงเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าส้นสูงคู่นี้เคยซื้อให้แฟนสาว แล้วด้านข้างคือรองเท้าหนังเพื่อนชายใส่ไซส์พอดีกันกับเขา"กูเมาไปป่าวว่ะ เอาใหม่ดิ!" สันมือหนาตบท้ายทอยใหญ่เรียกสติ ก้มลงเพ่งสายตาจดจ่อรองเท้าสองคู่หน้าห้องพัก ใจแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำรัว เขาไม่อยา
คอนโดรินเซ่ "เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" น้ำเสียงสุขุมของมาคลินถามขึ้น เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นจอดตรงด้านหน้าคอนโด เขารู้ว่าถึงยังไงเพื่อนสาวก็ไม่มีทางโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากออกห้องนั้นมาเอเดนสั่งลูกน้องไม่ให้พวกเขาเข้าหาอีกเลย"อืม" รินเซ่ตอบกลับ ทว่าเหมือนมีบางอย่างค้างคาในอก ใบหน้าสวยได้แต่ก้มมองสองมือบาง กำลังผสานตรงตักเล็กช่างความคิดอยู่ว่าสมควรพูดมันหรือไม่"มีอะไรหรือเปล่า เธอถามเรามาเถอะ" คนขับเลยหันมาถาม เหมือนระหว่างเขากับเธอกลายเป็นคนไม่รู้จักกันทันที ยิ่งกว่ามีกำแพงบางๆกั้นไว้ เหลือเพียงบรรยากาศอึดอัดแทรกกลาง"เราจะได้เจอเดนอีกไหมคลิน.." น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา เธอคิดถึงเพียงแต่คนรักพยามต่อสายหาอีกฝั่งไม่รับเลย ยิ่งการันตีความสัมพันธ์หลังจากนี้ ว่าเธอกับเขากำลังจะกลายเป็นคนอื่น"เจอสิ รอให้มันอารมณ์ดีขึ้นก่อน เดี๋ยวเราช่วยอธิบายได้" ใจแกร่งเขาก็เจ็บปวดจริงๆ ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ ฝ่ามือหนาไม่กล้าที่จะเอื้อมไปลูบผมสลวยปลอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเข้าใกล้อย่างสนิทสนม มันยากยิ่งต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์ทุกอย่างในข้ามคืน"งั้นเราไปนะ" ร่างอรชรเก็บรวบสายกระ
@ หนึ่งเดือนต่อมา กริ่ง~ กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของมาคลินดังขึ้นภายในห้องทำงาน ทำให้นักธุรกิจหนุ่มร่างสูงวางปากกาลงเลิกตาคมมองตามสัญชาตญาณ"ฮัลโหลครับ" มือหนาเอื้อมกดรับสายทันที เพราะเบอร์ที่โทรมาคือครอบครัวของรินเซ่ แม้ตอนนี้ต่างคนต่างมุ่งมั่นในการทำงาน จนปล่อยเรื่องคืนวันนั้นละเลือนไป ฝ่ายเอเดนเองหายเงียบอย่างกับไร้ตัวตน~คลินลูก...แม่ติดต่อรินไม่ได้เลย คลินได้เจอกับรินบ้างไหมลูก~ ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนใจ ท่านคือมารดารินเซ่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศเนื่องจากสามีเป็นคนอังกฤษ"ไม่ได้คุยเลยครับ เดี๋ยวผมลองโทรให้นะครับ" ยอมรับว่าใจแกร่งเกิดความรู้สึกเอนไหว ปิดแฟ้มเอกสารลงอย่างไร้ความหมาย หลังพยามทำตัวให้ยุ่งกับงานเพื่อแกล้งลืมคืนวันนั้นเช่นกัน~ตั้งแต่รินเลิกกับเอเดนไป แม่รู้นะว่ารินเสียใจขนาดไหน รินไม่ค่อยกลับคอนโดแถมผู้จัดการยังบอกว่าเธอเก็บตัวด้วย แม่เป็นห่วงรินเหลือเกินมาคลิน~ น้ำเสียงโทนอบอุ่นยังพูดอย่างกังวล"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวเลิกงานผมแวะไปหารินที่คอนโดแล้วผมจะโทรหาคุณอานะครับ" เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรู คาดคะเนความสำคัญระหว่างงานที่เหลือ~แม่ฝากคลินด้วยน
