Merryweather bar
ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของเสียงดนตรี รวมนักท่องราตรียามค่ำคืน ผู้คนมากมายล้วนสนุกสนานเหมือนได้ปลดปล่อยระบายเรื่องตึงเครียดตลอดวัน
"มึงเป็นอะไรว่ะไอคลิน ดื่มหนักขนาดนี้มึงได้เมาก่อนนั่งชมบรรยากาศนะโว้ย" ฟรานเพื่อนชายเตือนอย่างหวังดี เขาพึ่งมาสนิทกับอีกฝ่ายได้ไม่นาน พอเห็นมาคลินยกดื่มแก้วเหล้าเอาเป็นเอาตาย จึงปัดมือออกห้ามไว้ก่อน
"กูจะลืมคืนนี้ให้หมดแมร่งจริงๆ เป็นคนดีแล้วไม่ได้เชี้ยไรเลย!" มาคลินแย่งแก้วเหล้าใบเดิมมากระดกพรวดเดียว ต่อให้ใครมาห้ามตอนนี้ก็หยุดไม่ได้
ภาพของหญิงสาวยังมองเขาด้วยสายตาเฉยชา ตีตื้นฉายวนในหัวสมองราวกับตอกย้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมยังหลุดรุ่ยฟุ้งกลิ่นน้ำหอมละมุนชวนใจแกร่งเอนไหว"ใจเย็นๆดิว่ะ สาวคนไหนทำมึงมีอาการหนักขนาดนี้ ลองคนสวยๆของร้านไอเตนล์ดูไหม" ฟรานส่งสายตาหื่นกระหายไล่มองไปทางโซนสาวสวยนั่งคอยบริการลูกค้ามากมาย แต่ต้องรีบวกกลับมาสนใจเพื่อนชาย เพราะเขากำลังเดินหน้าจีบน้องสาวเขาอยู่
"กูไม่มั่วหญิง มึงอยากได้ก็ไปเรียกเหอะ" นัยน์ตาคมมองผ่านต่างจากบุรุษคนอื่น เขามีหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจมาตลอดแต่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ และสถานะของเขาก็ไม่ควรได้พูดบอกไป
"ไม่ว่ะ เดี๋ยวน้องพลอยรู้กูจะดูไม่ดี" เขาแสร้งพูดเอาใจพี่ชายเธอ รู้ทั้งรู้ว่ามาคลินไม่ได้สนใจน้องสาวเลยสักนิด ปล่อยเวลาส่วนตัวที่มาคนเดียวค่อยควงพีอาร์สวยๆ กลับไปปรนเปรอต่อที่โรงแรม
"บอกกูเพื่อไรว่ะ กูไม่ได้อยากรู้เรื่องคนอื่นไปซะทุกเรื่อง แค่ตอนนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม" ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแดงก่ำสลับกับสูบบุหรี่รับสารนิโคตินอย่างหนัก จนไม่เหลือเค้าโครงนักธุรกิจมาดเนียบ เขาไม่สนใจจะรักษาภาพลักษณ์มันเลย
"เออ กูเรียกเด็กมาเติมเหล้าให้ แต่มึงต้องรีบกลับนะเว้ยพรุ่งนี้บริษัทประชุมเช้า เดี๋ยวมึงได้โดนบ่นอีก"
"เออ" เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงดีก็จะเช้าวันใหม่ เขายังจำกำหนดเดินทางไปต่างประเทศของรินเซ่ได้ หากเธอเลือกแล้วเขาคงต้องปล่อยไป ขืนรั้งไว้มันจะมีประโยชน์อะไรต่อ
@ เช้าวันใหม่
ณ สนามบินปริปัจน์ "พี่นาถเอกสารของรินอยู่ไหนคะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยถามกับผู้จัดการส่วนตัว อายุอีกฝ่ายโตกว่าไม่กี่ปีเลยค่อนข้างสนิทกันร่วมงานมานาน ขณะที่กำลังส่งสัมภาระมากมายให้เจ้าหน้าที่ เตรียมขึ้นเครื่องบินตอนถึงเวลา รินเซ่จับแว่นตากันแดดสีดำแบรนด์ดังกระชับเข้าที่ ดึงปลายหมวกแก๊ปปกปิดใบหน้าสวย ในสถานที่เปิดกว้างย่อมมีนักข่าวซุ่มตัวรอทำข่าวซุบซิบแวดวงบรรเทิง เธออยากให้การเดินทางครั้งนี้ไปเงียบที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องงานแต่มันรวมเรื่องส่วนตัวพร้อมกัน"เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้เองนะ เรารีบไปนั่งรอเถอะเดี๋ยวมีใครเห็นแล้วจะยุ่งอีก" นาถรับหน้าที่ปกป้องนางแบบสาว เอื้อมมือดันแผ่นหลังบางให้เธอเดินเข้าชั้นโดยสาร ที่เชื่อมต่อกับทางขึ้นเครื่องระดับเฟิร์สคลาสเน้นความเป็นส่วนสูงสุด
