หญิงสาวเลือกนั่งโต๊ะเดิมเพราะเป็นมุมที่มองเห็นรอบด้านได้ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นส่วนตัวที่สุดอีกด้วย หลังจากสั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มมองหาชาคริตแต่ก็ไม่พบ ดังนั้นระหว่างรอให้ชายหนุ่มออกมา เธอจึงได้แต่มองคู่เต้นรำที่กำลังจับคู่เต้นกันในจังหวะรุมบ้าซึ่งเธอจำได้ว่าตอนฝึกเต้นคราวก่อนนั้นเผลอเหยียบเท้ารชตไปตั้งหลายที
จู่ ๆ แพรพิไลก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง หญิงสาวมองไปที่ฟลอร์เต้นรำถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสถานที่แห่งนี้ขาดครองขวัญไปนั่นเอง
ตามปกติแล้วหัวค่ำแบบนี้ครองขวัญจะต้องมาเฉิดฉายอยู่ที่นี่เกือบทุกวันจนสนิทกับพนักงานแทบทุกคน ไม่มีใครไม่รู้จักสาวสวยไฮโซคนนี้ ทว่าวันนี้เจ้าตัวกลับไม่มาให้เห็น
ระหว่างนั้นพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้พอดี แพรพิไลจึงลองเลียบเคียงถามถึงครองขวัญดู ทว่าคำตอบที่ได้รับทำเอาเธอทั้งแปลกใจและสงสัยไม่น้อย
“คุณครองขวัญไม่ได้มาที่นี่หลายวันแล้วค่ะ น่าจะสักสามสี่วันได้มั้ง”
“งั้นหรือ แปลกจริง...ขอบคุณมากค่ะ” แพรพิไลยิ้มให้แล้วทำทีเป็นไม่สนใจเรื่องนั้นอีก
ครองขวัญไม่ได้มาที่คลับเฮราหลายวั
วันถัดมา แพรพิไลอยู่ที่สำนักงานตลอดทั้งวันเพื่อจัดการเรื่องรายรับรายจ่ายทั้งหมด ถึงแม้จะมีคนดูแลตรงนี้ให้อยู่แล้ว แต่หญิงสาวก็ต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งอยู่ดีเพื่อป้องกันความผิดพลาดเห็นรายรับที่กระเตื้องขึ้นมาจากเดือนที่แล้วอยู่พอสมควรหญิงสาวก็ยิ้มออก ไม่อยากเชื่อเลยว่าสองเดือนก่อนหน้านี้เธอยังปวดหัวกับเงินเก็บที่เริ่มร่อยหรอลงไปเพราะต้องดึงมาจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้อยอยู่เลย แต่เดือนนี้เธอรอดแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอย่างนี้ไปทุกเดือนเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้แพรพิไลต้องเงยหน้าขึ้นดูชื่อของคนที่โทร. เข้ามา ครั้นพอเห็นว่าเป็นรชต เรียวปากอิ่มก็อดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้“ค่ะคุณอาร์ต”“กินข้าวเที่ยงรึยังครับ”หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น“เที่ยงแล้วหรือคะเนี่ยเร็วจัง ยังไม่ได้กินเลยค่ะ คงรออีกสักพักให้คนซา ๆ ก่อนค่อยออกไปหาซื้ออะไรมากิน”“โอเคครับ ดีแล้ว ผมโทร. มาบอกว่าคืนนี้คงเข้าไปที่คลับไม่ได้เพราะติดงานด่วนน่ะ ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัดด้วย
“หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ศักดิ์!”หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะกลัวว่าจะทำให้นักสืบมือดีต้องตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว อย่างไม่รอช้า แพรพิไลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. หาศักดิ์ทันที ภาวนาให้เขายังปลอดภัยดี เพราะหากเขาเป็นอะไรขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าจะมีหน้าที่ไหนไปพบกับครอบครัวของเขารอสายอยู่นานจนหญิงสาวคิดว่าไม่มีคนรับและกำลังจะกดวางหู แต่จู่ ๆ ปลายสายก็กดรับ เธอจึงรีบกรอกเสียงลงไปทันที“สวัสดีค่ะพี่ศักดิ์ แพรเองนะคะ”“ครับ จะโทร. มาถามเรื่องนั้นใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แพรเห็นพี่เงียบไปก็นึกว่าพี่ เอ่อ...เกิดเรื่องอะไรกับพี่รึเปล่าน่ะค่ะ” เธอลอบผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าเขายังคงอยู่ดี ขณะเดียวกันก็ขำตัวเองที่คิดฟุ้งซ่านไปถึงไหนต่อไหน“กว่าพี่จะได้ข้อมูลมาก็ยากเหมือนกันนะ คนแถวนั้นไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไร เหมือนกับว่าปกปิดความจริงอะไรบางอย่างอยู่น่ะ พี่จะไปถามมากก็ไม่ได้เดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา”“คนแถวนั้นที่ว่านี่คือคน