ชั่วโมงต่อมา_ "สั่งมาเต็มโต๊ะเลย กินให้หมดนะคลินเราไม่ไหวด้วยหรอก" นางแบบสาวเอ่ยบอก ท่าทางคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อคนตัวโตกว่าไม่ได้กลัวเขาเลย เธอช่วยเทอาหารจัดใส่จานมากมาย แต่สำหรับสองคนซึ่งมันไม่น่าจะทานหมด"หิวขนาดนี้ยังไงเราก็กินหมด เธอจะไปอาบน้ำก็ไปเถอะค่อยออกมากินก็ได้" มาคลินนั่งบนเก้าอี้บอก มุมโซนทานข้าวติดขอบกระจกเห็นวิวเบื้องล่างระยะไกล ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำสาดแสงสีส้มทอง ชวนว้าเหว่หัวใจแกร่งเต็มอัตรา"นานหน่อยนะ วันนี้เดินแบบมาหลายที่โดนประเคนเครื่องสำอางค์จนคันไปหมดตัวเลย" ร่างบางแสร้งทำทีคั่นเนื้อคั่นตัว ทั้งที่เธอรับได้เพียงงานเดียวตอนช่วงบ่ายเอง หลังดื่มหนักแล้วหลับไปแบบไม่รู้ตัว จนพักหลังๆเริ่มเสียงานเสียการ"อืม" เขามองเงาสะท้อนในกระจกเห็นตอนอีกฝ่ายเดินเข้าห้องนอน ร่างสูงรีบลุกขึ้นตรงไปหากองเอกสารบนโต๊ะข้างโซฟา มือหนาแทบกำกระดาษฉีกขาด ตอนอ่านดูแล้วพบว่าหญิงสาวกำลังจะไปเมืองนอกไร้กำหนดกลับในวันพรุ่งนี้"....." ใจแกร่งดั่งภูผาบีบรัดหนักหน่วง จุกแน่นไปทั่วลำคอหนาไร้เสียงเอื้อนเอ่ย เธอลืมเขาไม่คิดจะเอ่ยบอกอะไรสักคำ หากวันนี้ไม่ได้หามาคงไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะพบหน้า เปลือกตาคมเลื่อนป
"แค่เพื่อน?...แล้วอยากรู้ป่ะไอที่เป็นมากกว่าเพื่อนเขาทำยังไงกัน?" น้ำเสียงเข้มพูดกัดฟันกรอก บีบลำแขนเรียวแน่นด้วยอารมณ์โมโห ความรู้สึกเจ็บบนใบหน้าสวยไร้ความหมาย ตอนเห็นแววตากลมจ้องมองอย่างแข็งกร้าวยิ่งกว่าคนอื่นคนไกล "ปล่อยนะคลินเราเจ็บ แล้วก็กลับไปได้แล้วเราเหนื่อยไม่อยากทะเลาะด้วย" "คนที่เจ็บกว่าคือเรา! ไม่ใช่เธอเลยริน" คนตัวสูงรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความแข็งแรงรัดแน่นไม่ให้ดิ้นหนี ปลายเท้าแกร่งเตะถีบประตูห้องนอนเปิดกว้าง แล้วโยนคนในอกลงกลางเตียงไร้การเบาแรง"อึก!..ปล่อยนะจะทำอะไร อย่าคิดอะไรบ้าๆ! เราเป็นเพื่อนกันอย่าลืมสิคลิน!" รินเซ่เขยิบตัวร่นหนีแต่อีกฝ่ายก็กระโดดขึ้นคล่อมไล่เธอประชิดถึงหัวเตียง ไม่อาจต่อสู้ร่างกายกำยำหนีไปได้ เรี่ยวแรงน้อยนิดยิ่งมีแต่พ่ายแพ้"ใครว่ะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เราจะเสนอความเป็นผัวให้ไม่ดีหรือไง เอาให้หน่ำใจลืมผัวเก่าไปเลยดีไหมรินเซ่!" ฝ่ามือหนาบีบแก้มเนียนหันหน้าจ้องระยะใกล้เพียงข้างเดียว แล้วใช้อีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดออก เผยร่างกำยำของนักกีฬาระดับเหรียญทอง นัยน์ตาคมดูน่ากลัวจนทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ เธอริอาจลองดีจุดเพลิงไฟรนอารม