พอรู้เรื่องคร่าวๆว่าทำไมเธอถึงอยากรับงานต่างประเทศนัก แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ทำลายความรู้สึกอีกฝ่าย"โอเค แล้วรีบตามไปนะ" ร่างบางรีบเดินไปตามที่ผู้จัดการบอก เธอจะทิ้งเรื่องราวทั้งหมดไว้ที่นี่ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศรวมถึงค่ำคืนอันแสนข่มขืนของเมื่อวานด้วย ปล่อยกาลเวลาเป็นตัวช่วยลบลืม
@บริษัท Makin
ณ ห้องรองประธานก็อก ก็อก! "เข้ามาได้" น้ำเสียงเข้มเจ้าของห้องรีบบอกอนุญาต หลังจิตใจว้าวุ่นเพราะความอยากรู้ ไม่เป็นอันสนใจงานเอกสารสำคัญ ร่างสูงสง่ามาดตำแหน่งรองประธานเลื่อนวางปากกาในมือลงเพ่งมองประตูทางเข้า"นายครับ เที่ยวบินไปอังกฤษออกเดินทางแล้วนะครับ" เมฆรับหน้าที่ผู้ช่วยชาย เร่งรายงานตามที่เขาสืบมาแค่เจ้านายออกคำสั่ง เขาไม่เคยทำผิดพลาดสักประการ ด้วยวัยอายุไล่เลี่ยกับเจ้านายเลยค่อนข้างรู้ความคิดไปเสียหมด
"อืม...ไปทำงานต่อเถอะ" ใบหน้าหล่อเหลาหันมองทางหน้าต่างกระจกใส ตึกสูงระฟ้าเห็นระยะไกล มีเครื่องบินแล่นขึ้นสู่ห้วงชั้นบรรยากาศ ใจแกร่งมันเจ็บปวดรวดร้าวแต่ไม่อาจแสดงอาการให้ใครเห็นได้ ทุกอย่างช่างตอกย้ำว่าเขาไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้จริงๆ
แอ๊ด~~ แต่ยังไม่ทันไรประตูเลื่อนก็เปิดกว้างใหม่อีกครั้ง เป็นบิดากำลังเยื้องกรายเข้ามา มาดท่านประธานน่าเกรงขามทำให้เมฆต้องรีบก้มทำความเคารพก่อนออกไป บุคคลในห้องต้องรีบสับเปลี่ยนอารมณ์ทันที เพราะกลัวว่าทศพลจะเป็นห่วงหลังเหลือท่านคนเดียวแล้ว
"ประชุมวันนี้เป็นยังไงบ้างตาคลิน โปรเจคที่เรานำเสนอพ่อว่าดีมากเลยนะ" ทศพลเอ่ยชื่นชมบุตรชายคนโตอย่างภาคภูมิใจ ตรงมาทิ้งกายนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเจ้าของห้อง
ตั้งแต่มาคลินเข้ามาช่วยงานบริหารดูทุกอย่างจะราบรื่นและหุ้นทุกไตรมาสกอบโกยกำไรได้งาม เขาเริ่มอยากไปพักผ่อน ปล่อยคนหนุ่มไฟแรงได้ทำงานต่อ"ถ้าพ่อไม่ติดอะไร ผมส่งทีมออกแบบเริ่มงานเลยนะครับ" น้ำเสียงเข้มรีบบอก มุมปากหยักกระตุกยิ้มร้าย เขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้บริษัทคู่แข่งอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน
"เอาสิลูก ถ้าคลินเริ่มทำสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็ว อีกไม่นานได้ขึ้นรับตำแหน่งประธานได้แน่"
"มันจะไม่เร็วไปหรอครับ ถ้าไม่มีท่านประธานอยู่สอนงานแล้วผมจะแย่เอานะ" ใบหน้าหล่อเหลาฝืนยิ้มออก ปฏิเสธอารมณ์ดิ่งในใจ ฝ่ามือหนารีบเลื่อนปิดลิ้นชัก ที่ซ่อนรูปของใครบางคนเต็มไปหมด
"ฮ่าๆ เราโตขนาดนี้แล้วตาคลิน แต่เอาเถอะพ่อจะอยู่ดูเราไปก่อนก็ได้" ชายวัยกลางคนหลุดหัวเราะพอใจ ท่านแอบกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะไม่ได้มีแค่ลูกชายคนเดียว ถึงมาคลินไม่ยอมรับน้องสาวต่างมารดา
"ให้ได้อย่างนี้สิครับ เที่ยงนี้ผมขอเลี้ยงข้าวท่านประธานแล้วกัน กินคนเดียวคงไม่อร่อยแน่"
"ได้..พ่อไม่ขัดเราอยู่แล้ว"
.................................................