เธอควรบอกเขาดีไหมว่าเธอไม่ใช่คนมีอันจะกิน เป็นแค่ผู้หญิงที่ต้องหาทางประคับประคองสำนักงานนักสืบแห่งนี้ให้อยู่รอดได้โดยมีปากท้องของลูกน้องแค่หยิบมือให้ต้องรับผิดชอบถ้าบอกความจริงเขาไป อยากรู้เหลือเกินว่าเขายังจะสนใจเธออยู่ไหมแพรพิไลปัดความหดหู่ออกไปแล้วตั้งหน้าตั้งตาหาข้อมูลเกี่ยวกับคลับเฮราต่อ พยายามใช้ใจเป็นกลาง ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินและวิเคราะห์สิ่งที่หามาได้เพื่อนำมาประกอบกับข้อมูลที่กำลังจะได้จากจิรายุอีกทางหนึ่งเมื่อถึงเวลานัดในตอนบ่ายแก่ ๆ วิษณุก็มาที่สำนักงานตามที่ได้บอกเอาไว้ แพรพิไลเชิญให้เขามานั่งในห้องทำงานเพราะต้องการพูดคุยกันเพียงลำพัง“คุณวิษณุบอกดิฉันได้ไหมคะว่าทำไมถึงต้องให้สืบคอนโดฯ แห่งนั้น” หญิงสาวยิงคำถามใส่ทันทีพร้อมกับลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนตรงหน้าไปด้วยอีกฝ่ายดูกังวลและลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาแห้งผากเหลือบมองเธอครั้งหนึ่งก่อนหลุบลงมองมือตัวเองแล้วลอบกลืนน้ำลายลงคอ“คุณสามารถบอกดิฉันได้ทุกเรื่องนะคะ ดิฉันขอรับรองว่าข้อมูลทุกอย่างจะเก็บเป็นความลับ จะไม่มีการแพร่งพรายให้คนอื่นรู้อย่าง
ชาคริตพูดกับชายคนหนึ่งหลังจากที่เดินผ่านประตูมาแล้ว พอผู้ชายคนนั้นเดินหายเข้าไปทางซ้ายมือ เขาก็พาหญิงสาวเดินไปทางซ้าย“ตื่นเต้นหรือครับ” ชาคริตถามกลั้วหัวเราะเธอจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเกาะแขนเขาไว้แน่นเพียงใดจึงรีบคลายออก ทว่าเขากลับเอาแขนข้างนั้นมาโอบเธอไว้แทนโดยที่มือเกาะเกี่ยวอยู่ที่สะโพก“เป็นใครบ้างจะไม่ตื่นเต้น ก็แพรไม่เคยมาที่นี่นี่นา ถามคุณชาคริตก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นแบบไหน” เธอทำทีเป็นค้อนใส่เขา จึงได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะขลุกขลักในลำคอและมือที่เริ่มลูบไล้สะโพกไปมาชาคริตพาแพรพิไลเดินลงบันไดมาชั้นล่าง แสงไฟสีม่วงสลัวรางทำให้หญิงสาวปวดตาเล็กน้อย พอเดินมาถึงตรงนี้จึงเพิ่งสังเกตว่ามีทางแยกสองทางซ้ายขวาเหมือนในโรงภาพยนตร์ มีพนักงานในชุดสีดำสวมหน้ากากครึ่งหน้ายืนอยู่ฝั่งละหนึ่งคน ชายหนุ่มพาเธอไปส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ทางด้านซ้าย“ลูกค้าใหม่ เพิ่งมาครั้งแรก ฝากด้วยนะ”ชาคริตบอกกับพนักงานคนหนึ่ง ซึ่งพอมาดูใกล้ ๆ แล้วแพรพิไลจึงเพิ่งสังเกตได้ว่าเป็นผู้หญิง และไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าประโยค
รถยุโรปสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาจอดด้านหลังของคอนโดมิเนียมอย่างคุ้นเคย ผู้ขับดับไฟหน้ารถและดับเครื่องยนต์ จากนั้นก็หันไปหาคนที่นั่งข้างๆ“ตรงนั้นนั่นแหละครับพี่พลทางเข้าของที่นี่ อย่าลืมรหัสนะพี่ ของพี่คือ PT0097” รชตย้ำกับสารวัตรสืบสวนสอบสวนประจำสถานีตำรวจพื้นที่ที่คลับเฮราตั้งอยู่ตามหลักแล้วสารวัตรหนุ่มไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการพื้นที่แห่งนี้ แต่เพราะรชตรู้ดีว่าตำรวจในพื้นที่นี้เป็นพวกเดียวกันกับเจ้าของ ‘สมาคมหน้ากาก’ ที่อยู่ชั้นใต้ดิน ต่อให้ยื่นเรื่องหรือไปแจ้งความร้องทุกข์อย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงลองปรึกษากับสารวัตรจุมพล ลูกพี่ลูกน้องของภีมพล ผู้เป็นหุ้นส่วนกับพี่ชายดูว่าควรทำอย่างไรดี เพราะตอนนี้ลูกค้าหลายรายของคลับเฮราที่เขาดูแลอยู่หายหน้าหายตาไป เพราะถูกล่อลวงให้มาสมาคมแห่งนี้และตกเป็นทาสยาเสพติดในที่สุดรชตไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ เพราะหลังจากที่ทำการสืบอยู่พักใหญ่ถึงรู้ว่าผู้ที่ทำการล่อลวงลูกค้าวีไอพีของคลับไปก็คือครูสอนลีลาศประจำคลับอย่างชาคริต ซึ่งเรื่องนี้นำความเสื่อมเ
ชาคริตมักทำแบบนี้กับหญิงสาวหลายรายที่เขาถูกตาต้องใจด้วยการหลอกล่อให้อีกฝ่ายมาที่นี่ สวมชุดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา จากนั้นก็จัดการกินเสียให้เต็มอิ่มเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นเริ่มมึนเมาได้ที่แล้ว“อ่า...เจอแล้วที่รัก”ในที่สุดเขาก็มองเห็นเป้าหมาย ชาคริตก้าวเดินยาว ๆ จนแทบจะกลายเป็นวิ่งไปที่หญิงสาวคนนั้นทันทีเพราะกลัวจะถูกคนอื่นคว้าไปเสียก่อนไม่อยากมองก็ต้องมอง...แพรพิไลลอบถอนหายใจให้แก่ภาพตรงหน้า หากเป็นผู้หญิงจิตอ่อนคาดว่าคงต้องยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องกรี๊ดเป็นแน่ แต่แพรพิไลเคยพบเจอเรื่องแบบนี้มาพอสมควรตั้งแต่สมัยที่เรียนอยู่ต่างประเทศ ยิ่งกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้ว จึงคิดเสียว่ากำลังดูโชว์ที่บาร์พิเศษก็แล้วกันหญิงสาวนั่งมองคนกลุ่มนี้คลุกวงในกันนัวเนียจนได้เสียกันอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจในสมมติฐานของตัวเองว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนอยู่ในภาวะเมายาแทบทั้งสิ้น และเธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่าน้องสาวของวิษณุต้องเป็นหนึ่งในนี้อย่างแน่นอน และอาจรวมถึงครองขวัญด้วยระหว่างที่แพ
เธออดถามเขาไม่ได้ ตอนอยู่ที่คลับเฮราหรืออยู่กับเธอสองต่อสองเขาดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มและมักพูดจาทีเล่นทีจริงเสมอ ทว่าพอมาเจอกันที่นี่ ทั้งท่าทีและน้ำเสียงกลับดูเคร่งเครียดจริงจังราวกับคนละคน“ผมก็ตามลูกค้าของผมมาน่ะสิ คุณก็รู้ฐานะของผมแล้วไม่ใช่หรือว่าผมเป็นพวกผู้ชายขายน้ำน่ะ” เขาตอบพลางก้าวเข้ามาชิดจนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ โชคดีที่มีหน้ากากปิดบังเอาไว้ มิเช่นนั้นเขาคงเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของเธอเป็นแน่“การแสดงจบแล้ว อีกสักพักคุณก็ควรกลับได้ละ” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มือของเขากลับยึดเอวเธอเอาไว้แล้วดันจนร่างเธอชิดผนัง จากนั้นก็บดเบียดร่างของเขาเข้ามาชิดจนเธอรู้สึกได้ถึงสรีระกำยำภายใต้ชุดคลุม“คุณจะทำอะไร!” เธอถามเขาเบา ๆ พร้อมจับต้นแขนของเขาแน่นด้วยความตกใจ“อยู่เฉย ๆ ก่อน อย่าเพิ่งกระโตกกระตาก มีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่นะ”เขาพูดอะไรเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด ใครเป็นคนจับตาดู แล้วคนที่ดูจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นใครในเมื่อทุกคนแต่งตัวเหมือนกันหมดคือชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้าและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า แม้กระทั่งเข