สวบ~"กรี๊ดดดด....จะเจ็บไม่เอาแล้วคลินเราเจ็บ...อื้อ" รินเซ่ปล่อยเสียงร้องอย่างทรมาน จนริมฝีปากหยักต้องผละออก ไม่ใช่แค่เธอรับรู้ถึงเยื่อบางๆขาดกระจุยเขาเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ยิ่งกว่าโดนทุบกระหน่ำใส่ท้องน้อย มันปวดร้าวไปรวดเดียวยากจะเก็บอาการ เรียวเล็บยาวจิกใส่แผงอกกว้าง มีรอยสักรูปหัวสิงโตสง่างามบนกล้ามเนื้ออันแข็งแรงระดับนักกีฬา ส่งผลให้ใบหน้าสวยเห่อแดง เป็นครั้งแรกได้ใกล้ชิดกายกำยำขนาดนี้"ไม่เคยเอากับไอเดนหรอ..หื้ม" ร่างกำยำชันกายขึ้นเล็กน้อย แขนข้างนึงค้ำไว้ระหว่างศรีษะเล็ก พลางก้มมองจุดเชื่อมต่อ รอยเลือดสีแดงสดกระเซ็นเต็มกล้ามท้องชายลามถึงแก่นกายชโลมเงา ยิ่งเขาใส่แรงขยับเขยื้อนมันยิ่งกระเด็นออกให้ประจักษ์ชัด"อย่ามาพูดถึงเดนแบบนี้!...นายมันนิสัยไม่ดีคลิน!" ดวงตาแข็งกร้าวมองอีกฝ่าย เขาหลอกล่อเธอได้สำเร็จจนไม่อาจถอนตัวทัน ใบหน้าสวยได้แต่เบือนมองไปด้านข้าง ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าที่ตราตรึงว่าใครสร้างมลทิน"อย่าว่าผัวตัวเองสิริน อย่างน้อยฉันก็เอาเธอได้นะ ดีกว่าไอเชี้ยนั่นขนาดไหน" นัยน์ตาคมดุดันจ้องมองคนใต้ล่าง เขาสอบสะโพกแกร่งใส่ร่องงามอย่างหนักหน่วง เลื่อนฝ่ามือหนาบีบขยุ้มเต้าอวบ เน
บ้านมาคลิน.........ช่วงค่ำ ขณะร่างสูงกำลังนั่งพิมพ์บางอย่างตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภายในห้องปิดไฟมืดสนิทราวกับต้องการสนใจตรงจุดเดียว ผ่านแว่นตากรอบสีดำหนากันแสงสีฟ้าทำลายระบบสายตา หลังจากพยามกู้ไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองมาหลายเดือน"มึงน่าจะเชื่อกูก่อนไหมไอเวรเอ้ย!!" มาคลินสบถด่าอดีตเพื่อนชายทันที เพราะดันฉายให้เห็นว่าเขาฟุบล้มลงก่อนที่รินเซ่ล้มตาม แต่ต้องตกใจกว่าตอนมีชายนิรนามแต่งกายคล้ายบอดี้การ์ดเอเดนมาลากพวกเขาเข้าห้องข้างๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการทำไปเพื่ออะไรและหวังจุดประสงค์ใด เอเดนมีคู่อริมากมายในแวดวงการมาเฟียเขากับรินเซ่เลยรับเคราะห์แทน ถึงยังไงไฟล์ภาพนี้จะไม่ถูกส่งไปอธิบายให้คู่กรณีรู้ เขาอยากสืบต่อไปอีกหน่อย ให้เรื่องมันแน่ชัดค่อยเปิดเผยไปเลย"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะริน เธอลืมเรื่องคืนนั้นไปได้ง่ายๆเชียวหรือ..." น้ำเสียงเข้มเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับนางแบบสาวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ส่งข้อความไป ปลายทางย่อมไม่สนใจตอบอะไรกลับมา ฝ่ามือหนาล้วงเอาขวดเหล้านอกในลิ้นชักออก จับเปิดฝากระดกดื่มยิ่งกว่ากระหายน้ำเปล่า รสชาติข