หลายวันต่อมา_ณ ประเทศอังกฤษ "เหนื่อยไหมริน พักก่อนดีไหมไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ไหนว่าจะมาเที่ยวไง" เป็นผู้จัดการคนสนิทต้องเอ่ยถาม รีบวิ่งไปช่วยจับชายกระโปรงตัวยาว ยามนางแบบสาวลงจากเวทีแฟชั่นโชว์ชื่อดัง เธอเล่นโหมรับงานแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ใบหน้าสวยแอบหมองคล้ำไปเล็กน้อยจนอดห่วงไม่ได้"เที่ยวไปด้วยหาเงินไปด้วยไม่ดีหรอพี่นาถ คืนนี้เราเหลืออีกงานนี่ อยู่ต่างประเทศเงินดีจะตายไป" ด้วยความที่เธอเป็นสาวลูกครึ่ง เค้าโครงใบหน้าคมแบบโซนเอเชียแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ชาวโซนตะวันตก เลยสร้างชื่อเสียงผ่านความสามารถแบรนด์เสื้อผ้าดังๆรีบคว้าตัวไว้"จะรวยก่อนหรือจะตายก่อนเอาดีๆนะริน แล้วช่วยเลิกดื่มด้วยนะคืนนี้ พี่ไม่แบกกลับคอนโดนะเราอยู่ตั้งไกล""จ้าคุณผู้จัดการ ดุกว่าแม่แท้ๆอีก" ร่างบางทิ้งกายบนเก้าอี้ก้มลงถอดส้นสูงกว่าห้านิ้วแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะธรรมดา รอยแดงช้ำรอบข้อเท้าไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออาชีพเธอเลย"เซไฮ..รินเซ่! เราเบนจามินยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า" ทว่าชายหนุ่มเชื้อชาติตะวันตกดันรีบวิ่งมาทักทาย ตอนนางแบบสาวกำลังจะลุกเดินเพื่อกลับที่พัก ชุดสูทดีประหนึ่งไฮโซจนทำให้สองหญิงสาวเหลียวมองหน้าปรึกษา
บ้านมาคลิน.........ช่วงค่ำ ขณะร่างสูงกำลังนั่งพิมพ์บางอย่างตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภายในห้องปิดไฟมืดสนิทราวกับต้องการสนใจตรงจุดเดียว ผ่านแว่นตากรอบสีดำหนากันแสงสีฟ้าทำลายระบบสายตา หลังจากพยามกู้ไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองมาหลายเดือน"มึงน่าจะเชื่อกูก่อนไหมไอเวรเอ้ย!!" มาคลินสบถด่าอดีตเพื่อนชายทันที เพราะดันฉายให้เห็นว่าเขาฟุบล้มลงก่อนที่รินเซ่ล้มตาม แต่ต้องตกใจกว่าตอนมีชายนิรนามแต่งกายคล้ายบอดี้การ์ดเอเดนมาลากพวกเขาเข้าห้องข้างๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการทำไปเพื่ออะไรและหวังจุดประสงค์ใด เอเดนมีคู่อริมากมายในแวดวงการมาเฟียเขากับรินเซ่เลยรับเคราะห์แทน ถึงยังไงไฟล์ภาพนี้จะไม่ถูกส่งไปอธิบายให้คู่กรณีรู้ เขาอยากสืบต่อไปอีกหน่อย ให้เรื่องมันแน่ชัดค่อยเปิดเผยไปเลย"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะริน เธอลืมเรื่องคืนนั้นไปได้ง่ายๆเชียวหรือ..." น้ำเสียงเข้มเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับนางแบบสาวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ส่งข้อความไป ปลายทางย่อมไม่สนใจตอบอะไรกลับมา ฝ่ามือหนาล้วงเอาขวดเหล้านอกในลิ้นชักออก จับเปิดฝากระดกดื่มยิ่งกว่ากระหายน้ำเปล่า รสชาติข
ผับ ADEN "เอ้า...ชนแก้วกันดิว่ะ" มาคลินส่งเสียงบอกอย่างครึกครื้น เมื่อวันที่รอคอย ของทุกคนมาถึง นั่นก็คือการเลี้ยงฉลองรับปริญญาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาและเอเดนรวมถึงรินเซ่ทั้งสามคนต่างยกแก้วเครื่องดื่มชนฉลอง ความสัมพันธ์สนิทกันตั้งแต่สมัยรั้วมัธยม จึงทำให้พวกเขาผูกพันธ์กัน ปานพี่น้องร่วมสายเลือด "เดนอย่ากินเยอะสิ เดี๋ยวขับรถไปส่งรินไม่ไหวนะ" รินเซ่เอ่ยบอกกับแฟนหนุ่ม พลางเอื้อมมือรั้งแขนแกร่งไว้ ท่ามกลางดวงตาคมของมาคลินชำเรืองมอง พร้อมซ่อนข้อความบางอย่างในใจแกร่งเธอตกลงคบกับเอเดนได้ไม่ถึงสองปีดีด้วยซ้ำ เพราะความสนิทสนมกันเนิ่นนาน จึงเกิดความรู้สึกรักกันและกัน ส่วนมาคลินคือเพื่อนชายแสนดีในกลุ่มคนนึง คอยดูแลเธอเรื่องเรียนเสมอมา "ไม่ต้องห่วงเดนหรอก นู้น..ดูไอคลินดิขนาดมันไม่ค่อยเที่ยวยังไม่เห็นเมาเลย" เอเดนพูดบอก เขาเป็นถึงเจ้าของผับจะคออ่อนก่อนคนอื่นได้ไง"ก็คนละคนกันไหมล่ะ" นางแบบสาวพึมพำราวน้อยใจเพียงไม่ถึงนาที ก็ฉีกยิ้มกว้าง จับแก้วตัวเองกระดกตามแม้ไม่ใช่คนคอแข็งเท่าไหร่นัก ไม่อยากให้ดูแตกต่างเพื่อนฝูง"เออดี...แมร่งเมาให้หมด แล้วมึงสั่งลูกน้องด้วยนะไอเดน ส่ง