ชาคริตกดตัวหญิงสาวให้นั่งคุกเข่าแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า จากนั้นก็เข้าครอบครองความอ่อนนุ่มจากทางด้านหลัง อย่างไม่พูดพล่ามทำเพลงเขาโถมตัวเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงตามความปรารถนาที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด เสียงกรีดร้องครวญครางของคนใต้ร่างยิ่งดังเท่าไรชายหนุ่มก็ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังแข่งกันยิ่งส่งให้อารมณ์ใคร่พลุ่งพล่านจนไม่ทันได้สังเกตว่าผู้หญิงที่อยู่กับตนนั้นหาใช่คนที่กำลังตามหาไม่ชายหนุ่มพลิกตัวหญิงสาวให้นอนหงายแล้วเข้าครอบครองอย่างรุนแรงอีกครั้ง เขาตวัดเสื้อคลุมเลิกขึ้นจนปิดบังใบหน้าของเธอไว้แล้วเปิดเปลือยร่างกายขาวนวลให้ปรากฏสู่สายตา ความใคร่ที่แทบจะกลายเป็นความคลั่งถาโถมเข้าใส่ร่างบอบบางอย่างไม่กลัวว่าหญิงสาวจะบอบช้ำ ร่างระหงสะท้อนขึ้นลงไปมาอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงลมหายใจหอบสะท้านผสานไปกับเสียงครางด้วยความสุขสมชาคริตผลิรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อทุกอย่างได้ดั่งใจ เขาเอื้อมไปดึงผ้าคลุมออกจากศีรษะของคนใต้ร่าง หน้ากากสีขาวหลุดเลื่อนเล็กน้อยจนเปิดเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่จึงเลือนหายไปทันทีพร้อมกับอารมณ์กราด
รชตจอดรถไว้ริมกำแพงบ้านของแพรพิไล ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นรถยนต์ของหญิงสาวยังคงจอดไว้หน้าบ้านเหมือนเมื่อตอนที่เขาออกไปตอนกลางดึก ก็แสดงว่าเธอยังไม่ได้ออกไปไหน แพรพิไลบอกเขาว่าวันนี้จะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังหัวฟูอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูบ้านเป็นแน่ เพราะเขาโทร. หาหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่รับสายชายหนุ่มสาวเท้าไปยืนที่หน้าประตูรั้ว คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านเงียบผิดปกติ ตามหลักแล้วเขาควรจะได้ยินเสียงโทรทัศน์หรือเสียงเพลงดังออกมาจากบ้านบ้างแต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย“ตกลงอยู่หรือไม่อยู่เนี่ย” พูดพลางเพ่งมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งก่อนก้มลงมองกุญแจที่คล้องไว้จากด้านใน จะกดออดก็ไม่ได้เพราะออดเสียยังไม่ได้ซ่อม สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาหญิงสาวเจ้าของบ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิมเอาไงดี...รชตเริ่มร้อนใจ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่คุยกับสารวัตรจุมพลก็ยิ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเธอหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็เริ่มลงมือปีนรั้ว!&nbs