หลายวันต่อมา_ณ ประเทศอังกฤษ "เหนื่อยไหมริน พักก่อนดีไหมไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ไหนว่าจะมาเที่ยวไง" เป็นผู้จัดการคนสนิทต้องเอ่ยถาม รีบวิ่งไปช่วยจับชายกระโปรงตัวยาว ยามนางแบบสาวลงจากเวทีแฟชั่นโชว์ชื่อดัง เธอเล่นโหมรับงานแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ใบหน้าสวยแอบหมองคล้ำไปเล็กน้อยจนอดห่วงไม่ได้"เที่ยวไปด้วยหาเงินไปด้วยไม่ดีหรอพี่นาถ คืนนี้เราเหลืออีกงานนี่ อยู่ต่างประเทศเงินดีจะตายไป" ด้วยความที่เธอเป็นสาวลูกครึ่ง เค้าโครงใบหน้าคมแบบโซนเอเชียแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ชาวโซนตะวันตก เลยสร้างชื่อเสียงผ่านความสามารถแบรนด์เสื้อผ้าดังๆรีบคว้าตัวไว้"จะรวยก่อนหรือจะตายก่อนเอาดีๆนะริน แล้วช่วยเลิกดื่มด้วยนะคืนนี้ พี่ไม่แบกกลับคอนโดนะเราอยู่ตั้งไกล""จ้าคุณผู้จัดการ ดุกว่าแม่แท้ๆอีก" ร่างบางทิ้งกายบนเก้าอี้ก้มลงถอดส้นสูงกว่าห้านิ้วแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะธรรมดา รอยแดงช้ำรอบข้อเท้าไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออาชีพเธอเลย"เซไฮ..รินเซ่! เราเบนจามินยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า" ทว่าชายหนุ่มเชื้อชาติตะวันตกดันรีบวิ่งมาทักทาย ตอนนางแบบสาวกำลังจะลุกเดินเพื่อกลับที่พัก ชุดสูทดีประหนึ่งไฮโซจนทำให้สองหญิงสาวเหลียวมองหน้าปรึกษา
Merryweather bar ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของเสียงดนตรี รวมนักท่องราตรียามค่ำคืน ผู้คนมากมายล้วนสนุกสนานเหมือนได้ปลดปล่อยระบายเรื่องตึงเครียดตลอดวัน"มึงเป็นอะไรว่ะไอคลิน ดื่มหนักขนาดนี้มึงได้เมาก่อนนั่งชมบรรยากาศนะโว้ย" ฟรานเพื่อนชายเตือนอย่างหวังดี เขาพึ่งมาสนิทกับอีกฝ่ายได้ไม่นาน พอเห็นมาคลินยกดื่มแก้วเหล้าเอาเป็นเอาตาย จึงปัดมือออกห้ามไว้ก่อน"กูจะลืมคืนนี้ให้หมดแมร่งจริงๆ เป็นคนดีแล้วไม่ได้เชี้ยไรเลย!" มาคลินแย่งแก้วเหล้าใบเดิมมากระดกพรวดเดียว ต่อให้ใครมาห้ามตอนนี้ก็หยุดไม่ได้ ภาพของหญิงสาวยังมองเขาด้วยสายตาเฉยชา ตีตื้นฉายวนในหัวสมองราวกับตอกย้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมยังหลุดรุ่ยฟุ้งกลิ่นน้ำหอมละมุนชวนใจแกร่งเอนไหว"ใจเย็นๆดิว่ะ สาวคนไหนทำมึงมีอาการหนักขนาดนี้ ลองคนสวยๆของร้านไอเตนล์ดูไหม" ฟรานส่งสายตาหื่นกระหายไล่มองไปทางโซนสาวสวยนั่งคอยบริการลูกค้ามากมาย แต่ต้องรีบวกกลับมาสนใจเพื่อนชาย เพราะเขากำลังเดินหน้าจีบน้องสาวเขาอยู่"กูไม่มั่วหญิง มึงอยากได้ก็ไปเรียกเหอะ" นัยน์ตาคมมองผ่านต่างจากบุรุษคนอื่น เขามีหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจมาตลอดแต่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ และสถานะของเขาก็ไม่ควรได้พ