ไม่กี่นาทีต่อมา_ "กูบอกให้ดูแลรินกับเพื่อนกูดีๆไง พวกมึงนี่นะแมร่งน่าโดนถีบฉิบหาย!" เอเดนเริ่มหัวเสียตอนกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่พบใครสักคนเดียว หลังไปเคลียร์สินค้าคู่กับเบนไม่ถึงชั่วโมงดี แม้อาการมึนเมาเริ่มมีพอประปราย เขายังอยากนั่งดื่มพูดคุยสนุกต่อ"เห็นพนักงานบอกว่าเดินไปที่ห้องนายนะครับ" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงบอก ก่อนหน้านี้เจอลูกค้าโต๊ะข้างๆดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยเข้าห้ามระงับเหตุ"เออๆ...รอบหน้าให้ไอเบนตัดเงินเดือนแมร่งเลย" ร่างสูงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ โบกมือไล่ในอากาศไปมา ก่อนสาวเท้ายาวไปตามทางห้องทำงาน จะมีเส้นทางพิเศษสำหรับเขาใช้คนเดียวไม่ปนกับลูกค้า"เดี๋ยวนี้ต้องมีมารยาทขนาดนี้ไหมว่ะ" เอเดนนึกหัวเราะเบาๆ เขายังเดินไม่ถึงห้องทำงานด้วยซ้ำ แต่ดันมีรองเท้าสองคู่วางเรียงกันหน้าห้องพักสำหรับพวกลูกค้าวีไอพี ทว่าใจแกร่งกลับรู้สึกตะหงิดถึงเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าส้นสูงคู่นี้เคยซื้อให้แฟนสาว แล้วด้านข้างคือรองเท้าหนังเพื่อนชายใส่ไซส์พอดีกันกับเขา"กูเมาไปป่าวว่ะ เอาใหม่ดิ!" สันมือหนาตบท้ายทอยใหญ่เรียกสติ ก้มลงเพ่งสายตาจดจ่อรองเท้าสองคู่หน้าห้องพัก ใจแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำรัว เขาไม่อยา
คอนโดรินเซ่ "เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" น้ำเสียงสุขุมของมาคลินถามขึ้น เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นจอดตรงด้านหน้าคอนโด เขารู้ว่าถึงยังไงเพื่อนสาวก็ไม่มีทางโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากออกห้องนั้นมาเอเดนสั่งลูกน้องไม่ให้พวกเขาเข้าหาอีกเลย"อืม" รินเซ่ตอบกลับ ทว่าเหมือนมีบางอย่างค้างคาในอก ใบหน้าสวยได้แต่ก้มมองสองมือบาง กำลังผสานตรงตักเล็กช่างความคิดอยู่ว่าสมควรพูดมันหรือไม่"มีอะไรหรือเปล่า เธอถามเรามาเถอะ" คนขับเลยหันมาถาม เหมือนระหว่างเขากับเธอกลายเป็นคนไม่รู้จักกันทันที ยิ่งกว่ามีกำแพงบางๆกั้นไว้ เหลือเพียงบรรยากาศอึดอัดแทรกกลาง"เราจะได้เจอเดนอีกไหมคลิน.." น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา เธอคิดถึงเพียงแต่คนรักพยามต่อสายหาอีกฝั่งไม่รับเลย ยิ่งการันตีความสัมพันธ์หลังจากนี้ ว่าเธอกับเขากำลังจะกลายเป็นคนอื่น"เจอสิ รอให้มันอารมณ์ดีขึ้นก่อน เดี๋ยวเราช่วยอธิบายได้" ใจแกร่งเขาก็เจ็บปวดจริงๆ ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ ฝ่ามือหนาไม่กล้าที่จะเอื้อมไปลูบผมสลวยปลอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเข้าใกล้อย่างสนิทสนม มันยากยิ่งต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์ทุกอย่างในข้ามคืน"งั้นเราไปนะ" ร่างอรชรเก็บรวบสายกระ
@ หนึ่งเดือนต่อมา กริ่ง~ กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของมาคลินดังขึ้นภายในห้องทำงาน ทำให้นักธุรกิจหนุ่มร่างสูงวางปากกาลงเลิกตาคมมองตามสัญชาตญาณ"ฮัลโหลครับ" มือหนาเอื้อมกดรับสายทันที เพราะเบอร์ที่โทรมาคือครอบครัวของรินเซ่ แม้ตอนนี้ต่างคนต่างมุ่งมั่นในการทำงาน จนปล่อยเรื่องคืนวันนั้นละเลือนไป ฝ่ายเอเดนเองหายเงียบอย่างกับไร้ตัวตน~คลินลูก...