และที่น่าแปลกใจก็คือสมาชิกที่เข้าร่วมในลัทธินี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น กว่าฌอนจะไขคดีนี้จนติดตามมาถึงสถานที่บูชายัญได้นั้นต้องใช้เวลาเกือบปีเพราะอุปสรรคนานัปการที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาสืบคดีได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคเรื่องบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายแหล่ที่เป็นสมาชิกของลัทธินี้นั่นเองช่างคล้ายคลึงกับเรื่องสมาคมหน้ากากเหลือเกิน!หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาดูตัวเลขอีกครั้ง เมื่อเห็นตัวเลขที่เรียงกันสมองก็พลันคิดไปถึงเกมที่บิดาเคยสอนให้เล่นบ่อย ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่เธอกลับจากโรงเรียนแล้วนั่งรอบิดาอยู่ที่สำนักงาน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำท่านจึงคิดเกมนี้ขึ้นมาให้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมที่ว่านั่นก็คือเกมถอดรหัสตัวหนังสือจากตัวเลขในกระดาษตัวเลขแถวแรกคือเลขหน้าของหนังสือ ตัวเลขแถวที่สองคือลำดับของคำที่อยู่ในแต่ละบรรทัด เช่นแถวแรกคือเลขหนึ่งก็หมายถึงให้เปิดหน้าที่หนึ่ง ตัวเลขแถวที่สองคือสิบสามก็หมายถึงให้นับคำไปจนถึงคำที่สิบสาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยคหรือเนื้อหาที่ต้องการแพรพิไลเปิดหนังสือเล่มที่สอง ซึ่งเล
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะพับผ้าห่มเก็บไว้ปลายเตียง หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น แพรพิไลคลี่ยิ้มออกมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมอรุณสวัสดิ์ครับตัวแสบ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่านอนอุตุจนตะวันแยงก้นล่ะ“อะไรกัน ได้นอนบ้างรึยังละนั่น” เมื่อคืนรชตออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เธอเดาว่าป่านนี้เขาคงยังไม่ได้นอนเลยสักนิดกระมังหญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ วันนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง ป่านนี้บิดาที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังนั่งบ่นลูกสาวจอมขี้เกียจอย่างเธอเป็นแน่แพรพิไลจัดการอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างง่าย ๆ เพราะรชตสั่งนักสั่งหนาว่ามื้อเช้าสำคัญท
เสียงภาพยนตร์ต่างประเทศดังกระหึ่มอยู่ในห้องรับแขกโดยมีสองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่าคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันคอยแต่มองนาฬิกาอยู่ตลอด“คืนนี้มีมีตติงใช่ไหมคะพี่อาร์ต” แพรพิไลมองนาฬิกาติดผนัง สีหน้าแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ออกภาคสนามที่สมาคมหน้ากากอีกครั้ง“ใช่ และคืนนี้เขาจะบุกค้นที่นั่นแล้วด้วย อยู่บ้านเฉย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าซ่าให้มากนักเลย” พูดจบรชตก็ล้มตัวลงหนอนหนุนตักนิ่ม ๆ ของหญิงสาวพร้อมกับคว้าแขนของเธอมากอดเอาไว้แน่น“แพรยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยากจะไป ก็แค่ถามเท่านั้นเอง”แพรพิไลโอดเสียงอ่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ รชตก็กัดต้นขาเธอเบา ๆ “พี่อาร์ต! ทำอะไรน่ะ”“ลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจ แล้วการที่นั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาจนหนังแทบไม่ได้ดูนั่นยังจะเรียกว่าไม่คิดอยากไปรึไงยายตัวแสบ” เขาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า“คืนนี้พี่จะนอนเฝ้าแพรทั้งคืนเลย”แ