สวบ~"กรี๊ดดดด....จะเจ็บไม่เอาแล้วคลินเราเจ็บ...อื้อ" รินเซ่ปล่อยเสียงร้องอย่างทรมาน จนริมฝีปากหยักต้องผละออก ไม่ใช่แค่เธอรับรู้ถึงเยื่อบางๆขาดกระจุยเขาเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ยิ่งกว่าโดนทุบกระหน่ำใส่ท้องน้อย มันปวดร้าวไปรวดเดียวยากจะเก็บอาการ เรียวเล็บยาวจิกใส่แผงอกกว้าง มีรอยสักรูปหัวสิงโตสง่างามบนกล้ามเนื้ออันแข็งแรงระดับนักกีฬา ส่งผลให้ใบหน้าสวยเห่อแดง เป็นครั้งแรกได้ใกล้ชิดกายกำยำขนาดนี้"ไม่เคยเอากับไอเดนหรอ..หื้ม" ร่างกำยำชันกายขึ้นเล็กน้อย แขนข้างนึงค้ำไว้ระหว่างศรีษะเล็ก พลางก้มมองจุดเชื่อมต่อ รอยเลือดสีแดงสดกระเซ็นเต็มกล้ามท้องชายลามถึงแก่นกายชโลมเงา ยิ่งเขาใส่แรงขยับเขยื้อนมันยิ่งกระเด็นออกให้ประจักษ์ชัด"อย่ามาพูดถึงเดนแบบนี้!...นายมันนิสัยไม่ดีคลิน!" ดวงตาแข็งกร้าวมองอีกฝ่าย เขาหลอกล่อเธอได้สำเร็จจนไม่อาจถอนตัวทัน ใบหน้าสวยได้แต่เบือนมองไปด้านข้าง ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าที่ตราตรึงว่าใครสร้างมลทิน"อย่าว่าผัวตัวเองสิริน อย่างน้อยฉันก็เอาเธอได้นะ ดีกว่าไอเชี้ยนั่นขนาดไหน" นัยน์ตาคมดุดันจ้องมองคนใต้ล่าง เขาสอบสะโพกแกร่งใส่ร่องงามอย่างหนักหน่วง เลื่อนฝ่ามือหนาบีบขยุ้มเต้าอวบ เน
"แค่เพื่อน?...แล้วอยากรู้ป่ะไอที่เป็นมากกว่าเพื่อนเขาทำยังไงกัน?" น้ำเสียงเข้มพูดกัดฟันกรอก บีบลำแขนเรียวแน่นด้วยอารมณ์โมโห ความรู้สึกเจ็บบนใบหน้าสวยไร้ความหมาย ตอนเห็นแววตากลมจ้องมองอย่างแข็งกร้าวยิ่งกว่าคนอื่นคนไกล "ปล่อยนะคลินเราเจ็บ แล้วก็กลับไปได้แล้วเราเหนื่อยไม่อยากทะเลาะด้วย" "คนที่เจ็บกว่าคือเรา! ไม่ใช่เธอเลยริน" คนตัวสูงรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความแข็งแรงรัดแน่นไม่ให้ดิ้นหนี ปลายเท้าแกร่งเตะถีบประตูห้องนอนเปิดกว้าง แล้วโยนคนในอกลงกลางเตียงไร้การเบาแรง"อึก!..ปล่อยนะจะทำอะไร อย่าคิดอะไรบ้าๆ! เราเป็นเพื่อนกันอย่าลืมสิคลิน!" รินเซ่เขยิบตัวร่นหนีแต่อีกฝ่ายก็กระโดดขึ้นคล่อมไล่เธอประชิดถึงหัวเตียง ไม่อาจต่อสู้ร่างกายกำยำหนีไปได้ เรี่ยวแรงน้อยนิดยิ่งมีแต่พ่ายแพ้"ใครว่ะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เราจะเสนอความเป็นผัวให้ไม่ดีหรือไง เอาให้หน่ำใจลืมผัวเก่าไปเลยดีไหมรินเซ่!" ฝ่ามือหนาบีบแก้มเนียนหันหน้าจ้องระยะใกล้เพียงข้างเดียว แล้วใช้อีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดออก เผยร่างกำยำของนักกีฬาระดับเหรียญทอง นัยน์ตาคมดูน่ากลัวจนทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ เธอริอาจลองดีจุดเพลิงไฟรนอารม