แม่ติดต่อรินไม่ได้เลย คลินได้เจอกับรินบ้างไหมลูก~ ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนใจ ท่านคือมารดารินเซ่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศเนื่องจากสามีเป็นคนอังกฤษ"ไม่ได้คุยเลยครับ เดี๋ยวผมลองโทรให้นะครับ" ยอมรับว่าใจแกร่งเกิดความรู้สึกเอนไหว ปิดแฟ้มเอกสารลงอย่างไร้ความหมาย หลังพยามทำตัวให้ยุ่งกับงานเพื่อแกล้งลืมคืนวันนั้นเช่นกัน~ตั้งแต่รินเลิกกับเอเดนไป แม่รู้นะว่ารินเสียใจขนาดไหน รินไม่ค่อยกลับคอนโดแถมผู้จัดการยังบอกว่าเธอเก็บตัวด้วย แม่เป็นห่วงรินเหลือเกินมาคลิน~ น้ำเสียงโทนอบอุ่นยังพูดอย่างกังวล"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวเลิกงานผมแวะไปหารินที่คอนโดแล้วผมจะโทรหาคุณอานะครับ" เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรู คาดคะเนความสำคัญระหว่างงานที่เหลือ~แม่ฝากคลินด้วยน
ชั่วโมงต่อมา_ "สั่งมาเต็มโต๊ะเลย กินให้หมดนะคลินเราไม่ไหวด้วยหรอก" นางแบบสาวเอ่ยบอก ท่าทางคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อคนตัวโตกว่าไม่ได้กลัวเขาเลย เธอช่วยเทอาหารจัดใส่จานมากมาย แต่สำหรับสองคนซึ่งมันไม่น่าจะทานหมด"หิวขนาดนี้ยังไงเราก็กินหมด เธอจะไปอาบน้ำก็ไปเถอะค่อยออกมากินก็ได้" มาคลินนั่งบนเก้าอี้บอก มุมโซนทานข้าวติดขอบกระจกเห็นวิวเบื้องล่างระยะไกล ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำสาดแสงสีส้มทอง ชวนว้าเหว่หัวใจแกร่งเต็มอัตรา"นานหน่อยนะ วันนี้เดินแบบมาหลายที่โดนประเคนเครื่องสำอางค์จนคันไปหมดตัวเลย" ร่างบางแสร้งทำทีคั่นเนื้อคั่นตัว ทั้งที่เธอรับได้เพียงงานเดียวตอนช่วงบ่ายเอง หลังดื่มหนักแล้วหลับไปแบบไม่รู้ตัว จนพักหลังๆเริ่มเสียงานเสียการ"อืม" เขามองเงาสะท้อนในกระจกเห็นตอนอีกฝ่ายเดินเข้าห้องนอน ร่างสูงรีบลุกขึ้นตรงไปหากองเอกสารบนโต๊ะข้างโซฟา มือหนาแทบกำกระดาษฉีกขาด ตอนอ่านดูแล้วพบว่าหญิงสาวกำลังจะไปเมืองนอกไร้กำหนดกลับในวันพรุ่งนี้"....." ใจแกร่งดั่งภูผาบีบรัดหนักหน่วง จุกแน่นไปทั่วลำคอหนาไร้เสียงเอื้อนเอ่ย เธอลืมเขาไม่คิดจะเอ่ยบอกอะไรสักคำ หากวันนี้ไม่ได้หามาคงไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะพบหน้า เปลือกตาคมเลื่อนป
"แค่เพื่อน?...แล้วอยากรู้ป่ะไอที่เป็นมากกว่าเพื่อนเขาทำยังไงกัน?" น้ำเสียงเข้มพูดกัดฟันกรอก บีบลำแขนเรียวแน่นด้วยอารมณ์โมโห ความรู้สึกเจ็บบนใบหน้าสวยไร้ความหมาย ตอนเห็นแววตากลมจ้องมองอย่างแข็งกร้าวยิ่งกว่าคนอื่นคนไกล "ปล่อยนะคลินเราเจ็บ แล้วก็กลับไปได้แล้วเราเหนื่อยไม่อยากทะเลาะด้วย" "คนที่เจ็บกว่าคือเรา! ไม่ใช่เธอเลยริน" คนตัวสูงรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความแข็งแรงรัดแน่นไม่ให้ดิ้นหนี ปลายเท้าแกร่งเตะถีบประตูห้องนอนเปิดกว้าง แล้วโยนคนในอกลงกลางเตียงไร้การเบาแรง"อึก!..ปล่อยนะจะทำอะไร อย่าคิดอะไรบ้าๆ! เราเป็นเพื่อนกันอย่าลืมสิคลิน!" รินเซ่เขยิบตัวร่นหนีแต่อีกฝ่ายก็กระโดดขึ้นคล่อมไล่เธอประชิดถึงหัวเตียง ไม่อาจต่อสู้ร่างกายกำยำหนีไปได้ เรี่ยวแรงน้อยนิดยิ่งมีแต่พ่ายแพ้"ใครว่ะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เราจะเสนอความเป็นผัวให้ไม่ดีหรือไง เอาให้หน่ำใจลืมผัวเก่าไปเลยดีไหมรินเซ่!" ฝ่ามือหนาบีบแก้มเนียนหันหน้าจ้องระยะใกล้เพียงข้างเดียว แล้วใช้อีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดออก เผยร่างกำยำของนักกีฬาระดับเหรียญทอง นัยน์ตาคมดูน่ากลัวจนทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ เธอริอาจลองดีจุดเพลิงไฟรนอารม