“อย่ามาเหมายกเข่งกันแบบนี้สิ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด“พี่จะเข้าไปออฟฟิศสักหน่อย แล้วก็คงเลยไปที่คลับด้วยเลยทีเดียว จะพยายามไม่กลับดึกมากนะ”รชตมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะให้เธอติดตามเขาไปด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง แม้ว่าทางตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากวางใจ“พี่ว่าแพรไปกับพี่ดีกว่า พี่จะแนะนำพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้รู้จักด้วย”แพรพิไลส่ายหน้าหวือ เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ วันนี้แพรกะว่าจะเข้าไปที่สำนักงานเหมือนกัน เอาเป็นว่าแพรจะอยู่รอพี่สำนักงานดีกว่า”“ตามใจ”หญิงสาววิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งในนั้นมีฮาร์ดดิสก์ที่รชตคืนมาให้ เพื่อพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา เพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป อีกทั้งกะว่าจะนำข้อมูลในนี้ก๊อปปี้สำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้วฝากให้รชตเก็บเอาไว้รชตเดินเข้ามาในคลับเฮราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดังเช่นทุกครั้ง ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ซึ่งพอเห็นเ
“อ้าว คุณรุสไปแล้วหรือ ตื่นเช้าจังแฮะ”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วไม่เห็นรองเท้าของปารุสถอดไว้ที่หน้าประตู อีกทั้งรั้วบ้านไม่มีกุญแจคล้องไว้ เพราะปารุสนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะในห้องรับแขกแล้ว เขาล็อกแค่ประตูบ้านให้ก่อนออกไปจากที่นี่แพรพิไลเดินย้อนกลับเข้าไปในครัวเพื่อหุงข้าวและทำอาหารง่าย ๆ ไว้อย่างไข่เจียวหมูสับกับแกงจืดเต้าหู้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายและเสร็จเร็วที่สุดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็เสร็จสิ้นและถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว แพรพิไลมองอาหารง่าย ๆ พื้น ๆ ที่นานทีปีหนจะทำกินเองสักครั้งหนึ่งด้วยสายตาภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวเธอก็ใช้บริการร้านข้าวราดแกงหรือร้านอาหารตามสั่งทั่วไปมาตลอดทว่าพอมีรชตมาอยู่ร่วมบ้าน แม้จะแค่ชั่วคราวแต่เธอก็ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไม่ได้ พอเห็นผลงานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ให้รู้สึกปลื้มใจที่ถึงแม้จะเป็นอาหารพื้น ๆ ทั่วไป แต่รสชาติก็จัดว่าอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารที่เธอไปกินเป็นประจำเลยทีเดียว“น่ากินจังที่รัก” เสียงทุ้มคุ
หญิงสาวเสียบเครื่องอ่านเม็มโมรีการ์ดเข้ากับโน้ตบุ๊กก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอยากเห็นหน้าคนที่ลอบเข้ามาขโมยของในบ้าน จากนั้นก็เปิดโปรแกรมสำหรับดูภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกได้จากโทรศัพท์มือถือไม่นานนัก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือผู้ชายสามคนที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสามคนนั้นสวมเสื้อกับกางเกงสีดำเหมือนกันหมด รวมทั้งหมวกไหมพรมที่สวมปิดหน้าและถุงมือสีดำด้วยเช่นกัน“ดูนี่สิแพร” รชตชี้ให้ดูชายคนหนึ่งซึ่งทันทีที่เข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมายังโต๊ะทำงานทันทีโดยไม่แวะตรงจุดอื่น ขณะที่อีกสองคนเข้าไปรื้อค้นเอกสารแบบลวก ๆ แล้วเอามาโยนลงบนพื้นเหมือนต้องการเก็บงำร่องรอยอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรกหัวคิ้วของแพรพิไลขมวดเป็นปมเมื่อดูภาพที่บันทึกไว้ได้ แสดงให้เห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้รู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าบิดาของเธอเก็บของสำคัญไว้ที่ไหน“คนพวกนี้รู้จักกับคุณพ่อของแพร และที่สำคัญก็คือต้องเคยมาบ้านหลังนี้แน่นอน แพรมั่นใจ” หญิงสาวหยุดพูดไปเมื่อภาพที่บันทึกไว้มาถึงตอนที่คนร้ายงัดลิ้นชักและเอาโน้ตบุ๊กออกมาได้สำเร็จจากนั้นหนึ่งในสามคนร้าย
ผ่านไปครู่ใหญ่ทีมเก็บหลักฐานก็ทำงานเสร็จสิ้นลง นายตำรวจหัวหน้าทีมเดินเข้ามาหารชตกับแพรพิไลในห้องรับแขก แม้สีหน้าของเขาจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่หญิงสาวก็จับความกังวลในแววตานั้นได้“ท่าทางคนร้ายรายนี้จะเป็นมืออาชีพมาก ๆ เลยครับ เพราะจากที่ตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่ามีแต่รอยนิ้วมือใหม่เอี่ยมซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นของคุณและคุณผู้ชายทั้งสองคน” เขาพูดพลางชี้ไปที่รชตกับปารุสที่ยืนอยู่แถวนั้น“ส่วนรอยนิ้วมือเก่านั้นแทบตรวจไม่เจอ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคุณคงทำความสะอาดห้องหลังจากที่พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วก็ได้ ตอนนี้ผมเองก็ยังบอกอะไรไม่ได้มากนักคงต้องรอให้ทีมพิสูจน์กันให้ละเอียดอีกที เรื่องเครื่องดักฟังนั่นก็เจอแค่อันเดียวที่อื่นไม่พบ เอาเป็นว่าถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันทีครับ”“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ ทางผมก็เหมือนกัน ถ้าหากเจออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้ได้ พวกเราจะรีบแจ้งไปทันที” รชตพูดพร้อมกับเดินไปส่งตำรวจที่มาตรวจสอบสถานที่ถึงหน้าประตูรั้วโดยมีแพรพิไลกับปารุสเดินตามออกมาด้วยเขายืนมองจนกระทั่งรถตำรวจเค
“แต่การที่เขาทิ้งแพรแล้วไปทำกับที่อื่นดูจะเป็นการเนรคุณเกินไปหน่อย” รชตพูดไปตามที่ใจคิด ตอนที่ฟังเธอเล่าว่านักสืบคนเก่า ๆ ตบเท้าลาออกไปทำที่อื่นทันทีที่เธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดา เขายังรู้สึกโกรธคนพวกนั้นแทนเธอเลย“ทำไงได้คนเราก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ จะไปโทษเขาไม่ได้หรอก อีกอย่าง ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีงานเข้ามาด้วยแหละ”ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ ปารุสก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วบอกว่า “ตำรวจมาแล้วครับ”รชตกับแพรพิไลหันมองหน้ากันก่อนลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดไว้โดยมีนายตำรวจสามนายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ตำรวจยศร้อยตรีนายหนึ่งเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจึงพูดขึ้น“ผมได้รับแจ้งว่าที่นี่มีโจรเข้ามารื้อค้นทรัพย์สิน และมีของหายไปด้วยก็เลยมาตรวจสอบน่ะครับ”“ใช่ครับ เชิญครับคุณตำรวจ” รชตเปิดประตูรั้วให้แล้วผายมือเชิญให้ตำรวจทั้งสามนายเข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วนายตำรวจคนเดิมก็ถามขึ้นอีกครั้งพลางมองไปรอบบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน“อะไรบ้างครับที่หายไป&rdq