ชั่วโมงต่อมา_ "สั่งมาเต็มโต๊ะเลย กินให้หมดนะคลินเราไม่ไหวด้วยหรอก" นางแบบสาวเอ่ยบอก ท่าทางคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อคนตัวโตกว่าไม่ได้กลัวเขาเลย เธอช่วยเทอาหารจัดใส่จานมากมาย แต่สำหรับสองคนซึ่งมันไม่น่าจะทานหมด"หิวขนาดนี้ยังไงเราก็กินหมด เธอจะไปอาบน้ำก็ไปเถอะค่อยออกมากินก็ได้" มาคลินนั่งบนเก้าอี้บอก มุมโซนทานข้าวติดขอบกระจกเห็นวิวเบื้องล่างระยะไกล ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำสาดแสงสีส้มทอง ชวนว้าเหว่หัวใจแกร่งเต็มอัตรา"นานหน่อยนะ วันนี้เดินแบบมาหลายที่โดนประเคนเครื่องสำอางค์จนคันไปหมดตัวเลย" ร่างบางแสร้งทำทีคั่นเนื้อคั่นตัว ทั้งที่เธอรับได้เพียงงานเดียวตอนช่วงบ่ายเอง หลังดื่มหนักแล้วหลับไปแบบไม่รู้ตัว จนพักหลังๆเริ่มเสียงานเสียการ"อืม" เขามองเงาสะท้อนในกระจกเห็นตอนอีกฝ่ายเดินเข้าห้องนอน ร่างสูงรีบลุกขึ้นตรงไปหากองเอกสารบนโต๊ะข้างโซฟา มือหนาแทบกำกระดาษฉีกขาด ตอนอ่านดูแล้วพบว่าหญิงสาวกำลังจะไปเมืองนอกไร้กำหนดกลับในวันพรุ่งนี้"....." ใจแกร่งดั่งภูผาบีบรัดหนักหน่วง จุกแน่นไปทั่วลำคอหนาไร้เสียงเอื้อนเอ่ย เธอลืมเขาไม่คิดจะเอ่ยบอกอะไรสักคำ หากวันนี้ไม่ได้หามาคงไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะพบหน้า เปลือกตาคมเลื่อนป
@ หนึ่งเดือนต่อมา กริ่ง~ กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของมาคลินดังขึ้นภายในห้องทำงาน ทำให้นักธุรกิจหนุ่มร่างสูงวางปากกาลงเลิกตาคมมองตามสัญชาตญาณ"ฮัลโหลครับ" มือหนาเอื้อมกดรับสายทันที เพราะเบอร์ที่โทรมาคือครอบครัวของรินเซ่ แม้ตอนนี้ต่างคนต่างมุ่งมั่นในการทำงาน จนปล่อยเรื่องคืนวันนั้นละเลือนไป ฝ่ายเอเดนเองหายเงียบอย่างกับไร้ตัวตน~คลินลูก...แม่ติดต่อรินไม่ได้เลย คลินได้เจอกับรินบ้างไหมลูก~ ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนใจ ท่านคือมารดารินเซ่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศเนื่องจากสามีเป็นคนอังกฤษ"ไม่ได้คุยเลยครับ เดี๋ยวผมลองโทรให้นะครับ" ยอมรับว่าใจแกร่งเกิดความรู้สึกเอนไหว ปิดแฟ้มเอกสารลงอย่างไร้ความหมาย หลังพยามทำตัวให้ยุ่งกับงานเพื่อแกล้งลืมคืนวันนั้นเช่นกัน~ตั้งแต่รินเลิกกับเอเดนไป แม่รู้นะว่ารินเสียใจขนาดไหน รินไม่ค่อยกลับคอนโดแถมผู้จัดการยังบอกว่าเธอเก็บตัวด้วย แม่เป็นห่วงรินเหลือเกินมาคลิน~ น้ำเสียงโทนอบอุ่นยังพูดอย่างกังวล"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวเลิกงานผมแวะไปหารินที่คอนโดแล้วผมจะโทรหาคุณอานะครับ" เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรู คาดคะเนความสำคัญระหว่างงานที่เหลือ~แม่ฝากคลินด้วยน
คอนโดรินเซ่ "เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" น้ำเสียงสุขุมของมาคลินถามขึ้น เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นจอดตรงด้านหน้าคอนโด เขารู้ว่าถึงยังไงเพื่อนสาวก็ไม่มีทางโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากออกห้องนั้นมาเอเดนสั่งลูกน้องไม่ให้พวกเขาเข้าหาอีกเลย"อืม" รินเซ่ตอบกลับ ทว่าเหมือนมีบางอย่างค้างคาในอก ใบหน้าสวยได้แต่ก้มมองสองมือบาง กำลังผสานตรงตักเล็กช่างความคิดอยู่ว่าสมควรพูดมันหรือไม่"มีอะไรหรือเปล่า เธอถามเรามาเถอะ" คนขับเลยหันมาถาม เหมือนระหว่างเขากับเธอกลายเป็นคนไม่รู้จักกันทันที ยิ่งกว่ามีกำแพงบางๆกั้นไว้ เหลือเพียงบรรยากาศอึดอัดแทรกกลาง"เราจะได้เจอเดนอีกไหมคลิน.." น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา เธอคิดถึงเพียงแต่คนรักพยามต่อสายหาอีกฝั่งไม่รับเลย ยิ่งการันตีความสัมพันธ์หลังจากนี้ ว่าเธอกับเขากำลังจะกลายเป็นคนอื่น"เจอสิ รอให้มันอารมณ์ดีขึ้นก่อน เดี๋ยวเราช่วยอธิบายได้" ใจแกร่งเขาก็เจ็บปวดจริงๆ ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ ฝ่ามือหนาไม่กล้าที่จะเอื้อมไปลูบผมสลวยปลอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเข้าใกล้อย่างสนิทสนม มันยากยิ่งต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์ทุกอย่างในข้ามคืน"งั้นเราไปนะ" ร่างอรชรเก็บรวบสายกระ
ไม่กี่นาทีต่อมา_ "กูบอกให้ดูแลรินกับเพื่อนกูดีๆไง พวกมึงนี่นะแมร่งน่าโดนถีบฉิบหาย!" เอเดนเริ่มหัวเสียตอนกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่พบใครสักคนเดียว หลังไปเคลียร์สินค้าคู่กับเบนไม่ถึงชั่วโมงดี แม้อาการมึนเมาเริ่มมีพอประปราย เขายังอยากนั่งดื่มพูดคุยสนุกต่อ"เห็นพนักงานบอกว่าเดินไปที่ห้องนายนะครับ" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงบอก ก่อนหน้านี้เจอลูกค้าโต๊ะข้างๆดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยเข้าห้ามระงับเหตุ"เออๆ...รอบหน้าให้ไอเบนตัดเงินเดือนแมร่งเลย" ร่างสูงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ โบกมือไล่ในอากาศไปมา ก่อนสาวเท้ายาวไปตามทางห้องทำงาน จะมีเส้นทางพิเศษสำหรับเขาใช้คนเดียวไม่ปนกับลูกค้า"เดี๋ยวนี้ต้องมีมารยาทขนาดนี้ไหมว่ะ" เอเดนนึกหัวเราะเบาๆ เขายังเดินไม่ถึงห้องทำงานด้วยซ้ำ แต่ดันมีรองเท้าสองคู่วางเรียงกันหน้าห้องพักสำหรับพวกลูกค้าวีไอพี ทว่าใจแกร่งกลับรู้สึกตะหงิดถึงเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าส้นสูงคู่นี้เคยซื้อให้แฟนสาว แล้วด้านข้างคือรองเท้าหนังเพื่อนชายใส่ไซส์พอดีกันกับเขา"กูเมาไปป่าวว่ะ เอาใหม่ดิ!" สันมือหนาตบท้ายทอยใหญ่เรียกสติ ก้มลงเพ่งสายตาจดจ่อรองเท้าสองคู่หน้าห้องพัก ใจแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำรัว เขาไม่อยา