บ้านมาคลิน.........ช่วงค่ำ ขณะร่างสูงกำลังนั่งพิมพ์บางอย่างตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภายในห้องปิดไฟมืดสนิทราวกับต้องการสนใจตรงจุดเดียว ผ่านแว่นตากรอบสีดำหนากันแสงสีฟ้าทำลายระบบสายตา หลังจากพยามกู้ไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดด้วยตัวเองมาหลายเดือน"มึงน่าจะเชื่อกูก่อนไหมไอเวรเอ้ย!!" มาคลินสบถด่าอดีตเพื่อนชายทันที เพราะดันฉายให้เห็นว่าเขาฟุบล้มลงก่อนที่รินเซ่ล้มตาม แต่ต้องตกใจกว่าตอนมีชายนิรนามแต่งกายคล้ายบอดี้การ์ดเอเดนมาลากพวกเขาเข้าห้องข้างๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต้องการทำไปเพื่ออะไรและหวังจุดประสงค์ใด เอเดนมีคู่อริมากมายในแวดวงการมาเฟียเขากับรินเซ่เลยรับเคราะห์แทน ถึงยังไงไฟล์ภาพนี้จะไม่ถูกส่งไปอธิบายให้คู่กรณีรู้ เขาอยากสืบต่อไปอีกหน่อย ให้เรื่องมันแน่ชัดค่อยเปิดเผยไปเลย"เธอจะเป็นยังไงบ้างนะริน เธอลืมเรื่องคืนนั้นไปได้ง่ายๆเชียวหรือ..." น้ำเสียงเข้มเต็มไปด้วยความอ่อนล้า เขาไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับนางแบบสาวอีกแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าต่อให้ส่งข้อความไป ปลายทางย่อมไม่สนใจตอบอะไรกลับมา ฝ่ามือหนาล้วงเอาขวดเหล้านอกในลิ้นชักออก จับเปิดฝากระดกดื่มยิ่งกว่ากระหายน้ำเปล่า รสชาติข
หลายวันต่อมา_ณ ประเทศอังกฤษ "เหนื่อยไหมริน พักก่อนดีไหมไม่เห็นต้องทำงานหนักขนาดนี้เลย ไหนว่าจะมาเที่ยวไง" เป็นผู้จัดการคนสนิทต้องเอ่ยถาม รีบวิ่งไปช่วยจับชายกระโปรงตัวยาว ยามนางแบบสาวลงจากเวทีแฟชั่นโชว์ชื่อดัง เธอเล่นโหมรับงานแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ใบหน้าสวยแอบหมองคล้ำไปเล็กน้อยจนอดห่วงไม่ได้"เที่ยวไปด้วยหาเงินไปด้วยไม่ดีหรอพี่นาถ คืนนี้เราเหลืออีกงานนี่ อยู่ต่างประเทศเงินดีจะตายไป" ด้วยความที่เธอเป็นสาวลูกครึ่ง เค้าโครงใบหน้าคมแบบโซนเอเชียแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ชาวโซนตะวันตก เลยสร้างชื่อเสียงผ่านความสามารถแบรนด์เสื้อผ้าดังๆรีบคว้าตัวไว้"จะรวยก่อนหรือจะตายก่อนเอาดีๆนะริน แล้วช่วยเลิกดื่มด้วยนะคืนนี้ พี่ไม่แบกกลับคอนโดนะเราอยู่ตั้งไกล""จ้าคุณผู้จัดการ ดุกว่าแม่แท้ๆอีก" ร่างบางทิ้งกายบนเก้าอี้ก้มลงถอดส้นสูงกว่าห้านิ้วแล้วเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะธรรมดา รอยแดงช้ำรอบข้อเท้าไม่ได้ส่งผลอะไรต่ออาชีพเธอเลย"เซไฮ..รินเซ่! เราเบนจามินยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า" ทว่าชายหนุ่มเชื้อชาติตะวันตกดันรีบวิ่งมาทักทาย ตอนนางแบบสาวกำลังจะลุกเดินเพื่อกลับที่พัก ชุดสูทดีประหนึ่งไฮโซจนทำให้สองหญิงสาวเหลียวมองหน้าปรึกษา
Merryweather bar ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นของเสียงดนตรี รวมนักท่องราตรียามค่ำคืน ผู้คนมากมายล้วนสนุกสนานเหมือนได้ปลดปล่อยระบายเรื่องตึงเครียดตลอดวัน"มึงเป็นอะไรว่ะไอคลิน ดื่มหนักขนาดนี้มึงได้เมาก่อนนั่งชมบรรยากาศนะโว้ย" ฟรานเพื่อนชายเตือนอย่างหวังดี เขาพึ่งมาสนิทกับอีกฝ่ายได้ไม่นาน พอเห็นมาคลินยกดื่มแก้วเหล้าเอาเป็นเอาตาย จึงปัดมือออกห้ามไว้ก่อน"กูจะลืมคืนนี้ให้หมดแมร่งจริงๆ เป็นคนดีแล้วไม่ได้เชี้ยไรเลย!" มาคลินแย่งแก้วเหล้าใบเดิมมากระดกพรวดเดียว ต่อให้ใครมาห้ามตอนนี้ก็หยุดไม่ได้ ภาพของหญิงสาวยังมองเขาด้วยสายตาเฉยชา ตีตื้นฉายวนในหัวสมองราวกับตอกย้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมยังหลุดรุ่ยฟุ้งกลิ่นน้ำหอมละมุนชวนใจแกร่งเอนไหว"ใจเย็นๆดิว่ะ สาวคนไหนทำมึงมีอาการหนักขนาดนี้ ลองคนสวยๆของร้านไอเตนล์ดูไหม" ฟรานส่งสายตาหื่นกระหายไล่มองไปทางโซนสาวสวยนั่งคอยบริการลูกค้ามากมาย แต่ต้องรีบวกกลับมาสนใจเพื่อนชาย เพราะเขากำลังเดินหน้าจีบน้องสาวเขาอยู่"กูไม่มั่วหญิง มึงอยากได้ก็ไปเรียกเหอะ" นัยน์ตาคมมองผ่านต่างจากบุรุษคนอื่น เขามีหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจมาตลอดแต่อีกฝ่ายไม่เคยรู้ และสถานะของเขาก็ไม่ควรได้พ
