รชตมาถึงโรงแรมก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้แพรพิไลเป็นฝ่ายรอ เขาโทร. จองโต๊ะมุมดี ๆ ไว้ที่ห้องอาหารชั้นดาดฟ้าไว้เรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาต้องการทำโทษเด็กดื้อที่ทำอะไรไม่ยอมคิดถึงอันตรายและผลที่จะตามมา ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาต้องหาทางหยุดเธอเอาไว้ให้ได้
สายตาของเขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในล็อบบีในชุดเดรสสีชมพูโอลด์โรสพอดีตัวยาวเหนือเข่าเล็กน้อย สายคล้องไหล่ถักเป็นเปียสีเดียวกับชุด มีผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาลปิดบ่าที่เปิดเปลือยไว้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูไม่เป็นทางการมากจนเกินไป ลงตัวจนแทบไม่อยากถอนสายตา
แพรพิไลเดินเข้ามาในล็อบบีของโรงแรมพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หารชต แต่พอเห็นร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มกำลังเดินมาหาจึงเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วยิ้มให้เขาอย่างเก้อเขิน
“มาถึงนานรึยังคะ”
วันนี้รู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้าดูเนี้ยบและดูดีกว่าทุกวัน ทั้งที่เขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีเทาดำพับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกกับกางเกงสแลกสีดำพอดีตัว
“ไม่นานครับ มาถึงก่อนคุณแพรไม่ถึงสิบห้านาทีเลยด้วยซ้ำ...มาเถอะ” เขางอแขนข้างหนึ่งยื
และขณะที่เธอกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น รชตก็ถอนริมฝีปากออกไปพร้อมกับรอยยิ้มยั่วเย้า“ผมลืมบอกไปว่าเริ่มกฎตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อืม...ไม่สิ ต้องหลังจากที่ผมบอกกฎเสร็จแล้วต่างหาก”“คุณจูบฉัน...”ริมฝีปากของรชตยื่นเข้ามาหาอีกครา คราวนี้นานกว่าครั้งแรกเล็กน้อย และเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยอมให้เขาจูบเอา ๆ อย่างนี้ มือก็มี แต่ไม่รู้จักปัดป้องเสียบ้างเลยแพรพิไลไม่กล้ายอมรับกับตัวเองเลยว่ารชตจูบเก่งจริง ๆ แค่แป๊บเดียวเท่านั้นแต่กลับทำให้เคลิบเคลิ้มได้ขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าหากปล่อยเวลาเนิ่นนานไป เธอไม่โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปทุกเรื่องเลยหรอกหรือ‘ผู้ชายคนนั้นก็คงเอาเก่ง เอ๊ย เอาใจเก่ง เห็นว่าอยากได้อะไรแม่คุณประเคนให้ทุกอย่าง’คำพูดของลินดาวาบเข้ามาในหัวทันที...นั่นสินะ ผู้ชายอย่างเขา เรื่องพวกนี้มักเชี่ยวชาญกว่าปกติก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขามีหน้าที่ต้องทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นพอใจ...รวมทั้งเธอด้วย“อย่ามองผมอย่างนั้น รู้รึเปล่าว่าสายตาของคุณตอนนี้เป็นแบบไหน”
วันถัดมา แพรพิไลมีนัดรายงานผลกับสุกำพลอีกครั้ง คราวนี้เธอมีภาพถ่ายของคอนโดฯ แห่งนั้นในตอนกลางวัน และภาพของชั้นใต้ดินที่เคยเป็นลานจอดรถอีกด้วย จากการคาดเดาคิดว่าข้างล่างน่าจะเป็นบ่อนหรือกาสิโน หากเป็นสถานบริการทางเพศดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร เพราะผู้หญิงกระเป๋าหนักอย่างครองขวัญสามารถใช้เงินแลกความสุขกับผู้ชายหน้าตาดีคนไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องมาใช้บริการสถานที่แบบนี้น่าเสียดายที่ลินดาก็ไม่รู้เรื่องชั้นใต้ดินของที่นั่นเช่นกัน เพราะบรรดาสาวไฮโซลูกค้าของลินดาส่วนใหญ่มักเรียกขานสถานที่แห่งนั้นเป็นคำเฉพาะว่าแดนสวรรค์ แต่กลับไม่ยอมบอกว่าคืออะไร ดูเหมือนคนที่เคยไปที่นั่นจะช่วยกันปกปิดซ่อนเร้นแดนสวรรค์แห่งนั้นกันเต็มที่นั่งรอไม่นานนัก สุกำพลก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แพรพิไลลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้เขาโดยที่เขาก็ไหว้ตอบกลับมา“คุณแพรสั่งอะไรรึยังครับ”“แพรสั่งแค่น้ำผลไม้ไปเองค่ะ คุณสุกำพลกินมื้อกลางวันมารึยังคะ”“ยังเลยครับ ผมกะจะมากินกับคุณแพรน่ะ”สุกำพลยิ้มพลางยกมือเรียกพนักงานให้นำเมนูมาให้ หลังจา
ปิดจริง ๆ ด้วย...หลังจากที่เดินคลำทางไปจนสุดทางเดินและเดินกลับมาที่เชิงบันไดเป็นที่เรียบร้อย แพรพิไลก็รู้แล้วว่าวันนี้มาเสียเที่ยว อดสงสัยไม่ได้ว่าสถานที่แห่งนี้มีวันเปิดปิดเป็นเวลาอย่างนั้นด้วยหรือ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าวันไหนเปิด และเขามีวิธีบอกกล่าวกับเหล่าสมาชิกที่มากันด้วยวิธีไหนดูเหมือนคนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้คงมีเพียงชาคริตคนเดียวเท่านั้นหญิงสาวค่อย ๆ ย่องขึ้นบันไดไปข้างบนอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ค่อย ๆ แง้มประตูดูสถานการณ์รอบด้านจนแน่ใจดีแล้วว่าไม่มีคนเดินผ่านมาแถวนี้จึงรีบออกมาแล้วปิดประตูไว้ตามเดิม จากนั้นก็วิ่งไปที่รถซึ่งจอดแอบไว้ เอาหน้าแนบกระจกรถเพื่อดูว่ามีคนแปลกหน้าแอบขึ้นรถมาหรือเปล่า เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครจึงขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไปทันทีโดยไม่ได้เปิดไฟหน้ารถให้เป็นที่สังเกตจากคนอื่นแพรพิไลแวะจอดรถที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว เธอจึงรีบพิมพ์ข้อความแจ้งข่าวบอกลูกน้องทั้งสองคนว่าตนเองปลอดภัย เสร็จเรียบร้อยก็ขับรถกลับบ้านทั้งที่ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด เห็นทีพรุ่งนี้คงต้องแวะเข้
หญิงสาวเลือกนั่งโต๊ะเดิมเพราะเป็นมุมที่มองเห็นรอบด้านได้ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวที่สุดอีกด้วย หลังจากสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มมองหาชาคริตแต่ก็ไม่พบ ดังนั้นระหว่างรอให้ชายหนุ่มออกมา เธอจึงได้แต่มองคู่เต้นรำที่กำลังจับคู่เต้นกันในจังหวะรุมบ้าซึ่งเธอจำได้ว่าตอนฝึกเต้นคราวก่อนนั้นเผลอเหยียบเท้ารชตไปตั้งหลายทีจู่ ๆ แพรพิไลก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง หญิงสาวมองไปที่ฟลอร์เต้นรำถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสถานที่แห่งนี้ขาดครองขวัญไปนั่นเองตามปกติแล้วหัวค่ำแบบนี้ครองขวัญจะต้องมาเฉิดฉายอยู่ที่นี่เกือบทุกวันจนสนิทกับพนักงานแทบทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จักสาวสวยไฮโซคนนี้ ทว่าวันนี้เจ้าตัวกลับไม่มาให้เห็นระหว่างนั้นพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้พอดี แพรพิไลจึงลองเลียบเคียงถามถึงครองขวัญดู ทว่าคำตอบที่ได้รับทำเอาเธอทั้งแปลกใจและสงสัยไม่น้อย“คุณครองขวัญไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้วค่ะ น่าจะสักสามสี่วันได้มั้ง”“งั้นหรือ แปลกจริง...ขอบคุณมากค่ะ” แพรพิไลยิ้มให้แล้วทำทีเป็นไม่สนใจเรื่องนั้นอีกครองขวัญไม่ได้มาที่คลับเฮราหลายวั
วันถัดมา แพรพิไลอยู่ที่สำนักงานตลอดทั้งวันเพื่อจัดการเรื่องรายรับรายจ่ายทั้งหมด ถึงแม้จะมีคนดูแลตรงนี้ให้อยู่แล้ว แต่หญิงสาวก็ต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งอยู่ดีเพื่อป้องกันความผิดพลาดเห็นรายรับที่กระเตื้องขึ้นมาจากเดือนที่แล้วอยู่พอสมควรหญิงสาวก็ยิ้มออก ไม่อยากเชื่อเลยว่าสองเดือนก่อนหน้านี้เธอยังปวดหัวกับเงินเก็บที่เริ่มร่อยหรอลงไปเพราะต้องดึงมาจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้อยอยู่เลย แต่เดือนนี้เธอรอดแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอย่างนี้ไปทุกเดือนเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้แพรพิไลต้องเงยหน้าขึ้นดูชื่อของคนที่โทร. เข้ามา ครั้นพอเห็นว่าเป็นรชต เรียวปากอิ่มก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้“ค่ะคุณอาร์ต”“กินข้าวเที่ยงรึยังครับ”หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“เที่ยงแล้วหรือคะเนี่ยเร็วจัง ยังไม่ได้กินเลยค่ะ คงรออีกสักพักให้คนซา ๆ ก่อนค่อยออกไปหาซื้ออะไรมากิน”“โอเคครับ ดีแล้ว ผมโทร. มาบอกว่าคืนนี้คงเข้าไปที่คลับไม่ได้เพราะติดงานด่วนน่ะ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดด้วย
“หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ศักดิ์!”หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะกลัวว่าจะทำให้นักสืบมือดีต้องตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว อย่างไม่รอช้า แพรพิไลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หาศักดิ์ทันที ภาวนาให้เขายังปลอดภัยดี เพราะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าจะมีหน้าที่ไหนไปพบกับครอบครัวของเขารอสายอยู่นานจนหญิงสาวคิดว่าไม่มีคนรับและกำลังจะกดวางหู แต่จู่ ๆ ปลายสายก็กดรับ เธอจึงรีบกรอกเสียงลงไปทันที“สวัสดีค่ะพี่ศักดิ์ แพรเองนะคะ”“ครับ จะโทร. มาถามเรื่องนั้นใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แพรเห็นพี่เงียบไปก็นึกว่าพี่ เอ่อ...เกิดเรื่องอะไรกับพี่รึเปล่าน่ะค่ะ” เธอลอบผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าเขายังคงอยู่ดี ขณะเดียวกันก็ขำตัวเองที่คิดฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหน“กว่าพี่จะได้ข้อมูลมาก็ยากเหมือนกันนะ คนแถวนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร เหมือนกับว่าปกปิดความจริงอะไรบางอย่างอยู่น่ะ พี่จะไปถามมากก็ไม่ได้เดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา”“คนแถวนั้นที่ว่านี่คือคน
เธอควรบอกเขาดีไหมว่าเธอไม่ใช่คนมีอันจะกิน เป็นแค่ผู้หญิงที่ต้องหาทางประคับประคองสำนักงานนักสืบแห่งนี้ให้อยู่รอดได้โดยมีปากท้องของลูกน้องแค่หยิบมือให้ต้องรับผิดชอบถ้าบอกความจริงเขาไป อยากรู้เหลือเกินว่าเขายังจะสนใจเธออยู่ไหมแพรพิไลปัดความหดหู่ออกไปแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาข้อมูลเกี่ยวกับคลับเฮราต่อ พยายามใช้ใจเป็นกลาง ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินและวิเคราะห์สิ่งที่หามาได้เพื่อนำมาประกอบกับข้อมูลที่กำลังจะได้จากจิรายุอีกทางหนึ่งเมื่อถึงเวลานัดในตอนบ่ายแก่ ๆ วิษณุก็มาที่สำนักงานตามที่ได้บอกเอาไว้ แพรพิไลเชิญให้เขามานั่งในห้องทำงานเพราะต้องการพูดคุยกันเพียงลำพัง“คุณวิษณุบอกดิฉันได้ไหมคะว่าทำไมถึงต้องให้สืบคอนโดฯ แห่งนั้น” หญิงสาวยิงคำถามใส่ทันทีพร้อมกับลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไปด้วยอีกฝ่ายดูกังวลและลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาแห้งผากเหลือบมองเธอครั้งหนึ่งก่อนหลุบลงมองมือตัวเองแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ“คุณสามารถบอกดิฉันได้ทุกเรื่องนะคะ ดิฉันขอรับรองว่าข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ จะไม่มีการแพร่งพรายให้คนอื่นรู้อย่าง
ชาคริตพูดกับชายคนหนึ่งหลังจากที่เดินผ่านประตูมาแล้ว พอผู้ชายคนนั้นเดินหายเข้าไปทางซ้ายมือ เขาก็พาหญิงสาวเดินไปทางซ้าย“ตื่นเต้นหรือครับ” ชาคริตถามกลั้วหัวเราะเธอจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเกาะแขนเขาไว้แน่นเพียงใดจึงรีบคลายออก ทว่าเขากลับเอาแขนข้างนั้นมาโอบเธอไว้แทนโดยที่มือเกาะเกี่ยวอยู่ที่สะโพก“เป็นใครบ้างจะไม่ตื่นเต้น ก็แพรไม่เคยมาที่นี่นี่นา ถามคุณชาคริตก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นแบบไหน” เธอทำทีเป็นค้อนใส่เขา จึงได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะขลุกขลักในลำคอและมือที่เริ่มลูบไล้สะโพกไปมาชาคริตพาแพรพิไลเดินลงบันไดมาชั้นล่าง แสงไฟสีม่วงสลัวรางทำให้หญิงสาวปวดตาเล็กน้อย พอเดินมาถึงตรงนี้จึงเพิ่งสังเกตว่ามีทางแยกสองทางซ้ายขวาเหมือนในโรงภาพยนตร์ มีพนักงานในชุดสีดำสวมหน้ากากครึ่งหน้ายืนอยู่ฝั่งละหนึ่งคน ชายหนุ่มพาเธอไปส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ทางด้านซ้าย“ลูกค้าใหม่ เพิ่งมาครั้งแรก ฝากด้วยนะ”ชาคริตบอกกับพนักงานคนหนึ่ง ซึ่งพอมาดูใกล้ ๆ แล้วแพรพิไลจึงเพิ่งสังเกตได้ว่าเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าประโยค
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น