สวบ~"กรี๊ดดดด....จะเจ็บไม่เอาแล้วคลินเราเจ็บ...อื้อ" รินเซ่ปล่อยเสียงร้องอย่างทรมาน จนริมฝีปากหยักต้องผละออก ไม่ใช่แค่เธอรับรู้ถึงเยื่อบางๆขาดกระจุยเขาเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ยิ่งกว่าโดนทุบกระหน่ำใส่ท้องน้อย มันปวดร้าวไปรวดเดียวยากจะเก็บอาการ เรียวเล็บยาวจิกใส่แผงอกกว้าง มีรอยสักรูปหัวสิงโตสง่างามบนกล้ามเนื้ออันแข็งแรงระดับนักกีฬา ส่งผลให้ใบหน้าสวยเห่อแดง เป็นครั้งแรกได้ใกล้ชิดกายกำยำขนาดนี้"ไม่เคยเอากับไอเดนหรอ..หื้ม" ร่างกำยำชันกายขึ้นเล็กน้อย แขนข้างนึงค้ำไว้ระหว่างศรีษะเล็ก พลางก้มมองจุดเชื่อมต่อ รอยเลือดสีแดงสดกระเซ็นเต็มกล้ามท้องชายลามถึงแก่นกายชโลมเงา ยิ่งเขาใส่แรงขยับเขยื้อนมันยิ่งกระเด็นออกให้ประจักษ์ชัด"อย่ามาพูดถึงเดนแบบนี้!...นายมันนิสัยไม่ดีคลิน!" ดวงตาแข็งกร้าวมองอีกฝ่าย เขาหลอกล่อเธอได้สำเร็จจนไม่อาจถอนตัวทัน ใบหน้าสวยได้แต่เบือนมองไปด้านข้าง ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าที่ตราตรึงว่าใครสร้างมลทิน"อย่าว่าผัวตัวเองสิริน อย่างน้อยฉันก็เอาเธอได้นะ ดีกว่าไอเชี้ยนั่นขนาดไหน" นัยน์ตาคมดุดันจ้องมองคนใต้ล่าง เขาสอบสะโพกแกร่งใส่ร่องงามอย่างหนักหน่วง เลื่อนฝ่ามือหนาบีบขยุ้มเต้าอวบ เน
"แค่เพื่อน?...แล้วอยากรู้ป่ะไอที่เป็นมากกว่าเพื่อนเขาทำยังไงกัน?" น้ำเสียงเข้มพูดกัดฟันกรอก บีบลำแขนเรียวแน่นด้วยอารมณ์โมโห ความรู้สึกเจ็บบนใบหน้าสวยไร้ความหมาย ตอนเห็นแววตากลมจ้องมองอย่างแข็งกร้าวยิ่งกว่าคนอื่นคนไกล "ปล่อยนะคลินเราเจ็บ แล้วก็กลับไปได้แล้วเราเหนื่อยไม่อยากทะเลาะด้วย" "คนที่เจ็บกว่าคือเรา! ไม่ใช่เธอเลยริน" คนตัวสูงรวบร่างบางอุ้มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความแข็งแรงรัดแน่นไม่ให้ดิ้นหนี ปลายเท้าแกร่งเตะถีบประตูห้องนอนเปิดกว้าง แล้วโยนคนในอกลงกลางเตียงไร้การเบาแรง"อึก!..ปล่อยนะจะทำอะไร อย่าคิดอะไรบ้าๆ! เราเป็นเพื่อนกันอย่าลืมสิคลิน!" รินเซ่เขยิบตัวร่นหนีแต่อีกฝ่ายก็กระโดดขึ้นคล่อมไล่เธอประชิดถึงหัวเตียง ไม่อาจต่อสู้ร่างกายกำยำหนีไปได้ เรี่ยวแรงน้อยนิดยิ่งมีแต่พ่ายแพ้"ใครว่ะอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เราจะเสนอความเป็นผัวให้ไม่ดีหรือไง เอาให้หน่ำใจลืมผัวเก่าไปเลยดีไหมรินเซ่!" ฝ่ามือหนาบีบแก้มเนียนหันหน้าจ้องระยะใกล้เพียงข้างเดียว แล้วใช้อีกข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดออก เผยร่างกำยำของนักกีฬาระดับเหรียญทอง นัยน์ตาคมดูน่ากลัวจนทำใจดวงน้อยกระตุกวูบ เธอริอาจลองดีจุดเพลิงไฟรนอารม
ชั่วโมงต่อมา_ "สั่งมาเต็มโต๊ะเลย กินให้หมดนะคลินเราไม่ไหวด้วยหรอก" นางแบบสาวเอ่ยบอก ท่าทางคล้ายลูกแมวขู่ฟ่อคนตัวโตกว่าไม่ได้กลัวเขาเลย เธอช่วยเทอาหารจัดใส่จานมากมาย แต่สำหรับสองคนซึ่งมันไม่น่าจะทานหมด"หิวขนาดนี้ยังไงเราก็กินหมด เธอจะไปอาบน้ำก็ไปเถอะค่อยออกมากินก็ได้" มาคลินนั่งบนเก้าอี้บอก มุมโซนทานข้าวติดขอบกระจกเห็นวิวเบื้องล่างระยะไกล ท้องฟ้ายามใกล้ค่ำสาดแสงสีส้มทอง ชวนว้าเหว่หัวใจแกร่งเต็มอัตรา"นานหน่อยนะ วันนี้เดินแบบมาหลายที่โดนประเคนเครื่องสำอางค์จนคันไปหมดตัวเลย" ร่างบางแสร้งทำทีคั่นเนื้อคั่นตัว ทั้งที่เธอรับได้เพียงงานเดียวตอนช่วงบ่ายเอง หลังดื่มหนักแล้วหลับไปแบบไม่รู้ตัว จนพักหลังๆเริ่มเสียงานเสียการ"อืม" เขามองเงาสะท้อนในกระจกเห็นตอนอีกฝ่ายเดินเข้าห้องนอน ร่างสูงรีบลุกขึ้นตรงไปหากองเอกสารบนโต๊ะข้างโซฟา มือหนาแทบกำกระดาษฉีกขาด ตอนอ่านดูแล้วพบว่าหญิงสาวกำลังจะไปเมืองนอกไร้กำหนดกลับในวันพรุ่งนี้"....." ใจแกร่งดั่งภูผาบีบรัดหนักหน่วง จุกแน่นไปทั่วลำคอหนาไร้เสียงเอื้อนเอ่ย เธอลืมเขาไม่คิดจะเอ่ยบอกอะไรสักคำ หากวันนี้ไม่ได้หามาคงไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะพบหน้า เปลือกตาคมเลื่อนป
@ หนึ่งเดือนต่อมา กริ่ง~ กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าของมาคลินดังขึ้นภายในห้องทำงาน ทำให้นักธุรกิจหนุ่มร่างสูงวางปากกาลงเลิกตาคมมองตามสัญชาตญาณ"ฮัลโหลครับ" มือหนาเอื้อมกดรับสายทันที เพราะเบอร์ที่โทรมาคือครอบครัวของรินเซ่ แม้ตอนนี้ต่างคนต่างมุ่งมั่นในการทำงาน จนปล่อยเรื่องคืนวันนั้นละเลือนไป ฝ่ายเอเดนเองหายเงียบอย่างกับไร้ตัวตน~คลินลูก...แม่ติดต่อรินไม่ได้เลย คลินได้เจอกับรินบ้างไหมลูก~ ปลายสายมีน้ำเสียงร้อนใจ ท่านคือมารดารินเซ่พักอาศัยอยู่ต่างประเทศเนื่องจากสามีเป็นคนอังกฤษ"ไม่ได้คุยเลยครับ เดี๋ยวผมลองโทรให้นะครับ" ยอมรับว่าใจแกร่งเกิดความรู้สึกเอนไหว ปิดแฟ้มเอกสารลงอย่างไร้ความหมาย หลังพยามทำตัวให้ยุ่งกับงานเพื่อแกล้งลืมคืนวันนั้นเช่นกัน~ตั้งแต่รินเลิกกับเอเดนไป แม่รู้นะว่ารินเสียใจขนาดไหน รินไม่ค่อยกลับคอนโดแถมผู้จัดการยังบอกว่าเธอเก็บตัวด้วย แม่เป็นห่วงรินเหลือเกินมาคลิน~ น้ำเสียงโทนอบอุ่นยังพูดอย่างกังวล"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวเลิกงานผมแวะไปหารินที่คอนโดแล้วผมจะโทรหาคุณอานะครับ" เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรู คาดคะเนความสำคัญระหว่างงานที่เหลือ~แม่ฝากคลินด้วยน
คอนโดรินเซ่ "เธออยู่คนเดียวได้ใช่ไหม" น้ำเสียงสุขุมของมาคลินถามขึ้น เมื่อรถยนต์คันหรูแล่นจอดตรงด้านหน้าคอนโด เขารู้ว่าถึงยังไงเพื่อนสาวก็ไม่มีทางโอเคกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากออกห้องนั้นมาเอเดนสั่งลูกน้องไม่ให้พวกเขาเข้าหาอีกเลย"อืม" รินเซ่ตอบกลับ ทว่าเหมือนมีบางอย่างค้างคาในอก ใบหน้าสวยได้แต่ก้มมองสองมือบาง กำลังผสานตรงตักเล็กช่างความคิดอยู่ว่าสมควรพูดมันหรือไม่"มีอะไรหรือเปล่า เธอถามเรามาเถอะ" คนขับเลยหันมาถาม เหมือนระหว่างเขากับเธอกลายเป็นคนไม่รู้จักกันทันที ยิ่งกว่ามีกำแพงบางๆกั้นไว้ เหลือเพียงบรรยากาศอึดอัดแทรกกลาง"เราจะได้เจอเดนอีกไหมคลิน.." น้ำเสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วเบา เธอคิดถึงเพียงแต่คนรักพยามต่อสายหาอีกฝั่งไม่รับเลย ยิ่งการันตีความสัมพันธ์หลังจากนี้ ว่าเธอกับเขากำลังจะกลายเป็นคนอื่น"เจอสิ รอให้มันอารมณ์ดีขึ้นก่อน เดี๋ยวเราช่วยอธิบายได้" ใจแกร่งเขาก็เจ็บปวดจริงๆ ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ ฝ่ามือหนาไม่กล้าที่จะเอื้อมไปลูบผมสลวยปลอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเข้าใกล้อย่างสนิทสนม มันยากยิ่งต้องเปลี่ยนความสัมพันธ์ทุกอย่างในข้ามคืน"งั้นเราไปนะ" ร่างอรชรเก็บรวบสายกระ
ไม่กี่นาทีต่อมา_ "กูบอกให้ดูแลรินกับเพื่อนกูดีๆไง พวกมึงนี่นะแมร่งน่าโดนถีบฉิบหาย!" เอเดนเริ่มหัวเสียตอนกลับมาที่โต๊ะ แต่ไม่พบใครสักคนเดียว หลังไปเคลียร์สินค้าคู่กับเบนไม่ถึงชั่วโมงดี แม้อาการมึนเมาเริ่มมีพอประปราย เขายังอยากนั่งดื่มพูดคุยสนุกต่อ"เห็นพนักงานบอกว่าเดินไปที่ห้องนายนะครับ" เสียงบอดี้การ์ดคนนึงบอก ก่อนหน้านี้เจอลูกค้าโต๊ะข้างๆดูเหมือนจะทะเลาะกันเลยเข้าห้ามระงับเหตุ"เออๆ...รอบหน้าให้ไอเบนตัดเงินเดือนแมร่งเลย" ร่างสูงพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ โบกมือไล่ในอากาศไปมา ก่อนสาวเท้ายาวไปตามทางห้องทำงาน จะมีเส้นทางพิเศษสำหรับเขาใช้คนเดียวไม่ปนกับลูกค้า"เดี๋ยวนี้ต้องมีมารยาทขนาดนี้ไหมว่ะ" เอเดนนึกหัวเราะเบาๆ เขายังเดินไม่ถึงห้องทำงานด้วยซ้ำ แต่ดันมีรองเท้าสองคู่วางเรียงกันหน้าห้องพักสำหรับพวกลูกค้าวีไอพี ทว่าใจแกร่งกลับรู้สึกตะหงิดถึงเหตุการณ์ผิดปกติ เพราะเขาจำได้ว่าส้นสูงคู่นี้เคยซื้อให้แฟนสาว แล้วด้านข้างคือรองเท้าหนังเพื่อนชายใส่ไซส์พอดีกันกับเขา"กูเมาไปป่าวว่ะ เอาใหม่ดิ!" สันมือหนาตบท้ายทอยใหญ่เรียกสติ ก้มลงเพ่งสายตาจดจ่อรองเท้าสองคู่หน้าห้องพัก ใจแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำรัว เขาไม่อยา